เจินจูพูดคุยเื่ทั่วไปกับกู้ฉีไม่หยุด
ถนนแผ่นอิฐสีฟ้าตรงทางเข้าหมู่บ้านสร้างเสร็จั้แ่เมื่อใด คฤหาสน์ในหุบเขาสร้างไปถึงระดับไหน เสี่ยวหวงออกลูกสุนัขกี่ตัว การเก็บเกี่ยวในนาปีนี้เป็อย่างไร…
“พี่สาวสกุลโหยว หากยังห่อเกี๊ยวอยู่เช่นนี้ ท่านจะทานได้มากมายเพียงนี้เลยหรือ?” เจินจูมองเกี๊ยวบิดเบี้ยวในถาดของนางอย่างขบขัน
“…เอ่อ ทานหมด ไม่ใช่ว่ายังมีเมอเมอหวังกับจื่อยู่หรือ” โหยวอวี่เวยชำเลืองมองเกี๊ยวเต็มถาดแวบหนึ่ง
เมอเมอหวังกับจื่อยู่อดมองหน้ากันและยิ้มเจื่อนๆ ไม่ได้
เมื่อโรงเรียนเลิกเรียน รถม้าสองเกวียนที่อยู่หน้าประตูบ้านสกุลหูก็ดึงดูดสายตาของบรรดาเด็กน้อย
“ผิงอัน คุณหนูที่งดงามผู้นั้น มาเล่นบ้านเ้าอีกแล้ว”
“รถม้าอีกหนึ่งเกวียนเป็ของผู้ใดกัน?”
“…ท่าทางของคนที่ขับเกวียนผู้นั้นดูดุมากเลยนะ”
“ม้าสองตัวร่างกายกำยำนัก ทั้งสูงและใหญ่กว่าม้าสองตัวในลานบ้านของอาจารย์ฟางอีก”
เหล่าเด็กน้อยล้อมรอบอยู่ไกลๆ พากันกระซิบกระซาบขึ้น
ผิงอันและผิงซุ่นอ้อมผ่านพวกเขา ตรงไปดันประตูที่ปิดอยู่แต่ไม่ได้สลักกลอนเข้าบ้าน แล้วปิดประตูลานบ้านให้สนิททันที
เด็กชายอายุสิบเอ็ดสิบสองปี เป็วัยที่กำลังมีใจอยากรู้อยากเห็นพอดี
พวกเขาก็อยากรู้เช่นกันว่าเป็ผู้ใดที่มา
อ้อมผ่านผนังฉากกั้น ภาพภายในห้องโถงก็ปรากฏสู่สายตาได้ชัดเจน
สองคนล้วนเคยเจอกู้ฉีแล้ว พวกเขาเข้ามาในห้องโถงและทำความเคารพด้วยกริยาท่าทางสง่า
กู้ฉีเห็นพวกเขา จู่ๆ ก็มีความรู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วนัก
ปีนั้นที่เห็นเด็กสองคนครั้งแรก พวกเขายังเป็เด็กน้อยร่างผอมเล็กกันอยู่เลย นี่เพิ่งผ่านไปนานเท่าไรเอง สองคนต่างก็ท่าทางเป็หนุ่มน้อยกันหมดแล้ว
ใช่แล้วผ่านปีหน้าไปเขาก็เข้าสู่วัยรั่วกว้าน [1] อายุยี่สิบปีพอดี
ตอนที่ผู้เป็พี่ชายของเขาโตเท่ากันกับเขาในตอนนี้ กู้ิ่บุตรสาวของฮูหยินก็อายุได้สองปีแล้ว
กู้ฉีชำเลืองมองเจินจูด้วยหางตา สีหน้าของนางเป็ธรรมชาติ หน้าตาอมยิ้ม ใบหน้าเ้าเล่ห์มีชีวิตชีวาอย่างในเมื่อก่อน ค่อยๆ เปลี่ยนเป็สุขุมนุ่มนวลขึ้น
แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลยมีเพียงสายตาที่นางมองมาทางเขา สง่างามและมั่นใจในตัวเอง ดูบริสุทธิ์ใจไร้สิ่งเจือปน
เฮ้อ! เขาถอนหายใจอยู่ข้างใน ก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไงนะ...
ลูกตาของนางกลอกมาเล็กน้อย ปะทะเข้ากับสายตาของเขาที่แอบมองอยู่
สายตานั้นรีบหลบไปทันที ดวงตาผลซิ่งคู่งามเบิกกว้าง แสร้งทำเป็มองไปทางนอกประตู ริมฝีปากแดงปิดแน่นสนิท ทว่าเผยความหงุดหงิดใจออกมาให้เห็น
มุมปากกู้ฉีอดกระตุกรอยยิ้มขึ้นมาไม่ได้ นางเป็แบบนี้มาโดยตลอด มักแอบชำเลืองมองเขาและคิดว่าเขาไม่รู้อยู่เสมอ ที่จริงเขาแค่แสร้งไม่รู้เท่านั้นเอง
คิดถึงคำพูดที่แลกเปลี่ยนกับมารดาครั้งก่อนขึ้น กู้ฉีเงียบกริบ อาจต้องคิดใคร่ครวญอย่างรอบคอบแล้ว
ดวงอาทิตย์อัสดงลาลับไปทางทิศตะวันตก สะท้อนใบหงเฟิงแดงฉาน ท้องฟ้าราวกับว่าปกคลุมไปด้วยแสงสีแดงทั้งผืน
เจินจูหิ้วผักสดใหม่อยู่สองตะกร้า และเดินมาส่งพวกเขาออกจากบ้าน
หนึ่งตะกร้าให้เมอเมอหวัง
โหยวอวี่เวยขึ้นรถม้าไปและโบกมือมาทางนาง
เจินจูยิ้มพลางโบกมือตอบ
กู้ฉีมองดวงตะวันลาลับขอบฟ้าไปพร้อมกับแสงอาทิตย์ตกดิน หมู่บ้านูเาเล็กๆ ที่เงียบสงบและงดงาม นึกถึงจดหมายที่ได้รับของวันนี้ขึ้นอย่างไม่คาดคิด
คิ้วของเขาขมวดขึ้นทันที ความกระวนกระวายใจของเขาเด่นชัดมากขึ้น
“น้องสาวเจินจู” เขาสีหน้าเคร่งขรึม
เจินจูมองมาทางเขา ไม่เข้าใจความเคร่งขรึมบนใบหน้านั้น
“สองปีมานี้ เสี่ยวเฮยได้พบร่องรอยของโสมคนในเทือกเขาบ้างหรือไม่” เสียงของเขาทุ้มต่ำลง แฝงไว้ด้วยความคาดหวังเบาบาง
ในใจเจินจูเต้นระรัว... ในที่สุดก็มาแล้ว
สกุลกู้้าขุดโสมคนเพื่อถวายฮ่องเต้อย่างที่คิดจริงๆ ด้วย
นางยิ้มราวกับตั้งใจและไม่ตั้งใจ “มีสิ เดือนก่อนมันยังให้ข้าตามมันเข้าูเาอยู่เลย ข้าเห็นว่าไกลมาก เลยไม่ได้ตามไป”
คำตอบของนางได้จุดประกายดวงตาของกู้ฉีขึ้นในชั่วพริบตา
เขาใจเต้นรัวประหนึ่งมีกลองตีอยู่ข้างในทันที เสียงค่อนข้างสั่นไหวเล็กน้อยและรีบถามออกไป “อยู่ที่ใด? ข้าจะส่งคนไปขุดได้หรือไม่?”
แต่เจินจูกลับไม่รีบร้อน นางโบกมือ “ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าที่ไหน มันแค่ให้ข้าตามเข้าูเาไป แต่ข้าไม่ได้ไป”
“เช่นนั้นเ้ารู้ได้อย่างไรว่ามันค้นพบโสมคน?” กู้ฉีถามด้วยความตึงเครียด
“ฮ่าๆ เสี่ยวเฮยมีเพียงขึ้นเขาไปพบโสมคนเท่านั้น มันจึงมาตามให้ข้าเข้าูเาไปด้วยกัน มันรู้จักแต่โสมคนและรู้ว่าข้า้า เพราะอย่างนั้นก็เลยเดาออกได้ง่ายดายอย่างมาก” เจินจูกดฝีมือและความสามารถของเสี่ยวเฮยไว้ด้วยการไม่แสดงสีหน้ามากนัก
“เช่นนั้น ข้าจะส่งคนติดตามเสี่ยวเฮยไปขุดได้หรือไม่?” น้ำเสียงเร่งรีบ
“ได้สิ แต่อาจอยู่ในูเาลึกค่อนข้างไกล และมีอันตรายมากมายเลยก็ได้ ในูเาลึกมีทั้งงูแมลงและสัตว์ดุร้ายมากมายเลยนะ” เจินจูกล่าวเตือนเขา
“เ้าไม่ต้องกังวล พวกเฉินเผิงเฟยฝีมือดีมาก เข้าออกป่าเขาน่าจะไม่มีปัญหาอะไร” กู้ฉีเงยหน้ามองสีท้องฟ้า แล้วขมวดคิ้วแน่น เหตุใดท้องฟ้าจึงเตรียมมืดพอดีเลยนะ
“เช่นนั้นก็ได้ แต่พวกท่านควรเตรียมของให้ดีก่อนเข้าูเา ข้าว่าพรุ่งนี้ค่อยไปก็แล้วกัน” ท่าทางเขารีบด่วนเพียงนี้ คิดไปแล้วฮ่องเต้คงประชวรหนักมากเลยสินะ
“ได้ รุ่งเช้าของพรุ่งนี้ ข้าจะให้พวกเฉินเผิงเฟยติดตามเสี่ยวเฮยเข้าูเา” กู้ฉีรีบหมุนกายขึ้นรถม้า เพื่อกลับไปเตรียมสิ่งของสำหรับการเข้าูเาในวันพรุ่งนี้
เจินจูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ขณะส่งตะกร้าผักขึ้นรถม้าจึงพลั้งปากกล่าวออกไป “พี่ชายกู้อู่ อาจต้องปีนเขาข้ามแม่น้ำอะไรจำพวกนี้ อืม... และทางในูเาก็เดินทางได้ยากลำบากอย่างยิ่ง”
นางแนะแนวทางให้มากพอแล้วกระมัง
“ไม่ต้องเป็กังวล ขอบคุณน้องสาวเจินจูมาก” กู้ฉีกล่าวขอบคุณด้วยความจริงจัง
นางคือบุคคลที่ทรงเกียรติในชีวิตของเขา แม้ไม่ได้กล่าวออกมาชัดเจน แต่ช่วยเหลือเขาได้มากมายจริงๆ
อาจเป็เพราะ หากสามปีก่อนไม่ได้พบนาง เขาคงนอนอยู่ในสุสานของจวนสกุลกู้และกลายเป็สัมภเวสีไปนานแล้ว
รถม้าสองเกวียน หนึ่งหน้าหนึ่งหลังออกจากเขตบ้านของสกุลหู
สีหน้าของโหยวอวี่เวยเคร่งขรึมเล็กน้อย บทสนทนาของสองคนเมื่อสักครู่ นางได้ยินลางๆ
พี่ห้า้าให้คนเข้าูเาไปขุดโสมคน แต่ฝูอันถังเป็ร้านที่ใหญ่กว้างขวางเพียงนั้น โสมคนที่ได้รับมาน่าจะไม่น้อยสิถึงจะถูก ทำไมยัง้าส่งคนไปขุดด้วยตัวเองกันนะ?
อีกอย่างยังให้เสี่ยวเฮยนำไปอีกด้วยหรือ?
เสี่ยวเฮยรู้จักทางได้ด้วย?
นางคิดถึงลูกตาสีเขียวที่ดูลึกลับของแมวตัวนั้นขึ้น และท่าทางที่แข็งแรงดูมีพละกำลังมากกว่าแมวปกติทั่วไป ไม่แน่ว่าอาจรู้จักทางจริงๆ ก็ได้
ดวงตาของนางหรี่ลง ไม่ได้การแล้ว พรุ่งนี้นางต้องไปถึงบ้านสกุลหูแต่เช้า เพื่อดูว่าพวกเขาจะทำอย่างไรกันแน่
“เมอเมอ พรุ่งนี้ปลุกข้าเช้าหน่อย พอทานอาหารเช้าเสร็จ พวกเราจะมากันเลยนะ”
เมอเมอหวังหางตากระตุก นี่เพิ่งออกจากบ้านสกุลหูมาเอง โหยหาจะมาแต่เช้าในวันพรุ่งนี้แล้ว คุณหนูของนางชื่นชอบอยู่บ้านสกุลหูมากเลยหรือนี่
นางชำเลืองมองคุณหนูของตนเองแวบหนึ่ง และค้อมศีรษะตอบด้วยความเคารพนบนอบ “เ้าค่ะ”
รถม้าเข้าสู่เมืองไท่ผิงอย่างรวดเร็ว กู้ฉีอำลาโหยวอวี่เวยอย่างรีบร้อน ปล่อยให้โหยวซานคุ้มครองนางไปส่งกลับบ้านพักอย่างปลอดภัย
ส่วนตนเองรีบกลับฝูอันถังไป
โหยวอวี่เวยทราบว่าเขาจะไปจัดการกับเื่ของวันพรุ่งนี้จึงไม่ได้สนใจ แต่กลับทำให้นางยิ่งไม่ลังเลเื่ตื่นเช้าในวันพรุ่งนี้ขึ้นไปอีก
กู้ฉีกลับมาถึงภายในห้อง รีบหารือกับเฉินเผิงเฟยขึ้นทันที
บทสนทนาของทั้งสองคน เฉินเผิงเฟยล้วนได้ยินทั้งสิ้น สำหรับการเข้าป่าเขาลึกไปขุดโสมคนแล้วเขาคิดว่าพอมีความมั่นใจ
“เผิงเฟย เ้าคิดว่าต้องพาไปกี่คนจึงจะค่อนข้างเหมาะสม?” กู้ฉีถามออกมาตามตรง
“ข้าน้อยพาคนเข้าไปูเาเอง สามสี่คนก็เพียงพอขอรับ” เฉินเผิงเฟยเต็มไปด้วยความมั่นใจ ูเาลึกป่าหนาทึบก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเข้า ขอแค่ระมัดระวังหลบเลี่ยงงูมีพิษและสัตว์ดุร้ายส่วนเื่อื่นล้วนคิดว่าง่าย
“ดี เ้ากำหนดกำลังคนก่อน หลังจากนั้นเตรียมอุปกรณ์ที่ต้องใช้เข้าูเา พักผ่อนให้ดี พรุ่งนี้ฟ้าสางพวกเราจะออกเดินทางกันเลย” กูฉีพยักหน้า ฝีมือของเฉินเผิงเฟยไม่เป็สองรองใครในจวนสกุลกู้ เขาจึงไม่กังวล
“ขอรับ ข้าน้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” เขาถอยออกไป
กู้ฉีผ่อนลมหายใจหนึ่งเฮือก พิงพนักเก้าอี้คลายอารมณ์ที่ฮึกเหิมลง
เื่ราวมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ขอแค่ขุดโสมคนที่มีรูปลักษณ์ระดับเดียวกันกับครั้งก่อนได้ก็จัดการง่ายแล้ว
เขาหยัดกายนั่งตรงขึ้นทันที ลุกขึ้นไปหน้าโต๊ะหนังสือแล้วลงมือฝนหมึกด้วยตนเองหลังจากนั้นเริ่มเขียนจดหมายให้มารดา เขากลัวว่ามารดาจะร้อนใจแล้วนำวัตถุดิบอาหารของสกุลหูถวายขึ้นไปโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากเขา หากถึงตอนนั้นสถานการณ์จะจัดการได้ยากขึ้นไปอีก
เจินจูกำลังอุ้มเสี่ยวเฮยและสอนสั่งอย่างจริงจังด้วยความอดทน...
“ูเาลูกนั้นสูงและชันอยู่เล็กน้อย ปีนได้ไม่ง่ายเลย ตอนเ้าเลือกเส้นทางช่วยดูพวกเขาสักหน่อย เมื่อขุดโสมคนได้แล้วก็รีบกลับมาให้เร็วที่สุด ถนนหนทางเดินลำบากทั้งยังไกลด้วย ข้ากลัวพวกเขาจะเร่งกลับมาภายในหนึ่งวันไม่ได้”
“เ้าอย่างทิ้งคนไว้แล้วกลับมาเองนะ ถ้ากลับมาอย่างนั้นเ้าจะโดนตีอย่างหนักเลย”
“อย่าวิ่งเร็วเกินไปด้วย เดี๋ยวพวกเขาตามไม่ทัน คนเขาพูดอะไรเ้าก็ต้องฟังด้วย”
“ระวังงูพิษและสัตว์ดุร้ายสักหน่อย ห้ามให้คนเขาเอาชีวิตไปทิ้งในป่าเขาเชียวนะ หากเป็อย่างนั้นข้าคงรู้สึกผิดอย่างมาก เข้าใจหรือไม่?”
“ตอนที่พวกเขาเกิดความยุ่งยากอะไรขึ้น ต้องช่วยพวกเขาด้วย อย่าเอาแต่ห่วงตัวเองนะ”
“…”
เสี่ยวเฮยอยากดิ้นลงบนพื้นด้วยความรำคาญ มนุษย์มักสร้างความยุ่งยากนัก เห็นกันอยู่ว่าโสมคนไม่กี่ต้นนั้นก็อยู่ในมือของนางแล้ว แต่ยังเอาพวกมันไปปลูกบนูเา ปลูกเสร็จยังต้องนำทางคนไปขุดอีก ช่างไม่มีเื่ก็หาเื่จริงๆ
เจินจูลูบขนให้มันทันที ยิ้มและกล่าวอย่างเอาใจ “พรุ่งนี้เ้าต้องลำบากหน่อยแล้ว กลับมาจะนึ่งปลาให้เ้า ดีหรือไม่?”
เสี่ยวเฮยชำเลืองมองนางแวบหนึ่ง ชอบใช้การดึงดูดเช่นนี้ทุกครั้งเลยเชียว เหอะ... ข้าอยากได้สองตัว
“หง่าว”
เจินจูยิ้มกว้างเต็มไปด้วยความเบิกบาน รีบรับปากทันใด “ได้ๆ สองตัว แบ่งเป็นึ่งให้เ้าสองครั้ง”
นางไม่ได้เป็กังวลเสี่ยวเฮย แต่นางกังวลคนที่จะไปขุดโสมคน ในป่าเขามีอันตรายแฝงอยู่มากมาย ต่อให้พวกเขาฝีมือล้ำเลิศเพียงใด หากไม่ระวังเพียงนิดสิ่งที่กลัวอาจเกิดขึ้นก็ได้
เฮ้อ... หากรู้เร็วกว่านี้คงไม่ปลูกบนูเาสูงและอันตรายเพียงนั้นหรอก
แต่ของที่ได้มาอยู่ในมือง่ายเกินไป คนเขาอาจคิดว่าทั้งป่าในูเาล้วนเหมือนกันหมด เกรงว่าต่อไปทั้งเทือกเขาจะไม่สงบสุขไปตลอดกาล
วันถัดมา... แสงสีทองยามเช้าตรู่เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้า
ครอบครัวหูเริ่มล้างหน้าแปรงฟันในเช้าวันใหม่
ประตูลานบ้านถูกเคาะขึ้น
เจินจูมองโหยวอวี่เวยนอกประตูลานบ้านอย่างเส้นดำเต็มศีรษะ
เด็กสาวผู้นี้คงรอให้ประตูเมืองเปิดั้แ่ฟ้ายังไม่สว่างเลยกระมัง
“ฮิๆ อรุณสวัสดิ์น้องสาวเจินจู เ้าดูสิ ข้าเอาอาหารเช้ามาให้พวกเ้าด้วย” โหยวอวี่เวยผุดรอยยิ้มขึ้นไปทั่วใบหน้า นางชี้กล่องอาหารในมือของเมอเมอหวังและจื่อยู่
เมอเมอหวังและจื่อยู่มีสีหน้าวางตัวไม่ถูกทันที คุณหนูตื่นั้แ่ฟ้ายังไม่สว่าง ล้างหน้าแปรงฟันลวกๆ อยู่พักหนึ่งก็ออกจากบ้านมาอย่างเร่งรีบ ตอนรอให้ประตูเมืองเปิดก็ให้พวกนางไปซื้ออาหารเช้ามาเล็กน้อย
เจินจูกลั้นความรู้สึกอยากกุมศีรษะไว้ และเอียงกายให้นางเข้าบ้าน
แม่นางผู้นี้ได้ยินเื่ที่นางคุยกับกู้ฉีเมื่อวานอย่างแน่นอน วันนี้จึงได้วิ่งมาดูเื่ราวแต่เช้า
“พี่สาวสกุลโหยว พวกท่านนั่งรอสักเดี๋ยวก่อนเถอะ” ร้องทักให้พวกนางนั่งลงที่ห้องโถง “ห้องครัวเพิ่งก่อไฟ รอสักพักค่อยชงชาให้พวกท่าน ข้าจะไปจัดเก็บอะไรเล็กๆ น้อยๆ เดี๋ยวกลับมา”
“ได้เลย เ้าไปเถอะ ไม่ต้องดูแลพวกข้าหรอก” โหยวอวี่เวยรู้ว่าตนเองเร่งมาเช้าจนเกินไป
เจินจูยิ้มและหมุนกายออกจากห้องโถง ขณะที่คิดว่าจะไปหลังบ้าน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีก
“…”
นางมองท้องฟ้าอย่างพูดอะไรไม่ออก ถอนหายใจหนึ่งที คนกลุ่มนี้ต้องเร่งรีบอะไรกันเพียงนี้นี่
นางจำใจอย่างช่วยไม่ได้และเดินไปเปิดประตูข้างหน้า
ดวงตาของโหยวอวี่เวยเป็ประกายวิบวับ ในใจดั่งมีดอกไม้ผลิบาน โชคดีที่นางมองการณ์ไกลมาถึงบ้านสกุลหูแต่เช้าตรู่ ไม่อย่างนั้นกู้ฉีต้องให้คนแอบเข้าูเาไปและไม่มีทางบอกอะไรแก่นางทั้งสิ้นอย่างแน่นอน
กู้ฉีมองรถม้าสี่ล้อที่เทียบบริเวณหน้าประตูบ้านของสกุลหู รู้สึกปวดศีรษะอยู่ลึกๆ ทันที
โหยวอวี่เวยมาเร็วกว่าเขา ต้องเป็เพราะเมื่อวานได้ยินการพูดคุยกันของพวกเขาแน่นอน
เด็กสาวผู้นี้นับวันยิ่งไม่ทำให้คนสบายใจได้เลยจริงๆ
เชิงอรรถ
[1] รั่วกว้าน หรือ 弱冠 คือ ชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบปี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้