แม้แต่ผู้หญิงสองคนที่อยู่ข้างกายเย่เฟิงยังมีระดับการบ่มเพาะสูงกว่า นี่ทำให้คนจำนวนมากต่างมองเย่เฟิงด้วยความสนใจ พลางคาดเดาว่าเย่เฟิงฝ่าวงล้อมพวกสัตว์อสูรมาถึงที่นี่ได้อย่างไร
“ระดับการบ่มเพาะเช่นนี้ก็คงไปได้ไม่ไกล ยังไงซะเขาก็ไม่โชคดีตลอดไป” มีหลายคนนึกในใจ และเริ่มคิดว่าเย่เฟิงมาถึงที่นี่ได้เพราะโชคช่วย
ขณะเดียวกันมีหญิงสาวผู้หนึ่งเดินมา หญิงผู้นี้มีเรือนร่างร้อนแรง หน้าตาสะสวย เป็หญิงงามที่หาพบได้ยาก ซึ่งคนผู้นี้ก็คือฉินเยียนหราน ดูเหมือนนางจะมาช้า ทั้งยังมาคนเดียวอีกด้วย แต่การที่นางมาช้า นั่นเป็เพราะนางเจอวงล้อมสัตว์อสูรระดับเก้า 4 ตน
ฉินเยียนหรานเดินมาข้างหน้า มองดูต้นเทียนเสวียนบนฟ้าต้นนั้นด้วยแววตาตะลึง แต่ก็กลับมาเป็ปกติในเวลาไม่นาน ราวกับไม่มีเื่ใดมาทำให้นางสั่นคลอนได้จริง ๆ จากนั้นนางมองไปยังฝูงชนที่อยู่ใต้ต้นไม้โบราณ แต่นางก็ต้องใเมื่อสายตาไปหยุดอยู่ที่เย่เฟิงอย่างไม่ตั้งใจ เย่เฟิงเร็วกว่านางหลายก้าว จากนั้นสายตาของฉินเยียนหรานก็มองไปที่ไป๋หลิงและซุนจิ้งข้าง ๆ เย่เฟิงพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย และนางถึงกับก่นด่าเย่เฟิงในใจว่าไปหลอกผู้หญิงมาจากไหนถึงสองคน ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก
“ปัง!” ทันใดนั้นเองพื้นดินเกิดการสั่นะเื เสียงดังอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะปรากฏรอยร้าวที่ศูนย์กลางของต้นเทียนเสวียนและแพร่กระจายไปทั่ว
ผู้คนต่างตื่นใพร้อมถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว ส่วนคนเ่าั้ที่อยู่ในภวังค์ก็ตื่นขึ้นมาทันทีและเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า พวกเขาพบว่ามีเถาวัลย์จำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นจากพื้นดินรอบ ๆ ต้นเทียนเสวียน จากนั้นถักทอเป็บันไดทีละขั้น ๆ ไม่นานนักบันไดเถาวัลย์เก้าขั้นก็ปรากฏแก่สายตาฝูงชน ทั้งยังมีพลังลึกลับแผ่กระจายไปทั่วบันไดเถาวัลย์
“ใช้บันไดนี้ปีนป่ายขึ้นไปงั้นหรือ?” ขณะที่ผู้คนมองบันไดเถาวัลย์นั่นก็เกิดคำถามขึ้นในใจ
“ดูคุ้นตาจัง” แววตาของเย่เฟิงเผยประกายคมกริบ ััถึงพลังลึกลับที่แผ่มาจากบันไดนั่นได้ ดูเหมือนจะสัมพันธ์กับพลังลึกลับของต้นไม้โบราณราวกับว่าการปรากฏของบันไดทำให้ต้นเทียนเสวียนเด่นขึ้น หรืออาจมีบทบาทเฉพาะ
อย่างไรก็ตามขณะที่เย่เฟิงคาดเดาไปต่าง ๆ นานา สายตาของเขาก็พลันเหลือบไปมองต้นเทียนเสวียน้า ก่อนจะเห็นแสงเก้าดวงส่องกะพริบที่ใจกลางลำต้น ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนของบันไดเถาวัลย์เก้าขั้น
หลังจากแสงดับไป ผลเทียนเสวียนปรากฏขึ้นมาจากบนลงล่าง ทั้งยังพอดีกับบันไดเถาวัลย์เก้าขั้น
พลันมีกลิ่นหอมลอยมาจากต้นไม้โบราณมาแตะจมูกผู้คน มันเป็กลิ่นที่ทำให้รู้สึกสดชื่นและเต็มไปด้วยพลังแห่งจิติญญา
“ผลเทียนเสวียน!” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน ทำให้เหล่าผู้คนต่างตาเผยประกายแหลมคมที่แฝงด้วยความโลภ
“ผลเทียนเสวียน ในที่สุดก็ปรากฏแล้วงั้นหรือ?” ผู้คนไม่น้อยเห็นผลเทียนเสวียนปรากฏก็เริ่มกระตือรือร้น ถึงอย่างไรการที่ผลเทียนเสวียนอยู่ตรงนั้น พลังดึงดูดก็ย่อมไม่ธรรมดา
อย่างไรก็ตามผลเทียนเสวียนมีทั้งหมดเก้าผล แต่ผู้ฝึกยุทธ์ในที่แห่งนี้มีเป็ร้อย ๆ คน ศึกแย่งชิงต้องดุเดือดแน่นอน หาก้าได้มันมาก็เกรงว่าจะยาก
เมื่อผ่านการวิเคราะห์ก็มีคนจำนวนไม่น้อยเริ่มคิดว่าตัวเองมีพลังไม่มากพอ จึงเผยสีหน้าลังเล
ต้นเทียนเสวียนนั้นมีขนาดมหึมา แต่ผลเทียนเสวียนมีคนจำนวนมากต่างจับจ้องที่จะอยากได้มันมา ในจำนวนคนนี้ยังมีเฉินอ้าวเทียนและผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่อย่างซ่างกวนหง ทำให้ศึกแย่งชิงผลเทียนเสวียนมีระดับความยากขึ้น
แววตาของเย่เฟิงเผยประกายแหลมคม เขาเองก็อยากได้ผลเทียนเสวียน เพราะเมื่อมีมัน เขาก็จะทะลวงขั้นรวมชี่ได้อย่างราบรื่น ไม่ต้องเจอปัญหายุ่งยาก ทั้งยังย่นระยะเวลาได้อีกมาก แต่ด้วยสถานการณ์ที่มีผู้ฝึกยุทธ์นับไม่ถ้วนต่างจับจ้องผลเทียนเสวียนเช่นนี้ ทำให้เย่เฟิงคิดว่าเป็เื่ยากที่จะได้มันมา
“ข้าจะขึ้นไปดู!” มีเสียงดังขึ้นฉับพลัน จากนั้นเห็นเงาร่างหนึ่งทะยานขึ้นฟ้า ้าร่อนลงยังบันไดขั้นที่หนึ่ง เพื่อพยายามเก็บผลเทียนเสวียนที่สอดคล้องกับบันไดขั้นที่หนึ่ง
“หมอนี่...” ผู้คนต่างมองผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นไม่วางตา
ทันทีที่คนผู้นั้นก้าวขึ้นบันไดก็มีพลังอันแกร่งกล้ามาเยือน และเข้าปกคลุมคนผู้นั้นในพริบตา
“ย๊าก!” ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นแผดเสียงะโพร้อมปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองออกมา เพื่อพยายามต่อต้านพลังนั่นที่กดทับตัวเขา แต่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ พลังที่น่าสะพรึงกลัวนั่นไม่ใช่คนระดับนี้จะต่อต้านได้
ตอนนั้นเองมีฝ่ามือั์คู่หนึ่งควบแน่นบนท้องฟ้า ก่อนจะตบไปที่ร่างผู้ฝึกยุทธ์คนนั้น
“ปัง” ฝ่ามือั์ตบเข้าที่ร่างคนผู้นั้นอย่างแรงจนร่างเขาตกสู่พื้นดิน ซ้ำยังจมดินไปครึ่งร่าง เขากรีดร้องโหยหวนและไม่รู้ว่ามีกระดูกแตกหักไปกี่ท่อนแล้ว
“พลังนี้ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก!” เหล่าผู้คนตกตะลึง และต่างััได้ว่าบันไดเถาวัลย์นี้ไม่ใช่เื่ง่าย
คนนั้นที่ขึ้นไปเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 พลังย่อมไม่ต่ำต้อย แต่ยังไม่ทันก้าวขึ้นบันไดขั้นที่หนึ่งก็ถูกพลังนั่นกำราบจนได้รับาเ็สาหัส
ฉากนี้ทำให้ผู้คนไม่เชื่อมั่นในพลังตน หมดซึ่งความหวังที่จะได้ผลเทียนเสวียนมา ถึงอย่างไรหากอยากได้มันมาก็ต้องเดินขึ้นบันไดเถาวัลย์เสียก่อน แต่ด้วยพลังของพวกเขา เกรงว่าแม้แต่ขั้นที่หนึ่งก็ขึ้นไม่ได้แล้ว เช่นนั้นพวกเขาจะไปแข่งกับคนอื่นได้อย่างไร?
“วูบ!” ในขณะที่ผู้คนรู้สึกสับสนไม่รู้ว่าจะขึ้นบันไดเถาวัลย์อย่างไร ก็ได้มีเงาร่างหนึ่งทะยานร่างขึ้นฟ้า ฝ่าแรงกดดันหลายชั้น ก่อนจะไปเยือนบันไดขั้นที่หนึ่งได้สำเร็จ
“นี่...” ผู้คนต่างตะลึงงัน พลังของคนผู้นี้แข็งแกร่งกว่าคนก่อนหน้านี้มาก
“วูบ!” ว่าแล้วก็มีพลังกดดันจู่โจมคนผู้นั้น จู่ ๆ คนผู้นั้นตัวโค้งงอและส่งเสียงร้องดัง ก่อนจะยืนตัวตรงอีกครั้ง และนี่ทำให้ผู้คนต้องอุทานออกมา
“หลิวอวิ๋นเจี๋ย หลิวอวิ๋นเจี๋ยอันดับที่ 6 แห่งรายนามขั้นบ่มเพาะกายา! ไม่แปลกใจที่เขาจะแข็งแกร่งขนาดนี้” มีคนจำคนผู้นั้นได้จึงเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ
หลังจากหลิวอวิ๋นเจี๋ยก้าวขึ้นบันไดสำเร็จ ผู้คนก็เริ่มทะยานร่างขึ้นฟ้า คนเหล่านี้ล้วนมีพลังแกร่งกล้าและต้องทะลวงพันธนาการจากแรงกดดันเช่นกัน ก่อนจะไปเยือนที่ขั้นบันได
พวกเขาต่างมองผลเทียนเสวียนด้วยแววตาละโมบ แต่ในนี้มีจำนวนไม่น้อยที่เป็ผู้ฝึกยุทธ์แห่งแท่นศิลาเทียนเสวียน มากพร์เหมือนกับหลิวอวิ๋นเจี๋ย ผ่านพันธนาการนั่น และเยือนบันไดขั้นที่หนึ่งได้สำเร็จ
เฉินอ้าวเทียนและซ่างกวนหงก็เข้าร่วมด้วย ถึงอย่างไรผลเทียนเสวียนก็มีประโยชน์ต่อพวกเขามหาศาล
ฉากนี้ทำให้หลิวอวิ๋นเจี๋ยตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะก้าวไปต่อ เพื่อ้าเก็บผลเทียนเสวียนของบันไดขั้นที่หนึ่งนี้
“ผลเทียนเสวียนเป็ของข้า!” มีเสียงเยือกเย็นดังขึ้นฉับพลันในขณะที่หลิวอวิ๋นเจี๋ยเอื้อมมือไปคว้าผลเทียนเสวียน จากนั้นเขารู้สึกว่ามีสายลมเย็นพุ่งมาทางด้านหลัง เมื่อเขาหันไปมองก็เห็นเฟิงเฉียนยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมกับมีพลังโจมตีพุ่งมาหาเขาด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ เห็นชัดว่าไม่อยากให้หลิวอวิ๋นเจี๋ยมีโอกาสแม้แต่นิดเดียว
หลิวอวิ๋นเจี๋ยปล่อยพลังฝ่ามือ ก่อนจะเข้าปะทะกับฝ่ามือของเฟิงเฉียน
“ตูม” เสียงะเิดังสนั่น ฝ่ามือของหลิวอวิ๋นเจี๋ยทำเฟิงเฉียนกระเด็นไปข้างหลัง เฟิงเฉียนเผยสีหน้าไม่สู้ดี เขาอยู่อันดับที่ 5 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายา สูงกว่าหลิวอวิ๋นเจี๋ยอยู่หนึ่งอันดับ ทว่าเขากระเด็นปลิวเพราะการโจมตีของหลิวอวิ๋นเจี๋ย ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก
แต่ขณะเดียวกันผู้ฝึกยุทธ์คนอื่น ๆ ก็มาถึงแล้ว เพื่อที่จะผลเทียนเสวียน จึงมีศึกแย่งชิงหลายศึกปะทุขึ้น
ิญญาาหลากหลายปรากฏ การโจมตีที่แข็งแกร่งปะทุ คลื่นทำลายล้างแพร่กระจายออกไปเป็วงกว้าง
ทว่าเย่เฟิงที่อยู่ใต้ต้นเทียนเสวียนกลับไม่เคลื่อนไหว เขามองบันไดเถาวัลย์ราวกับกำลังเรียนรู้สิ่งนี้
ศึกต่อสู้ปะทุขึ้นที่บันไดเถาวัลย์ไม่หยุดหย่อน มีผู้ฝึกยุทธ์หลายคนถูกโจมตีจนร่างตกกระแทกพื้นดิน กระทั่งมีคนจำนวนไม่น้อยถูกฆ่าตายคาที่
เฉินอ้าวเทียนและหนานกงหลิงซวงอยู่แนวหน้า ซึ่งไม่มีใครกล้ายั่วยุพวกเขาแม้แต่คนเดียว
แววตาของเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่เผยประกายชั่วร้าย ถึงแม้ยังไม่ได้อยู่บนแท่นศิลาเทียนเสวียน แต่พลังกลับไม่อ่อนด้อยแม้แต่นิด ทั้งยังลงมืออย่างโเี้ เพียงพริบตาก็สังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 ไปถึงสองคน
เฟิงเฉียนกับหลิวอวิ๋นเจี๋ยปะทะกันอย่างดุเดือด เนื่องจากความแข็งแกร่งใกล้เคียงกัน การต่อสู้ของทั้งสองจึงน่าทึ่งมาก แต่นั่นเป็เพราะ้าแย่งชิงผลเทียนเสวียน
บัดนี้บนบันไดเถาวัลย์เนืองแน่นไปด้วยคนของสำนักยุทธ์เทียนเสวียน มีหลากหลายระดับการบ่มเพาะ แต่นี่ก็เพื่อแย่งชิงผลเทียนเสวียน
ศึกต่อสู้ที่โกลาหลนี้ทำให้ผู้คนที่อยู่ด้านล่างมองดูด้วยความตกตะลึง นี่คือศึกระหว่างอัจฉริยะ ส่วนพวกเขาผู้อ่อนแอก็ทำได้เพียงมองดูเท่านั้น
“อำนาจ อำนาจฟ้าดิน! บันไดเถาวัลย์นี้มีอำนาจฟ้าดินแฝงอยู่ด้วย เพราะงั้นมันถึงมีพลังกดดันที่แกร่งกล้าขนาดนี้” แววตาของเย่เฟิงทอประกายขณะยังปะปนอยู่ท่ามกลางฝูงชนด้านล่าง
ทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ล้วนมีกฎเกณฑ์ ในเมื่อเย่เฟิงเรียนรู้อำนาจหอกได้ เช่นนั้นก็ย่อมคุ้นเคยกับอำนาจฟ้าดิน หลังจากผ่านประสบการณ์มาหนึ่งครั้ง เย่เฟิงก็ดูเหมือนเข้าใจจังหวะของอำนาจฟ้าดินที่ผสานอยู่ในบันไดเถาวัลย์
จากนั้นเขาก้าวเท้าขึ้นไปยังบันไดเถาวัลย์ขั้นที่หนึ่ง ทว่าการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ผู้คนต่างตะลึงงัน
“หมอนี่คิดจะทำอะไร อยู่แค่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7 แต่จะขึ้นไปสร้างความวุ่นวายรึไง? รนหาที่ตายชัด ๆ!” มีคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ทุกคนก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย พวกเขาคิดว่าเย่เฟิงกำลังรนหาที่ตาย ถึงอย่างไรขั้นบ่มเพาะกายาก็ยังถือว่าอ่อนแอต่ำต้อย มิอาจเทียบเคียงกับอัจฉริยะเ่าั้ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้