หรูเยี่ยนยิ้มและก้มหน้าให้กู่หนิงเล็กน้อยทว่ากลับไม่ได้ออกไปพร้อมกับหญิงคนอื่นๆ แต่เลือกนั่งลงที่ข้างซูฉางอันอีกครั้งด้วยรอยยิ้มแทน
เมื่อเห็นว่าหญิงพวกนั้นออกไปจนหมดแล้วความโกรธที่เคยมีก็สลายหายไป ซูโม่นั่งอยู่ข้างกู่หนิงด้วยใบหน้าแดงก่ำนางไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาอีก แลดูสงบและเชื่อฟังขึ้นไม่น้อยเลย
ทว่าเซี่ยโหวฟ่งอวี้กลับะเิความไม่พอใจออกมาแทนนางมองเขม็งใส่หรูเยี่ยนที่นั่งอยู่ข้างซูฉางอันอีกครั้ง แล้วพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ทำไมเ้ายังไม่ไปอีก”
“ทำไมข้าต้องไปด้วย?” หรูเยี่ยนมองเซี่ยโหวฟ่งอวี้ด้วยสายตาทรงเสน่ห์จากนั้นก็เอียงตัวไปรินเหล้าให้ซูฉางอันจนเต็มจอก ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเชื่องช้า
“พวกนางไปกันหมดแล้วนี่! ”
“แล้วข้าก็ต้องไปด้วยเหรอ?” หรูเยี่ยนจิบสุราในมือก่อนจะกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ลองมองไปรอบๆ สิ มีโต๊ะไหนบ้างที่ไม่มีผู้หญิงอยู่ด้วยมาดื่มสุราในที่แบบนี้ ก็ต้องทำตามระเบียบของที่นี่ด้วย หากข้าไปแล้วย่อมมีคนอื่นเข้ามาแทน และคนที่เข้ามาใหม่ก็อาจไม่ได้มีเพียงคนเดียวด้วย”
“...” เซี่ยโหวฟ่งอวี้รู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะแต่นางก็ยังรู้สึกไม่พอใจที่หญิงคนนี้ไม่ยอมไปไหนอยู่ดี
เมื่อได้ฟังที่หรูเยี่ยนพูดมาซูฉางอันก็คิดว่านางพูดมีเหตุผลเช่นกัน อีกอย่างการที่หรูเยี่ยนช่วยไล่หญิงสามคนนั้นออกไปให้ ก็ทำให้ซูฉางอันรู้สึกดีกับนางไม่น้อยเขาจึงคิดว่าการที่นางจะอยู่ต่อก็ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไรขอเพียงไม่มาเกาะแกะตนเหมือนก่อนหน้านี้ก็พอ
เมื่อคิดได้ดังนั้น ซูฉางอันจึงหันไปบอกกับเซี่ยโหวฟ่งอวี้ “ศิษย์พี่พี่สาวคนนี้พูดมีเหตุผลนะ พวกเรากินอาหารที่นี่ไปก่อนเถอะ หากคนพวกนั้นไปเมื่อไหร่พวกเราก็จะออกไปทันที”
เซี่ยโหวฟ่งอวี้เข้าใจที่ซูฉางอันพูดดี แต่ถึงกระนั้นนางก็รู้สึกไม่ชอบ ไม่อยากเห็นหน้าหรูเยี่ยนอยู่ดีแล้วตอนนี้ซูฉางอันก็ยังมาพูดช่วยนางอีก นั่นทำให้นางยิ่งไม่พอใจมากขึ้นกว่าเดิมจึงสบถเสียงในลำคออย่างเย็นะเื แล้วหันหน้าหนี ไม่สนใจซูฉางอันอีก
เมื่อเห็นดังนั้น ซูฉางอันก็เกาหัวตัวเองอย่างทำตัวไม่ถูกยังดีที่เขาชินกับนิสัยของเซี่ยโหวฟ่งอวี้เสียแล้ว จึงไม่ได้ใส่ใจอะไรเขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงหันไปถามกับหรูเยี่ยนที่กำลังดื่มเหล้าอยู่ข้างตน “พี่สาว ตอนเข้ามาข้าเห็นว่าที่หน้าประตูมีคนอยู่เยอะแยะไปหมดเลย ไม่ทราบว่าเป็เพราะเหตุอันใด?”
“คุณชายซูเกรงใจกันเกินไปแล้วเรียกข้าว่าหรูเยี่ยนก็พอ” หรูเยี่ยนพูดด้วยรอยยิ้ม “วันนี้เป็วันเปิดตัวฝานหรูเยว่ยอดบุปผาของหอหมู่ตันของเรา”
ยอดบุปผา ฝานหรูเยว่? ซูฉางอันครุ่นคิดเมื่อเห็นว่าตนไม่รู้จัก จึงถามขึ้นอีกครั้ง “นางเป็ใคร? มีชื่อเสียงมากรึ?”
เหล่าเด็กหญิงและชายในกลุ่มเดียวกันพากันเงี่ยหูฟังและมองไปที่หรูเยี่ยนด้วยความสงสัยภาพของผู้คนที่ยื้อยุดฉุดกระชากซึ่งแห่กันมามุงอยู่หน้าหอเมื่อครู่ยังติดตาพวกเขาอยู่เลยพอมาได้ยินหรูเยี่ยนพูดเช่นนี้แล้วคนทั้งหลายก็นึกสงสัยว่าแม่นางฝานหรูเยว่คนนี้เป็เทพเทวดามาจากไหนกันทำไมถึงดึงดูดผู้คนได้มากขนาดนี้
เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของคนทั้งหลาย หรูเยี่ยนก็รู้สึกขำทว่าก็โมโหไปในเวลาเดียวกัน ไม่รู้ว่าเด็กแรกรุ่นพวกนี้ผ่านการคัดกรองอันแสนเข้มงวดในวันนี้มาได้ยังไงต้องรู้เอาไว้ว่าเพื่อจับจองที่นั่งภายในหอหมู่ตันแล้วชนชั้นสูงกับเศรษฐีข้างนอกต่างก็แก่งแย่งและประมูลราคากันจนที่นั่งภายในร้านมีราคาแพงถึงพันจินไปแล้ว และที่พวกเขาทำไปทั้งหมดก็เพราะ้าจะได้ยลโฉมของฝานหรูเยว่ด้วยตาของตนเองเท่านั้นทว่าเด็กแรกรุ่นพวกนี้กลับเข้ามาภายในหอได้ทั้งที่ไม่รู้อะไรเลยแม้แต่ฝานหรูเยว่เป็ใครก็ยังไม่รู้เลยหรือนี่
นางพยายามปรับความรู้สึกของตัวเอง จากนั้นจึงพูดขึ้นในเวลาต่อมา “แม่นางฝานหรูเยว่เป็หลานของฝานหวงหลิ่งเทพนักรบในราชวงศ์ก่อน เมื่อหลายปีก่อน นางกับบิดาถูกทหารจับตัวได้ที่หยุนโจบิดาของนางถูกปะาโดยการตัดหัว ส่วนฝานหรูเยว่ถูกซื้อเข้ามาในหอหมู่ตันแห่งนี้จากนั้นก็ได้ศึกษาเกี่ยวกับเื่บทเพลงและคำกลอนต่างๆเพราะเฉลียวฉลาดทั้งยังมีรูปโฉมงดงาม หลายปีมานี้ ชื่อเสียงเื่ความงามของนางจึงถูกลือไปทั่วเมือง”
หรูเยี่ยนพูดขึ้นอย่างเชื่องช้าน้ำเสียงของนางมีทั้งความยินดีและเสียดายที่มากอย่างบอกไม่ถูกผสมอยู่ทว่าซูฉางอันกลับรับรู้ได้ถึงความสลดในคำพูดของนาง จึงถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ “พี่หรูเยี่ยนแม่นางฝานมีความสามารถเช่นนี้ น่าจะเป็เื่ดีมิใช่รึ ทำไมดูเหมือนท่านจะ...”
“สหายซูวันนี้เป็วันเปิดตัวของแม่นางฝานหรูเยว่! ” กู่หนิงพูดขัดขึ้น
“เปิดตัว? แปลว่าอะไรรึ?” ความสงสัยของซูฉางอันไม่ได้ลดน้อยลงเพราะคำอธิบายของกู่หนิงเลย
เมื่อได้ยินคำถามของซูฉางอันคนทั้งหลายก็มีอาการหน้าแดงขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปยังไง ทันใดนั้นคนทั้งโต๊ะก็จมเข้าสู่ความเงียบสงัดอีกครั้ง
ซูฉางอันมองดูคนทั้งหลายอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆพวกเขาก็เงียบไป
ในที่สุด หรูเยี่ยนก็กระแอมขึ้นเบาๆ แล้วกล่าวขึ้น “คุณชายซูเปิดตัว... หมายถึง... เื่ระหว่างชายหญิงน่ะเ้าค่ะ” แม้นางจะเป็หญิงโคมเขียวแต่การพูดเื่น่าอายเช่นนี้ต่อหน้าผู้คน ก็ยังทำให้นางรู้สึกเขินอายยังไม่ชินอยู่ดี
“หา?” ซูฉางอันชะงักนิ่งไปเขาอึ้งจนชะงักค้างไปแล้ว เอาแต่อ้าปากค้าง ทว่าก็พูดอะไรไม่ออกสักคำ
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้นที่หน้าประตูดึงดูดให้ลูกค้าภายในร้านหันกลับไปมองกันเป็แถว
คุณชายในชุดเสื้อผ้าหรูหราหลายคนเดินเข้ามาภายในร้านพวกเขามีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีด้วยกันทั้งสิ้น แต่ละคนมีคนรับใช้มาด้วยประมาณสอง-สามคนทันทีที่มาถึง พนักงานภายในร้านที่รู้งานก็วิ่งเข้าไปต้อนรับทันทีพวกเขาก้มโค้งตัว แล้วพูดประจบประแจงขึ้น “คุณชายหวัง คุณชายหลิว คุณชายโจพวกท่านมาแล้วหรือขอรับ ข้าสั่งให้คนเตรียมห้องส่วนตัวที่ดีที่สุดเอาไว้แล้วเชิญข้างในเลยขอรับ”
คุณชายหวังที่เป็ผู้นำขบวนกางพัดในมือออกแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยอง “วันนี้เป็วันเปิดตัวของแม่นางฝานหรูเยว่มิใช่รึ? นางอยู่ไหนล่ะ?”
ดูท่า คนเหล่านี้น่าจะเป็ลูกค้าประจำของหอหมู่ตันแห่งนี้ทั้งยังมีตำแหน่งฐานะที่สูงส่งไม่เบาเลยด้วย พนักงานของร้านไม่กล้าทำตัวเสียมารยาทรีบกล่าวด้วยรอยยิ้มทันที “คุณชายหวัง ไปนั่งพักที่ห้องส่วนตัวก่อนเถิดขอรับอีกสิบห้านาทีเท่านั้น แม่นางฝานก็จะออกมาพบทุกท่านแล้ว”
“หึ! ” คุณชายหวังคนนั้นไม่ยอมประนีประนอมด้วย “ข้าบอกไปั้แ่แรกแล้วใช่ไหมว่าแม่นางฝานเป็ของข้า แต่พวกเ้าก็ดันทุรังจะจัดงานเปิดตัวอะไรนี่อีกคิดว่าข้าจ่ายไม่ไหวหรือไง?”
พนักงานชายประกายรอยยิ้มขมขื่นขึ้นครั้งแล้วครั้งแล้วแต่ก็ไม่กล้าทำตัวเสียมารยาทกันคุณชายทั้งหลาย จึงพูดขึ้นอีกครั้ง “คุณชายหวังออกโรงด้วยตัวเองวันนี้แม่นางฝานต้องตกเป็ของท่านแน่ เพียงแต่...งานเปิดตัวเป็กฎที่ท่านประมุขตั้งเอาไว้ ข้าน้อยเองก็จนปัญญาคุณชายโปรดอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย”
ดูเหมือนคุณชายพวกนั้นจะเกรงประมุขที่พูดถึงอยู่บ้างความผยองบนใบหน้าของคุณชายทั้งหลายทุเลาเบาบางลงแล้ว “ในเมื่อเป็กฏของท่านประมุขหอเช่นนั้นก็ทำตามกฎเถอะ” พวกเขาพูดขึ้นในที่สุด
“ขอรับ! คุณชายหวังมีเหตุผล จิตใจกว้างขวางจริงๆ เชิญทางนี้เลยขอรับทุกท่าน เข้าไปพักผ่อนกันก่อน อีกประเดี๋ยวงานเปิดตัวก็จะเริ่มขึ้นแล้ว” พนักงานเ่าั้รีบออกตัวประจบประแจงทันทีจากนั้นก็เรียกหญิงที่มีรูปโฉมงดงามเข้าไปรับใช้คุณชายทั้งหลายถึงที่ห้อง
่เวลาต่อจากนั้น มีลูกค้าเช่นนี้เดินทางเข้ามาไม่ขาดสายเพียงไม่ถึงสิบห้านาทีเท่านั้นก็มีคุณชายเช่นนี้เดินทางเข้ามาในหอมากกว่าสิบคนแล้ว
ลูกค้าคนอื่นๆ ภายในร้านเองก็เริ่มพูดคุยว่าแม่นางฝานหรูอี้งดงามอย่างนั้นอย่างนี้ขึ้นอย่างต่อเนื่องบอกว่านางทั้งสวยและมีความสามารถมากกว่าผู้ใดทั้งสิ้น
“ดูเหมือนแม่นางฝานคนนี้จะโด่งดังไม่เบาเลยนะ” เซี่ยโหวฟ่งอวี้หันกลับมาอีกครั้งนางเม้มปาก พลางกล่าวขึ้น
“แน่นอนอยู่แล้วว่ากันว่าก่อนหน้านี้ องค์ชายห้าเคยพบหน้าแม่นางฝานครั้งหนึ่งเพียงเท่านั้นก็หลงรักนางเข้าแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าในวันนี้องค์ชายห้าจะมาหรือเปล่า” หรูเยี่ยนยกมือปิดปาก พลางพูดด้วยรอยยิ้มทว่านางกลับไม่ทันได้สังเกตเห็นเลย ว่าคำพูดนั้นทำให้เซี่ยโหวฟ่งอวี้หน้าเสียไปในทันที
คนอื่นๆพากันมองไปที่เซี่ยโหวฟ่งอวี้ราวจะรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างมีเพียงซูฉางอันจอมซื่อบื้อเท่านั้น ที่ยังคงถามโน่นถามนี่ด้วยความสงสัยต่อไป “องค์ชายห้าก็ชอบแม่นางฝานคนนี้รึ? เมื่อเป็เช่นนี้เกรงว่าแม่นางฝานคนนี้ต้องงดงามมากแน่ๆ”
“แน่นอนยอดบุปผาคนไหนของหอหมู่ตันที่ไม่สวยบ้างเล่า?” หรูเยี่ยนรินเหล้าเข้าปากจนหมดจอกก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหมองหม่นขณะที่ใบหน้าก็ประกายสีแดงระเรื่อออกมา
แต่สุดท้ายแล้ว ก็เป็ได้เพียงหญิงโคมเขียวเท่านั้น...นางพูดขึ้นในใจ
ซูฉางอันรับรู้ได้ถึงความผิดปกติในน้ำเสียงของนางจึงมองไปที่หรูเยี่ยนด้วยความสงสัยรู้สึกว่าหรูเยี่ยนในตอนนี้จะแตกต่างกับหญิงเปี่ยมเสน่ห์เมื่อครู่เล็กน้อยแต่กลับไม่อาจระบุได้เลย ว่าตรงไหนที่เปลี่ยนไปกันแน่ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังถามขึ้นอย่างเป็ห่วงเป็ใย “พี่หรูเยี่ยน ท่านไม่เป็ไรใช่ไหม?”
เมื่อรับรู้ได้ว่าตัวเองเสียสมาธิไป หรูเยี่ยนก็ส่ายหัวสะบัดความน้อยใจและหมองเศร้าที่กระจายออกมาจากที่ใดก็ไม่ทราบทิ้งไปเมื่อกลับมาเป็หรูเยี่ยนที่มีกิริยายั่วยวนดังเดิม นางจึงพูดระคนหัวเราะขึ้นอีกครั้ง “ไม่เป็ไรเพียงแค่คิดถึงยัยเด็กฝานหรูเยว่นั่นแล้วก็อดนึกทอดถอนใจไม่ได้”
“องค์ชายห้าชอบนางไม่ใช่รึ? ให้องค์ชายห้ามาไถ่ตัวนางออกไปก็น่าจะได้แล้วนี่?” ซูฉางอันรู้สึกสงสัยเป็อย่างมาก ในเมื่อองค์ชายห้าชอบนางแล้วทำไมถึงไม่พานางออกไป ทำไมต้องให้นางมาทนทุกข์อยู่ในหอนางโลมด้วย
“มันไม่ได้ง่ายแบบนั้นน่ะสิ” หรูเยี่ยนส่ายหัวนางดูออกว่าซูฉางอันเป็เพียงเด็กหนุ่มที่เพิ่งออกมาเจอโลกได้เพียงไม่นานเท่านั้นทว่าเื่พวกนี้ หาใช่สิ่งที่จะอธิบายให้เข้าใจได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำไม่ดังนั้น นางจึงเอาแต่ดื่มเหล้าอย่างกลัดกลุ้มใจ ไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก
“มีหลายเื่ที่พี่ห้า...องค์ชายห้าไม่มีทางเลือก ไม่อาจทำตามใจตัวเองได้” เซี่ยโหวฟ่งอวี้ที่อยู่อีกข้างพูดต่อประโยคของหรูเยี่ยน
ซูฉางอันไม่ชอบวิธีการกลบเกลื่อนของพวกเขาเลยไม่ชอบเลยที่พวกเขาแกล้งเงียบ แกล้งพูดเป็เชิงเช่นนี้และในขณะที่เขากำลังจะกล่าวคำถามต่อไป จู่ๆ ลูกค้าภายในร้านก็ส่งเสียงเฮสนั่นขึ้น
ซูฉางอันหันไปมองรอบๆจึบพบว่าห้องที่ตั้งอยู่ตรงกลางของชั้นบนกำลังถูกเปิดออกอย่างช้าๆก่อนหญิงในชุดสีเหลืองซึ่งกอดผีผา[1]เอาไว้อ้อมแขนจะเดินออกมาจากห้องอย่างเชื่องช้าท่ามกลางการห้อมล้อมของหญิงรูปโฉมงดงามและทรงเสน่ห์หลายคน
หญิงคนนี้ก็คือยอดบุปผาของหอหมู่ตันที่แสนโด่งดังนั่นเองในที่สุดนางก็จะปรากฏตัวขึ้นแล้ว!
......................
[1]ผีผา หมายถึงเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งของจีน