“สวัสดีขอรับศิษย์พี่——” เฉิงเซียงลากเสียงยาวดังขึ้นจากด้านนอกประตู เพื่อเตือนให้ซ่งฉียวนผู้ที่เพิ่งจะสร้างจินตันขึ้นมาได้หมาดๆและกำลังนั่งสมาธิบำเพ็ญเพียรอย่างแน่วแน่รู้ตัว
จากนั้นซ่งฉียวนจึงลืมตาขึ้นดวงตาฉายแสงสีแดงที่ยากจะสังเกตเห็น ก่อนจะสลายหายไปในทันที จนดูไม่ต่างจากยามปกติเลยเขามองไปที่ประตูและส่ายหัวไปมา คิดในใจว่าโชคดีที่ตนลงมือจัดการได้เร็วพอมิฉะนั้นหากถูกคนในสำนักนี้พบว่าตนเกือบจะตกไปอยู่ในเส้นทางแห่งปีศาจ คงบอกยากว่าพวกเขาจะมองตนด้วยสายตาอย่างไรและเมื่อถึงเวลานั้นมันก็จะเป็ปัญหาขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง
“หากข้าจำไม่ผิดเ้าชื่อว่าเฉิงเซียงสินะ? แล้วตอนนี้ฉียวนยังอยู่ในห้องหรือเปล่า? ”
“ข้าดีใจจริงๆ ที่ศิษย์พี่ยังจำข้าได้ท่านมาหาเขาหรือ? เขาอยู่ข้างในนั่นแหละขอรับ” ใน่แรกที่สร้างจินตันได้เกิดฉากอัศจรรย์ขึ้นมา เมื่อครู่เฉิงเซียงก็เห็นว่ามีปราณิญญาจำนวนมหาศาลรวมตัวกันอยู่เหนือเรือนไม้แห่งนี้ในใจรับรู้ได้ทันทีเลยว่าซ่งฉียวนได้อาศัยโอกาสนี้ทะลวงผ่านขั้นจู้จีไปแล้วดังนั้นจึงไม่กังวลเลยว่าศิษย์พี่จะเจอสิ่งใดผิดปกติ จึงยื่นมือชี้ไปยังประตูแล้วเชิญศิษย์ฝ่ายในผู้นั้นให้เข้ามาอย่างสุภาพ
ซ่งฉียวนที่กำลังฟังความเคลื่อนไหวที่หน้าประตูอยู่ก็ได้ปรับสีหน้าแววตาลงให้เป็ปกติ แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นศิษย์ฝ่ายในชุดขาวผู้นั้นเข้ามา ก็รีบลุกขึ้นแล้วเข้าไปทักทายอย่างมีมารยาทก่อนจะเอ่ยเรียกอย่างนอบน้อม “ศิษย์พี่”
ศิษย์ฝ่ายในผู้นี้ก็คือคนที่อยู่หน้าประตูสำนักก่อนหน้านี้ซึ่งเป็คนนำพวกเขาเข้าไปในสำนักฉิงชางที่พักของเขาอยู่ใกล้กับที่พักของซ่งฉียวนและกลุ่มศิษย์ใหม่คนอื่นๆ ในกลุ่มนี้มากที่สุดดังนั้นจึงสามารถตามมาถึงได้เป็คนแรกๆโดยตามจากลมหายใจจนมาพบเรือนไม้ของซ่งฉียวนและเฉิงเซียง
ก่อนหน้านี้เขารู้อยู่แล้วว่าในบรรดาศิษย์รุ่นนี้มีอัจฉริยะอยู่สองคนซึ่งคนหนึ่งอยู่ในขั้นจินตันระดับกลางที่มีอายุสิบสี่ปี ชื่อว่าเฉิงเซียงและอีกคนคือฉียวนอายุสิบสองปีอยู่ในขั้นจู้จีระดับปลายซึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาไม่สิ ตอนนี้เป็ฉียวนที่อยู่ในขั้นจินตันระดับต้นแล้ว
“ไม่ต้องทำความเคารพศิษย์พี่อย่างข้าผู้นี้หรอก” ศิษย์ผู้นั้นขยับเข้าไปใกล้ซ่งฉียวน แล้วกล่าวชมอย่างเป็มิตรว่า “ศิษย์น้องฉียวน เ้านี่ช่างเก่งกาจจริงๆ อายุเพียงสิบสองปีก็เข้าสู่ขั้นจินตันได้แล้วนับว่าเป็อัจฉริยะที่หาได้ยากในสำนักฉิงชางของพวกเราเลยนะ! ”
ในใจของเขานั้นรับรู้ได้เป็อย่างดี ว่าเด็กอายุเพียงแค่สิบสองปีหากไม่ใช่เพราะมีพลังอย่างอื่นคอยช่วยหนุนก็ไม่สามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นจินตันได้อย่างแน่นอนทำให้ไม่อาจดูแคลนเด็กหนุ่มผู้นี้ได้อย่างเด็ดขาด เพราะวันหน้าเด็กคนนี้จะต้องกลายเป็อาวุธชิ้นสำคัญอย่างแน่นอนดังนั้นตอนนี้เขาจึงต้องประจบประแจงเข้าไว้
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็ท่องมนตร์ในใจจากนั้นก็มีกล่องหยกใบเล็กที่ประณีตใบหนึ่งปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือ ซึ่งมีลักษณะแวววาวและใสกระจ่างทั้งยังแผ่กลิ่นอายของปราณิญญาออกมาอย่างเบาบาง เขาดึงมือของซ่งฉียวนมาอย่างสนิทสนมแล้ววางกล่องใบนั้นไว้บนฝ่ามือของเด็กหนุ่มผู้นี้ด้วยท่าทางที่ใจใหญ่กล้าให้ “ศิษย์น้องฉียวน ในกล่องใบนี้บรรจุยากู้หยวนจินที่ท่านาุโหร่วนหลอมเองกับมือเ้าเพิ่งจะเข้าสู่ขั้นจินตันมาหมาดๆ พลังบำเพ็ญเพียรยังคงล่องลอยอยู่ เ้ายังต้องปรับลมหายใจให้มากๆจึงจะมั่นคงได้ ยากู้หยวนจินนี้เหมาะที่จะให้เ้านำไปใช้ได้พอดีศิษย์พี่จึงมอบของสิ่งนี้ให้แก่เ้า ถือเสียว่าเป็ของขวัญที่พบกันครั้งแรกก็แล้วกันนะ”
ซ่งฉียวนเค้นเสียงเ็าในใจ ของขวัญในการพบกันครั้งแรกชิ้นนี้มันไม่ค่ำมืดไปหน่อยหรือ? ทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงไม่รู้มาก่อนว่าในสำนักฉิงชางมีคนที่ชอบสอพลอมากถึงเพียงนี้? แต่ก็ทำให้เขาได้รู้อะไรใหม่ๆ เพิ่มขึ้นไม่น้อยเลยอีกอย่างยากู้หยวนจินที่ชายชราหร่วนสือจิ่วผู้นั้นเป็คนต้ม เขาสามารถกินเหมือนถั่วน้ำตาลได้ั้แ่ก่อนหน้านี้แล้วไยจะต้องสนใจยากู้หยวนจินเม็ดเล็กๆ นี้อีกทำไมกัน? แม้ในใจจะดูแคลนแต่บนสีหน้ากลับแสร้งทำท่าทางปลื้มปีติออกมา แล้วรีบเอ่ยปฏิเสธว่า “ของขวัญชิ้นสำคัญขนาดนี้ของศิษย์พี่ ฉียวนไม่กล้ารับไว้หรอกขอรับ? ศิษย์พี่รีบเอากลับไปเถิดขอรับ! ”
ศิษย์ผู้นั้นแสร้งทำหน้าบึ้งตึง แล้วบังคับยัดยาใส่ในมือของซ่งฉียวนจนแน่นก่อนจะเอ่ยคำพูดหักหาญน้ำใจออกมา “หากวันนี้ศิษย์น้องไม่รับของขวัญชิ้นนี้ ก็เท่ากับว่าเ้าดูถูกศิษย์พี่! ”
เดิมทีซ่งฉียวนก็ทำเป็เสแสร้ง พอถึงจุดที่ไฟลุกขึ้นมาก็เลยไม่ปฏิเสธอีกจึงถือกล่องหยกใบเล็กเอาไว้ในมือ พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยการแสดงออกอันซาบซึ้งจากนั้นจึงประสานมือคารวะแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นฉียวนต้องกล่าวขอบคุณศิษย์พี่เอาไว้ตรงนี้เลยนะขอรับ หากวันหน้าศิษย์พี่้าเรียกใช้ฉียวนฉียวนจะทุ่มเทแรงกายแรงใจช่วยเหลือท่านอย่างแน่นอนขอรับ”
สิ่งที่ศิษย์ชุดขาว้าก็คือคำพูดเหล่านี้ของเขาในใจรู้ว่าฉียวนผู้นี้เป็ผู้ที่เข้าใจอะไรได้ชัดเจน การสื่อสารจึงไม่ได้ลำบากมากนักการมาอย่างรวดเร็วของตนเองในครั้งนี้ถือว่าได้เปรียบมากจริงๆจึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะชำเลืองมองเฉิงเซียงที่ยืนทื่ออยู่ข้างกายไม่พูดไม่จามาตั้งนานแล้วยิ้มพร้อมกับพูดว่า “เช่นนั้นพวกเ้าก็พักผ่อนให้เต็มที่เถิด เฉิงเซียง ขอให้เ้าจงดูแลฉียวนให้ดีวันพรุ่งศิษย์พี่จะมาพาพวกเ้าไปกราบอาจารย์”
“ศิษย์พี่กลับเรือนอย่างปลอดภัยนะขอรับ” เฉิงเซียงและซ่งฉียวนโค้งคำนับให้อย่างสุภาพแล้วยืดตัวตรงขึ้นมาตามๆ กันเมื่อเห็นว่าศิษย์คนนั้นหายลับไปยังด้านนอกแล้วจึงดึงสีหน้าให้กลับมาเป็ปกติ
“คิดไม่ถึงเลยว่าเ้าจะแสดงได้เก่งถึงเพียงนี้? ” เฉิงเซียงเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่นี้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแม้ว่าเขาจะอยู่กับซ่งฉียวนได้เพียงครึ่งวัน ทว่าเขาก็พอจะรู้นิสัยของคนผู้นี้อยู่บ้างคำพูดที่เด็กหนุ่มผู้นี้ปรุงแต่งขึ้นมาเมื่อครู่เ่าั้เป็คำเพื่อบอกปัดศิษย์ผู้โง่เขลาผู้นั้นอย่างเห็นได้ชัดแต่กลับหลอกคนผู้นั้นจนมึนงงได้ ช่างเป็คนที่มีพร์จริงๆ
อีกอย่างซ่งฉียวนที่เขาเห็นก่อนจะออกไปเฝ้าประตูคือซ่งฉียวนที่จิตใจไม่มั่นคงและโดนปีศาจจู่โจมเข้าสู่ร่างกาย แต่เมื่อเข้ามาหลังจากผ่านไปได้ครึ่งชั่วยามคนผู้นี้ก็ลงเอยด้วยการก้าวเข้าสู่ขั้นจินตันระดับต้นอย่างมั่นคงแล้วช่างเป็คนที่มีปัญญาด้านวิชายุทธ์และเฉลียวฉลาด ทั้งยังมีจิตใจที่แข็งแกร่งจนถึงขั้นวิปริตเสียจริง
“หากเป็เื่เล่นละคร ข้าทำได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเ้าหรอก” ซ่งฉียวนหัวเราะร่า ความหดหู่ในใจของเขาดูเหมือนจะหายไปไม่น้อยหลังจากที่กำจัดปีศาจในใจออกไปได้นานๆ ทีถึงจะได้มาหยอกล้อกับเฉิงเซียง
คราวนี้เฉิงเซียงเห็นโอกาสดีจึงรีบคว้าไว้และไม่ถามอะไรมากอีก ก่อนจะประสานมือคารวะซ่งฉียวนอย่างตรงไปตรงมา แล้วกล่าวว่า “ร่วมด้วยช่วยกัน”
กลางดึกซ่งฉียวนนำมือมาลูบไล้หินสีเขียวที่แนบอยู่นอกทรวงอกเมื่อััได้ถึงอุณหภูมิที่อบอุ่น ก็ทำให้อารมณ์สงบลงไปไม่น้อยเมื่อได้มาเกิดใหม่อีกครั้ง คราวนี้เขาต้องรวบรัด่เวลาที่ตนเองจะแข็งแกร่งขึ้นให้สั้นลงอย่างแน่นอนเขาจะต้องเติบโตให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อแก้แค้นให้กับวงศ์ตระกูล แล้วออกตามหาท่านอาจารย์ให้เจอจากนั้นก็กักขังเขาเอาไว้ตลอดชีวิต...
“เ้าขยะ เ้าจงฟังให้ดีวันพรุ่งจงกราบหร่วนสือจิ่วเป็อาจารย์อย่างว่าง่าย เพราะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ที่เ้ากับข้าจะสามารถกุมสำนักฉิงชางทั้งหมดไว้ในเงื้อมมือได้ในเวลาที่สั้นที่สุดจากนั้นค่อยออกเดินทางไปตามหาท่านอาจารย์! ”