เมื่อล่วงรู้ขีดจำกัดของตนเองแล้ว ไม่ได้ทำให้เขาเศร้าสร้อยหรือสำนึกเสียใจแต่อย่างใด ขีดจำกัดมีเท่านี้แล้วจะเป็ไร ทลายมันออกไป แน่นอนว่าตัวเขาย่อมไม่ได้ถูกจำกัดให้เป็เช่นนี้ตลอดไป
เมื่อยันต์ดับสูญเผาไหม้ บดทำลายทุกสิ่ง ไท้หยูที่เพิ่งมายังโลกใบนี้เผชิญกับการต่อสู้อย่างน้อยครั้งย่อมไม่รู้การแก้ไขปัญหา
ทว่าตัวประหลาดที่อยู่ในร่างของเขาสามารถ และตัวประหลาดตื่นขึ้นมาแล้ว
ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งตื่นขึ้น ฉงฉงยังหลับใหล ทว่าตื่นขึ้นคนเดียวก็เพียงพอแล้ว ในโลกใบนี้หากถามว่ามนุษย์ที่รู้มากที่สุดเป็ผู้ใด แม้นว่าไท้หยูจะไม่ทราบว่าในโลกมียอดคนเช่นนั้นอยู่หรือไม่ แต่เขาจะตอบว่าเป็ “ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักพันปี”
มือขวาคว้าอาวุธ มือซ้ายถือโล่ที่สีหลุดลอก เสียงอึงอลดังสนั่นทว่าเลื่อนลอย คล้ายกับเสียงลูบปากแก้วถูปากชาม อากาศถูกคลื่นเสียงกระแทกทั้นกลายเป็ระลอกวงกลม ระลอกวงกลมแปรเปลี่ยนเป็เกราะกำบัง ฤทธาของยันต์ถูกหยุดไว้ด้วยคลื่นเสียง
การกระทำเรียบง่าย แต่ผลลัพธ์เลอเลิศ “สัททักษะ”
บุรุษชุดแพรไหมถึงกับใบหน้าซีดเซียว สองตาเบิกโพลงอย่างเหลือเชื่อ ยันต์ดับสูญที่เขียนโดยผู้ฝึกยันต์ระดับเทพปรากฏ ความทรงพลังย่อมรุนแรงแข็งแกร่งย่อมเป็ที่คาดเดาได้
ทว่าการกระทำเมื่อครู่ของไท้หยู เขายังมองไม่เห็นว่าทำอะไร แต่กลับสามารถหยุดฤทธาของยันต์ได้
จากนั้นเขาพลันสังเกตเห็นสีหน้าของไท้หยูยิ้มอย่างคึกคัก ดวงตาสาดประกายเจิดจ้าราวกับดวงไฟลูกใหญ่กำลังลุกโชน
“เป็ไปไม่ได้ เ้ามีระดับเพียงรวมกาย ทำลายฤทธาแห่งยันต์ของระดับเทพปรากฏได้อย่างไร” น้ำเสียงแฝงความแตกตื่นสามส่วนเหลือเชื่อเจ็ดส่วน แน่นอนว่าต่อให้เป็เขายังไม่มีความมั่นใจว่าจะทำลายยันต์ของระดับเทพปรากฏได้โดยไม่ใช้ของวิเศษอย่างอื่นช่วย
ไท้หยูยิ้มแย้มกล่าวอย่างโอหังว่า
“เทพปรากฏแล้วเป็ไร ก็แค่สูงขึ้นมาเล็กน้อย” พลางแบมือเทียบไว้ที่ระดับต่ำกว่าเอว ความหมายว่า ระดับเทพปรากฏก็สูงเพียงแค่นี้เท่านั้น ไม่มีสิ่งใดต้องตะลึง
ไท้หยูพลันพุ่งร่างเข้าหา ดาบในมือขวาเปล่งประกายราวกับดวงดารา ยามนั้นดาบฟันออกเป็ประกายเฉิดฉัน อากาศที่ถูกดาบฟัน คมดาบที่เจิดจ้าแยกอากาศออกเป็ห้าชั้น แฝงพลังสังหารอันดุดันเย็นเยือก
บุรุษชุดแพรไหมรู้สึกถึงอันตรายเป็ครั้งแรก สะบัดพัดสามครา พัดสีเหลือง สีขาว สีฟ้าก่อเกิดอักขระขึ้นมากมาย ัหนึ่งตัวทะยานออก กำแพงหนึ่งชั้นกำบังที่เบื้องหน้า หยาดพิรุณสีขาวแฝงกับสายลมบ้าคลั่งโชยพัดส่งเสริมัสีทอง
เปรี้ยง
ราวกับฟ้าถล่มดินทลาย ผืนดินใต้เท้าบังเกิดหลุมลึก แรงปะทะทำลายล้างสูงส่งฉีกผืนดินแยกออกเป็สองส่วน บ้านเรือนรอบข้างเกิดความเสียหาย ถูกแรงปะทะพัดพังไปครึ่งแถบ เรือนสิบกว่าหลังพังทลายในพริบตา
บุรุษชุดแพรไหมสีหน้าเคร่งเครียดปากซีดลงเล็กน้อย ตอนแรกมั่นใจว่าสามารถสังหารไท้หยูได้ทันทีหลังจากเผายันต์ดับสูญ จากนั้นหลบหนีด้วยพยุหะหายไป ต่อให้มือปราบแขนเสื้อแดงส่งระดับผู้บัญชามาก็ไม่สามารถตรวจสอบหาพวกเขาเจอ
ทว่ายามนี้แผนการล้มเหลว การต่อสู้ไม่สามารถยืดเยื้อต่อได้ ดังนั้นได้แต่ตัดสินใจเปิดเผยไพ่ตายสุดท้าย เพราะโอกาสสังหารประมุขสำนักพันปีอาจไม่มีอีก
“ลงมือ” บุรุษชุดแพรไหมะโด้วยความร้อนใจ
ไท้หยูยิ้มมุมปากอย่างโอหังไม่สนใจการกระทำของเขา เหวี่ยงโล่ดำซัดใส่ ดาบในมือพลันหายไป ปรากฏที่หลังท้ายทอยของบุรุษชุดแพรไหม ส่วนร่างทะยานพุ่งเข้าหากำหมัดต่อยออก
บุรุษชุดแพรไหมขบเขี้ยวเคี้ยวฟันหุบพัดเก็บ ใช้พัดต่างดาบฟันใส่ไท้หยู ที่ใต้เท้าพลันปรากฏวงแหวนพยุหะออกมา เบื้องบนศีรษะปรากฏอักขระแผ่ออก ดึงพลังิญญาเข้ามา คล้ายปรากฏภูษาฟ้าผืนหนึ่งคลี่คลุมลงมา ทั้งโล่และดาบไม่อาจจู่โจมทะลุม่านที่มองไม่เห็น
เปรี้ยง
หมัดและพัดปะทะใส่กันและผละออก
ไท้หยูพลันยิ้ม
“ภูษาฟ้า” ในมือซ้ายมิทราบปรากฏสร้อยไข่มุกสีดำออกมาั้แ่เมื่อไหร่ ไท้หยูออกแรงฉีกสร้อยไข่มุกขาดกระจาย ไข่มุกสีดำยี่สิบสามสิบเม็ดกระจัดกระจายออกรอบทิศ เห็นเขาชี้นิ้วเม็ดไข่มุกทั้งหมดพลันพุ่งใส่บุรุษชุดแพรไหม
เสียงปุปุปุปุดังต่อเนื่องอย่างถี่ยิบ คล้ายลูกเห็บตกใส่หลังคา ไข่มุกสีดำเปล่งสีขาววิชชุอ่อนจางพุ่งทำลายภูษาฟ้าของบุรุษชุดแพรไหมราวกับพายุบ้าคลั่ง
บุรุษชุดแพรไหมใบหน้าเขียวคล้ำรู้สึกหวาดหวั่นครั้งแรก พยุหะภูษาฟ้าสามารถป้องกันการโจมตีทำลายทางกายภาพ แม้แต่เทพปรากฏโจมตียังต้องใช้เวลาไม่น้อยถึงจะทำลายได้สำเร็จ ทว่าสิ่งที่ภูษาฟ้าบกพร่องคือการโจมตีด้วยพลังจิตและิญญา
ไข่มุกดำเส้นนี้เป็ของวิเศษที่มีคุณสมบัตินั้น แน่นอนว่าเขาย่อมคุ้นเคยกับของวิเศษชิ้นนี้ดีอย่างยิ่ง ทว่าเขาคาดไม่ถึง ไท้หยูที่เพิ่ง่ชิงของวิเศษสองชิ้นนี้ไปได้คืนเดียว กลับสามารถใช้อาวุธเหล่านี้อย่างช่ำชอง ทั้งยังสามารถใช้ได้ชำนาญแกร่งกล้ายิ่งกว่าเขา
เมื่อเสียงปุได้ครั้งที่สิบเก้า ภูษาฟ้าที่กอปรจากอักขระพลันกระจาย ไข่มุกเม็ดที่หลุดพุ่งใส่ทรวงอก หน้าท้อง หัวไหล่ ลำคอ ร่างกระเด็นถอยหลังสามจั้ง
บุรุษชุดแพรไหมกระอักโลหิตออกมาคำโต ใบหน้าเขียวคล้ำเปลี่ยนเป็ซีดเผือด สะบัดพัดจีบฉีกขาด หน้าที่เป็ัเหลืองฉีกออกขยายใหญ่ม้วนพันไข่มุกทั้งหมดเอาไว้
ยามนั้นไท้หยูพลันกระทืบเท้า เสียงอึงอลสะท้านิญญาแผ่พุ่งครอบคลุมบุรุษชุดแพรไหม ร่างของเขาสะท้านจากนั้นเปลี่ยนเป็มึนงงชั่วขณะถูกสะกดเอาไว้ มือขวาไท้หยูปรากฏดาบพุ่งไปด้านหน้าแล้วแทงออก
ฉึก
ปลายดาบแทงใส่หน้าอกหมายทลายหัวใจ ทว่าคมดาบไม่อาจแทงทะลุอาภรณ์ปักลายเมฆ ปลายดาบแหลมคมที่ทำลายได้กระทั่งเหล็กกล้ากลับไม่สามารถแทงทะลุแพรไหม
“ช่างมีลูกเล่นมากมายยิ่งนัก ศักดิ์ฐานะของเ้าคงไม่ธรรมดา ถึงกับมีของวิเศษมากมายปานนี้” ขณะจะลงมือเป็คำรบสอง สังหารฝ่ายตรงข้ามพลันบังเกิดเสียงกัมปนาท
ครืน
ยามนั้นท้องฟ้าทางด้านตะวันตกห่างนับสิบลี้พลันเปลี่ยนสี มืดครึ้มดำทะมึน ประกายสีเงินยวงเจิดจ้าคล้ายดึงสีสันทั้งหมดของท้องฟ้าปรากฏขึ้น ราวกับเทพมรณะปรากฏบนโลกมนุษย์ ทุกที่ที่ประกายเงินยวงพุ่งผ่าน สีสันทั้งหมดล้วนเหือดหายกลายเป็ขาวดำ เพียงชั่วพริบตาประกายเงินยวงก็อยู่ห่างเพียงสองลี้
ไท้หยูพุ่งถอยออกจากบุรุษชุดแพรไหม พุ่งไปหาโบ๋เวินจากเหยียบโล่ดำพุ่งถอยไปไกลหลายลี้ ทว่าประกายเงินยวงกลืนสีสันนี้รวดเร็วอย่างยิ่งสายฟ้า กะพริบตาเพียงสองคราก็บรรลุถึง
ติง
ประกายเงินยวงตกใส่พื้นดินกลับไม่ทำลายล้างสิ่งใด ที่พื้นดินปักไว้ด้วยไม้เท้า ไม้เท้าธรรมดาสร้างจากไม้แดงราคาแพง
ไม้เท้าสั่นะเื ที่ด้ามจับพลันปรากฏมือหนึ่ง จากนั้นเกิดเป็แขน หัวไหล่ หน้าอก ลำตัว จนกลายเป็ร่างคนที่เลือนรางร่างหนึ่ง มองไม่เห็นใบหน้า เพียงเห็นรูปร่างบุรุษสูงแปดเชียะ
“เทพปรากฏ!”
ความหมายของเทพปรากฏก็คือ ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็ปรากฏตัวได้ ปรากฏดั่งเทพ ยิ่งใหญ่ดุจเทพ ไร้ผู้ต่อต้านประหนึ่งเทพ
รอบด้านไร้สีสัน มีเพียงร่างของเทพปรากฏและไม้เท้าที่มีสีสัน
ทุกคนไม่สามารถขยับเขยื้อน แม้แต่ลมปราณก็โคจรไม่ได้ คล้ายกับถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอก ถูกแช่แข็งเอาไว้
ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งด่าทอด้วยโทสะ
“มารดามันเถอะ ไท้หยูเ้าไฉนอ่อนแอไม่ได้เื่ปานนี้”
ความสามารถทั้งหมดของปรมาจารย์ผู้ก่อตั้ง ถูกจำกัดไว้ด้วยร่างของไท้หยู ที่เขาสามารถทำได้มากกว่าไท้หยูคืออาศัยความเข้าใจในการต่อสู้และการใช้พลัง ทว่าระดับฝึกตนนั้นเขาไม่สามารถทำให้ระดับสูงขึ้นได้ ดังนั้นเขาจึงหงุดหงิดอย่างยิ่ง เทพปรากฏคนเดียวก็กล้ากำแหงถึงเพียงนี้ สมัยข้ายิ่งใหญ่เป็ได้เพียงแค่คนเช็ดเท้า
ไม้เท้าแดงสั่นะเื มือขวาที่เลือนรางยกขึ้น ปลายนิ้วชี้ใส่ไท้หยู สีสันเส้นหนึ่งพลันหลุดออกมาจากร่าง ใบหน้าไท้หยูสั่นกระตุกด้วยความเ็ปใบหน้าคล้ายมีเปลือกชั้นหนึ่งกำลังหลุดลอกและแตกออก
เส้นสีสันคือพลังชีวิตที่ถูกดูดออกไป ขอเพียงผ่านสามอึดใจเขาจะตายอย่างไม่ต้องสงสัย แม้แต่ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งก็ช่วยเขาไม่ได้ นี่คือขีดกำจัดของระดับพลังฝึกตน ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งที่มีแต่ขวัญิญญาไม่สามารถทำสิ่งใดได้
ทันใดนั้นท้องฟ้าเหนือวังหลวงบังเกิดสีแดงเจิดจ้า ราวกับดวงตะวันดวงหนึ่งลอยขึ้น ท้องฟ้าครึ่งแถบของเมืองหลวงกลายเป็สีแดง ดวงตะวันเจิดจ้าร้อนแรงตกใส่ตะวันตกที่ห่างออกไปสิบลี้ ดึงสีสันทั้งหมดกลายเป็สีแดงร้อนแรง
ไม้เท้าสั่นะเืพุ่งกลับไปยังทิศที่มา ร่างเลือนรางแตกกระจาย
บุรุษชุดแพรไหมกระอักเืออกคำใหญ่พัดในมือโบกออก ที่ใต้เท้าของเขาและรุ่ยซวนปรากฏอักขระ เมื่อสว่างไสวร่างก็หายวับไปกลายเป็สิ่งไม่มี คล้ายคนไม่เคยอยู่ตรงนี้มาก่อน
โบ๋เวินที่ร่างไหม้เกรียมยังตกอยู่ในภาวะตื่นตะลึง การต่อสู้ของพวกเขาที่อยู่ในระดับจิตไร้ขอบต่อสู้ซึ่งหน้า ทว่าเมื่อมีเทพปรากฏยื่นมือเข้ามา สร้างความแตกตื่นพรั่นพรึงแก่เขาที่สุด หากไม่มีไท้หยูพุ่งมาดึงเขา น่ากลัวว่าคงถูกไม้เท้านั้นปักร่างตรึงกับพื้นไปแล้ว
เทพปรากฏต่อสู้กันห่างนับสิบลี้ร้อยลี้ไม่เป็ปัญหา มีหลายครั้งต่อสู้กันโดยไม่เห็นหน้า กระทั่งตายยังไม่เห็นตัว
ไท้หยูมองท้องฟ้าทางตะวันตก ครึ่งหนึ่งเป็สีแดงอีกครึ่งไร้สีสัน ผ่านไปอีกสองอึดใจสีแดงก็กินท้องฟ้าไปทั้งหมด ความไร้สีสันหายไป ไม่ทราบเป็หรือตาย พ่ายแพ้หรือหลบหนีไปได้
รอดพ้นความตายมาได้อย่างฉิวเฉียด สีสันแดงฉานนั้นแน่นอนว่าเป็ฝีมือของขันทีผมขาว หลินกงกง ไม่ได้เหยียบเมืองหลวงไม่กี่ปี ราชธานีที่ดูเงียบสงบมิทราบแฝงคลื่นลมมรสุมมากมายปานใด คาดว่าหลังจากวันนี้คลื่นใต้น้ำคงเริ่มเผยโฉมทีละน้อยแล้ว
ยามนั้นพลันบังเกิดเสียงดังพึ่บพับ ที่เตะตาที่สุดคือแขนเสื้อสีแดงโต้ลมจนพองโต บุรุษที่คมเข้มองอาจผู้หนึ่งเหยียบอากาศร่อนลงสู่พื้น ชุดรัดรูปสีขาว แขนเสื้อสีแดง ที่อกปักรูปปักษาสยายปีก ใบหน้าคมเข้ม คิ้วราวกระบี่ ดวงตาสีน้ำตาลแฝงความเร้นลับ ใบหน้าเฉื่อยชาไร้อารมณ์ถึงที่สุด เมื่อกวาดมองรอบด้านถึงกับขมวดคิ้ว
“ความเสียหายมากมายปานนี้ หลายสิบเรือนต้องพังทลาย โชคดีที่เป็ยามเที่ยงชาวบ้านออกไปทำงาน หาไม่คงมีคนตายมากกว่านี้”
เมื่อชายชุดขาวแขนเสื้อแดงปรากฏ ก็ทยอยมีคนในชุดเดียวกันปรากฏขึ้น ขับไล่ชาวบ้านที่พยายามเบียดเสียดกันเข้ามาชมดูความสนุกสนาน
ชาวเมืองหลวงแตกต่างจากเมืองอื่น พวกเขาชื่นชอบชมดูเื่สนุกสนาน ยิ่งการต่อสู้ดั่งเทพเซียนของผู้ฝึกตนต่อให้เสี่ยงตายก็จะบุกฝ่าเข้าไปชมดู