ยลโฉม? กลัวว่าจะมาแย่งสาวเสียมากกว่า
ใช้การประลองฝีมือเพื่อผูกมิตร? กลัวว่าอยากจะสั่งสอนมากกว่า
เหล่าผู้าุโทั้งหลายที่นั่งอยู่ต่างยิ้มออกมาอย่างเ็า เ้าเด็กคนนี้ตอนที่ลงมาสู่พื้นทั่วร่างปลดปล่อยสนามพลังแสงสีทองที่ผู้มีพลังฝีมือในระดับขอบเขตจ้าวนักรบที่สามารถทำได้ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อาณาเขตพลังปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์จำลอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสนามพลังที่ปล่อยออกมามีความกว้างประมาณหนึ่งเมตร ดูท่าคงจะอยู่ในระดับขั้นแรกขอบเขตจ้าวนักรบเป็แน่แท้! ต่อหน้าตาแก่อย่างพวกเขาที่อยู่ในระดับปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์กลับกล้าปล่อยสนามพลังออกมาอย่างกำเริบเสิบสานไม่มีความเกรงกลัวใดๆ แถมยังอาศัยสนามพลังที่ปล่อยออกมาลอยแหวกอากาศออกมาไกลหลาย่ตัวจนทำให้คนอื่นคิดว่าเขาเหาะลอยได้ นี่เป็การอวดอ้างพลังฝีมืออย่างเห็นได้ชัดและถือเป็การตบหน้าเหล่าคุณชายทั้งหลายที่อยู่ในที่นี่เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแย่งผู้หญิงของเขา
เยว่จีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เ้าเด็กคนนี้ยังนับว่ารู้กาลเทศะยังรู้จักเคารพพวกาุโอย่างตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสดงออกอย่างชัดเจนถึงจุดประสงค์ที่มาคือเพื่อสาวงามไม่ใช่มาเพื่อก่อกวน นางรู้ดีว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลเยว่ในครั้งนี้เพียบพร้อมในทุกด้านกว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่ผ่านๆ มา แต่ไม่คิดว่านครแห่งเทพที่ไม่ค่อยปรากฏตัวต่อสายตาผู้คนกลับส่งคนมาแย่งสาวงามเช่นนี้ นี่หมายถึงอะไร? มันหมายถึงหน้าตาและเกียรติยศอย่างสูงเลยก็ว่าได้ ครั้นแล้วนางจึงยิ้มอย่างเจิดจรัสยิ่งกว่าเดิม
“คิดว่าคุณชายถูคงเป็คุณชายแห่งเทพองครักษ์สังหารัที่เป็หนึ่งในสี่องครักษ์ของนครแห่งเทพสิน่ะ ท่าทางองอาจสง่าผ่าเผยไม่ต่างจากผู้เป็บิดาเลยจริงๆ เด็กๆ...จัดเตรียมที่นั่ง!”
“ท่านผู้าุโเยว่จี ท่านพ่อฝากให้ข้ากล่าวสวัสดีแทนเขาด้วย! ส่วนเื่ที่นั่งคงไม่ต้องแล้วละ ที่นี่ข้ามีเพื่อนคนหนึ่งข้านั่งกับเขาก็ได้แล้ว” ถูเชียนจวินยิ้มราบเรียบออกมา หันหน้าไปกวาดตามองเหล่าคุณชายทั้งหลาย สุดท้ายสายตาไปหลุดอยู่ที่เสว่อู๋เหิน
“คุณชาย เชิญนั่ง!”
มองเห็นถูเชียนจวินมองมาทางตนเอง เสว่อู๋เหินยิ้มอย่างสนิทสนมมากขึ้นและรีบลุกขึ้นในทันที จากนั้นก้มหัวลงเล็กน้อยส่งสัญญาณบอกเขาให้นั่งลงยังที่นั่งของตนเอง
"อืม!” ถูเชียนจวินพยักหน้าเบาๆ ไม่สนใจต่อสายตาของทุกคน เดินตรงไปยังที่นั่งของเสว่อู๋เหินแล้วนั่งลงไป จากนั้นมองดูคนที่นั่งอยู่รอบๆ ที่มองมายังเขาด้วยอาการเกร็งเก้ๆ กังๆ ด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดใจเล็กน้อยจึงพูดขึ้น “เป็อะไรกัน? พวกเ้าทำตัวตามสบายไม่ต้องสนใจข้า คิดซะว่าข้าไม่ได้อยู่ที่นี่”
“อืม...อืม!” พวกคนที่อยู่ข้างๆ รีบก้มหน้าลง ที่ดื่มเหล้าก็ดื่มเหล้าต่อ ที่ดื่มชาก็ดื่มชาต่อ ที่กินผลไม้ก็กินผลไม้ต่อ เพียงแต่มือเท้าของทุกคนมีอาการสั่นเล็กน้อยซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้นหวาดกลัวภายในใจของพวกเขา
เฟิงจื่อและฮวาเฉ่ามองตากันและเห็นได้ถึงแววของความกังวลและตื่นตระหนกในดวงตาของกันและกัน ถูเชียนจวินผู้นี้อายุประมาณยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปีแต่มีพลังฝีมืออยู่ในระดับขอบเขตจ้าวนักรบซึ่งน่ากลัวเป็อย่างมาก ต้องเข้าใจว่าพวกเขาทั้งสองก็นับว่าเป็ผู้ที่มีพร์ชั้นหนึ่งเหมือนกัน อายุยี่สิบสี่ปีพลังฝีมือระดับขั้นที่สามขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ รวมกับเคล็ดวิชาลับของตระกูลพลังฝีมือจะเทียบได้กับระดับขั้นแรกขั้นสองขอบเขตนักรบเลยทีเดียว ด้านฐานะสู้เขาไม่ได้ก็ยอมรับเพราะนครแห่งเทพก็รู้ๆ กันอยู่ แต่พลังฝีมือสู้ไม่ได้นี่สิที่น่าขายหน้ายิ่งกว่า...
หลงสุ่ยหลิวนั่งดื่มเหล้าอยู่ข้างๆ สายตามองดูเสว่อู๋เหินที่อยู่ข้างๆ ถูเชียนจวินเป็บางครั้ง ภายในดวงตาปรากฏแววของความเย้ยหยันและหงอยเหงา แน่นอนว่าเขาอิจฉาเสว่อู๋เหินเล็กน้อยที่สามารถรู้จักและคบค้าสมาคมกับคุณชายที่มาจากนครแห่งเทพได้ แต่ก็มีแววดูถูกด้วยที่มองเห็นสายตาประจบเอาใจของเสว่อู๋เหิน
เย่ชิงหานไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกมา แม้เขาจะไม่ค่อยชอบท่าทางของถูเชียนจวินที่ยโสโอหังกว่าเย่ชิงขวงเป็อย่างมากก็ตาม แต่วันนี้เขาไม่ได้คิดที่จะอยากพาเยว่ชิงเฉิงกลับไปขึ้นเตียงด้วยอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้มีสีหน้าหรืออารมณ์ที่แสดงออกว่าเจอคู่แข่งที่แข็งแกร่งอย่างคนอื่นๆ เพียงแต่รู้สึกรังเกียจท่าทางของเสว่อู๋เหินที่คอยประจบสอพลอ เอาอกเอาใจ เวลาปกติก็เป็สุภาพบุรุษจอมปลอมอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้เผยธาตุแท้ออกมาให้เห็นยิ่งน่ารังเกียจมากยิ่งขึ้น
แปะๆ!
เยว่จีเห็นว่าอารมณ์ของทุกคนกลับมาสงบลงแล้วจึงปรบมือขึ้นสองครั้ง เริ่มเสิร์ฟอาหารอย่างแรก
จากนั้นในเวลาเดียวกันประตูสวนทางด้านตะวันตกเปิดออกพร้อมกับสาวงามสิบสองนางเดินออกมาเริ่มการแสดงการเต้นระบำขึ้น ไม่นานนักหลังจากการเต้นระบำจบลงภายใต้สายตาที่อาลัยอาวรณ์ของเหล่าคุณชายทั้งหลาย สาวงามทั้งสิบสองคนก็ถอยออกไป ทุกคนต่างครุ่นคิดอยู่ภายในใจว่าจะทำอย่างไรถึงจะได้พวกนางมาสักคน
แม้ว่าตัวละครสำคัญที่สุดในเทศกาลโคมไฟฤดูร้อนของตระกูลเยว่จะเป็ธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่เป็ผู้คัดเลือกชายในฝันเอง แต่ทุกครั้งหลังจากที่จัดการกับเื่ของธิดาศักดิ์สิทธิ์จนเสร็จเรียบร้อย ตระกูลเยว่จะคัดเลือกเหล่าคุณชายที่มีคุณสมบัติและพลังฝีมือที่อยู่อันดับแนวหน้า จากนั้นส่งสาวงามสิบสองนางจากทะเลสาบแห่งความเงียบสงบออกไปแต่งงานด้วย
แม้จะบอกว่าส่งออกไปให้แต่งด้วย ความจริงแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับการซื้อขาย สาวงามทุกนางที่ถูกส่งออกไปจะถูกเปลี่ยนมาเป็ทรัพย์สินและของล้ำค่าจำนวนมาก พวกคุณชายที่แย่งสาวงามได้ต่างไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางตระกูลของพวกเขายังยินดีใช้ทรัพย์สินและของล้ำค่ามากมายมาแลกกับสาวงามจากตระกูลเยว่อย่างเต็มใจ
แน่นอนว่าไม่เพียงแค่ความงามที่เป็หนึ่งของสาวงามจากตระกูลเยว่ ที่ไม่ว่าบุรุษคนใดก็ตามสามารถแต่งกับสาวงามของตระกูลเยว่จากทะเลสาบแห่งความเงียบสงบได้ ไม่เพียงแค่ความสุขสมทางด้านร่างกายและจิตใจที่จะได้รับเท่านั้น ตระกูลใดที่คุณชายหรือนายน้อยสามารถแต่งกับสาวงามจากทะเลสาบแห่งความเงียบสงบได้นั้น เท่ากับว่าตระกูลนั้นจะได้รับไมตรีจิตจากตระกูลเยว่ ทั้งด้านข่าวสาร ด้านการฝึกยุทธ์ และด้านทรัพยากรต่างๆ ล้วนได้รับคุณประโยชน์ในทุกด้านจนกระทั่งสาวงามคนนั้นตายไปเป็อันสิ้นสุด สามารถพูดได้ว่าตระกูลเยว่ที่สามารถดำรงอยู่มาได้นับพันปีก็เพราะใช้วิธีการแต่งงานผูกสัมพันธ์เช่นนี้
“อ้อ! เป็อย่างนี้นี่เอง วิธีการแต่งงานผูกสัมพันธ์เป็ท่านยอดคนผู้นั้นที่คิดขึ้นมา ช่างฉลาดปราดเปรื่องอย่างหาผู้ใดเปรียบได้เสียจริงๆ”
เฟิงจื่อพยักหน้าเห็นด้วยภายในดวงตาเต็มไปด้วยแววของความเลื่อมใสศรัทธา “ยอดหญิงผู้ก่อตั้งตระกูลเยว่ เยว่โห้ว! หญิงสาวผู้ที่ทำให้ปรมาจารย์บรรพบุรุษของทั้งสี่ตระกูลอย่าง เฟิงจวิน ฮวาตี้ เสว่ไซว่ และเย่หวงหลงจนหัวปักหัวปำ ในตอนนั้นพลังฝีมือของนางก็อยู่ในระดับขั้นสูงสุดขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ เท้าข้างหนึ่งได้เหยียบเข้าไปสู่ขอบเขตแห่งเทพแล้วด้วย! ตามบันทึกของตระกูล นางได้ปฎิเสธไมตรีจิตจากปรมาจารย์บรรพบุรุษทั้งสี่แล้วมายังเมืองอิ๋นเยว่ก่อตั้งตระกูลเยว่ขึ้น
“ไม่ต้องพูดแล้ว สาวงามคนสำคัญของรายการจะออกมาแล้ว อีกหน่อยเ้าต้องแสดงฝีมือให้ดีๆ เล่า เดี๋ยวข้าจะคอยเป็กำลังใจให้” เย่ชิงหานเห็นเยว่จีปรบมือขึ้นอีกก็รู้ว่าเยว่ชิงเฉิงใกล้จะปรากฏตัวแล้ว จึงรีบเอามือไปสะกิดเฟิงจื่อให้หันไปดูทางด้านหลังเยว่จี
เฟิงจื่อได้ยินรีบยืดตัวขึ้นนั่งอย่างสง่าอีกครั้งแล้วมองไปด้านหน้าด้วยความเคร่งขรึม
หลังจากเสียงปรบมือของเยว่จีจบลง สวนทางทิศตะวันตกปรากฏเสียงพิณดังขึ้น เพลงที่บรรเลงไม่รู้ว่าเป็บทเพลงชื่อว่าอะไร ผู้คนที่อยู่ในงานมีไม่กี่คนที่เข้าใจในศาสตร์แขนงนี้ เพียงแต่รู้สึกว่าเสียงพิณเริ่มแรกคล้ายกับเสียงพูดคุยกระซิบกระซาบของสาวน้อยที่ไพเราะ จากนั้นเสียงพิณได้เปลี่ยนไปคล้ายกับฝนที่ตกลงมาอย่างแรงในฤดูร้อน...สุดท้ายเสียงพิณเปลี่ยนเป็เสียงฟาดฟันกันของคมดาบ ทุกคนรู้สึกราวกับว่าได้เข้ามาสู่สนามรบที่มีคนนับหมื่นพันกำลังสู้รบกัน ทำให้เืภายในกายสูบฉีดอย่างรุนแรงและเร่าร้อนขึ้นมาในทันที
หึ่ง...
ในขณะที่ทุกคนกำลังฟังจนเืภายในกายสูบฉีดอย่างรุนแรงและเร่าร้อนอยู่นั้น เสียงพิณกลับหยุดลงอย่างฉับพลัน จึงต่างส่งสายตามองไปยังสวนทางด้านทิศตะวันออกอย่างพร้อมเพรียง พวกเขามองเห็นเงาร่างสีดอกท้อของหญิงสาวกำลังล่องลอยออกมาจากสวนทางด้านทิศตะวันตก ใบหน้าปกปิดด้วยผ้าคลุมสีดอกท้อผืนหนึ่ง ผมบนศีรษะปักด้วยดอกท้อสีสันสวยงามลานตา ในมือถือกระบี่และพิณขนาดเล็กล่องลอยลงมายังเบื้องล่าง ชุดประโปรงผ้าแพรโบกไสวไปตามแรงลมดูราวกับนาง์ที่ล่องลอยลงมายังโลกมนุษย์
ชุดประโปรงสีดอกท้อสำหรับคนธรรมดาทั่วไปใส่แล้วจะไม่ดูโดดเด่นถึงเพียงนี้ และไม่มีใครกล้าที่จะใส่เพราะว่าสีชมพูจะให้ความรู้สึกว่าพื้นๆ ธรรมดาจนเกินไป แต่วันนี้เยว่ชิงเฉิงกล้าที่จะใส่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางยังเหน็บดอกท้อที่ดูธรรมดามาด้วยบนศีรษะ
เพียงแต่...กลัวว่าผ่านวันนี้ไปผู้คนที่อยู่ในงานวันนี้จะไม่มีใครกล้าพูดว่าสีดอกท้อดูพื้นๆ ธรรมดาอีกต่อไป อย่างน้อยเยว่ชิงเฉิงไม่ธรรมดา ไม่เพียงไม่ธรรมดาแต่สีดอกท้ออ่อนๆ บนร่างกายที่อ้อนแอ้นอรชรกับเค้าหน้าที่งดงามของนางกลับให้ผู้คนรู้สึกว่าถูกล่อลวงจนดวงิญญาจะถูกดึงกระชากให้หลุดลอยออกจากร่าง ราวกับจะจบสิ้นชีวิตลงไปในขณะนั้นให้ได้!
ดอกท้อมีพิษ สามารถทำให้ผู้คนลุ่มหลง สามารถมอมเมาผู้คน และยิ่งเป็พิษจนสามารถทำให้ผู้คนจบชีวิตลงได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้