โอวหยางกงเป็ฝ่ายกดดันอยู่ฝ่ายเดียวสุดท้ายมันก็คือการบังคับข่มขู่ทางอ้อมด้วยคำพูดทำให้โอวหยางกงและผู้าุโอีกท่านหนึ่ง ซวีฝู ถึงกับโมโหจนตัวสั่นแต่ไม่สามารถโต้เถียงกลับไปได้เลย
“เอาละ”
หลังจากที่ภายในห้องได้เงียบไปหนึ่งนาทีเต็มๆเวินติ่งเทียนถึงเริ่มอ้าปากพูดอีกครั้ง
เขาตัดสินใจได้แล้วจึงค่อยๆ ยกชาขึ้นดื่มแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “พี่น้องโอวหยางยื่นข้อเสนอแบบนี้มาให้เกรงว่าเงื่อนไขเองก็เปลี่ยนไปด้วยใช่หรือไม่”
“พี่น้องเวินช่างฉลาดยิ่งนัก”โอวหยางกงยิ้มอย่างได้ใจ “เงื่อนไขของข้าก็ง่ายๆวัตถุดิบเหล่านี้กับพวกพิมพ์เขียวข้าขอแลกกับหุ้นส่วนในกิจการของตระกูลเวินสี่ส่วน!”
เพล้งง!
ถ้วยชาในมือของเวินติ่งเทียนถูกบีบจนแตกละเอียด
ที่ปรึกษาาุโทั้งสองท่านตอนนี้ต่างก็โมโหจนเืขึ้นหน้า“หุ้นของเราสี่ส่วน! ถ้าจะขออย่างนี้ เ้าไม่ไปปล้นเองเลยเล่า! ของพวกนี้มีมูลค่าอย่างมากสุดก็ไม่ถึงร้อยล้านตำลึงแต่กำไรของตระกูลเราในแต่ละปีอยู่ที่ห้าสิบกว่าล้าน ถ้าแบ่งให้เ้าไปสี่ส่วนเท่ากับว่าเ้าจะได้ส่วนแบ่งปีละประมาณยี่สิบล้าน เ้าไม่กลัวท้องแตกตายหรืออย่างไร?”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” โอวหยางกงหัวเราะเสียงดังสนั่นเผยให้เห็นใบหน้าละโมบโลภมากนั่น “ต่อให้ข้าจะโลภก็เถอะแต่ว่านะพี่น้องเวิน ถ้าเทียบกับสภาพอเนจอนาถที่ท่านอาจจะต้องเจอในอีกครึ่งปีหลังจากนี้แล้วท่านยังไม่รู้อีกหรือว่าควรเลือกอะไรถึงจะดีกับครอบครัวท่านมากกว่า ? และยิ่งไปกว่านั้น เ้ายังได้ลูกชายข้าไปเป็เขยอีก ในวันข้างหน้า ถ้าเฟิงเอ๋อร์ของข้าประสบความสำเร็จขึ้นมาตระกูลเวินของท่านเองก็จะยิ่งใหญ่รุ่งเรืองมากขึ้นไปด้วยนะ จะว่าไปแล้วธุรกิจครั้งนี้ข้าดูจะเป็ฝ่ายเสียเปรียบมากกว่าอีก ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
“เหลวไหล!”
ถังหงโมโหจนแทบคลั่งแล้วตอนนี้ แต่เขาก็รู้ว่าคำพูดของโอวหยางกงไม่ผิดเลยแม้แต่น้อยอาวุธิญญาที่ตระกูลเวินสามารถผลิตได้ใน่หลายปีมานี้ พวกเขาก็ผลิตออกมาหมดแล้วแถมนักการช่างของตระกูลเฉินในครั้งนี้ก็มีความสามารถที่สูงจนน่ากลัวถ้าพวกเขาไม่ยอมรับคำขอของโอวหยางกงแล้วละก็ อีกครึ่งปีให้หลัง ตระกูลเวินจะถึงคราวพินาศอย่างแน่นอน...
แต่ว่า...แต่ว่าอย่างนี้มันก็เสียเปรียบมากเกินไป
“อย่างไรดีพี่น้องเวิน วันนี้ข้ามีเวลาไม่มากเสียด้วย ท่านรีบให้คำตอบข้าเถอะท่านจะหมั้นหรือไม่ ถ้าไม่ละก็ ข้าจะได้ขอตัวกลับก่อน แล้วก็จะแวะหาตระกูลเฉินไปพูดคุยกับเฉินเย่เซิงสักหน่อย”
โอวหยางกงเ้ารังแกกันเกินไปแล้ว!
แม้แต่เวินติ่งเทียนในตอนนี้ยังโมโหจนั์ตาแทบลุกเป็ไฟเพียงแต่เขาในตอนนี้ก็กำลังมืดแปดด้าน ไม่รู้จะเลือกทางไหนเหมือนกัน
หรือว่าวันนี้เขาต้องยอมกัดฟันเสียเปรียบยอมให้เกิดการหมั้นที่ไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรีแบบนั้นขึ้น ?
และในตอนนั้นเองภายนอกของห้องคว้าเมฆาก็มีเสียงะโเรียกของเวินชงดังขึ้น “นายท่านท่านอาจารย์ไห่ และอาจารย์อี้มาขอพบนายท่านขอรับ”
หืม?
ทั้งสองท่านก็มาด้วยรึ?
ผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็ชะงักไปตามมาด้วยสีหน้าของเวินติ่งเทียนที่ค่อยๆ ผ่อนคลายลง “พี่น้องโอวหยางอาจารย์ทั้งสองท่านมาถึงที่นี่ด้วยตัวเองแบบนี้คงจะมีเื่สำคัญจะปรึกษาเื่นี้เอาไว้คุยต่อคราวหลังแล้วกัน”
“ไม่จำเป็หรอก...”โอวหยางกงแสยะยิ้มอย่างเ้าเล่ห์ “เลี่ยนเทียนเฮ่าก็เป็กิจการที่ข้าสนใจมากที่สุดข้าเองก็รู้สึกชื่นชมอาจารย์ทั้งสองท่านอยู่แล้ว วันนี้มีโอกาสได้พบกันเสียทีอีกอย่างท่านก็สามารถใช้โอกาสนี้ปรึกษากับพวกเขาได้พอดี ฮ่าฮ่า!”
ระหว่างที่โอวหยางกงพูดอยู่ก็มีเสียงพูดของอี้สิงอวิ๋นดังแทรกเข้ามาจากด้านนอก
“ปรึกษาเื่อะไรให้ข้ากับศิษย์พี่รู้ด้วย!”
หลังจากนั้นประตูของห้องคว้าเมฆาก็ถูกเปิดออก บุคคลสำคัญของตระกูลเวินทั้งสองท่านก็เดินเข้ามาในห้องคว้าเมฆาในขณะเดียวกัน ที่ด้านหลังของอาจารย์ทั้งสองท่านนั้นก็มีหนุ่มน้อยรูปงามเดินตามเข้ามาด้วย หนุ่มน้อยผู้นั้นก็คือหลินหยางนั่นเอง
“คุณชายหลินเชิญ”
ภายในห้องคว้าเมฆานั้นภาพที่เหล่าผู้มีอำนาจทั้งสี่ท่านเห็นนั้น มันทำให้พวกเขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยสักนิด
อี้สิงอวิ๋นที่ปกติจะมีท่าทางหยิ่งทะนงผู้นั้นกำลังทำท่าต้อนรับให้กับชายหนุ่มที่เดินตามหลังมาด้วยตรงหน้าประตูแสดงให้เห็นถึงความเคารพนับถือที่มีต่อเด็กหนุ่มจากก้นบึ้งของหัวใจ กระทั่งอี้ชังไห่ที่ยืนอยู่ข้างๆเองก็ไม่มีท่าทีต่อต้านหรือปฏิเสธใดๆ กับการกระทำแบบนี้แถมยังยืนมองเหมือนกับว่าเป็เื่ปกติด้วยซ้ำ
เ้าเด็กนี่เป็ใคร?
ถึงขนาดทำให้อาจารย์ทั้งสองท่านที่เป็ที่เคารพของคนทั่วไปยังต้องนอบน้อม
หลินหยางมีสีหน้าเรียบเฉยผงกหัวให้กับทั้งสองท่านก่อน แล้วจึงเดินเข้ามาในห้องคว้าเมฆาแห่งนี้ทำให้เวินติ่งเทียนและโอวหยางกงที่ตั้งใจจะทำความเคารพให้กับอี้สิงอวิ๋นถึงกับผงะไป
“ไม่ทราบว่าท่านนี้คือ?”
เวินติ่งเทียนหันไปถามอี้สิงอวิ๋นด้วยความสงสัย
“อ้อประมุขเวิน ท่านนี้คือคุณชายหลิน เขาเป็แขกกิตติมศักดิ์ของเลี่ยนเทียนเฮ่าของเราเองนั่งกันก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะเล่ารายละเอียดให้ท่านฟังเอง” อี้สิงอวิ๋นหันไปกะพริบตาให้เวินติ่งเทียนอีกฝ่ายเมื่อเห็นดังนั้นก็ผงกหัวให้
ด้านข้างนั้น
อี้ชังไห่ก็ทำให้คนรอบข้างประหลาดใจอีกครั้ง“คุณชายหลิน เชิญนั่งเถอะ!”
นักการช่างอันดับหนึ่งของเมืองอวิ๋นเฉิงอย่างอี้ชังไห่ที่แม้แต่เวินติ่งเทียนยังต้องเกรงใจผู้นั้นวันนี้เขากลับยอมให้หนุ่มน้อยผู้นี้นั่งก่อนเลยหรือ?
เื่ที่เกิดขึ้นทำให้ผู้คนยิ่งสงสัยในตัวตนของหลินหยางมากขึ้นกว่าเดิม
“ไม่กล้าไม่กล้าท่านอาจารย์ไห่เชิญนั่งก่อนเถอะ ข้าขอยืนอยู่ข้างๆ ท่านก็พอแล้ว”
หลินหยางยิ้มอย่างนอบน้อมพลางถอยออกมาภายในห้องคว้าเมฆาแต่เดิมก็มีเก้าอี้อยู่เพียงหกตัวอยู่แล้วหลังจากที่เวินติ่งเทียน โอวหยางกง ที่ปรึกษาผู้าุโสองท่าน และอาจารย์อี้ทั้งสองท่านแยกย้ายกันไปนั่งลงเรียบร้อยแล้ว หลินหยางก็ไปยืนยิ้มเงียบๆ อยู่ด้านหลังระหว่างเวินติ่งเทียนและอี้ชังไห่ด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม
โอวหยางกงไม่รู้ว่าเพราะอะไรหลังจากที่กลุ่มของหลินหยางเข้ามาเพิ่มอีกสามคน ภายในใจก็เกิดความรู้สึกประหลาดๆ แบบบอกไม่ถูกขึ้น
โดยเฉพาะเ้าหนุ่มที่น่าจะอายุแค่สิบกว่าขวบนั่นหลังจากที่ได้สบตากับมัน ก็ทำให้รู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัวรอยยิ้มที่ดูคลุมเครือแบบนั้น ราวกับว่ามันสามารถอ่านใจเขาได้ทะลุปรุโปร่งทำให้รู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว
แปลกประหลาดจริงๆ
โอวหยางกงพยายามฝืนกดความรู้สึกแบบนี้เอาไว้ ปรากฏรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าของเขาอีกครั้งพลางมองไปที่ฝั่งตรงข้าม“โอวหยางกงวันนี้มีโอกาสได้พบกับท่านอาจารย์อี้และอาจารย์ไห่นับว่าเป็เกียรติของข้า”
“ไม่ต้องพูดพล่ามอะไรอีกแล้วก่อนหน้านี้เ้าบอกว่าจะกลืนกิจการของครอบครัวเวินเราสี่ส่วนใช่ไหม? เอารายชื่อนั่นมาให้ข้าดูหน่อย ข้าอยากจะรู้จริงว่าอะไรทำให้เ้ามั่นใจจนกล้าพูดเื่พล่อยๆ แบบนั้นออกมาได้”
อี้สิงอวิ๋นพูดจาเถรตรงราวกับป้อมปืมใหญ่มาถึงก็เปิดฉากยิงใส่ตรงๆ เลย ทุกคำพูดที่กล่าวออกมานั้นคมกริบดุจใบมีด แหลมคมจนรอยยิ้มของโอวหยางกงกระตุก
“ฮ่ะฮ่ะ”เ้าอ้วนนี่หัวเราะอย่างเ็า “อาจารย์อี้ช่างเป็คนเถรตรงจริงๆแต่ข้าเกรงว่าหลังจากที่ท่านได้เห็นของในรายชื่อเหล่านี้แล้วจะยังคงความมั่นใจอย่างนี้ต่อไปได้หรือไม่”
พอเขากล่าวจบ ถังหงที่นั่งอยู่ข้างๆก็เอาใบรายชื่อนั่นส่งให้กับอี้สิงอวิ๋นหลังจากที่ท่านผู้เฒ่าได้ดูใบรายชื่อนั่นแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อหลังจากนั้นก็ส่งต่อให้กับอี้ชังไห่ หลังจากที่อาจารย์ไห่ได้ดูรายชื่อนั่นแล้วก็ทำเื่น่าเหลือเชื่ออีกครั้งโดยการส่งต่อใบรายชื่อนั่นให้กับหลินหยาง แถมยังกล่าวเสริมไปอีกว่า
“คุณชายหลินท่านลองช่วยออกความเห็นแทนข้าหน่อยสิ”
อะไรนะ?
อีกสี่ท่านที่เหลือถึงกับอึ้งไป
อาจารย์ไห่ท่านนี้กำลังเมาอะไรอยู่หรือเปล่านี่มันเื่คอขาดบาดตายของตระกูลเวินเลยนะ กล้าปล่อยให้เ้าหนูน้อยคนหนึ่งมาออกความเห็นได้อย่างไร
ถ้าไม่ใช่เพราะเวินติ่งเทียนเชื่อมั่นในตัวของอี้ชังไห่มากละก็เขาคงไม่ทนนั่งฟังเงียบๆ อยู่อย่างนี้แน่นอนเขายอมให้หลินหยางเอารายชื่อเ่าั้ไปดูอย่างละเอียดหนึ่งรอบ
หลังจากที่ดูเสร็จ หลินหยางก็พูดออกมาประโยคหนึ่งเป็ประโยคที่ทำเอาโอวหยางกงแทบจะเป็ลมลงไปเลย
“ของแบบนี้ก็กล้าเอาออกมาโชว์หรือ...ข้าี้เีพูดต่อแล้วฉีกทิ้งไปเลยเถอะ...”
ฉีกทิ้ง...ไปเลย...
โอวหยางกงถึงกับสงสัยว่าหูของตัวเองมีปัญหาอะไรหรือเปล่าเขาไม่ได้ยินผิดไปเองใช่หรือไม่? เ้าเด็กนั่นมันอ่านหนังสือออกจริงหรือ? มันแน่ใจแล้วใช่ไหมว่ารู้จักของที่อยู่ในรายชื่อนั่น?
ของในนั่นมีมูลค่าสูงเทียมฟ้าเลยนะ!
แต่นี่มันกลับบอกว่าจะฉีกทิ้ง?
แถมอีกฝ่ายเองก็ลงมือฉีกกระดาษรายชื่อนั่นทิ้งจริงๆ
แควก แควก
อี้สิงอวิ๋นรับกระดาษรายชื่อมาบนในหน้าปรากฏรอยยิ้มเ็าพลันลงมือฉีกกระดาษแผ่นรายชื่อที่มีมูลค่าหลักร้อยล้านนั่นทิ้งจนกลายเป็เศษเล็กเศษน้อยต่อหน้าโอวหยางกง
อี้สิงอวิ๋นเอาเศษกระดาษเหล่านี้โยนใส่หน้าของโอวหยางกงตรงๆความโกรธที่เขาพยายามกดเอาไว้ั้แ่ตอนที่อยู่ข้างนอกก่อนหน้านี้ก็ะเิออกมาทันที“แค่ของกระจอกๆ พรรค์นี้ก็คิดจะเอามาใช้แย่งชิงหุ้นส่วนกิจการของตระกูลเวินเราไปสี่ส่วนเลยอย่างนั้นหรือแม่มันเถอะ ในสมองมีแต่ขี้ใช่ไหม!”
สมกับเป็อี้สิงอวิ๋นจริงๆพอโมโหขึ้นมาทีก็เหมือนกับราชสีห์คำรามด้วยความพิโรธ ตวาดด่าจนน้ำลายกระเด็นกระดอนเลอะเต็มหน้าอ้วนๆแก่ๆ ของโอวหยางกง
“พวกเ้า!”
โอวหยางกงดีดตัวลุกขึ้นยืนทันทีกล้ามเนื้ออ้วนๆ บนใบหน้ามันถึงกับสั่นกระตุก เขาชี้นิ้วไปด้านหน้าไม่รู้ว่าชี้ไปที่อี้สิงอวิ๋นหรือชี้ไปที่หลินหยาง
“เ้าพวกเ้ารู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป? ประมุขเวินท่านดูสิว่าคนของท่านมันทำอะไรอยู่? พวกมันฟังคำพูดของเ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแบบนั้นนี่นะ? ถ้าวันนี้ท่านไม่มีเหตุผลดีๆ ให้ข้าละก็ข้าจะเอาของเหล่านี้ไปขายให้พวกตระกูลเฉินมันข้าจะทำให้พวกท่านไม่มีโอกาสได้ลืมตาอ้าปากอีกเลย!”
เวินติ่งเทียนตอนนี้กำลังแอบซุบซิบอะไรบางอย่างกับอี้ชังไห่พอดีซึ่งหลินหยางก็พอจะเดาเนื้อหาได้อยู่บ้าง คงไม่พ้นแนะนำเื่เกี่ยวกับตัวเขาให้ฟังพร้อมกับเล่าเื่ของขวัญสองชิ้นที่เขาเตรียมไว้นั่นด้วย
พูดไปได้ไม่กี่คำสีหน้าของเวินติ่งเทียนที่ก่อนหน้านี้ถูกโอวหยางกงยั่วโมโหจนขาวซีดนั่น อยู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็สีแดงสดใสทันทีเป็สีหน้าที่แสดงให้เห็นถึงความปีติยินดีอย่างยิ่ง
“ประมุขโอวหยางท่านอย่าเพิ่งพูดมาก อาจารย์ไห่ เมื่อครู่ท่านพูดว่าอะไรนะ?”
ปฏิกิริยาของเวินติ่งเทียนต่างหากที่น่าโมโหมากกว่า เขาโบกมือไปมาเหมือน้าจะบอกให้โอวหยางกงเบาเสียงลงเสียงพูดของมันรบกวนการสนทนาระหว่างเขากับอี้ชังไห่อยู่
เวรเอ๊ย!
โอวหยางกงรู้สึกโมโหจนตัวแทบแตกแล้ว
ตระกูลเวินนี่มันกินยาผิดเข้าไปหรือเปล่าใน่เวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่นาทีกลับเปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือไปหลังมือแบบนี้
“เวินติ่งเทียน!”
แต่ถึงอย่างไร โอวหยางกงก็ยังเป็ถึงประมุขของตระกูลใหญ่ถึงจะโดนหักหน้าไปแบบนั้นก็ยังสามารถสงบจิตใจลงได้อีกครั้งน้ำเสียงก็กลับมาเป็ปกติ หรืออาจจะสุขุมยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำเขากล่าวอย่างเ็าว่า
“ท่าทีที่เ้าแสดงออกมาแบบนี้ข้าเข้าใจว่าเ้าจะปฏิเสธข้อเสนอของข้าแล้วใช่หรือไม่? เ้าเข้าใจถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาหลังจากนี้ดีแล้วใช่ไหม?”ระหว่างที่พูดอยู่ก็นึกถึงหลินหยางขึ้นมาได้ พอมาลองคิดดูดีๆ แล้วที่เื่ราวมันพลิกกลับตาลปัตรไปแบบนี้ ทั้งหมดมันเกิดจากเ้าเด็กนี่คนเดียวเขาหันไปตวาดใส่หลินหยางว่า
“แล้วก็เ้าเ้าหนู รู้ตัวไหมว่าเ้าทำอะไรโง่ๆ ลงไป ตระกูลเวินอาจจะถูกทำลายจนย่อยยับด้วยน้ำมือของเ้าก็ได้เ้ารู้หรือไม่!!”
หลินหยางมองดูท่าทางของโอวหยางกงแล้วก็แอบหัวเราะขำในใจ
เ้าอ้วนนี่มันยังคิดว่าตัวเองกุมชะตาชีวิตของตระกูลเวินเอาไว้อยู่อีกหรืองี่เง่าจริงๆ เงื่อนไขที่ทำให้ตระกูลเวินไม่สามารถขัดขืนได้นั้นถูกหลินหยางแก้ได้นานแล้ว ด้วยของขวัญสองชิ้นที่เขาเตรียมไว้ให้ตระกูลเวินนั่นเอง
ยาหลอมฟ้าเป็ชุ่ยหลิงจี้ระดับสุดยอดที่ก้าวหน้ากว่าแบบดั้งเดิมที่ใช้กันในอาณาจักรชูอวิ๋นจวิ้นนับร้อยปีวัตถุดิบที่ใช้สร้างก็หาได้ง่าย ราคาถูก แต่ผลลัพธ์กับมหัศจรรย์แค่ยาหลอมฟ้านี้เพียงอย่างเดียวก็สามารถสร้างกำไรให้กับตระกูลเวินได้มากกว่าเดิมถึงพันเท่าหมื่นเท่าในเวลาสั้นๆ ส่วนกำไรในระยะยาวเองก็มีมูลค่าสูงกว่าพวกวัตถุดิบของโอวหยางกงนั่นอย่างเทียบกันไม่ได้
ส่วนเื่พิมพ์เขียวของอาวุธิญญาขั้นสูงก็...
ของขวัญที่หลินหยางเตรียมไว้ให้นั้นเป็สมบัติที่มีระดับสูงกว่าอาวุธิญญาขั้นสูงไปแล้ว ด้วยสมบัติชิ้นนี้เวินติ่งเทียนไม่มีทางกลับไปยอมรับการหมั้นของเ้าอ้วนเวรนั่นอีกเด็ดขาด! เว้นแต่ว่าเวินติ่งเทียนจะเสียสติไปเสียแล้ว
เขาตอบกลับโอวหยางกงไปว่า“ข้าเข้าใจ ถ้าประมุขเวินยอมรับเงื่อนไขของท่านนั่นต่างหากคือจุดจบของตระกูลเวินอย่างแท้จริง ส่วนเื่ของตระกูลเวินหลังจากนี้ก็คงไม่จำเป็ต้องรบกวน... เอ่อ ท่านอาจารย์อี้ เ้าอ้วนนี่มันชื่ออะไรนะ?”
“โอวหยางเ้าอ้วนโอวหยาง!” อี้สิงอวิ๋นเข้ามาเสริมทัพได้อย่างเหมาะเหม็ง
“อ๋ออ... เราไม่จำเป็ต้องรบกวนท่านโอวหยางแล้วละ”