หลิวเฟิงเห็นว่าเมื่อพูดจบอีกฝ่ายยังไม่แม้แต่จะตอบสนอง จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดและท้อแท้ นอกจากนี้หลี่อวิ๋นหังไม่ได้บอกว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยจึงเงียบตามอย่างลำบากใจ เจียงเฉิงเยว่ที่สลบไปในมือของเขายิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ ช่างเป็อุปสรรคน้อยเสียจริง เขาจึงทำเหมือนว่าหลี่อวิ๋นหังยอมรับแล้วอย่างเงียบงัน พูดอย่างระมัดระวังขึ้นมาอีก “ถ้าอย่างนั้น เซียนจวิน...ข้าน้อยขอตัวไปก่อน”
หลังจากนั้นหลี่อวิ๋นหังเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่าในดวงตามีความไม่เต็มใจอยู่หลายส่วน แต่หลิวเฟิงไม่สนใจอีกต่อไป ร่ายเคล็ดวิชาเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาเพื่อพาเจียงเฉิงเยว่ออกไป และครั้งนี้หลี่อวิ๋นหังไม่ได้ขัดขวาง
่เวลาที่เคล็ดวิชาสว่างวาบขึ้นมา หลี่อวิ๋นหังยืนอยู่ที่เดิม หลังยืดตรง มองดูพวกเขาจากไปอย่างนิ่งเงียบด้วยสีหน้าอ้างว้างเล็กน้อย
.............................
หลังจากเจียงเฉิงเยว่ตื่นขึ้น เขาพบว่าตนเองอยู่ในห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงามหรูหรา ภายนอกห้องมีเสียงดังโหวกเหวกต้อนรับขับสู้ของผู้คนที่ลอยมาจากที่ไกลๆ เสียงหัวเราะดังครึกครื้นอย่างยิ่ง
เขาลูบศีรษะแล้วลุกขึ้นมาด้วยศีรษะที่หนักอึ้งกับเท้าที่ไร้น้ำหนัก ไม่นานเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นอยู่ข้างกาย “ตื่นแล้วหรือ?”
เขามองไปที่หลิวเฟิงซึ่งนั่งอย่างเงียบเชียบอยู่ด้านข้าง แขนเสื้อถูกตัดโดยไม่ได้ตั้งใจจากแรงกดดันิญญาอาวุธวิเศษของหลี่อวิ๋นหัง ท่าทางดูทั้งเสียดายและประหลาดใจ แต่สุดท้ายกลับถอนหายใจโล่งอก
เจียงเฉิงเยว่กล่าว “ที่นี่ที่ไหน?”
หลิวเฟิงตอบกลับ “ฐานที่มั่นของข้าในโลกมนุษย์”
เจียงเฉิงเยว่เม้มริมฝีปาก “นี่ไม่ใช่โรงมหรสพหรือ?”
หลิวเฟิงหัวเราะเยาะ “เ้าฝันไปเถอะ!”
เจียงเฉิงเยว่หัวเราะบอก “นี่ค่อยสอดคล้องกับธรรมชาติ ‘นิสัยลอยลม’ ของเ้าเมืองจู้ยงหน่อย...”
หลิวเฟิงกล่าว “ฉิงชางจวิน ท่านถ่อมตัวไปแล้ว”
เจียงเฉิงเยว่ “เหวินเสี่ยนเซียนจวินต่างหากที่ถ่อมตัวเกินไป...”
ทั้งสองคนไม่ได้เจอกันนาน หลังจากพูดคุยกันสักพักถึงย้อนกลับไปที่ประเด็นหลัก
หลิวเฟิงกล่าว “เ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?”
เจียงเฉิงเยว่ตรวจสอบตนเองรอบหนึ่ง “ข้ารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นแล้ว มีวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย”
หลิวเฟิงเย้ยหยัน “ิญญาเกือบถูกใครบางคนทำลาย หากไม่รู้สึกวิงเวียนในยามนี้สิถึงจะผิดปกติ แม้ว่าข้าจะจัดการชีพจริญญาให้เ้าแล้ว แต่เื่ของิญญา...ยังต้องพักฟื้นอย่างสงบ”
“อืม” เจียงเฉิงเยว่รับฟังคำแนะนำ พยักหน้าเห็นด้วย
หลิวเฟิงนิ่งไปชั่วครู่แล้วถามอีกครั้ง “เฉิงเยว่ เ้ากับหลี่อวิ๋นหังเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เจียงเฉิงเยว่ตกตะลึง เขาเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าซับซ้อน ผ่านไปเป็เวลานานยังไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
หลิวเฟิงกล่าวอีก “หลี่อวิ๋นหังได้เลื่อนขั้นสองครั้ง ณ ตอนนี้ดำรงตำแหน่งซ่างเซียน ถือครองวังหลิงปี้กับดาบเซวียนหยวน แม้ว่าประสบการณ์จะตื้นเขินแต่ตำแหน่งสูงส่งเป็อย่างยิ่ง สายตาของคนทั้งสามโลกหกเหล่าต่างจ้องไปที่เขา หงหยวนเทียนจุน เ้าของวังหลิงปี้คนก่อนเป็เซียนจวินที่เลื่อนขั้นขึ้นสู่์หลังจากการสร้างโลก มีตำแหน่งเป็เทพผู้สร้างอันสูงส่ง เมื่อเปรียบเทียบกับเผ่าเทพาแล้ว เขาได้รับความเคารพนับถืออย่างยิ่ง เคยแปลงกายเป็มนุษย์และรับศิษย์จำนวนนับไม่ถ้วนบนโลกมนุษย์ แต่หลี่อวิ๋นหังซึ่งเป็คนสุดท้ายและมีประสบการณ์น้อยที่สุด กลับใช้เวลาเลื่อนขั้นสั้นที่สุดในการเข้าสู่วัง ปัจจุบันเซียนจวินคนใดของวังหลิงปี้ที่เมื่อกล่าวถึงแล้วไม่มีตำแหน่งสูงไปกว่าหลี่อวิ๋นหังบ้าง? ช่างยากที่จะตอบนัก เมื่อหงหยวนเทียนจุนหวนคืนสู่าก็ได้มอบวังหลิงปี้กับดาบเซวียนหยวนให้เขา มีหลายคนที่คิดจนสมองจะแตกแต่ยังไม่เข้าใจว่าทำไม เ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งนี้เทียบเท่ากับอะไร? ดาบเซวียนหยวนเป็ดาบเล่มแรกในโลก หนึ่งในอาวุธเทพระดับจักรวาลเพียงไม่กี่ชิ้นที่เกิดเมื่อฟ้าดินได้แบ่งแยกออกคราแรก ราวกับดาบอาญาสิทธิ์บนโลกมนุษย์ที่สามารถใช้สังหารกษัตริย์และข้าราชบริพารผู้อ่อนแอได้ ถึงอย่างนั้นเวลานี้ กลับถูกถือครองอยู่ในมือของเด็กไร้เดียงสาผู้หนึ่ง...ช่างไร้สาระเสียจริง มีกี่คนที่เฝ้าดูเื่ขบขันนี้อยู่กัน! และั้แ่ที่หลี่อวิ๋นหังรับ่ต่อ ทุกสิ่งที่กระทำเพื่อไม่ให้ผู้ใดพบข้อผิดพลาด เขาจึงมีประสบการณ์และไหวพริบ...เวลานี้เขาริเริ่มขอรับ่ต่อคดีโซ่วหลิง ทันทีที่เขาลงมายังโลกก็ตามมาลงมือกับเ้าอย่างส่วนตัวโดยไม่ถามให้กระจ่าง...นี่ช่างไม่เหมือนการกระทำของเขาจริงเชียว แต่เหมือนกับว่าเ้ากับเขาบาดหมางอะไรกันมาก่อน”
เจียงเฉิงเยว่ถอนหายใจบอก “เื่มันยาว”
หลิวเฟิงยิ้มเยาะแล้วสั่งอย่างไม่เกรงใจ “เล่าแบบรวบรัดเสีย!”
เจียงเฉิงเยว่ถอนหายใจอีกครั้ง เงยหน้าขึ้นมองหลิวเฟิงพลางยิ้มขมขื่น “ก่อนหน้านี้เ้าเคยถามข้าไม่ใช่หรือว่าร่างผู้โชคร้ายคนใด? ผู้โชคร้ายคนนั้นคือหลี่อวิ๋นเฉิน...เสด็จพี่ที่เคยสนิทสนมกับหลี่อวิ๋นหังมากที่สุด”
หลิวเฟิงตะลึงไปนานจึงถามต่อ “เื่เมื่อไรกัน? ทำไมข้าถึงไม่รู้...หลังจากการปิดล้อมเมืองยงเมื่อปีนั้น...เ้าไม่ได้ถูกตี้จวิน...ปิดผนึกไว้หรอกหรือ?”
เจียงเฉิงเยว่กล่าว “หลายสิบปีหลังจากนั้น”
หลิวเฟิงตอบกลับ “ใจกล้ามาก! เ้าไม่กลัวว่าตี้จวินจะแยกิญญาของเ้าหรือ?”
เจียงเฉิงเยว่ส่งยิ้มขื่น “เ้าอย่าพูดเลย เกือบจะโดนแยกแล้วจริงๆ “
หลังจากได้ยินถ้อยคำนั้น หลิวเฟิงไร้คำพูดเป็เวลานาน เพียงจ้องมองด้วยสีหน้าซับซ้อน ครู่ต่อมาใบหน้าของเขาซีดเชียวก่อนพึมพำ “เช่นนั้นระหว่างเ้ากับหลี่อวิ๋นหัง...บาดหมางกันมาก่อนจริงหรือ?”
เจียงเฉิงเยว่ลดศีรษะลงไม่พูดจา
หลิวเฟิงเงียบอยู่นานอีกครั้ง ทันใดนั้นกลับเงยหน้าขึ้นพูดกับเจียงเฉิงเยว่ “เฉิงเยว่ ถ้าไม่อย่างนั้น...เ้ากลับไปเสียเถอะ”
เจียงเฉิงเยว่มองใบหน้าขาวซีดของอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เ้าหมายความว่าอย่างไร? หากข้าไปตอนนี้ จะไม่ใช่การหลบหนีความผิดหรอกหรือ?!”
หลิวเฟิงรีบบอก “เฉิงเยว่ หลี่อวิ๋นหังผู้นี้...ความเป็จริงแล้วค่อนข้างโเี้”
เจียงเฉิงเยว่ตกตะลึง นึกถึงหลี่อวิ๋นอี้ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ หัวใจเขาพลันเต้นรัว
หลิวเฟิงกล่าวต่อ “ในสามโลกหกเหล่า เ้าก็รู้ว่าจำนวนของเผ่าเทพช่างน้อยยิ่งนัก เสวียนชางเทียนจวินแห่งวังจินเชวีย เ้าแห่งแดน์ เป็เผ่าเทพาที่มีโลหิตกับิญญาบริสุทธิ์เพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ ซึ่งในความเป็จริง ตำแหน่งปัจจุบันของเขากลับสั่นคลอนอยู่หลายส่วน เมื่อหงหยวนเทียนจุนคงอยู่ แดน์ประกอบไปด้วยวังจินเชวีย วังจินเยี่ยนและวังหลิงปี้ซึ่งเป็สามวังทรงพลัง เ้าวังจินเชวียถือครองกระจกคุนหลุน เ้าวังจินเยี่ยนถือครองพิณฝูซี ส่วนเ้าวังหลิงปี้ถือครองดาบเซวียนหยวน...ที่เสวียนชางเทียนจวินสามารถนั่งตำแหน่งเ้าแห่ง์ในปัจจุบันได้ เพราะยังมีการคุ้มครองของหวาเทียนซ่างเสินหรือพี่ชายของเขา เวลานี้ หงหยวนเทียนจุนได้หวนคืนสู่า ดาบที่ตกอยู่ในมือของหลี่อวิ๋นหัง ความเป็จริงแล้วนี่คือสถานะของกระถางสามขาถูกทำลาย หลี่อวิ๋นหังได้กลายเป็เป้าหมายอย่างเลี่ยงไม่ได้ของเหล่าเทพเซียนแห่งวังจินเชวียกับวังจินเยี่ยนแล้ว หากเขารับไม่ได้จะถูกทำลาย เฉิงเยว่ นี่เป็บ่อโคลนลึกที่เ้าอาจคาดไม่ถึง...หลี่อวิ๋นหังอาศัยการบ่มเพาะเพียงไม่กี่ทศวรรษกลับสามารถมีส่วนร่วมและรับมือกับมันได้ด้วยตัวคนเดียว เช่นนี้เ้าคงจินตนาการได้แล้วว่าวิธีการของเขาเป็อย่างไร หากเป็ไปได้ ทางที่ดีเ้าไม่ควรเข้าไปพัวพันกับบ่อโคลนนี้ ข้าถึงแนะนำให้เ้ากลับไปเสีย”
เมื่อหลิวเฟิงกล่าวจบ อีกฝ่ายกลับนิ่งเงียบไม่ตอบรับ
หลิวเฟิงเกลี้ยกล่อมเขาอยู่พักหนึ่ง หลังเห็นว่าเขาไม่ไหวติงจึงอดไม่ได้ที่จะรีบร้อน ก่อนหยุดพูดอย่างกะทันหันพลางจดจ่อฟังบางสิ่ง เจียงเฉิงเยว่นิ่งเงียบรอจนกระทั่งแสงรัศมีเล็กๆ ในดวงตาของอีกฝ่ายจางหายไป เขาจึงถาม “ใครเรียกในจิตสำนึกของเ้า?”
มุมปากของหลิวเฟิงอดไม่ได้ที่จะโค้งเป็รอยยิ้ม บอกอย่างช่วยไม่ได้ “จะเป็ใครได้เล่า คุณชายของข้า”
เจียงเฉิงเยว่ตกตะลึงกับถ้อยคำนั้น
หลิวเฟิงตอบสนองและอธิบายให้ฟัง “เป็อวี่ซู”
เจียงเฉิงเยว่ระบายยิ้ม “เขากลายเป็ ‘คุณชาย’ ของเ้าได้อย่างไร?”
หลิวเฟิงยิ้มเยาะเล็กน้อย “เขาดูจริงจังตลอดเวลา เหมือนกับเ้านายหัวโบราณไม่ใช่หรือไร? ด้วยเหตุนี้ในเมืองจู้ยง ทุกคนจึงเรียกเขาว่า ‘คุณชายอวี่’ ”
เจียงเฉิงเยว่ยิ้มเยาะ “เรียก ‘คุณชายอวี่’ มาที่นี่เสีย ข้าอยากขอบคุณเขา”
หลิวเฟิงขมวดคิ้วถาม “เ้าจะขอบคุณเขาเื่อะไร?”
เจียงเฉิงเยว่นำเื่ที่เคยกำชับอวี่ซูก่อนหน้านี้มาเล่าให้ฟัง เมื่อหลิวเฟิงได้รับฟังจึงจ้องมอง “หากเ้าขาดกำลังคน ไม่ใช่เื่ใหญ่สำหรับข้าหากจะแต่งตั้งคนให้เ้าสักสองสามคน อวี่ซูมีเื่ที่ต้องทำมากมายในเมืองจู้ยง เ้าอย่าอาศัยที่เขานิสัยดีแล้วจึงไปรบกวนเขาในเื่เล็ก เรียกใช้คนของข้าอย่างไม่เกรงใจราวกับเป็คนของตนเองเช่นนี้”
เจียงเฉิงเยว่ได้รับคำตำหนิเป็ชุดอย่างงุนงง “เกิดอะไรขึ้น เซียนจวินเห็นอกเห็นใจผู้คนเบื้องล่างั้แ่เมื่อไรกัน?”
หลิวเฟิงกลอกตาบอก “ข้าหมายความว่าหากเ้ามีเื่อะไรให้มาหาข้าก่อน”
เจียงเฉิงเยว่เถียงกับตัวเองอย่างไร้เดียงสา “ก็ไม่ใช่เพราะส่งกระแสเสียงไม่ได้หรอกหรือ?”
หลิวเฟิงไม่อยากยุ่งวุ่นวายเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ จึงพูดเพียง “พอได้แล้วๆๆ” ขณะที่เขาพูดก็เรียกอวี่ซูมา
อวี่ซูปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาทั้งสองคน เมื่อเห็นว่าเจียงเฉิงเยว่อยู่ด้วยจึงประสานมือทำความเคารพทั้งสองตามลำดับเป็เวลานาน ก่อนที่จะเรียกแต่ละคนอย่างแข็งกระด้างเล็กน้อย “นายท่าน คุณชาย”
หลิวเฟิงตกตะลึง พยักหน้าเล็กน้อยก่อนกล่าว “มีเื่ใด?”
อวี่ซูหันไปหาแล้วกล่าวด้วยความเคารพ “นายท่าน ตี้จวินมีรับเชิญ”
เจียงเฉิงเยว่กับหลิวเฟิงอดไม่ได้ที่จะตะลึงงันในเวลาเดียวกัน
หากเหล่าภูตผีกล่าวถึงตี้จวินจะหมายถึงเพียงบุคคลเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือาาฉินก่วงเ้าแห่งวังเสวียนิ อันดับแรกของสิบยมราช หากนับอย่างเคร่งครัดแล้ว าาฉินก่วงยังมีความเกี่ยวข้องกับเผ่าเทพ ทว่าเนื่องจากรับผิดชอบปรโลกมานับพันปี จึงกลายเป็ผู้มีความยุติธรรมและไม่เห็นแก่ตัว ได้รับความเคารพจากทั้งสามโลกหกเหล่า
หลิวเฟิงมองไปทางเจียงเฉิงเยว่ “ตี้จวิน...เรียกข้าไปในเวลานี้มีเื่ใด?”
ในใจของเจียงเฉิงเยว่พลันรู้สึกจมดิ่ง “ข้าก็ไม่รู้!!!”
ทั้งสองคนสบตากันเป็เวลานาน ภายในแววตามีความตื่นตระหนก
หลิวเฟิงกล่าว “ข้าจะลองไปดู”
เจียงเฉิงเยว่รีบคว้าแขนเสื้อของอีกฝ่าย “อย่าให้ตี้จวินรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่!!! ไม่สิ อย่าให้ตี้จวินรู้ว่าข้า...ออกมาแล้ว”
ทั้งหลิวเฟิงและอวี่ซูต่างใ หลิวเฟิงขมวดคิ้วพลางรีบถาม “เ้า! เ้าทำอะไรหลังจากที่ปิดล้อมเมืองยงอีก?”
เจียงเฉิงเยว่รีบโบกมือตอบกลับ “ไม่ๆๆๆๆ เ้าอย่าเข้าใจผิด...ที่ข้าทำผิดพลาดครั้งใหญ่ในเมืองยงก่อนหน้านี้เป็เพราะข้าหุนหันพลันแล่นจริง ข้าสัญญากับตี้จวินแล้วว่าข้าจะไม่ทำลายชีวิตมนุษย์โดยง่ายอีก หากเขารู้...เ้าอย่าเพิ่งบอกว่าข้าอยู่ที่นี่ ประเดี๋ยวภายหลังข้าจะไปอธิบายกับเขาด้วยตนเอง”
หลิวเฟิงกอดอกตอบ “ตกลง ข้าจะไปดูก่อน...ว่าเขามีธุระอะไรกับข้า” จากนั้นจึงกำชับเจียงเฉิงเยว่อย่างเป็กังวลอีกครั้ง “เ้า...สองวันนี้พักฟื้นที่นี่อย่างซื่อสัตย์ด้วยล่ะ! เข้าใจหรือไม่?”
เจียงเฉิงเยว่พยักหน้ารับ
หลิวเฟิงขู่ด้วยรอยยิ้มเย็นอีกครั้ง “หากเ้ากล้าไม่เชื่อฟัง ข้าจะโยนเ้าออกไปให้หลี่อวิ๋นหังจัดการทันที! บอกให้เขาแยกิญญาของไอ้สารเลวที่ครอบครอบร่างพี่ชายของเขาเสีย!”
เจียงเฉิงเยว่ตัวสั่น หดคออย่างรวดเร็วพร้อมประสานมือร้องขอความเมตตาด้วยเสียงแ่ “ข้าไม่กล้า ข้าไม่กล้าหรอก”
เมื่ออวี่ซูได้ยินเช่นนั้นกลับนิ่งค้าง หลิวเฟิงเหลือบมองเขาอย่างแเี จากนั้นคิดอะไรขึ้นมาได้ทันใด เขาหันไปหาเจียงเฉิงเยว่ “ยังมีอีก! ไปอาบน้ำกับเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อข้าเสีย! เ้าลองดูสิว่าสภาพของเ้าในตอนนี้มีสภาพเป็อย่างไร!”
เจียงเฉิงเยว่กล่าว “ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเ้าเหมือนพ่อของข้า?”
หลิวเฟิงตอบทันที “เด็กดี”
เจียงเฉิงเยว่ระบายยิ้ม “ข้าไม่ถือสาที่จะสังหารพ่ออีกสักครั้ง”
หลิวเฟิงกลอกตาแล้วจึงจากไปจริงๆ
หลังจากเขาจากไปแล้ว เจียงเฉิงเยว่ก็หันกลับมาแล้วพบว่าอวี่ซูยังอยู่ เขาเตรียมเปิดปากถาม ทันใดนั้นกลับจำได้ว่าตนเองบอกหลิวเฟิงว่าจะขอบคุณอีกฝ่าย อาจสายเกินไปสักหน่อย คิดว่าที่หลิวเฟิงทิ้งให้เขาอยู่ที่นี่คงเพื่อให้ตนเองกล่าวขอบคุณ
เจียงเฉิงเยว่ส่งยิ้มก่อนกล่าว “อวี่ซู เื่เมื่อครั้งนั้นข้าขอบคุณเ้าจริงๆ!”
อวี่ซูร่างแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง ไม่ได้ตอบเป็เวลานาน
เจียงเฉิงเยว่แปลกใจเล็กน้อยจึงเอียงศีรษะ “อวี่ซู?”
อวี่ซูก้มศีรษะลงบอกเสียงทุ้ม “แต่ข้ากลับไม่สามารถช่วยอะไรคุณชายได้เลย...”
เจียงเฉิงเยว่คิดว่าอีกฝ่ายกำลังโทษตนเองจากผลสรุปในครั้งนั้นจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “เื่นั้นไม่โทษเ้าหรอก! โทษตัวข้าเองที่พาเสวียนชิงออกไปอย่างรีบร้อน ไม่ได้ดูบันทึกหลัวเซิงก่อนหน้านี้...สุดท้ายกลับพาตนเองตกหลุมพราง” เขายิ้มเย้ยหยันตนเองพลางส่ายศีรษะ
เวลาผ่านไปนาน อวี่ซูถาม “เช่นนั้นคุณชาย...ควรทำเช่นไรในยามนี้?”
เจียงเฉิงเยว่กล่าว “ตัดสินใจตามสถานการณ์ก็แล้วกัน ในเมื่อมีคำสาปร้อยผีกลืนใจ จะต้องมีาาผีผู้ทำสัญญา อัครเสนาบดีหลิวคือกุญแจสำคัญ และยังต้องหาโอกาสตรวจสอบอีกฝ่าย...ว่าท้ายที่สุดแล้วเกิดอะไรขึ้น”
อวี่ซูพยักหน้า
เจียงเฉิงเยว่บิดี้เี “แต่นี่มันช่าง...ใครกันที่แข็งกร้าวกับข้า ้าพาข้าออกมาจากเขาฉู่อวิ๋นให้ได้เช่นนี้? การสร้างกับดักนี้...พุ่งเป้ามาที่ข้าอย่างชัดเจน”
อวี่ซูเอ่ยออกมา “เขา...ฉู่อวิ๋น...”
เจียงเฉิงเยว่เพิ่งนึกขึ้นได้ ก่อนหน้านี้เขาพบกับอวี่ซูอยู่สองสามครั้งล้วนเป็ภาพมายาทางจิตสำนึกที่หลิวเฟิงสร้าง อวี่ซูไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนมาก่อน จึงรีบยิ้มพร้อมตอบ “อา ข้าปากไม่มีหูรูดเสียแล้ว ตอนนี้บนเขาฉู่อวิ๋นเป็รังของข้า...อวี่ซูอย่าบอกคนอื่นเล่า”
อวี่ซูยิ้มจาง “ไม่พูดหรอกขอรับ”
ทันใดนั้นเจียงเฉิงเยว่นึกอะไรขึ้นได้ เขาร้องอย่างใแล้วรีบบอกกับอวี่ซู “ข้าขอโทษ อวี่ซู! ข้ายังมีเื่เล็กน้อยอยากขอความช่วยเหลือจากเ้า” เขารู้สึกอึดอัดใจนิดหน่อยยามนึกถึงสิ่งที่หลิวเฟิงกำชับเขาก่อนหน้านี้ว่าไม่อนุญาตให้เขาเรียกใช้อวี่ซู ซึ่งตอนนี้ตนกลับทำลายข้อห้ามนั้นไปเสียแล้ว
โชคดีที่อวี่ซูนิสัยดีอย่างที่อีกฝ่ายบอกจึงตอบรับ “เชิญคุณชายกล่าว”
หลังจากเจียงเฉิงเยว่บอกที่อยู่ของไป้เอ๋อร์แก่อวี่ซู เขาขอให้อีกฝ่ายช่วยไปรับไป้เอ๋อร์มา ตัวเขานั้นไม่กลัวชาวสำนักเต๋าเ่าั้ล่วงรู้ตัวตน แต่เมื่อคิดว่าหลี่อวิ๋นหังอยู่ข้างนอกเขากลับหวาดกลัวอย่างยิ่ง เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาถอนหายใจอย่างเศร้าใจอีกครั้ง ทำไมเื่ถึงจับพลัดจับผลูกลายเป็เช่นนี้
อวี่ซูตอบรับแล้วออกไปทันที
หลังจากอวี่ซูออกไปแล้ว เจียงเฉิงเยว่จึงตรวจสอบ ‘ฐานที่มั่น’ ของหลิวเฟิง เดิมทีคือโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ั้แ่ผู้จัดการไปจนถึงบริกรล้วนปรากฏไอภูตผีบนร่าง ทว่าพวกเขากลับรับมือกับเสียงดังโหวกเหวกย่านใจกลางเมืองนี้ได้ การบ่มเพาะย่อมต้องไม่ต่ำต้อยเป็แน่
คนเหล่านี้ล้วนรู้ว่าเจียงเฉิงเยว่เป็ใคร ยามพบเขาจึงค้อมศีรษะด้วยความเคารพพร้อมร้องเรียก “คุณชาย”
เจียงเฉิงเยว่ตอบรับด้วยรอยยิ้ม จากนั้นไปที่ลานด้านหลังเพื่อให้คนส่งเสื้อผ้ากับน้ำอาบมาให้ ทำตามคำสั่งเ้านายของพวกเขา เดินไปอาบน้ำ
ลานด้านหลังถูกวางเขตอาคมไว้อย่างแข็งแกร่ง หลิวเฟิงจัดการเื่ราวได้ดียิ่ง
เจียงเฉิงเยว่ปล่อยผมลงมาััเสื้อผ้า เขานั่งลงในน้ำอุ่น ตราคำสาปบนไหปลาร้าจึงเปียกน้ำ ฉายแววดุร้ายมากขึ้น
เจียงเฉิงเยว่ยื่นมือไปแตะที่ตราคำสาปนั้นพร้อมจมดิ่งอยู่ในความทรงจำ
------------------------