“คุณชาย ท่านนำกระต่ายกับไก่ที่สกุลหูมอบให้ไปด้วย เร่งการเดินทางเหน็ดเหนื่อยยิ่งต้องทานมากขึ้นหน่อย ่นี้อากาศยังเย็น ไก่หรือกระต่ายหนึ่งตัวสามารถทานได้สองวัน ตอนนี้เท่าที่มีจะทานได้ทั้งหมดแปดวัน รอท่านออกเดินทางไปสองสามวันแล้ว ข้าน้อยค่อยไปซื้อจากบ้านสกุลหูมาเพิ่มแล้วส่งไปให้ท่านอย่างม้าเร็วลงแส้ [1] ได้เลยขอรับ” หลิวผิงสติปัญญาว่องไวมาก รีบออกความคิดเห็นอย่างเอาใจทันที
กู้ฉีเดินไปทางลานที่อยู่หลังร้านฝูอันถังด้วยความเชื่องช้า “กระต่ายกับไก่นี่สามารถอยู่รอดได้นานขนาดนั้นหรือ?”
“เอ่อ น่าจะได้กระมังขอรับ” หลิวผิงไม่มั่นใจเช่นกัน ปกติเมื่อสกุลหูนำสัตว์ปีกมามอบให้ พวกเขาก็ปล่อยไว้ในกรงหลังบ้านตลอด แม่ครัวคอยเลี้ยงไว้อย่างดีที่สุด สามวันห้าวันยังมีชีวิตชีวาอยู่มาก สกุลหูยังเคยบอกหัวข้อควรระวังในการเลี้ยงกระต่ายเป็พิเศษอีกด้วย “หากไม่ได้จริงๆ แค่เชือดแล้วหาน้ำแข็งมาอัดสักหน่อยก็ได้ขอรับ”
“น้ำแข็งหนักมาก หากซื้อมากเพียงนั้น รถม้าจะเดินได้เร็วหรือ” เฉินเผิงเฟยบ่นพึมพำ
“นี่ไม่ใช่เพื่อเสบียงอาหารของคุณชายหรือ หนักอย่างไรก็ต้องทำสิ” หลิวผิงกล่าวหน้าเหยเก
“อืม... เก็บพวกมันไว้ก่อนเถอะ ไม่ได้จริงๆ ค่อยหาน้ำแข็ง” กู้ฉีพยักหน้า
ความเห็นของหลิวผิงได้รับการยอมรับ ในใจไม่ต้องเอ่ยเลยว่าดีใจมากเพียงใด เขาหันไปทางเฉินเผิงเฟยยักคิ้วอย่างลำพองใจให้หนึ่งที
เฉินเผิงเฟยมุมปากกระตุก เบือนสายตาหนีไม่ให้ความสนใจอีก
สกุลหูงานยุ่งมาทั้งวัน เร่งจัดเก็บทุกอย่างก่อนฟ้ามืด นำโต๊ะเก้าอี้และของใช้ในครัวเรือนที่ยืมมาล้างให้สะอาด และยกกลับไปคืนแต่ละบ้านตามลำดับความใกล้
งานเลี้ยงของหมู่บ้านในเขตูเาเล็กส่วนใหญ่เป็เช่นนี้ ของใช้ที่ยืมมาหลังจากใช้เสร็จและนำกลับไปคืน หากเ้าของบ้านมีฐานะดีมักเพิ่มสิ่งของมอบให้ไปเล็กน้อย เช่น อาหารที่เหลือจากงานเลี้ยง หรือผักสดหนึ่งกำ ไข่ไก่ไม่กี่ฟอง...
งานเลี้ยงของสกุลหูไม่มีอาหารเหลือไว้ ส่วนไข่ไก่ของที่บ้านก็บริโภคกันไปพอสมควรแล้ว
โชคดีที่มีมันหมูเหลือจากการเชือดหมู จึงเจียวเป็น้ำมันหมูเก็บไว้ในอ่างน้ำมันขนาดใหญ่ ครั้งนี้ประจวบเหมาะพอดี หนึ่งบ้านมอบน้ำมันหมูให้หนึ่งถ้วยใหญ่กับหนังหมูตากแห้งสองสามชิ้นใหญ่ ทั้งเป็การระบายของที่เก็บไว้ในบ้าน แล้วยังมอบของขอบคุณที่เป็ประโยชน์ให้ชาวไร่ชาวนาอีกด้วย
คนที่ได้รับน้ำมันหมูและหนังหมูย่อมดีใจมากเป็ธรรมดา น้ำมันเป็ของที่ใช้ได้สิ้นเปลือง และราคาของน้ำมันหมูก็ไม่ใช่ถูกๆ บ้านไหนทำกับข้าวล้วนขาดน้ำมันไปไม่ได้ การยืมของใช้ออกมาครึ่งค่อนวันและให้ของที่สามารถนำไปใช้ได้มากมายเพียงนี้ตอบกลับ ไม่ว่าเป็ผู้ใดล้วนแล้วแต่รู้สึกว่าคุ้มค่า ในใจของชาวไร่ชาวนาแต่ละคนล้วนเบิกบาน ทำให้ยิ่งมีทัศนคติที่ดีต่อสกุลหูมากขึ้น
ครอบครัวหวังหงเซิงหลังจากช่วยเก็บกวาดทำความสะอาดหน้าบ้านเสร็จก็กลับไป หมู่บ้านสกุลหวังห่างจากหมู่บ้านวั้งหลินค่อนข้างไกล ครอบครัวพวกเขายืมเกวียนวัวของคนในหมู่บ้านเดียวกันมา ต้องเร่งนำวัวกลับไปคืนก่อนฟ้ามืด
หลี่ซื่อถือไหน้ำมันหมูและไข่ไก่ห้าสิบฟองให้หูฉางกุ้ยใส่บนเกวียนวัว ส่วนเจินจูหยิบผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดสีน้ำเงินเข้ม กับสีส้มอมเหลืองมีลวดลายอย่างละครึ่งพับที่อยู่บนตู้หัวเตียงในห้องหลัก นำมายื่นให้เถียนซื่อภรรยาของท่านลุง
สีหน้าของเถียนซื่อดีอกดีใจไปชั่วขณะ เมื่อก่อนตอนสกุลหูสภาพการเงินไม่ดี สกุลหวังมอบสิ่งของและเสื้อผ้าให้สกุลหูไม่น้อย แม้ปากเถียนซื่อไม่กล่าว ทว่าที่จริงแล้วในใจก็ไม่ยินดีอยู่เล็กน้อย ฐานะสกุลหวังดีกว่าสกุลหูแค่นิดเดียว และนั่นล้วนเป็ผู้ชายของสกุลหวังพยายามหามาอย่างสุดกำลัง สกุลหวังมีที่ดินน้อย อาศัยการล่าสัตว์เพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับครอบครัว แต่การล่าสัตว์ก็เสี่ยงมาก ชายที่บรรลุนิติภาวะของหมู่บ้านสกุลหวังส่วนใหญ่ล้วนรวมกลุ่มกันเข้าไปในูเา เพื่อเป็การช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามคับขัน การาเ็กลับมาเป็เื่เล็กน้อยและปกติ กลัวมากว่าจะพากันเอาชีวิตไปทิ้ง
เมื่อสกุลหูร่ำรวยมั่งคั่งขึ้นแล้ว เถียนซื่อดีใจจากใจจริง เพราะไม่ต้องนำข้าวของจากบ้านตนเองมาช่วยเหลืออีก แล้วยังได้รับของขวัญตอบแทนเป็ราคาไม่น้อยอีกด้วย นางพึงพอใจอย่างมาก
“เฮ้อ นี่ทำอะไรน่ะ ที่บ้านไม่ได้ขาดเหลือน้ำมันกับไข่ไก่นะ พวกเด็กๆ ยังเล็ก เก็บไว้บำรุงร่างกายให้พวกเขาเถอะ” หวังหงเซิงปฏิเสธ ครอบครัวนายพราน ขาดอะไรก็ขาดได้แต่ไม่มีทางขาดอาหารจำพวกเนื้อแน่นอน เด็กในครอบครัวของพวกเขายังร่างกายกำยำมากกว่าผิงซุ่นกับผิงอันเลย
“ที่บ้านพวกข้ายังมีอยู่ รู้ว่าพวกท่านไม่ได้ขาดเหลือ แต่นี่เป็น้ำใจของครอบครัวฉางกุ้ย” หวังซื่อกล่าว
สองสามีภรรยาหูฉางกุ้ยและหลี่ซื่อที่ยืนอยู่ด้านข้างล้วนไม่สันทัดพูดจา ทำเพียงพยักหน้าคล้อยตามหวังซื่ออย่างอดไม่ได้
ชีวิตความเป็อยู่ของครอบครัวน้องสาวเพิ่งปรับเปลี่ยนมาดีขึ้นได้ หวังหงเซิงจึงบ่ายเบี่ยงต่อ
ทันใดนั้นหวังซื่อจึงตีหน้าขรึมขึ้น “พี่ใหญ่ นี่้าตบหน้าข้าหรือ? ต้องยอมให้ท่านเพิ่มของขวัญมอบเป็อาหารให้พวกหลานๆ เช่นนั้นหรือ ตอนนี้พวกเขามีความสามารถกตัญญูต่อผู้าุโได้แล้ว ท่านจะไม่ยินยอมรับไว้? เช่นนั้นต่อไปหากท่านมาเยี่ยมเยียนอีก ห้ามเอาสิ่งของมาด้วยแล้วนะ”
หวังหงเซิงหน้าเหยเก ทำได้เพียงยิ้มแล้วรับไว้
หวังหรงฟาใช้โอกาสตอนที่พูดคุยกับผิงอัน แอบมองผู้ใหญ่พูดคุยกันทางด้านนั้นอยู่บ่อยๆ ไม่เจอกันเพียงสองสามเดือน เจินจูหน้าตาสวยขึ้นมากนัก เส้นผมดำสนิทผิวนวลขาวสะอาด ดวงตาสองข้างดำวิบวับเหมือนดวงดาวเปล่งประกายท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน
ชั่วขณะที่สายตาของหวังหรงฟาถูกตราตรึง เจินจูก็มองมาทางเขาราวกับััได้ว่ามีสายตามองอยู่ เห็นว่าสายตาของเขายังจ้องอยู่ไม่หลบไปไหน นางจึงยิ้มนุ่มนวลส่งไปทางเขาอย่างเสียไม่ได้ รอยยิ้มนั่นคล้ายกับกำลังปลอบโยนเด็กดื้ออยู่ก็ไม่ปาน
ที่จริงแล้วในสายตาของเจินจู เขาเป็เด็กคนหนึ่ง อายุเช่นนี้หากอยู่ในยุคปัจจุบันยังเป็เพียงนักเรียนมัธยมต้นเท่านั้นเอง
การแอบมองของหวังหรงฟาถูกพบเข้า เขาจึงก้มหน้าลงอย่างลำบากใจ
สายตาของเจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนไม่ละจากกายของเจินจูมาโดยตลอด เห็นสถานการณ์เช่นนี้ นางจึงเลิกคิ้วอย่างคิดไปเองว่าเข้าใจเื่ราวดี ดวงตากลอกไปมาระหว่างคนทั้งสอง
เจินจูมองไปทางนางแวบหนึ่งอย่างเ็า แอบมองบนอยู่ในใจ เ้าเด็กซุกซนนี่จิตใจและสายตาชั่วร้ายมากนัก เจินจูละสายตาจากนางมาอย่างไม่สนใจ
เจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนเห็นเช่นนั้น นางจึงกัดริมฝีปากล่างอย่างเกลียดชัง ก่อนหน้านี้ตอนไปส่งคุณชายกู้ผู้นั้น นางตั้งใจเข้าไปหยอกล้ออยู่ตรงหน้า คิดจะสร้างภาพลักษณ์ที่น่าจดจำต่อหน้าคุณชายสกุลกู้ แต่คุณชายกู้ผู้นั้นราวกับมองไม่เห็นนาง หลังอำลาผู้ใหญ่แล้ว ยังพูดคุยกับเจินจูอยู่สองสามประโยคแล้วจึงขึ้นรถม้ากลับไป
นึกเนื้อหาที่เขาพูดคุยขึ้นได้ เจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนฉีกใบหน้ายิ้มแล้วเข้าใกล้เจินจู
“เจินจู เมื่อครู่คุณชายกู้ผู้นั้นกล่าวว่า ของที่เ้า้าเขาจะส่งมาให้เ้าโดยเร็วที่สุด เ้า้าสิ่งของอะไรกับเขาหรือ?” หลังจากนางได้ยินคำพูดที่เจินจูคุยกับกู้ฉีเช่นนี้ ในใจราวกับมีแมวข่วน เด็กสาวผู้นี้ใจกล้าจริงๆ ไม่นึกเลยว่าจะกล้าขอสิ่งของมากมายจากคนเขา ที่สำคัญที่สุดคือคุณชายกู้ผู้นั้นยังรับปากอีกด้วย
จะเป็อะไรกันนะ? ผ้าตัดเย็บหรือเครื่องประดับ? เงินทองอัญมณีมีค่า? คุณชายสกุลกู้เปิดร้านขายสมุนไพร หรือว่าเป็วัตถุดิบยาล้ำค่าหายาก? ยิ่งนางคิดในใจก็ยิ่งคันยุบยิบ
เจินจูชำเลืองมองนางแวบหนึ่ง ไม่อยากสนใจนางอีก จึงกล่าวออกไปแบบไม่คิดอะไร “แน่นอนว่าเป็สิ่งของที่บ้านพวกเราไม่มีน่ะสิ”
สิ่งของที่บ้านพวกเราไม่มี? ของที่ในหมู่บ้านไม่มีมีมากมายนัก
นางประหลาดใจระคนงงงัน ้าซักไซ้ไล่เลียง แต่เจินจูกลับเดินไปอีกฝั่งหนึ่งถึงยังกลุ่มคนแล้ว
นางกระทืบเท้าด้วยความโกรธเคือง คิดจะก้าวเท้าตามไปถามให้แน่ชัด หวังซื่อที่อยู่ด้านข้างกลับะโเรียกนางไว้ สีของท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ทุกคนยุ่งกันมาทั้งวันต่างก็เหน็ดเหนื่อยกันทั้งนั้น ไก่กับวัวของที่บ้านยังไม่ได้ให้อาหาร จึงให้พวกนางสองแม่ลูกตามกลับบ้านเก่าไปด้วย
ในใจเจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนโมโห แต่คิดว่าวันต่อไปยังมีเวลาอีกมาก ในเมื่อนางยังมีเวลาจึงเชื่อฟังหวังซื่อ แล้วกลับไปพร้อมกับมารดาและคนอื่นๆ
หวังซื่อกล่าวอยู่สองสามประโยค จำพวกคำที่ว่าเหนื่อยแล้วให้รีบพักผ่อน กลางค่ำกลางคืนระวังความปลอดภัย นางประคองชายชราสกุลหูที่อยู่ในอาการมึนเมาอย่างหนึ่งซ้ายหนึ่งขวากับชุ่ยจู ส่วนผิงซุ่นจูงหูฉางหลินที่เมาเล็กน้อยไว้ คนหนึ่งกลุ่มจึงกลับบ้านเก่าไป
ครอบครัวหูจัดระเบียบชัดเจน เจินจูให้หลี่ซื่อห่อของขวัญขอบคุณให้จางซื่อมารดาของเอ้อร์หนิวกับติงซื่อมารดาของตงเซิ่งคนละยี่สิบเหวิน เนื้อและผักที่เหลืออยู่ในห้องครัวก็ให้พวกนางนำกลับไปด้วย
หลิ่วฉางผิงกับเจี่ยงซื่อมีธุระจึงกลับไปกันก่อนแล้ว การวางตัวของหลิ่วฉางผิงไม่เลวเลย ยามปกติทำงานอยู่ข้างนอก หูตากว้างไกลและจิตใจกว้างขวาง เมื่อก่อนสกุลหูยากจนก็เป็คนช่วยหางานรับจ้างชั่วคราวให้สองพี่น้องสามารถหาเงินได้เล็กน้อยยามว่างจากการเก็บเกี่ยว สกุลหูเก็บความซาบซึ้งบุญคุณไว้ในใจตลอดมา
ผนวกกับบ้านใหม่หลังนี้เป็เขาช่วยคุมงานสร้างให้สำเร็จ ไม่ว่าจะด้วยทางน้ำใจหรือตามหลักเหตุผลล้วนเป็คนสกุลหูที่ต้องขอบคุณ หลังหลี่ซื่อกับเจินจูหารือกันแล้ว จึงแบ่งผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดสีฟ้าทะเลสาบกับลายดอกสีแดงของผลซิ่งเหรินอย่างละครึ่งพับออกมา ของขวัญขอบคุณที่ทางบ้านเอาออกมาได้มีเพียงผ้าเท่านั้นแล้ว
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็ของกำนัลส่งท้ายปีที่เ้าของร้านเหนียนและเ้าของร้านหลิวมอบให้ ล้วนเป็ผ้าฝ้ายชั้นดี แค่ใช้อย่างละครึ่งพับนี้เป็ของขวัญตอบแทนมอบให้ไป หลี่ซื่อยังเ็ปใจเล็กน้อย เสื้อฤดูใบไม้ผลิของบุตรสาวนางเพิ่งทำได้สองชุดเอง เสื้อฤดูร้อนแม้แต่หนึ่งชุดยังทำขึ้นไม่ทันเลย เสื้อฤดูร้อนของผิงอันและยู่เซิงก็ยังไม่ได้เร่งทำขึ้นมาสักตัวเดียวเช่นกัน พอมอบให้ไปเช่นนี้ ผ้าพับของที่บ้านก็น้อยลงไปครึ่งหนึ่งแล้ว
เสื้อผ้าของพวกเขาคู่สามีภรรยาสามารถละเลยได้ แต่ไม่สามารถขาดของพวกเด็กๆ ไปได้ หลี่ซื่อตัดสินใจรีบทำงานที่วุ่นวายต่างๆ ให้เสร็จในสองสามวันนี้ แล้วเร่งทำเสื้อฤดูร้อนของเด็กๆ ออกมา
ส่งจ้าวหงซานและติงซื่อที่รั้งอยู่จนสุดท้ายไปแล้ว จึงปิดประตูไม้สีแดงเข้มบานใหญ่ลง ในบ้านใหม่ของครอบครัวหูใหญ่มากเพียงนี้ก็เงียบเชียบไร้เสียงลงทันใด
หูฉางกุ้ยนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สีแดงที่ทำขึ้นใหม่ โยกตัวเอียงซ้ายขวาอย่างไม่สบายใจเล็กน้อย
เจินจูเห็นเช่นนั้นอดหัวเราะไม่ได้ เริ่มหางานนิดๆ หน่อยๆ ให้บิดาตนเองทำ “ท่านพ่อ ไก่ของบ้านเรายังอยู่ที่บ้านเก่าอยู่เลย ท่านจะไปเอามาวันนี้หรือพรุ่งนี้ค่อยไปดีเ้าคะ?”
“เอ่อ ไปตอนนี้ก็ได้ ฟ้าเพิ่งจะมืด ตอนนี้ไก่คงกลับเข้าเล้าแล้ว เป็่เวลาประจวบเหมาะเลย” หูฉางกุ้ยลุกขึ้นอย่างกระตือรือร้นตามที่คาดไว้ “ข้าจะไปจูงเกวียนล่อหลังบ้าน”
“ท่านพ่อ ข้าไปด้วยขอรับ!” ผิงอันะโขึ้นมา “จะได้รับเสี่ยวเฮย เสี่ยวหวงและพี่ชายยู่เซิงมาด้วยกันเลย”
เด็กหนุ่มเคารพหลัวจิ่งเป็พิเศษ เป็การยากที่จะหยุดเรียนได้หนึ่งวัน แต่ครึ่งค่อนวันแล้วกลับไม่ได้เจอเขา ย่อมเป็ฝ่ายเริ่มกระตือรือร้นอยากเจออย่างมาก
“ผิงอัน ให้เสี่ยวเฮยอยู่ทางนั้นเฝ้าบ้านสักสองสามวันก่อน รอให้ท่านอาหงซานคุ้นเคยกับบ้านเก่าสักหน่อยค่อยให้มันมานี่ อีกเดี๋ยวเ้าเอาหางหมูไปให้มันด้วย มันชอบกินอันนั้น ข้ากับท่านแม่จะเก็บกวาดห้องสักหน่อย รอพวกเ้ากลับมาพวกเราค่อยทานข้าวเย็นกัน” ประเพณีของที่นี่คือย้ายบ้านตอนกลางดึก เมื่อคืนพวกเขารีบเข้านอน ขณะกำลังนอนหลับลึกก็ถูกปลุกให้ตื่น แล้วจัดการขั้นตอนการย้ายบ้านอย่างสะลึมสะลือจนเสร็จ เตียงและเครื่องนอนก็ปูไว้คร่าวๆ ั้แ่ตอนเช้ามาก็เริ่มยุ่งจนถึงตอนนี้ เวลานี้จึงสามารถจัดเก็บห้องให้เป็ระเบียบได้พอดี
“พ่อเ้า เ้าปัดกวาดห้องนั้นของเราสักหน่อย ให้พ่อของตงเซิ่งอยู่ห้องนั้น เขาช่วยเฝ้ากระต่ายให้ เราต้องปฏิบัติต่อเขาให้ดี ในอุโมงค์ใต้ดินมีเสบียงอาหารอยู่ ให้เขาดูแล้วจัดการเอาเองได้เลย อย่าให้พวกเขาอดจนหิว” หลี่ซื่อกำชับอย่างไม่วางใจ
บ้านเก่าเลี้ยงกระต่ายไว้ ตอนกลางคืนต้องมีคนเฝ้าดู เดิมทีเจินจูคิดว่าจะจ่ายเงินให้เจิ้งซวงหลินบิดาของเอ้อร์หนิวที่ห่างไปจากบ้านไม่ไกลมาเฝ้า หลังจ้าวหงซานทราบเข้า เขาก็รีบรับงานไว้ด้วยความเต็มใจทันที แต่หูฉางกุ้ยลังเลใจเล็กน้อย จ้าวสี่เหวินมีลูกชายและลูกสาวอย่างละคนเท่านั้น หลังจ้าวหงยู่ผู้เป็บุตรสาวกลับมาบ้าน สามีภรรยาสูงอายุล้วนยุ่งกับการดูแลบุตรสาวที่ได้รับาเ็ หากจ้าวหงซานไปพักอยู่บ้านเก่าของพวกเขาจะไม่ขาดแรงงานคนที่ทำงานในบ้านได้ไปหรือ
จ้าวหงซานกลับยืนยันที่จะทำ ร่างกายของบิดามารดาเขานับได้ว่ายังแข็งแรงดี ที่บ้านมีเพียงนาลุ่มสองหมู่และนาดอนนิดหน่อย แม้สองคนสูงวัยจะลำบากเล็กน้อย แต่ยังสามารถจัดการเพาะปลูกไหว ติงซื่ออยู่บ้านดูแลลูกก็สามารถดูแลหงยู่ไปด้วยได้ ยิ่งไปกว่านั้นล้วนอาศัยอยู่หมู่บ้านเดียวกัน มีเื่อะไรเกิดขึ้นเดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว
เจินจูปลื้มอกปลื้มใจมาก รู้สึกว่าความเห็นที่ตนเองเสนอไปในตอนแรกไม่ผิดเลย หลังจากนั้นนางตบโต๊ะตัดสินใจ ให้จ้าวหงซานอยู่ท้ายหมู่บ้านเฝ้าบ้านดูแลลานตอนกลางคืนและเลี้ยงกระต่ายตอนกลางวัน อยู่บ้านเก่าทำหน้าที่เลี้ยงกระต่ายโดยเฉพาะ เริ่มั้แ่คืนนี้เป็ต้นไปค่าแรงต่อเดือนขึ้นเป็สี่ร้อยเหวิน
จ้าวหงซานตกตะลึง อ้าปากจนหุบไม่ลงกล่าวอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
เชิงอรรถ
[1] ม้าเร็วลงแส้ อุปมาว่า รีบทำให้เร็วที่สุด ม้าเป็สัตว์ที่วิ่งเร็วอยู่แล้ว เมื่อใช้แส้ตีลงไปม้าก็จะยิ่งเพิ่มความเร็วขึ้นอีก