หลินเยว่อดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่ฉินจงฮั่นหลังจากนั้นเขาก็ยื่นหน้าเข้าไปหาฉินจงฮั่นแล้วพูดเสียงเบา“เื่บัตรการยอมรับใบนั้น ขอบคุณคุณมากนะ”
เมื่อฉินจงฮั่นได้ยินประโยคนี้ เขาก็ถึงกับเกร็งไปทั่วร่างกายหลังจากนั้นใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา และก็พูดตอบกลับเสียงเบาเช่นกัน “ผมว่าแล้วว่าเด็กหนุ่มอย่างคุณต้องไม่ธรรมดานี่ถึงกับรู้ประโยชน์ของบัตรใบนั้นได้เร็วขนาดนี้เลยนะ ตอนแรกผมคิดว่าคุณเป็เพียงมือใหม่ที่เพิ่งทำอาชีพนี้หากเป็อย่างนี้แล้วกว่าคุณจะรู้ว่าบัตรใบนั้นมีประโยชน์อย่างไรก็คงต้องรออีกหลายปีคาดไม่ถึงว่าเื้ัของคุณยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกด้วยแต่สำหรับเื่นี้แล้วคุณไม่ต้องขอบคุณผมเลย หากคิดจะขอบคุณ คุณต้องไปขอบคุณกับท่านเหลยินายกสมาคมหยกของพวกเรา เขาเป็คนตัดสินใจคนสุดท้ายน่ะ”
“หากไม่มีคุณที่นำเื่นี้เผยแพร่ออกไป ผมก็คงไม่มีทางได้รับบัตรการยอมรับใบนี้เดิมทีก็เป็เพียงเื่เล็กน้อยเท่านั้นคาดไม่ถึงว่าจะได้รับบัตรการยอมรับแบบนี้เลย เฮ่อ!”
หลินเยว่พูดรำพึงเบาๆแต่กลับถูกฉินจงฮั่นที่ยืนอยู่ข้างๆ กลอกตาใส่
“ยิ่งเห็นคุณ ก็ยิ่งรู้สึกว่าคุณเป็เหมือน คนอิ่มที่ไม่เข้าใจความรู้สึกของพวกหิวโหย* แล้วทำมาเป็พูดถ่อมตัวอีก”
“แหะๆ ถูกคุณมองความจริงออกซะแล้ว”
หลินเยว่ยิ้มหน้าบานเกินหน้าเกินตาหลังจากนั้นจึงพูดขึ้น “ผมลองดูสักหน่อยว่าหินหยกที่นี่ของคุณมีอะไรเด็ดๆ หรือเปล่า”
“เชิญดูตามสบาย เดี๋ยวผมไปต้อนรับลูกค้าคนอื่นก่อนคุณสนใจก้อนไหนก็มาบอกผมละกัน ไม่ต้องใช้สิทธิพิเศษของคุณอันนั้นหรอกนะมิตรภาพระหว่างเรายังจะต้องใช้สิทธิ์ตรงนั้นทำไมล่ะ” พูดจบ ฉินจงฮั่นก็เดินไปต้อนรับลูกค้าคนอื่น
หลินเยว่ส่งยิ้มจางๆแล้วก็เริ่มค้นหาของล้ำค่าของตนเอง
เขาหยิบหินหยกก้อนหนึ่งขึ้นมาสำรวจท่ามกลางแสงไฟสลัวๆถึงแม้ว่าแสงไฟสลัวๆ จะส่งผลต่อการดูเปลือกผิวของหินหยกแต่ทว่าสำหรับลักษณะเฉพาะของหินหยกเ่าั้จะไม่ได้ส่งผลมากสักเท่าไร ครั้งนี้หลินเยว่ไม่ได้เหมือนแต่ก่อนที่จะรู้สึกสนใจหินหยกก้อนใดก้อนหนึ่งอย่างง่ายดายโดยไม่ได้สนใจลักษณะภายนอกของหินหยกว่าดีหรือว่าไม่ดีเพราะครั้งนี้เขาจะเลือกหินหยกที่มีลักษณะดีออกมาก่อนเพราะการเลือกเช่นนี้จะมีโอกาสเห็นสีเขียวได้ค่อนข้างสูง
ไม่มีดอกสน และก็ไม่มีลักษณะเฉพาะอื่นๆหลินเยว่ใช้ไฟฉายกำลังสูงส่องไปยังหินหยกก้อนที่อยู่ในมือของเขาเมื่อพบว่าไม่มีสีเขียวเขาจึงวางหินหยกในมือลง แล้วก็เลือกหินหยกก้อนถัดไปทันที
เพียงไม่นานหลินเยว่ก็สังเกตหินหยกเป็จำนวนเกินครึ่งแล้ว แต่ทว่าเขาก็ยังไม่พบหินหยกที่น่าสนใจเลยและมันก็ทำให้เขารู้สึกผิดหวังเป็อย่างมากหินหยกที่มีลักษณะดีคงถูกคนอื่นซื้อไปั้แ่อยู่ในงานจัดแสดงหินหยกแล้วล่ะ ส่วนที่เหลือก็จะเป็พวกลักษณะภายนอกไม่ค่อยดีหรือไม่ก็เป็หินหยกที่ไม่สามารถคาดการณ์ว่าจะมีสีเขียวอยู่ภายในได้อย่างง่ายดาย
หลินเยว่วางหินหยกในมืออย่างเหนื่อยใจหลังจากนั้นเขาจึงหยิบหินหยกขึ้นมาอีกก้อนหนึ่ง และเตรียมจะสำรวจต่อ ผลปรากฏว่า การสำรวจครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
ถึงแม้ว่าแสงสว่างจะไม่ค่อยดีแต่ทว่าเขากลับเห็นดอกสนเล็กๆ อยู่้า มันไม่ได้เป็ดอกสนต่อเนื่องเป็ผืนใหญ่การกระจายตัวของดอกสนไม่เป็ระเบียบ ให้ความรู้สึกว่ามันมีการซ่อนตัวอยู่เปลือกผิวหินหยกไม่ได้ให้ความรู้สึกละเอียดเกลี้ยงเกลา มันดูหยาบอย่างเห็นได้ชัด เขามองเห็นเม็ดทรายเล็กๆที่นูนขึ้นมาจากผิว้า ท่ามกลางแสงไฟสลัวๆ ดูเหมือนว่าจะคล้ายกับเกลือผลึกละเอียดความหยาบที่ปรากฏขึ้นทำให้เขารู้สึกว่าผิวเปลือกนอกมีความหนามากหากพิจารณาเพียงความรู้สึกในการััเปลือกผิวแล้วก็สามารถสรุปได้ว่าหินหยกก้อนนี้ไม่ค่อยน่าสนใจ แต่หากมันเป็ผิวทรายขาวก็จะถือว่าไม่เลวเลย
หลินเยว่ยกหินหยกก้อนนี้ไปวางไว้ท่ามกลางความมืดแล้วพิจารณาภาพรวมทั้งหมดอีกครั้งหากมันไม่ใช่สีเหลืองอ่อนเพราะแสงไฟแต่เป็สีขาวแล้วล่ะก็ หินหยกก้อนนี้ก็จะต้องเป็ผิวทรายขาวลักษณะเฉพาะของผิวทรายขาวก็คือเปลือกผิวจะมีเม็ดทรายที่คล้ายกับเกลือหยกจะมีความโปร่งใสสูง ใต้ผิวจะมีหมอกขาว หินหยกที่มีลักษณะเปลือกผิวเช่นนี้จะผลิตได้น้อยทั้งในเหมืองเก่าและเหมืองใหม่แต่ทว่าก็ยังมีผิวทรายขาวแบบอื่นอีก
หากเป็ผิวทรายขาวแบบอื่นๆ ใต้เปลือกจะไม่มีหมอก ไม่มีการบอกอย่างชัดเจนว่าเม็ดทรายจะหยาบหรือละเอียดความรู้สึกเวลาจับจะไม่ค่อยดีนัก หินหยกแบบนี้จะมีทั้งทรายขาวและทรายเหลืองเป็เหมือนผิวเปลือกที่เป็เปลือกั้แ่แรกกับเปลือกที่สร้างขึ้นมาใหม่อยู่ด้วยกันมันก็ดูเหมือนว่าตอนแรกมีผิวทรายที่เป็ชั้นสีเหลืองมาก่อนแล้วภายหลังก็มีการทาทับด้วยผิวทรายที่เป็ชั้นสีขาวอยู่้า
หินหยกแบบนี้มีโอกาสพนันได้ค่อนข้างสูงโดยปกติหยกที่พบจากผิวทรายเหลืองจะมีสีสดใสไม่หม่นหมอง สีเขียวจะสดและสว่าง และนี่จะถือว่าเป็ลักษณะของหยกที่มีคุณภาพค่อนข้างสูง
หลินเยว่จึงตัดสินใจที่จะทดลองดูหากหินหยกก้อนนี้สามารถตัดได้หยก นั่นก็แสดงว่าเขาถูกรางวัลใหญ่แล้วจริงๆแต่หากไม่มีเขาก็คงต้องยอมรับว่าตนเองเป็เพียงคนโชคร้ายโอกาสการพนันได้มีค่อนข้างสูงมาก เพราะถึงด้านนอกจะไม่มีลายเส้นงูเหลือมแต่มันก็ยังมีดอกสนอยู่บ้าง
หลินเยว่ในตอนนี้ก็เป็เหมือนคนที่ไม่รู้จึงไม่มีความกลัวใดๆเพราะหินหยกที่มีทั้งผิวทรายเหลืองและผิวทรายขาวในเวลาเดียวกันมันไม่ได้มีเยอะแยะเลยอีกทั้งหากมีจริง โอกาสที่จะตัดได้หยกก็จะน้อยลงมากทีเดียว และนี่จึงเป็สาเหตุที่ทำให้หินหยกก้อนนี้หลงเหลืออยู่จนถึงปัจจุบันทั้งๆที่เซียนหินหยกในเถิงชงก็มีอยู่มากมายยิ่งนัก
หลินเยว่ไม่ได้เปิดสวิตช์ไฟฉายกำลังสูงแต่เขาเลือกใช้พลังพิเศษมองท่ามกลางแสงสลัวๆ
และการกระทำของหลินเยว่ก็ทำให้คนที่อยู่ข้างๆ เขารู้สึกสงสัยว่ายังมีวิธีการสำรวจหินหยกแบบนี้ด้วยหรือ?ไม่กลัวว่าจะมองพลาดหรือ?
คนผู้นี้จ้องหลินเยว่อยู่นานพอสมควร แต่กลับไม่พบความผิดปกติใดๆเขาจะรู้สึกว่าหลินเยว่มีสมาธิจดจ่อเป็พิเศษเท่านั้นเองสุดท้ายเขาจึงเบนสายตาไปทางอื่น
อันที่จริงหลินเยว่ก็รับรู้ถึงสายตาของคนข้างๆคนนี้อยู่ แต่หลินเยว่ก็ไม่ได้แกล้งทำเป็ว่าเขาไม่ได้มองอะไรเขาจึงตั้งใจเพ่งมองต่อไป เพราะเขามั่นใจว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้อีกฝ่ายไม่มีทางสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของเขา และก็เป็ไปตามที่หลินเยว่คาดการณ์เพราะผ่านไปสักพักอีกฝ่ายก็เลิกสนใจหลินเยว่จริงๆ
หลินเยว่ลอบถอนหายใจอยู่เงียบๆและก็เริ่มใช้พลังพิเศษอย่างเต็มที่
ท่ามกลางสายตาทะลุทะลวงของเขา ผิวทรายขาวที่อยู่ด้านนอกของหินหยกก้อนนี้ก็ค่อยๆหายไป ราวกับว่าเป็การหายไปในน้ำทะเลท่ามกลางความมืดมิด มันค่อยๆ กลายเป็โปร่งใสสุดท้ายภายใต้ความโปร่งใสก็ปรากฏเป็ความดำมืด เมื่อผิวทรายหายไป ความดำมืดจึงเข้ามาแทนที่ถึงแม้ว่าความดำมืดจะเต็มไปหมด แต่หลินเยว่ก็ยังพอมองเห็นอยู่ไม่น้อยราวกับว่าเขากำลังสวมแว่นดำอยู่ใต้น้ำแล้วก็คอยสอดส่องมองหาสิ่งของ
เมื่อผิวทรายขาวหายไปอย่างรวดเร็วสิ่งที่ปรากฏขึ้นมาก็คือชั้นสีเหลืองที่เป็ชั้นหนาทึบเมื่อเห็นว่ามันมีความหนามาก หลินเยว่จึงรู้สึกใ เป็ไปตามที่เขาเดาไว้จริงๆมันเป็เปลือกผิวแรกเริ่มกับเปลือกที่สร้างขึ้นมาใหม่ปรากฏอยู่ด้วยกัน และด้านใต้ผิวทรายขาวก็เป็ผิวทรายเหลือง
หลินเยว่พยายามควบคุมความรู้สึกตื่นเต้นไว้อย่างรวดเร็วเขาเพ่งมองต่อไป เพียงไม่นานชั้นสีเหลืองหนาทึบก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น เมื่อผิวทรายขาวหายไปทั้งหมดจริงๆสภาพด้านใต้ของมันก็จะชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ เม็ดทรายไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงมากนักเพราะมันยังคงคล้ายกับเม็ดเกลือ แต่ทว่าสีของเปลือกนอกกลับกลายเป็สีเหลืองเข้ม
เป็ผิวทรายเหลืองจริงๆ!
หัวใจของหลินเยว่กระตุกขึ้นเล็กน้อย เขายังคงเพ่งมองต่อไปเมื่อมองผิวเปลือกนอกของผิวทรายเหลืองนี้แล้วจึงสามารถบอกได้เพียงว่ามันมีความหนาค่อนข้างมากไม่สามารถตัดสินได้ว่าด้านในจะมีหยกหรือไม่ ดังนั้น หลินเยว่จึงต้องเพ่งมองต่อไป
เมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไป ผิวทรายเหลืองก็ค่อยๆหายไปเช่นกัน ส่วนสีดำที่ปรากฏก็มีลักษณะราวกับสายน้ำที่ไหลหายไปกับความโปร่งใสของผิวเปลือกนอกผิวเปลือกนอกนี้ดูเหมือนกับหยกสีน้ำหมึกที่มีชีวิตชีวาดวงตาทั้งสองข้างของหลินเยว่ก็เสมือนิญญาในยามค่ำคืนที่พยายามค้นหาการมีชีวิตใหม่
เปลือกผิวนอกค่อยๆ หายไป สิ่งที่ปรากฏตามมาก็คือสภาพหินที่เป็สีขาวเทาเนื่องจากตอนนี้เป็เวลากลางคืน สีขาวที่เห็นจึงกลายเป็สีเทาขึ้นมาสภาพหินดูบิดเบี้ยวไม่เป็ระเบียบ ดูเหมือนว่ามันค่อยๆ ถูกกดทับลงมาเป็ชั้นๆเมื่อเห็นว่าภายในมีสถานการณ์เช่นนี้ ในใจของหลินเยว่จึงเกิดเป็ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงฝ่ายหนึ่งคือความผิดหวัง เพราะสภาพหินแบบนี้หากคิดจะผ่าเอาหยกด้านในออกมาจะเป็เื่ที่ยากลำบากมากอีกฝ่ายคือความคาดหวัง เพราะหินหยกแบบนี้หากพบหยกด้านในหยกก้อนนี้ก็จะเป็หยกชั้นเลิศทีเดียว
ท่ามกลางอารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงนี้หลินเยว่ก็ยังคงมองลึกลงไป เพียงไม่นานเขาจึงมองทะลุถึงครึ่งหนึ่งของก้อนหินหยกแต่ทว่าเขาก็ยังไม่พบหยกใดๆ และเวลานี้เองเขาก็พบว่าสภาพหินภายในถูกแบ่งออกเป็สองฝั่งอย่างเห็นได้ชัดฝั่งหนึ่งสภาพหินมีความบิดเบี้ยวโค้งงอ ส่วนอีกฝั่งกลับดูราบเรียบสม่ำเสมอไม่มีความบิดเบี้ยวไร้ระเบียบเหมือนอีกฝั่งและทั้งสองฝั่งนี้ก็เป็การเปรียบเทียบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเช่นกัน
*คนอิ่มย่อมไม่เข้าใจความรู้สึกของพวกหิวโหย (饱汉子不知道饿汉子饥) หมายถึง ผู้ที่อยู่สบายย่อมไม่เข้าใจความรู้สึกของผู้ที่ลำบาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้