องค์ชายน้อยกะพริบตาปริบๆ ด้วยความไม่เข้าใจ พลางย้อนถามเสียงซื่อ “เหตุใดท่านน้าถึงไม่อยากแต่งงานกับอาจารย์ แต่กลับ้าเป็พี่ชายของนางแทน”
จากนั้นก็มองไปที่หนีเจียเฮ่อ และพูดว่า “ทั้งๆ ที่อาจารย์ก็มีพี่ชายแท้ๆ อยู่แล้ว”
ไม่รอให้ต้วนอวิ๋นหลานตอบ องค์ชายน้อยเอ่ยพึมพำอีกครั้ง “ถ้าท่านน้าไม่แต่งงานกับอาจารย์ เช่นนั้นหากฉีเอ๋อร์โตขึ้น จะขอนางแต่งงานและแต่งตั้งให้เป็พระชายา ดีหรือไม่?”
คำพูดนี้กระตุ้นเสียงหัวเราะจากผู้ใหญ่ทั้งสาม และบรรดาคนรับใช้ใกล้ชิดได้เป็อย่างดี
ดังนั้น ต้วนอวิ๋นซินที่กำลังจะตะล่อมต้วนอวิ๋นหลานก็ต้องหยุดไป เมื่อได้ยินคำพูดของบุตรชายตัวน้อย
...
อีกด้านหนึ่ง
ขณะที่หนีเจียเอ๋อร์ไปสมทบกับไป๋หานนั้น บังเอิญโชคร้ายไปเจอกับกู่อวี่เสวียนเข้าพอดี
ทั้งหนีเจียเอ๋อร์และโจวชิงหวาเริ่มร้อนรน ด้วยเกรงว่าแผนการทั้งหมดจะล่มไม่เป็ท่า
ไป๋หานหยุดตามมารยาท แต่ไร้ซึ่งท่าทีเคารพต่อองค์หญิงตรงหน้า “คารวะ องค์หญิงใหญ่”
หนีเจียเอ๋อร์กับโจวชิงหวาค้อมกายคารวะ และพูดตามพร้อมกัน “คารวะ องค์หญิงใหญ่”
ตอนนี้ กู่อวี่เสวียนกำลังอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าใดนัก แต่เมื่อเหลือบไปเห็นใบหน้าของโจวชิงหวา ที่ปกคลุมด้วยหนวดเครารกครึ้ม ทั้งผิวพรรณยังถูกทาให้ดูกระดำกระด่าง ราวกับชาวบ้านทั่วๆ ไป นางจึงลอบสำรวจดู จากนั้น เรียวคิ้วเรียงสวยโดดเด่นก็ต้องขมวดเป็ปมด้วยความประหลาดใจ เพราะกวาดตามองเพียงแวบเดียว นางก็จำเขาได้แล้ว
ไป๋หานมองดวงตาเป็ประกายวาววับของกู่อวี่เสวียน สลับกับใบหน้าอันหยาบกร้านไร้ราศีของโจวชิงหวา แล้วอดถามขึ้นมิได้ “ฝ่าา มีอะไรหรือเพคะ?”
หนีเจียเอ๋อร์รีบส่งเสียงร้องอย่างเ็ป และทำทีซวนเซจวนเจียนจะล้มตรงหน้าโจวชิงหวา หากมิใช่เพราะชายหนุ่มตาไว รีบเข้าไปประคองได้ทัน ใบหน้างามคงมีาแประดับแล้ว
เมื่อเห็นไป๋หานมิได้ให้ความสนใจ โจวชิงหวาก็ฉวยโอกาสลอบส่งสัญญาณให้กู่อวี่เสวียนร่วมมือกับพวกตน
กู่อวี่เสวียนจำหนีเจียเอ๋อร์ในชุดบุรุษได้ ถึงจะไม่ทราบสาเหตุที่พวกเขาต้องปลอมตัวเป็คนของเว่ยฉีหราน แต่ก็มิได้เอ่ยปากเปิดโปง แม้ว่าตอนนี้หัวใจจะบีบรัดไปด้วยแรงหึงหวงก็ตาม
ยามนี้ หนีเจียเอ๋อร์คิดแค่ว่าจะต้องแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าไปให้ได้ก่อน จนแม้แต่หร่วนรั่วสุ่ยที่เดินตามหลังองค์หญิงใหญ่มาก็ยังงุนงง ว่าอีกฝ่ายจะทำเช่นนี้ไปเพื่อเหตุใด
แต่กระนั้น นางก็ยังพยายามไหลไปตามน้ำ รีบพุ่งเข้าไปช่วยหนีเจียเอ๋อร์ทันที
ความสงสัยของไป๋หานเพิ่มพูนขึ้น น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาจึงแฝงไว้ด้วยความระแวดระวัง “เ้าคือผู้ใด?”
ความกล้าหาญของหร่วนรั่วสุ่ยช่างมีน้อยนิดนัก เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ด้านหลังไป๋หานต่างก็สวมชุดของสำนักฝูเซิง นางจึงรีบหดคอ น้ำเสียงขลาดเขลาะโสารภาพออกมาจนหมดสิ้น “ผู้น้อยเป็นางกำนัลในแผนกซักล้าง ที่เพิ่งย้ายมาอยู่ตำหนักเจิ้งเหอเ้าค่ะ!”
หนีเจียเอ๋อร์ที่แสร้งทำเป็ลมหมดสติ รู้สึกถึงแรงเขย่าของหร่วนรั่วสุ่ย
กู่อวี่เสวียนซึ่งมีไหวพริบเป็เลิศ รับไม้ต่อด้วยการแสดงท่าทีเป็ฉุนเฉียว แล้วเดินดุ่มๆ เข้าไปหาหนีเจียเอ๋อร์ ฝ่ามือขององค์หญิงใหญ่ฟาดเปรี้ยง ทั้งยังแอบหยิกเพราะรู้สึกหมั่นไส้เล็กน้อย “อะไรกัน! เ้าคนผู้นี้ถึงกับสลบ เพราะเจอข้าอย่างนั้นหรือ?”
เจ็บนะ!!!
เปลือกตาหนีเจียเอ๋อร์ขยับเล็กน้อยโดยไม่อาจควบคุม ในใจคิดว่าลงมือหนักเช่นนี้ เกรงว่าจะมิใช่แค่การแสดงแล้ว... องค์หญิงใหญ่ เ้าจอมวายร้ายน่ารังเกียจ ฉวยโอกาสรังแกผู้คน!
แม้กระทั่งคนที่เงียบขรึมเป็นิจอย่างนาง ก็ยังหลุดบริภาษในใจไปหลายคำอย่างอดมิได้
โจวชิงหวาที่อยู่ด้านข้าง หลุบตาซ่อนความโมโห ใบหน้าของเขาไม่ปรากฏคลื่นอารมณ์ใดๆ ประกายโทสะในแววตาเลือนหายภายในพริบตา
หร่วนรั่วสุ่ยรู้สึกลำบากใจ ด้วยไม่กล้าล่วงเกินองค์หญิงใหญ่ จึงพยายามเบี่ยงตัวไปบังหนีเจียเอ๋อร์อย่างเงียบเชียบ มิให้มืออสรพิษของนางเอื้อมมาถึงได้
ไป๋หานนึกว่าที่กู่อวี่เสวียนเดินเข้ามาหา เป็เพราะรู้จักอาหนี แต่ไม่คาดคิดว่าองค์หญิงใหญ่จะมีนิสัยอันธพาลเช่นนี้ จึงชำเลืองมองด้วยสายตารังเกียจ
กู่อวี่เสวียนกวาดตาไปทั่ว เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหลงกลก็ยกยิ้มมุมปาก ขณะจ้องไป๋หาน “ข้าคิดมาตลอด ว่าคนของสำนักฝูเซิงคงจะมีแต่ยอดอัจฉริยะมากความสามารถ แต่เห็นทีคงจะคิดผิด...”
ว่าแล้ว องค์หญิงใหญ่ก็ส่ายหน้า มิได้พูดต่อ หากแต่เจตนาดูแคลนสำนักฝูเซิงนั้น ช่างโจ่งแจ้งนัก จากนั้นก็หันไปสั่งหร่วนรั่วสุ่ย “นำเ้าคนไร้ประโยชน์นี่ ไปลงโทษเสีย!”
หนีเจียเอ๋อร์แอบกัดฟันกรอด พลางนึกในใจ ‘กู่อวี่เสวียน อย่าให้ถึงทีของข้าบ้างก็แล้วกัน!’
โจวชิงหวามองตามหร่วนรั่วสุ่ย ที่พยุงร่างหนีเจียเอ๋อร์ออกไป
ในเมื่อเป็รับสั่งขององค์หญิงใหญ่ ไป๋หานย่อมไม่กล้าออกความเห็น จึงได้แต่คุกเข่าลง “องค์หญิง หากท่านไม่มีสิ่งใดแล้ว ช่วยปล่อยพวกเราไปได้หรือไม่ แม่ทัพเว่ยกำลังรอเราอยู่เพคะ”
ขาดคำ โจวชิงหวาก็ค้อมคำนับพร้อมสาวกคนอื่นๆ ก่อนถอยไปยืนด้านข้าง เปิดทางให้กู่อวี่เสวียนเดินจากไป
เว่ยฉีหรานทั้งหยิ่งผยองและชอบวางอำนาจ นอกจากฮ่องเต้กับบรรดาเชื้อพระวงศ์แล้ว ผู้ใดก็ไม่อยู่ในสายตาเขา แม้ไป๋หานจะเป็ลูกศิษย์ แต่ก็ยังทิ้งระยะห่าง ยิ่งกับคนอื่นๆ เขาก็แทบจะปฏิเสธจนเข้าขั้นผลักไส ไม่อยากข้องแวะเลยทีเดียว
แน่นอนว่า นั่นเป็เพราะอุปนิสัยส่วนตัวของเขาเอง
“ความปลอดภัยในพระราชวังสำคัญดั่งชีวิตและจิติญญาของพวกเ้า ทางที่ดีอย่าทำเื่ผิดพลาดเป็อันขาด มิฉะนั้น ต่อให้จะเป็เว่ยฉีหราน ก็คงไม่อาจปกป้องพวกเ้าได้” กู่อวี่เสวียนไพล่มือไปด้านหลัง ขณะมองไป๋หานราวกับนกยูงลำพอง
ไป๋หานก้มหน้าลง พลางเอ่ย “องค์หญิงโปรดวางพระทัย มีท่านเ้าสำนักอยู่ด้วย พวกเราย่อมไม่เกิดความผิดพลาดแน่เพคะ”
“ฮึ่ม!” กู่อวี่เสวียนปรายตามอง “พวกเ้าก็สนใจแค่สำนักฝูเซิงของตัวเองเท่านั้น ไม่คิดจะแยแสราชวงศ์ของข้า ระวังไว้เถอะ ข้าจะไปบอกท่านพี่ ว่าพวกเ้าดูิ่ราชวงศ์ของเรา!”
“หม่อมฉันมิกล้า!” ไป๋หานกล่าว โดยมิได้แสดงท่าทีต่ำต้อยหรือหยิ่งผยอง
กู่อวี่เสวียนไม่ชอบคนอย่างไป๋หาน ที่ไม่เผยให้เห็นทั้งความเคารพหรือเกลียดชังในแววตา ก่อนจากไป นางจึงจงใจเดินชนไหล่ของอีกฝ่าย
แต่ไป๋หานเป็ชาวยุทธ์ผู้มีฝีมือสูงส่งไม่เป็สองรองใคร ดังนั้น องค์หญิงใหญ่ยังไม่ทันแตะชายผ้าของนาง ก็ซวนเซจวนจะล้มลงอย่างหมดท่าเสียแล้ว โชคดีที่นางกำนัลเข้ามารับไว้ได้เสียก่อน
หลังจากทรงตัวได้ กู่อวี่เสวียนก็กระทืบเท้าด้วยความโมโห ทั้งยังรู้สึกอับอายที่ต้องมาพบกับพวกเขา
ไป๋หานกระตุกยิ้มมุมปาก พลางพูด “ร่างกายขององค์หญิงใหญ่ ดูเหมือนจะไม่ค่อยแข็งแรงนะเพคะ!”
กู่อวี่เสวียนสะบัดชายเสื้อ ด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ไป!”
พอผ่านหน้าโจวชิงหวา นางก็ไม่แม้แต่จะหยุดมองด้วยซ้ำ เช่นเดียวกันกับชายหนุ่ม ที่ทำตัวไม่รู้สึกรู้สาอันใด ไม่ต่างจากสาวกคนอื่นๆ
แต่ไป๋หานก็ยังอดเคลือบแคลงมิได้ เพราะตอนที่องค์หญิงใหญ่เหลือบมาเห็นโจวชิงหวา สายตาของนางดูใอย่างเห็นได้ชัด ไม่เหมือนคนที่เจอกันครั้งแรก...
นางกวักมือเรียกผู้ใต้บังคับบัญชามากระซิบสั่งบางอย่างที่ข้างหู แล้วคนผู้นั้นก็ล่าถอยไปเงียบๆ ก่อนไล่ตามไปยังทิศทางที่หนีเจียเอ๋อร์จากไป
โจวชิงหวามองตามหร่วนรั่วสุ่ย ที่ประคองหนีเจียเอ๋อร์จากไปด้วยสายตาหม่นหมอง เมื่อไม่มีนาง เขาก็รู้สึกเคว้งคว้างเล็กน้อย
ด้านหนีเจียเอ๋อร์ก็ระแวดระวังอยู่ตลอด เพราะเดาว่าไป๋หานน่าจะส่งคนมาเฝ้านาง ดังนั้นหญิงสาวจึงแสร้งทำเป็วิงเวียน และขอให้หร่วนรั่วสุ่ยช่วยประคองไปที่ห้องพัก
ทันทีที่ประตูปิดลง คนที่เคยแสดงท่าทีว่าอ่อนแรง ก็กลับมาเป็ปกติเช่นเดิม
หร่วนรั่วสุ่ยที่ตอนนี้กำลังหอบหายใจ พลันเอ่ยปาก “คุณหนู...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้