ห้องทำงานของหวังเค่อ
เมื่อถงอันอันและพรรคพวกด้านล่างถูกจับกุม แส้เทพอสนีที่มัดร่างจางหลี่เอ๋อร์ไว้ก็ถูกดึงกลับลงไปทางท่อน้ำ จางหลี่เอ๋อร์เป็อิสระทันที
จางหลี่เอ๋อร์นอนแผ่อยู่บนพื้น ก่อนจะเห็นสภาพตัวเองตอนนี้ เพราะกระแสไฟฟ้าผสานกับสัจปราณอัคคีของตนทำให้เสื้อผ้าของนางส่วนใหญ่ลุกไหม้ติดไฟ ก่อนจะโดนน้ำประปาพัดจนเว้าแหว่งเป็ส่วนใหญ่
พอได้เห็นสารรูปตนเองยามนี้ จางหลี่เอ๋อร์ค่อยเข้าใจคำว่ายั่วสวาทที่หวังเค่อพูดก่อนหน้า นี่ไม่เรียกยั่วสวาทแล้ว สภาพแทบเรียกว่าคล้ายคนเสพสุขร่วมกันด้วยซ้ำ
“หวังเค่อ เ้าตัวบัดซบ แม่จะฆ่าเ้าให้ตาย!” จางหลี่เอ๋อร์เอ่ยอย่างอับอาย
จนถึงตอนนี้ จางหลี่เอ๋อร์ก็ยังคิดว่าเื่ทั้งหมดเป็แผนที่หวังเค่อวางไว้ นางมาเพื่อกะทุบหัวรีดทรัพย์ สุดท้ายกลับโดนหวังเค่อซ้อนแผนทำให้นางต้องอับอาย ความแค้นท่วมท้นไม่สิ้นสุด
หลังนำเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมาจากกำไลมิติ จางหลี่เอ๋อร์ก็เปลี่ยนชุดก่อนเตรียมตัวออกไปล้างแค้นหวังเค่อ
“หึ่ง!”
ทันใดนั้นเอง แสงสีฟ้าพลันสาดสว่างขึ้นในห้องทำงาน พลังของกระจกสะกดแสงพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งจนเกือบเข้าประชิดจางหลี่เอ๋อร์
“มาอีกแล้ว?” จางหลี่เอ๋อร์เบิกตาโต
จางหลี่เอ๋อร์โบกมือเรียกประกาศิตอีกาทองคำกลับสู่มือ จากนั้นเร่งเร้าพลังของประกาศิตอีกาทองคำสุดกำลัง แสงสีทองสาดสว่างปะทะกับแสงสีฟ้า
ณ ร้านน้ำชาที่ชั้นหนึ่ง
มู่หรงลวี่กวงใช้ธงนำทางกระตุ้นพลังของกระจกสะกดแสง โดยมีกลุ่มศิษย์น้องคอยช่วยเหลือจากทางด้านหลัง
“ศิษย์พี่ ธงนำทางเปลี่ยนไปอีกแล้ว เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ศิษย์น้องคนหนึ่งถาม
“ข้าก็ไม่รู้ แต่ข้าััได้ว่าพลังที่ต่อต้านกระจกสะกดแสงอยู่เพิ่มพูนขึ้นอีกแล้ว!” มู่หรงลวี่กวงขมวดคิ้ว
“กระจกสะกดแสงถูกต่อต้าน? แสดงว่าถงอันอันยังอยู่ในห้องทำงานชั้นบน แล้วยังมีอาวุธวิเศษระดับทารกแกนิญญาติดตัวด้วย ไม่อย่างนั้นจะต้านทานกระจกสะกดแสงได้อย่างไร? ศิษย์พี่ใหญ่ พวกเราสมควรกลับขึ้นไปดูหรือไม่?” ศิษย์น้องถาม
“ไม่ได้ พวกเรากระตุ้นธงนำทางนี้เพื่อสะกดถงอันอันไว้ หากข้ารั้งพลังกลับ ถงอันอันมันจะหนีรอดไปได้ ข้าเลยไม่อาจเคลื่อนไหว!” มู่หรงลวี่กวงมุ่นคิ้ว
“แล้วทำยังไงดี?”
“ไม่ใช่ว่าเ้าเพิ่งส่งศิษย์กลุ่มหนึ่งขึ้นไปดู? รอฟังผลก่อน!” มู่หรงลวี่กวงรอคอย
ตอนนี้เอง ประตูห้องส่วนตัวก็เปิดออก
“ศิษย์พี่ใหญ่ ไม่ดีแล้ว!” ศิษย์น้องคนหนึ่งพรวดพราดเข้ามา
“มีอะไร? ไม่ใช่เ้าขึ้นไปจับตัวถงอันอันที่ชั้นบนสุด? ทำไมถึงยังไม่เสร็จเื่อีก? ข้าก็อุตส่าห์ขังมันไว้แล้ว!” มู่หรงลวี่กวงถามอย่างมึนงง
“ชั้นบนสุดมีศิษย์พรรคอีกาทองคำคุ้มกันไว้ มันบอกว่าหวังเค่อห้ามไม่ให้ผู้ใดรบกวน พวกเราเลยเข้าไปในห้องทำงานไม่ได้ มีจางเสินซวีขวางทางอยู่ด้านนอกขอรับ!” ศิษย์น้องตอบอย่างกังวล
“เื่ด่วนขนาดนี้เ้าก็ยังเข้าไปไม่ได้?” มู่หรงลวี่กวงถลึงตาใส่
“พวกเราไม่กล้าส่งเสียงเอะอะเกินควร อย่างไรเสีย ที่อาคารเสินหวังวันนี้ก็มีคนฝ่ายธรรมะพักอยู่เยอะเกินไป กลัวว่าปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง ข้ากลัวทำพรรคเทพหมาป่า์เราเสียหน้า!” ศิษย์น้องยิ้มขื่น
“กลับไปบอกจางเสินซวีให้ชัดเจน!” มู่หรงลวี่กวงเอ่ยอย่างกังวล
“ข้าบอกแล้ว แต่มันไม่ฟัง มันบอกว่าในเมื่อมันรับปากเป็ยามรักษาความปลอดภัยให้หวังเค่อ มันก็ต้องยืนยามไว้!” ศิษย์น้องตอบอย่างขมขื่น
“อะไร จางเสินซวีมันประสาทกลับหรือไง? เ้ากลับไปอีกที ไปอธิบายทุกอย่างให้มันฟัง บอกมันว่าข้าอยู่ที่นี่ใช้กระจกสะกดแสงสะกดมารร้ายในห้องทำงานหวังเค่อไว้ ข้าเป็คนลงมือมาโดยตลอด ให้มันร่วมมือกับข้า!” มู่หรงลวี่กวงเอ่ยเสียงเข้ม
“ทราบ!”
“แล้วก็ไปตามคนมาเพิ่มอีก อีกอย่างข้าจะระดมศิษย์น้องมาช่วยปิดล้อมอาคารเสินหวังไว้ ไม่ให้มารร้ายหลบหนีไปได้ จะว่าไปท่านเ้าตำหนักโม่ไปไหนแล้ว? ไม่ใช่ท่านรออยู่ด้านนอกอาคารเสินหวัง? เชิญท่านไปจัดการเื่ชั้นบน!” มู่หรงลวี่กวงสั่งการ
“ทราบ!” ศิษย์น้องขานรับ
ทันใดนั้นเอง ศิษย์น้องก็รีบเร่งออกไปแจ้งข่าวแก่ศิษย์ทั้งหมดในร้านน้ำชา ทุกคนต่างเคลื่อนไหวว่องไว
ขณะเดียวกัน หวังเค่อกับจางเจิ้งเต้าก็กำลังเปิดาน้ำลายกันอยู่ จางเจิ้งเต้าอยากขอส่วนแบ่งจับกุมเหล่ามารจากหวังเค่อ หวังเค่อมีหรือจะยอม?
ทั้งสองถกเถียงกันจนมาถึงหน้าลิฟต์ ก่อนจะเจอลูกน้องหวังเค่อคนหนึ่งเข้า
“ท่านประมุข เมื่อครู่มีแขกมาร้องเรียนขอรับ!” ลูกน้องเอ่ยอย่างกังวล
“แขกร้องเรียน? ใช่พวกที่ซื้อประกันไปหรือไม่? พวกมันคิดอยากยกเลิกประกัน? เ้าได้อธิบายเื่ข้อกำหนดยกเว้นให้พวกมันฟังไปหรือยัง? คิดอยากยกเลิกประกัน? เต็มที่ก็ได้ศิลาิญญาคืนแค่ชั่งสองชั่งเท่านั้น!” หวังเค่อขมวดคิ้ว
“หวังเค่อ เ้านี่ไร้ยางอายโดยแท้ คนซื้อประกันราคาตั้งห้าพันชั่งศิลาิญญา เ้ากลับคืนเงินแค่ชั่งสองชั่ง?” จางเจิ้งเต้าอุทานอย่างใ
“เ้าจะไปรู้ผายลมอันใด อีกอย่าง ถ้าเกิดมีคนยกเลิกประกัน ค่าคอมเ้าก็โดนหักด้วย!” หวังเค่อกลอกตา
จางเจิ้งเต้าหน้าแข็งค้าง “เ้าล้อข้าเล่นหรือไง? ซื้อประกันไปแล้วใครเขาจะอยากยกเลิกกัน? ข้าสนับสนุนเ้าเสมอ หวังเค่อ!”
หวังเค่อเมินจางเจิ้งเต้าพลางมองหน้าลูกน้อง
“ท่านประมุข ไม่ใช่เื่ยกเลิกประกัน แต่เป็เื่ร้านน้ำชาที่ชั้นหนึ่งขอรับ!” ลูกน้องยิ้มแห้ง
“ร้านน้ำชาที่ชั้นหนึ่งเกิดอะไรขึ้น?” หวังเค่อถามอย่างสงสัย
“มู่หรงลวี่กวงพาศิษย์พรรคเทพหมาป่า์นับไม่ถ้วนมาอัดแน่นเต็มร้านน้ำชาชั้นแรกไปหมด พวกมันไม่สั่งอาหารเครื่องเดิม แต่นั่งกินที่อยู่เฉยๆ แเื่ท่านอื่นที่คิดอยากลิ้มลองอาหารเครื่องดื่มก็ร้องเรียนว่าไม่มีที่นั่ง พวกเราไม่ทราบควรทำอย่างไร!” ลูกน้องยิ้มเจื่อน
หวังเค่อหน้าแข็งทื่อ “ว่าอะไร? มู่หรงลวี่กวงประกันก็ไม่ซื้อ ยังคิดขวางไม่ให้ร้านน้ำชาข้าประกอบกิจการอีก? มัน้าอะไรกันแน่?”
“พวกเราเองก็ไม่ทราบ เ้าตำหนักโม่ซันซันเดิมจองห้องส่วนตัวเอาไว้ จากนั้นเ้าตำหนักโม่ซันซันก็จากไป มู่หรงลวี่กวงมันหมกตัวอยู่ในห้องไม่ยอมออกมา พวกเราจะเข้าไปหาก็ไม่ได้! ถึงอย่างไรมันก็เป็ศิษย์พี่ใหญ่พรรคเทพหมาป่า์ พวกเราทำอะไรมันไม่ได้ขอรับ!” ลูกน้องหวังเค่อยิ้มขื่น
หวังเค่อหน้าดำหม่น “ขัดขวางการทำเงินของผู้อื่น ไม่ต่างอะไรจากสังหารบุพการี! มู่หรงลวี่กวง ยกพลมาขัดขวางกิจการข้าแบบนี้ทำเกินไปหรือไม่? มาเถอะ นำทางไป!”
“ทราบ!” ลูกน้องรับคำอย่างนอบน้อม
จากนั้นทั้งสามก็ลงลิฟต์มาถึงร้านน้ำชาที่ชั้นหนึ่ง ทว่าเวลานี้ ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ทั้งหมดภายในร้านน้ำชาล้วนถูกมู่หรงลวี่กวงส่งขึ้นไปชั้นบนสุดเรียบร้อย
“อ้าว? เมื่อกี้ยังมีคนอยู่ตั้งมากมาย ไฉนตอนนี้ถึงว่างเปล่าแล้ว? ท่านประมุข ข้าไม่ได้โกหกนะ ข้าพูดความจริง!” ลูกน้องหวังเค่อเอ่ยอย่างกังวล
“ไม่เป็ไร!” หวังเค่อพยักหน้า
หวังเค่อย่อมเชื่อใจในตัวลูกน้อง
ทั้งสามเดินเข้าไปในโซนร้านน้ำชา ก่อนลูกน้องจะรีบไปสอบถามเื่ราวกับพนักงานร้าน
“ท่านประมุข ข้าสอบถามมาแล้ว เมื่อครู่พวกมันยังอยู่ จากนั้นจู่ๆ ก็หายหัวไปกันหมด แต่มู่หรงลวี่กวงกับศิษย์น้องสองสามคนยังอยู่ในห้องส่วนตัวขอรับ!” ลูกน้องรายงาน
“หวังเค่อ เ้ามู่หรงลวี่กวงมันจงใจหาเื่เ้าชัดๆ? มู่หรงลวี่กวงนั่งอยู่ในห้องส่วนตัว มิใช่รอให้เ้าไปเจรจา?” จางเจิ้งเต้าถามอย่างสงสัย
หวังเค่อหรี่ตาขมวดคิ้วใช้ความคิด ตอนแรกให้คนมาขัดขวางกิจการข้า เสร็จแล้วถอนกำลัง?
“หรือมู่หรงลวี่กวงเห็นกิจการข้ารุ่งเรืองเลยอยากได้ส่วนแบ่งด้วย?” หวังเค่อเผยสีหน้าพิกล
“มู่หรงลวี่กวงอิจฉากิจการเ้า? มันคิดอยากฮุบส่วนแบ่งธุรกิจขายประกัน?” จางเจิ้งเต้าอุทาน
“เหลวไหล แต่คิดฮุบกิจการร้านน้ำชานี่ก็ไม่แน่!” หวังเค่อเอ่ยเสียงเข้ม
“ไอ้มู่หรงลวี่กวงใจดำอำมหิต แม่งเอ๊ย หวังเค่อให้ข้าเป็ผู้จัดการแล้ว มันยังคิดฮุบกิจการเราไป? ไปเถอะ ไปจัดการมันกัน หากเื่ราวใหญ่โตค่อยฟ้องท่านประมุข!” จางเจิ้งเต้าของขึ้นกะทันหัน
เื่นี้เกี่ยวพันถึงรายได้ในอนาคตของข้า ครั้งนี้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ข้าทำเงินได้ห้าหมื่นชั่งศิลาิญญา ตามหวังเค่อทำเงินต่อไปในอนาคตย่อมมีแต่กำไร ตอนนี้กลับมีคนคิดฮุบส่วนแบ่ง? จะยอมได้อย่างไร?
“น้ำแตงโมเย็นแก้วนึง!” หวังเค่อโบกมือ
ลูกน้องรีบยกเครื่องดื่มมาทันที
หวังเค่อรับน้ำแตงโมมาก่อนจะเดินไปทางห้องส่วนตัว จางเจิ้งเต้าพูดไม่ผิด เื่แบบนี้ยอมลงให้ได้ที่ไหน แม่งเอ๊ย อิจฉาที่ข้าหาเงินได้หรือไร? ยังคิดฮุบส่วนแบ่งอีก? ล้อข้าเล่นหรือไง? ตอนนี้ข้าเองก็มีคนหนุนหลังเหมือนกัน
“ข้าขอด้วยแก้วนึง!” จางเจิ้งเต้าเองก็สั่งเครื่องดื่ม
ทั้งสองเดินตรงไปยังทางเข้าห้องส่วนตัว
“ปัง ปัง ปัง!”
จางเจิ้งเต้าเคาะประตู
...
ภายในห้องส่วนตัว
มู่หรงลวี่กวงกับพวกยังคงทุ่มเทกำลังใช้งานธงนำทางอยู่
“ครืนน!”
ธงนำทางสั่นไหวรุนแรง ชัดเจนว่าทุกคนในห้องเวลานี้ต่างทุ่มสุดกำลัง
“ศิษย์พี่ใหญ่ ไม่ใช่พวกเราใส่พลังมากเกินไปแล้ว?” ศิษย์น้องคนหนึ่งถามอย่างกังวล
“ไม่เป็ไร ขอเพียงจับถงอันอันได้ จะใช้พลังระดับไหนก็ไม่มีปัญหา!” มู่หรงลวี่กวงตอบเสียงเข้ม
“ข้าไม่ได้ห่วงเื่ถงอันอัน ข้าห่วงหวังเค่อมันต่างหาก หวังเค่อที่อยู่ในห้องทำงานชั้นบนสุดตอนนี้ไม่ใช่ถูกพลังของกระจกสะกดแสงทำร้ายสาหัสแล้ว? ถ้าเกิดหวังเค่อมันาเ็หนักขึ้นมา เราจะอธิบายต่อท่านประมุขอย่างไร?” ศิษย์น้องกังวล
มู่หรงลวี่กวงเผยสีหน้าซับซ้อน
“ศิษย์พี่ใหญ่ ถ้าเกิดพวกเราใส่พลังเยอะเกินไปจนหวังเค่อตายคาห้องทำงานขึ้นมาจะทำยังไง?” ศิษย์น้องถามอย่างกังวลอีกครั้ง
แววตามู่หรงลวี่กวงทอแววไม่มั่นใจ ถ้าหวังเค่อตายขึ้นมา? มู่หรงลวี่กวงไม่สนใจว่าหวังเค่ออยู่หรือตาย แต่มันห่วงว่าหากเฉินเทียนหยวนสืบสาวเอาความ มันจะแก้ตัวอย่างไรต่างหาก
“เื่ทั้งหมดเป็เ้าตำหนักโม่วางแผนการ มีอะไรเกิดขึ้น เ้าตำหนักโม่จะรับหน้าเอง! พวกเราแค่ต้องจับถงอันอันให้ได้!” สุดท้ายมู่หรงลวี่กวงก็กัดฟันต่อ
เหล่าศิษย์น้องพากันนิ่งเงียบไปพักใหญ่ แต่ก็ไม่ได้คัดค้าน
“ปัง ปัง ปัง!”
ขณะที่พวกมันกำลังถ่ายทอดพลังทั้งหมดเข้าใส่ธงนำทาง ก็มีเสียงคนเคาะประตูห้องส่วนตัวดังขึ้น
“แอ๊ด!”
จางเจิ้งเต้าเปิดประตูทันที ก่อนที่หวังเค่อจะปรากฏตัวต่อหน้ามู่หรงลวี่กวงกับพรรคพวก
“หวังเค่อ?” ทุกคนในห้องพากันอุทาน
ไม่ใช่หวังเค่อยังอยู่ในห้องทำงานชั้นบน? อะไร ได้ยังไง…?
หวังเค่อจิบน้ำแตงโมก่อนจะเดินอาดๆ เข้ามา จางเจิ้งเต้าเองก็ถือแก้วน้ำเดินตามหลัง
“ปัง!”
ทั้งสองกระแทกแก้วน้ำแตงโมลงบนโต๊ะ
“มู่หรงลวี่กวง มาคุยกัน เ้า้าอะไร?” หวังเค่อมาถึงก็เปิดประเด็นอย่างไม่อ้อมค้อม
มู่หรงลวี่กวง “…!”
กลุ่มศิษย์น้อง “…!”
“ในใจเ้าเต็มไปด้วยหนอนแมลงดำมืดหรืออย่างไร? ตัวเองไม่มีปัญญาหาเงิน พอเห็นหวังเค่อทำเงินได้ก็เลยคิดอยากฮุบส่วนแบ่ง? ฝันไปเถอะ! อย่าแม้แต่จะคิด หวังเค่อมันเคยคายของที่กลืนลงท้องกลับออกมาที่ไหนกัน? เพ้ย! บัดซบ!” จางเจิ้งเต้าสบถด่า
มู่หรงลวี่กวง “…!”
กลุ่มศิษย์น้อง “…!”
“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าหวังเค่อไม่เคยหาเื่ใคร แต่ก็ไม่กลัวมีเื่เหมือนกัน! มาเถอะ เรามาคุยกัน ท่าน้าอะไร? วันนี้เราจะสะสางให้รู้ชัด!” หวังเค่อทิ้งตัวนั่งลงอย่างโอ่อ่า
หวังเค่อนั่งเสร็จก็ล้วงแว่นกันแดดคู่หนึ่งออกมาสวม ทำให้ตัวมันดูสง่าผ่าเผยกว่าเดิม
มู่หรงลวี่กวงเอ่ยปาก “หวังเค่อ เ้า เ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“อ้าว? แล้วทำไมพวกเราถึงมาที่นี่ไม่ได้? แค่เพราะเ้ามาขวางทางทำธุรกิจร้านน้ำชาของหวังเค่ออย่างหน้าไม่อาย พวกเราก็เลยไม่มีสิทธิ์มาที่นี่แล้ว? ถ้าเ้ามีอะไรจะพูดก็รีบว่ามา!” จางเจิ้งเต้าถลึงตา
มู่หรงลวี่กวงไม่เข้าใจที่จางเจิ้งเต้ากล่าว มันได้แต่ถามด้วยสีหน้าประหลาด “เ้า เ้าไม่ใช่อยู่ในห้องทำงานชั้นบน?”
“แล้วข้าจะไปทำอะไรอยู่ในห้องทำงานเล่า? ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านยิ่งพูดยิ่งประหลาดเข้าไปทุกที!” หวังเค่อส่งสายตาพิกลกลับ
“ไม่ใช่ว่าเ้าถูกถงอันอันจับตัวไว้อยู่ในห้องทำงานชั้นบน?” ศิษย์น้องคนหนึ่งถามขึ้น
“ถงอันอัน? เ้าหมายถึงไอ้วิตถารที่ปลอมตัวเป็สตรีนั่นรึ?” จางเจิ้งเต้าถลึงตา
“เอ๋? ปลอมตัวเป็สตรี? ไอ้วิตถาร?” มู่หรงลวี่กวงชะงักไป
“ใช่แล้ว ไอ้วิตถารนั่นแกล้งปลอมตัวเป็สาวเ้าเนื้อ มันคือคนที่สวมชุดคลุมสีชมพูยกมือยกไม้อยู่ในห้องโถงใหญ่ พวกเราเพิ่งเจอตัวมันเมื่อครู่ ท่านประมุขพาตัวมันไปเรียบร้อยแล้ว!” จางเจิ้งเต้าตอบ
“ถงอันอันก็คือสหายนักพรตหญิงชุดชมพูคนนั้น? โดนท่านประมุขพาตัวไปแล้ว?” มู่หรงลวี่กวงเอ่ยอย่างใ
“ใช่แล้ว ไอ้โรคจิตนั่น ทำไมก่อนหน้านี้ข้าถึงมองไม่ออกนะ ภายใต้รูปโฉมอ้วนอวบหยาบกร้าน กลับมีหัวจิตหัวใจของสาวน้อยอยู่ ชายอกสามศอกสวมชุดนักพรตหญิงสีชมพู? เพ้ย วิตถาร!” หวังเค่อคิดแล้วตัวสั่น
“เ้าไม่ได้หลอกข้า? ถงอันอันโดนท่านประมุขพาตัวไปแล้ว?” มู่หรงลวี่กวงถามอย่างใ
“แน่นอน เราจะโกหกเ้าไปทำไม?” จางเจิ้งเต้าตอบ
“เอาละ เลิกพูดถึงไอ้โรคจิตนั่นก่อน มาคุยเื่ของท่านดีกว่า ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านทำเกินไปแล้ว ขัดขวางธุรกิจการค้าข้าแบบนี้ เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะไปฟ้องท่านอาจารย์?” หวังเค่อถลึงตา
แต่มู่หรงลวี่กวงกับคนที่เหลือไม่ได้ฟังหวังเค่อเลยสักนิด พวกมันต่างมองไปยังธงนำทางกระจกสะกดแสงบนโต๊ะ
“ศิษย์พี่ใหญ่ ถ้าเกิดถงอันอันมันไม่ได้อยู่ในห้องทำงานหวังเค่อ แล้วเป็ผู้ใด?” ศิษย์น้องคนหนึ่งถามด้วยสีหน้าปูเลี่ยน
แม่งเอ๊ย พวกเราลำบากเหน็ดเหนื่อยอยู่นานสองนาน สรุปเราจัดการกับใครอยู่?
หวังเค่อไม่ใช่ ถงอันอันไม่ใช่ แล้วพวกเราเสียเวลาครึ่งค่อนวันไปกับใคร?
“ท่านหมายถึงคนที่อยู่ในห้องทำงานข้ารึ!” หวังเค่อถาม
“เ้ารู้?” มู่หรงลวี่กวงกับพวกหันมามองหวังเค่อ
“ข้าต้องรู้สิ เป็จางหลี่เอ๋อร์ไง!” หวังเค่อตอบตามตรง
มู่หรงลวี่กวง “…!”
กลุ่มศิษย์น้อง “…!”
จางหลี่เอ๋อร์?
หญิงงามที่มู่หรงลวี่กวงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ตัวมา? พวกเราลงมือสะกดจางหลี่เอ๋อร์มาตั้งนานสองนาน?
“หวังเค่อ นี่เ้าหลอกข้าหรือเปล่า?” มู่หรงลวี่กวงมองหวังเค่อด้วยตาแดงก่ำ
“ข้าจะหลอกท่านไปทำไม? นางคิดยั่วสวาทข้า ข้าไหนเลยจะยินยอม? ข้ามีแฟนแล้วนะ!” หวังเค่อพลันตอบอย่างหนักแน่น
“หึ่ง!”
มู่หรงลวี่กวงรีบถอนธงนำทาง ปิดการทำงานของกระจกสะกดแสงที่ชั้นบนทันที
“ฟิ้ว!”
มู่หรงลวี่กวงทะยานร่างออกไปจากร้านน้ำชา
“ศิษย์พี่ใหญ่ รอข้าด้วย!” กลุ่มศิษย์น้องรีบตามไปทันที
“เฮ้ย พวกท่านจะวิ่งไปไหน? เรายังไม่ได้เริ่มเจรจากันเลย!” หวังเค่อะโไล่หลัง
แต่กลุ่มคนเ่าั้หายไปจากสายตาหวังเค่อแล้ว
“ข้าจะบ้าตาย นี่กลัวข้าจนหนีไปแล้ว? ข้ายังไม่ได้เชิญท่านอาจารย์มาเลยด้วยซ้ำ! แค่นี้ก็กลัวจนไม่อยากคุยแล้ว?” หวังเค่อทำหน้าประหลาด
อีกด้านหนึ่ง จางเจิ้งเต้าก็มองหวังเค่อ “หวังเค่อ เ้านี่ไร้ยางอายนัก ยังมีหน้ามาพูดว่าจางหลี่เอ๋อร์ยั่วสวาทเ้าอีก! นางโจรนั่นมีหรือจะทำเื่พรรค์นั้น?”
หวังเค่อเหลือบมองจางเจิ้งเต้า กลอกตามองบน ก่อนเมินเฉยไม่สนใจ
...
ห้องทำงานชั้นบน
เมื่อมู่หรงลวี่กวงถอนธงสั่งการที่ชั้นล่างไป พลังของกระจกสะกดแสงก็หายไป จางหลี่เอ๋อร์เองก็ออกมาจากห้องทำงาน
“ศิษย์พี่หญิง?” ศิษย์น้องที่คุ้มกันทางเข้าอุทานอย่างแปลกใจ
จางหลี่เอ๋อร์สองตาท่วมท้นด้วยโทสะ คล้ายคิดอยากขยี้หวังเค่อ
“หวังเค่อ เ้าตายแน่!” จางหลี่เอ๋อร์กัดฟันกรอด
ด้านนอกประตู จางเสินซวีกับกลุ่มศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ต่างกำลังอยู่ในสภาวะตึงเครียด แต่พอจางเสินซวีก้าวออกมา ทุกคนก็พากันหยุดนิ่ง
“จางเสินซวี? ทำไมนางถึงอยู่ในห้อง?” ศิษย์น้องพรรคเทพหมาป่า์ถามอย่างใ
“ท่านพี่ ไฉนท่านถึงออกมาแล้ว? ทำไมท่านถึงเปลี่ยนชุด? อีกอย่าง ทำไมเส้นผมท่านเปียกชุ่มแบบนั้น?” จางเสินซวีถามอย่างแปลกใจ
ไม่ใช่ท่านเข้าไปทุบหัวรีดทรัพย์หวังเค่อหรอกหรือ? แล้วสารรูปแบบนี้คืออะไร? ท่าทางเหมือนคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ท่านวิ่งโร่หายเข้าห้องทำงานหวังเค่อไปตั้งนานสองนาน สรุปคือไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า?
จางเสินซวีไม่เข้าใจเลยสักนิด!
“ข้าอยากฆ่าหวังเค่อ!” จางหลี่เอ๋อร์กล่าวอย่างดุร้าย
“หวังเค่อไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือ? อ้อ ท่านพี่ ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์พวกนี้บอกว่าข้างในห้องทำงานหวังเค่อมีค่ายกลที่พอทำงานแล้วจะใช้กระจกสะกดแสงผนึกการเคลื่อนไหวของคนในห้องไว้ ท่านคงไม่ได้โดนลูกหลงใช่ไหม?” จางเสินซวีหน้าเปลี่ยนสี
เดิมทีมันคิดว่าหวังเค่ออยู่ภายในห้องทำงาน ดังนั้นจางเสินซวีจึงไม่เชื่อคำพูดของศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ แต่ดูจากท่าทีของพี่สาวแล้ว เห็นได้ชัดว่าหวังเค่อไม่อยู่จริงๆ แถมในห้องทำงานยังมีค่ายกลอีกต่างหาก
“ค่ายกล? กระจกสะกดแสง?” จางหลี่เอ๋อร์ถลึงตา
เื่ที่เกิดขึ้นภายในห้องเมื่อครู่ไม่ใช่แค่ค่ายกลกับกระจกสะกดแสงแล้ว แต่เป็ความอัปยศครั้งใหญ่
“ใช่แล้ว พวกมันบอกว่ามู่หรงลวี่กวงเร่งให้พวกมันขึ้นมาจากชั้นล่าง แถมมู่หรงลวี่กวงยังกระตุ้นใช้กระจกสะกดแสงอยู่ด้วย!” จางเสินซวีอธิบาย
“มู่หรงลวี่กวง?” จางหลี่เอ๋อร์ชะงักไป
สรุปคนที่ทำร้ายข้าไม่ใช่หวังเค่อ? แล้วไหงถึงเป็มู่หรงลวี่กวงอีกแล้ว?
ตอนนี้เอง มู่หรงลวี่กวงก็กระหืดกระหอบวิ่งมา
“หลี่เอ๋อร์ เ้าเป็ไงบ้าง? ทั้งหมดเป็เื่เข้าใจผิด เข้าใจผิดกันทั้งนั้น พวกเราแค่จับมารร้าย ข้านึกไม่ถึงว่า…!” มู่หรงลวี่กวงก้าวออกมาพลางเอ่ยปลอบ
เข้าใจผิด?
“เข้าใจผิดแม่เ้าสิ มู่หรงลวี่กวง ไอ้ตัวบัดซบ แม่จะฆ่าเ้าให้ตาย!” จางหลี่เอ๋อร์คำราม
เสียงคำรามของจางหลี่เอ๋อร์ดังกึกก้องสะท้านไปทั่วอาคารเสินหวัง ทำให้ศิษย์พรรคฝ่ายธรรมะทั้งหลายพากันสงสัยใคร่รู้
“ตูม!”
ที่ชั้นล่าง หวังเค่อที่เพิ่งออกมาจากร้านน้ำชามองไปทางหลังคาด้วยสีหน้าสงสัย
“ให้ตาย อาคารเสินหวังข้ากลายเป็บ้านพวกเ้าไปั้แ่เมื่อไหร่ มีศีลธรรมบ้างหรือไม่? ะโโหวกเหวกเสียงดังปานนี้? ไม่คิดให้ผู้อื่นทำการทำงานบ้างเลยหรือ?” หวังเค่อบ่นด้วยคิ้วขมวด
“จริงด้วย จริงด้วย!” จางเจิ้งเต้าเองก็ปั้นหน้าดูแคลน
