คำพูดแม้จะพูดออกมาเป็พันครั้งก็ยังสู้ตาเห็นหนเดียวไม่ได้
อันชิ่งเซี่ยนอีจงไม่มีห้องสมุด แต่มีห้องอ่านหนังสือเล็กๆ อยู่ ปกติมีคนเข้ามาในห้องนี้น้อยมาก
อาจารย์ใหญ่ซุนวางแผนมาเป็อย่างดี จัดสถานที่สำหรับสัมภาษณ์เซี่ยเสี่ยวหลานไว้ที่ห้องอ่านหนังสือ
พอเหล่าผู้สื่อข่าวเดินเข้าสถานที่แบบนี้ก็จะลดเสียงลงโดยอัตโนมัติ ห้องอ่านหนังสือถูกยึดใช้งานชั่วคราว บุคลากรที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ได้รับอนุญาตให้ห้อมล้อมมุงดู มีเพียงเซี่ยเสี่ยวหลานและอาจารย์ประจำวิชาของชั้นปีสามไม่กี่คนเท่านั้นที่อยู่ด้านใน เมื่อเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานแวบแรก เหล่าผู้สื่อข่าวต่างพากันตกตะลึง
เด็กสาวคนนี้หน้าตาสะสวยจริงๆ
แต่อย่างไรก็ตาม เซี่ยเสี่ยวหลานเล่า พวกเขามาเพื่อพบอันดับหนึ่งประจำมณฑลนะ!
คนจำนวนหนึ่งในห้องอ่านหนังสือล้วนไม่ค่อยเหมือนนักเรียนเท่าไรนัก สายตาของผู้สื่อข่าวกวาดไปทั่วบริเวณ และจบลงที่ซุนเถียนผู้ดูอ่อนเยาว์ ซุนเถียนที่เพิ่งเข้าทำงานได้เพียงหนึ่งปี จบการศึกษาจากวิทยาลัยครู อายุก็เพิ่ง 20 ต้นๆ สอดคล้องกับคำบอกเล่าจากปากอาจารย์ใหญ่ซุนที่กล่าวว่าหยุดเรียนหลายปีและกลับมาเข้าเรียนอีกครั้งหนึ่งยิ่งนัก
“นักเรียนเซี่ยเสี่ยวหลาน?”
“นักเรียนเซี่ยเสี่ยวหลาน พวกเรามาจากสถานีวิทยุมณฑล อยากจะขอสัมภาษณ์เธอสักหน่อย”
“เซี่ย...”
ซุนเถียนถอยหลังและโบกมือปฏิเสธไปมา “พวกคุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันไม่ใช่นักเรียนเสี่ยวหลาน ฉันเป็อาจารย์ของโรงเรียน เสี่ยวหลานอยู่ตรงนั้นค่ะ!”
คนอื่นๆ กำลังชี้ไปยังเซี่ยเสี่ยวหลาน
เหล่าผู้สื่อข่าวต่างมองหน้ากัน ดันปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มเสียได้ ปัจจุบันเครื่องบันทึกภาพยังใช้เทปอยู่ เทปเป็ของล้ำค่ามาก โชคดีที่เมื่อครู่ยังไม่ได้เปิดเครื่องบันทึกภาพ ไม่คิดไม่ฝันว่าหญิงสาวผู้สวยที่สุดคนนี้จะเป็เซี่ยเสี่ยวหลานผู้ครองอันดับหนึ่งสายวิทย์ประจำมณฑลอวี้หนานของปีนี้นั่นเอง
เธอนั่งข้างหน้าต่าง แสงอาทิตย์ลอดผ่านกระจกและตกกระทบบนร่างกายเธอ เสื้อแขนสั้นสีขาว กระโปรงจีบสีแดง รวบผมเป็หางม้าเดี่ยว หากนำคำสำหรับพรรณนาสตรีที่รูปลักษณ์งดงามทั้งหมดมากองพะเนินกับเธอก็ไม่เกินจริงเลย
เด็กสาวหน้าตาสะสวยเช่นนี้ ต่อให้เป็สถานีวิทยุมณฑลก็ไม่สามารถหาเจอได้ เนื่องจากไม่คาดคิดว่าเธอจะคือเซี่ยเสี่ยวหลานนั่นเอง
ถ้าบอกว่าเธอเป็ดาราภาพยนตร์พวกเขาคงเชื่อเต็มร้อย ทว่าพอบอกว่าเธอคือบัณฑิตเกาเข่าของปีนี้... เหล่าผู้สื่อข่าวเชื่อครึ่งสงสัยอีกครึ่ง
ผู้คนส่วนใหญ่มีอคติดั้งเดิมที่สืบต่อกันมาบางอย่าง เด็กผู้หญิงเรียนเก่งในตอนประถมและมัธยมต้น แต่เมื่อเข้าสู่มัธยมปลายและมหาวิทยาลัยความสามารถในด้านการเรียนก็จะถดถอย ผู้หญิงควรเรียนสายศิลป์มากที่สุด เพราะสายศิลป์ง่าย พวกเธอไม่มีระบบคิดวิเคราะห์ที่รอบคอบถี่ถ้วนเป็เหตุเป็ผล ผลการเรียนและรูปลักษณ์ภายนอกคือสิ่งที่ผกผันกัน ยิ่งเป็หญิงสาวหน้าตาสะสวยเท่าไร เวลาเธอเรียนจะยิ่งวอกแวกเท่านั้น
อคติโดยธรรมชาติทำให้ผู้สื่อข่าวยากที่จะเชื่อว่าหญิงสาวหน้าตาสะสวยเช่นนี้คืออันดับหนึ่งประจำมณฑลคนล่าสุด
ตอนเข้ามา ทั้งที่เห็นชัดเจนว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็จุดศูนย์กลางของการสนทนา และรู้สึกทึ่งในรูปกายภายนอกของเซี่ยเสี่ยวหลาน ทว่าในใจกลับมองข้ามความเป็ไปได้ที่ว่าเธอคือเซี่ยเสี่ยวหลานไปเสีย และมุ่งเป้ามายังซุนเถียนที่ดูอ่อนหวานน่ารักขี้อายแทน บัณฑิตอันดับหนึ่งของเกาเข่าก็ควรก้มหน้าก้มตาเรียนหนังสือ ต้องเรียบง่ายปราศจากการปรุงแต่งถึงจะถูกไม่ใช่หรือ เธอจะเป็นักเรียนที่เข้าเรียนกลางคันก็ได้ หยุดเรียนหลายปีหลังจบมัธยมต้นและเข้าสู่รั้วโรงเรียนอีกครั้งก็ได้ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนไม่เกี่ยวข้องกัน! นอกจากไม่ทำลายภาพลักษณ์ของบัณฑิตเกาเข่าแล้ว ยังสามารถเพิ่มความน่าอ่านให้แก่ข่าวได้อีกด้วย
ทว่าเธอไม่ควรเป็เช่นนี้
เซี่ยเสี่ยวหลานคนนี้ไม่ตรงกับภาพลักษณ์นักเรียนดีแสนเรียบง่ายโดยสิ้นเชิง รูปร่างหน้าตาช่างโดดเด่นเหลือเกิน ไม่สวมใส่เสื้อผ้าที่ดูธรรมดา ไม่มีใบหน้าหมองคล้ำ ไม่ใช่นักเรียนยากจนอย่างที่พวกเขาจินตนาการ... เอาเถอะ ก็แค่หน้าตาสวยเกินบรรยาย มากเกินกว่าจะเป็ดาราภาพยนตร์ด้วยซ้ำ
ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานมีรูปลักษณ์ละม้ายเซี่ยจื่ออวี้ ผู้ที่สอดคล้องกับรสนิยมความงามกระแสหลักของยุคสมัย เช่นนั้นผู้สื่อข่าวก็คงไม่รู้สึกแปลกประหลาดแล้ว
เธองดงามหยาดเยิ้มเปี่ยมเสน่ห์จริงๆ ใบหน้าเรียวเล็ก ผิวขาวผุดผ่อง ชายเสื้อสีขาวถูกยัดไว้ใต้กระโปรง เอวบางร่างน้อย ทรวดทรงวิจิตรบรรจง ตอนนี้ 《เฟิงเสินปั่ง [1]》 ฉบับสถานีกลาง [2] ยังไม่ออกอากาศ มิเช่นนั้นปฏิกิริยาแรกที่จะเกิดขึ้นก็คือการนำ ‘ซูต๋าจี่ [3]’ มาสวมให้เซี่ยเสี่ยวหลาน
ทักคนผิดเสียแล้ว หลังความรู้สึกน่าอับอายผ่านไป ในที่สุดก็มีผู้สื่อข่าวค้นพบประเด็นสำคัญ
“นักเรียนเซี่ยเสี่ยวหลาน มือเธอใส่เฝือกอยู่นี่นา เธอาเ็หรือ ก่อนเกาเข่าหรือหลังเกาเข่าล่ะ?”
“นักเรียนเซี่ยเสี่ยวหลาน ขอแสดงความยินดีที่เธอได้รับเกียรติยศอันดับหนึ่งสายวิทย์ประจำมณฑลอวี้หนานของปีนี้ พวกเราขอสอบถามความรู้สึกของเธอในตอนนี้ได้ไหม?”
“ทางสถานีมณฑลอยากจัดสัมภาษณ์พิเศษให้เธอ”
“นักเรียนเซี่ยเสี่ยวหลาน จากการสัมภาษณ์ของพวกเราต่ออาจารย์ใหญ่ซุนประจำเซี่ยนอีจง เธอเป็นักเรียนที่เข้าเรียนกลางคันใช่ไหม? ภายในระยะเวลาหนึ่งปี คะแนนรวมของเธอเริ่มต้นจากข้อสอบเข้าเรียน 446 คะแนน พัฒนาไปถึงสอบคัดเลือกรอบแรก 565 คะแนน และจบด้วยเกาเข่า 616 คะแนนเป็ลำดับสุดท้าย ขอถามหน่อยว่าตัวเธอมีวิธีการเรียนอย่างไรหรือ? ”
หลังจากความเข้าใจผิดประเดี๋ยวประด๋าว ใครๆ ก็้าสัมภาษณ์เซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนแรกทั้งนั้น เหล่าผู้สื่อข่าวไม่ลดละให้กันแม้แต่นิดเดียว
สำหรับเื่บางเื่ อาจารย์ใหญ่ซุนได้เล่าแล้ว ทว่าผู้สื่อข่าวยังคงอยากฟังอีกรอบจากปากของผู้เกี่ยวข้องโดยตรงอยู่ดี
ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาและถ่ายภาพเซี่ยเสี่ยวหลานไว้
เซี่ยเสี่ยวหลานตาพร่าจากแสงแฟลชสว่างจ้า จนในที่สุดเธอก็พูดประโยคแรกออกมา “สัมภาษณ์แบบบันทึกข้อความได้นะคะ ฉันไม่ค่อยอยากให้รูปของตัวเองขึ้นหนังสือพิมพ์สักเท่าไร... ฉันจะตอบคำถามของพวกคุณทีละคนแล้วกันค่ะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่้าให้ภาพของตนขึ้นอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ แต่เธอพูดไปแล้วก็จนปัญญา เพราะเห็นว่าช่างกล้องที่แบกเครื่องบันทึกภาพทำการเปิดอุปกรณ์เรียบร้อยแล้ว สื่อสิ่งพิมพ์ยังพอควบคุมได้ แต่จะควบคุมข่าวของสถานีประจำมณฑลได้อย่างไร ไม่ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานหรืออาจารย์ใหญ่ซุนก็ไม่มีสิทธิตรงนี้ทั้งคู่
ถ้าเช่นนั้นก็พูดเถอะ
“มือได้รับาเ็ก่อนสอบเกาเข่าค่ะ ใช่ค่ะ คนอื่นขี่จักรยานมาชนฉัน มีผลกระทบอะไรหรือเปล่า? ฉันใส่เฝือกและเข้าสอบเกาเข่าตามปกติน่ะค่ะ จะไม่สอบเพียงเพราะาเ็เล็กๆ น้อยๆ ได้ด้วยหรือคะ”
“ถ้าพูดถึงความรู้สึกของการได้เป็อันดับหนึ่งสายวิทย์จากทั่วมณฑล อย่างแรกคือดีใจค่ะ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกขอบคุณการดูแลที่โรงเรียนมอบให้ฉัน ขอบคุณที่ผู้บริหารโรงเรียนห่วงใยฉัน ขอบคุณที่อาจารย์ทุกท่านอบรมสั่งสอนฉัน และขอบคุณความช่วยเหลือที่เพื่อนๆ มีต่อฉัน อันดับหนึ่งของมณฑลนี่ไม่ได้ร่วงลงมาจากฟ้า ถ้าไม่มีทุกคนก็ไม่มีฉันในตอนนี้เหมือนกันค่ะ...”
“ส่วนวิธีการเรียน...”
เซี่ยเสี่ยวหลานให้สัมภาษณ์อย่างตรงไปตรงมา เธอไม่ชอบการขายความน่าสงสาร อาจารย์ใหญ่ซุนคงเพ้อเจ้อต่อหน้าพวกผู้สื่อข่าวไปเสียยกใหญ่ บรรยายเธอให้กลายเป็เด็กน่าสงสารที่เพียรพยายามเพื่อความสำเร็จแล้ว
อย่างไรก็ตามเซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดว่าตนเองน่าสงสารแม้แต่น้อย หลังเกาเข่าผ่านไป เธอก็จะเริ่มพัฒนาชีวิตครั้งใหญ่ ไม่หวังว่าหลังจากผู้คนเห็นรายงานข่าวแล้วจะรู้สึกเห็นอกเห็นใจเธอกันอย่างล้นหลาม
ความเห็นใจคือสิ่งที่ไร้ประโยชน์ที่สุด เซี่ยเสี่ยวหลานไม่้าให้ตนเองถูกสร้างเป็ภาพ ‘อันดับหนึ่งผู้ยากจน’ หากเป็เช่นนั้นจะเกิดปัญหาหนึ่งเป็อย่างแรก นั่นก็คือจะมีคนคอยเฝ้าดูเธอใช้จ่ายเงิน! เงินทองที่เธอหาได้ด้วยตนเอง ทำไมจะจ่ายตามใจชอบไม่ได้ และพอเธอเข้ามหาวิทยาลัยก็จะไม่แสร้งจนด้วย ภายใต้เงื่อนไขไม่เกินระดับรายได้ เธอ้าให้ตนเองใช้ชีวิตอย่างสุขสบายที่สุด
การสัมภาษณ์ครั้งนี้อาศัยจินตนาการของผู้สื่อข่าวสรรค์สร้างอย่างแท้จริง
‘ภาพ’ ที่เหล่าผู้สื่อข่าวยัดเยียดให้เซี่ยเสี่ยวหลาน เธอไม่ได้้าเลยแม้แต่น้อย
เหล่าผู้สื่อข่าวค่อยๆ มองเห็นจุดนี้ อันดับหนึ่งประจำมณฑลคนล่าสุดไม่เพียงแต่มีรูปลักษณ์ไม่ธรรมดา ทว่านิสัยของเธอก็มีจุดเด่นมากเหมือนกัน
ไม่ได้ตรงกับความเข้าใจกระแสหลักของสังคมทั้งหมด?
เหมือนการปฏิรูปเศรษฐกิจ ความประทับใจที่เซี่ยเสี่ยวหลานมอบให้ผู้อื่นก็คือความทันสมัย ไม่ขายความน่าเวทนา อันดับหนึ่งประจำมณฑลที่ทันสมัยและมองโลกในแง่บวก? นี่มันเป็ภาพลักษณ์ที่สดใหม่ทีเดียวเชียว!
เซี่ยเสี่ยวหลานปรับปรุงการออกแบบตัวละครใหม่แกมบังคับ จากไม่เชื่อจนกระทั่งยอมรับ เหล่าสหายผู้สื่อข่าวก็ไม่ได้ใช้เวลามากเกินไป ไม่มีใครจะถามคำถามไร้สาระแล้ว เมื่อครู่ผู้สื่อข่าวจากสถานีเมืองถูกยัดเศษกระดาษให้หนึ่งแผ่นท่ามกลางความวุ่นวายหน้าโรงเรียน บนนั้นเขียนถึงการ ‘รายงานเปิดโปง’ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าวหลักบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็ใครที่้าทำลายชื่อเสียงของอันดับหนึ่งประจำมณฑล แต่ผู้สื่อข่าวจากสถานีประจำเมืองก็ไม่มีทางโง่ที่จะให้ความร่วมมืออย่างแน่นอน
อันดับหนึ่งประจำมณฑลคัดจากทั่วมณฑลเพียงหนึ่งคนต่อปี จะต้องเป็จุดสำคัญของการเผยแพร่วัฒนธรรมประจำมณฑลในเดือนกรกฎาคมอย่างแน่นอน เขาจะทำตรงกันข้ามกับสื่อกระแสหลักภายในมณฑลตอนนี้เพื่ออะไร น้ำไม่ได้เข้าสมองเขาเสียหน่อย!
ใครหน้าไหนมันกำลังสร้างเื่กันนะ นี่ไม่ใช่การทำให้อันดับหนึ่งของมณฑลโดนวิพากษ์วิจารณ์หรอก คนที่ยัดเศษกระดาษให้เขา ้าทำลายเขาต่างหากเล่า!
เชิงอรรถ
[1]封神榜 เฟิงเสินปั่ง คือ ละครโทรทัศน์ที่ดัดแปลงจากนวนิยายอิงประวัติศาสตร์จีนโบราณในชื่อ 封神演义 (พงศาวดารฮ่องสิน) ซึ่งประพันธ์ขึ้นในราชวงศ์ิโดยสวี่จ้งหลิน เป็นิยายแนวอภินิหาร เนื้อเื่เกิดขึ้นในปลายราชวงศ์ซาง เล่าเกี่ยวกับการสถาปนาเทพเ้าที่มีภูมิหลังเนื้อเื่เป็าระหว่างฝ่ายราชวงศ์ซางและฝ่ายโค่นล้ม
[2]中央电视台 สถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน เป็สถานีวิทยุโทรทัศน์ใหญ่ของประเทศจีน มีรูปแบบรายการที่หลากหลาย
[3]苏妲己 ซูต๋าจี่ คือ ตัวละครหนึ่งในเฟิงเสินปั่ง สนมของพระเ้าโจ้วผู้เป็กษัตริย์พระองค์สุดท้ายของราชวงศ์ซาง มีรูปโฉมงดงาม ทว่าแท้จริงแล้วถูกสิงสู่โดยปีศาจจิ้งจอกที่เ้าแม่หนี่วาส่งมา เนื่องจากพระเ้าโจ้วแต่งคำกลอนล่วงเกินเ้าแม่หนี่วาตอนกำลังสักการะ เ้าแม่หนี่วาเกิดความพิโรธ จึงส่งปีศาจจิ้งจอก ผีไก่ฟ้าเก้าหัว และภูตพิณมาล่อลวงพระเ้าโจ้ว สนมต๋าจี่ที่มีปีศาจจิ้งจอกสิงสู่อยู่จึงยั่วยวนยุยงพระเ้าโจ้วให้ละเลยการบริหารราชการแผ่นดิน เอาแต่มัวเมาลุ่มหลงในสุรานารี จนในท้ายที่สุดราชวงศ์ซางก็ล่มสลาย