เมื่อซูฉางอันได้สติกลับมาอีกครั้ง ก็เป็รุ่งเช้าของอีกวันแล้ว
แสงแดดเจิดจ้า ท้องฟ้าสดใส อากาศดีราวกับฤดูใบไม้ผลิก็ไม่ปาน
เขารู้สึกสบายตัวเป็อย่างมาก ไม่ได้รู้สึกอ่อนแรงจากการใช้พลังเกินกำลังเลยแม้แต่น้อย
เขามองดูห้องของตัวเอง จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าของตกแต่งภายในห้องดูจะแปลกไปจากเดิมเล็กน้อย แต่ก็แลดูคุ้นตาเหลือเกินเหมือนห้องที่เมืองฉางเหมินไม่มีผิด เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยไม่รู้ว่าใครเป็คนตกแต่งห้องของตนจนกลายเป็เช่นนี้
จู่ๆ ประตูก็ถูกเคาะจากด้านนอก ซูฉางอันรีบสวมเสื้อผ้าและจัดระเบียบตัวเองให้เข้าที่เข้าทางจากนั้นจึงรีบเดินไปเปิดประตู
ทว่าคนที่ปรากฏกายอยู่ตรงหน้ากลับทำให้เขาชะงักนิ่งไป
กู่หนิง
เขาอยู่ในชุดนักวิชาการสีขาว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเป็มิตร และในตอนนี้คนตรงหน้าก็กำลังมองมาที่ซูฉางอันอยู่...
ซูฉางอันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเขาเตรียมจะถามว่าเหตุใดคนตรงหน้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้แต่กู่หนิงก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน
“สหายซู นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ยังมัวแต่ชักช้าลีลาอยู่อีก มั่วมั่วรอนานมากแล้วนะ”ทันทีที่สิ้นเสียง กู่หนิงก็ลากซูฉางอันออกไปด้านนอกโดยไม่ถามไถ่ถึงความยินยอมของเขาเลยสักนิด
ซูฉางอันรู้สึกสงสัยมากขึ้นกว่าเดิม มั่วมั่วรออยู่?เขาจำไม่ได้ว่าเคยนัดอะไรกับมั่วมั่วเอาไว้ เหตุนี้ เขาจึงถามขึ้นอย่างอดไม่ได้“สหายกู่ มั่วมั่วรอข้าทำไมรึ?”
กู่หนิงยังคงดึงมือของซูฉางอัน แล้วเดินต่อไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง“สหายซู เ้าช่างขี้หลงขี้ลืมเสียจริง วันนี้เป็วันแต่งงานของเ้ากับมั่วมั่วเชียวนะเ้าลืมได้ยังไงกันเนี่ย?”
แม้จะไม่เห็นสีหน้าท่าทางของกู่หนิง แต่ซูฉางอันรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกดีใจแทนตนอย่างแท้จริง
ทว่าซูฉางอันกลับช็อกไปทันทีที่ได้ฟัง แต่งงานกับมั่วมั่ว?
จู่ๆ เขาก็รู้สึกมึนหัวขึ้นมา จากนั้นภาพรอบๆ ก็เริ่มพร่ามัวขึ้นอย่างกะทันหัน
เมื่อได้สติกลับมาอีกครั้ง เขาก็มาอยู่ในโถงขนาดใหญ่ที่ถูกตกแต่งอย่างดงามเสียแล้ว
ที่นี่คือที่ไหนกัน? เขามองสำรวจไปรอบด้านอย่างลืมตัว
เขาพบว่ามีผู้คนยืนอยู่เต็มโถงไปหมด
เขารู้จักคนพวกนี้ พวกเขาเป็เพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมชั้น และเหล่าอาจารย์ที่เคยเฆี่ยนลงโทษเขาตอนอยู่ที่เมืองฉางเหมิน
ตอนนี้ ทุกคนกำลังมองมาทางเขาด้วยรอยยิ้มที่ปากก็เอาแต่พูดอวยพรว่าขอให้รักกันไปนานๆ และขอให้มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองออกมา
ซูฉางอันหันกลับมาอีกครั้งด้วยความประหลาดใจ จึงพบว่ามีหญิงในชุดแดงที่มีผ้าสีแดงปิดคลุมหัวยืนอยู่ตรงหน้าั้แ่เมื่อใดก็ไม่ทราบและเมื่อก้มลงมองตัวเองอีกครั้ง เขาก็พบว่าตนอยู่ในชุดเ้าบ่าวแล้ว
จู่ๆ เขาก็ถึงบางอ้อ ที่แท้วันนี้เป็วันแต่งงานของตนกับมั่วมั่วนั่นเอง
และในตอนนั้นเอง จู่ๆ ชายรูปร่างกำยำบึกบึนคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาซูฉางอันรู้จักเขา เป็จี้เต้านั่นเอง
เขาขยิบตาให้ซูฉางอันเล็กน้อย จากนั้นจึงเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้า ในจุดที่ไม่ไกลออกไปนัก
“ไหว้ฟ้าดิน!” เสียงที่ดังจนราวกับะโบอกเช่นนั้น
ซูฉางอันยังจมอยู่ในความงุนงง คนข้างๆ จึงสะกิด แล้วเตือนเขาเบาๆ “ท่านพี่ยืนนิ่งอยู่ทำไม”
แค่ได้ยินเสียง ซูฉางอันก็มั่นใจแล้วว่าคนที่มีผ้าสีแดงคลุมอยู่ต้องเป็ซูมั่วอย่างแน่นอนแต่จู่ๆ เขาก็รู้สึกสติหลุดลอยไปชั่วขณะ รู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าตนกำลังจะแต่งกับหญิงที่ตนแอบชอบมานานแสนนานจริงๆ
แต่ดูเหมือนซูมั่วจะทนไม่ได้ที่ซูฉางอันมัวมายืนเหม่อในเวลาเช่นนี้เธอดันร่างของซูฉางอันให้หันไปทางผู้คน แล้วโค้งคำนับตามพิธีการ
“ไหว้บุพการี!” จี้เต้าพูดเสียงดังลั่น
ซูฉางอันได้สติกลับมาในที่สุด เขารีบหันกลับไปด้านในสุดของโถงแล้วโค้งคำนับอีกครั้ง
เขาพบว่าที่ด้านในสุดของโถงมีคนอยู่สามคน คนที่นั่งอยู่ทางซ้ายเป็ซูเหอพ่อของซูมั่วกับฮูหยินของเขา ซูฉางอันเคยเจอพวกท่านทั้งสองมาก่อน ส่วนทางด้านขวาเป็บิดาของเขาซูไท่ ทั้งสามกำลังมองมาทางซูฉางอันกับซูมั่วด้วยรอยยิ้มสดใส ความดีใจที่มากมายของพวกเขาถูกแสดงออกมาทางรอยยิ้มและดวงตาอย่างชัดเจน
แต่ซูฉางอันกลับรู้สึกเสียใจเล็กน้อย ตนแต่งงานทั้งทีพ่อกับแม่ของซูมั่วต่างก็มากันอย่างพร้อมหน้า น่าเสียดายที่แม่ของตนตายไปตั้งนานแล้วเขายังจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่านางหน้าตาเป็อย่างไร
และในตอนนั้นเอง จู่ๆ หญิงวัยกลางหน้าตาดีคนหนึ่งก็เดินมาจากด้านข้าง จากนั้นก็รีบเดินตรงไปที่ข้างซูไท่ซึ่งในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเก้าอี้เพิ่มขึ้นมาอีกตัว เธอนั่งลงบนนั้น จากนั้นก็หันไปยิ้มเป็เชิงขอโทษกับซูเหอและภรรยา
“ต้องขอโทษด้วย เกิดเื่เล็กน้อยระหว่างทางทำให้เสียเวลา ถึงได้มาสายเช่นนี้”หญิงวัยกลางกล่าวเช่นนั้น
“ฮ่าๆ ไม่เป็ไร ไม่เป็ไรหรอก” ซูเหอและภรรยาตอบด้วยรอยยิ้ม
“เ้าก็จริงๆ เลย งานแต่งลูกชายตัวเองทั้งทียังมาช้าอีก” ซูไท่ที่อยู่ข้างกันพูดขึ้นแม้คำพูดของเขาจะแฝงไปด้วยการตำหนิ แต่สายตาของเขากลับแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขารู้สึกดีใจมากขนาดไหน
ทว่าซูฉางอันกลับชะงักนิ่งไป หญิงคนนี้เป็แม่ของเขางั้นรึ?
เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เท่าที่จำได้ หลังให้กำเนิดเขาได้ไม่นานท่านแม่ก็...
จู่ๆ เขาก็รู้สึกสติหลุดลอยไปชั่วขณะ เมื่อได้สติกลับมาอีกครั้ง หญิงวัยกลางก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเสียแล้วเธอมองดูเขาอย่างอ่อนโยน พลางกล่าวขึ้น “เ้าเด็กนี่ มัวยืนเหม่ออยู่ทำไมกัน รีบไหว้สิเ้าสาวที่ดีขนาดนี้ เ้าไม่อยากได้หรือไง หากไม่อยากได้ ก็ยังมีคนอยากได้อีกถมเถไปเดี๋ยวเขาก็มาแย่งไปหรอก”
ทันทีที่สิ้นเสียง ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นทั่วโถง เป็การเร่งให้ซูฉางอันโค้งคำนับตามพิธีการ
ซูฉางอันรู้สึกเขินอายจนทำตัวไม่ถูก เขาที่จมอยู่ในความงุนงงและเ้าสาวที่ยืนอยู่ข้างๆจึงโค้งตัวให้ผู้ใหญ่ทั้งสี่ท่านอย่างเคารพ
“คู่สามีภรรยาทำความเคารพซึ่งกันและกัน!” จี้เต้าะโขึ้นอีกครั้ง
เมื่อได้ยินดังนั้น ซูมั่วที่มีผ้าสีแดงคลุมใบหน้าอยู่ก็หันไปหาซูฉางอันตามพิธีการแต่ซูฉางอันกลับยังเหม่อไม่เลิก เธอจึงดึงชายเสื้อของซูฉางอันหลายครั้งแล้วถามเสียงกระซิบ “ท่านพี่ ท่านเป็อะไรไปรึ?”
ซูฉางอันได้สติกลับมาในที่สุด เขารีบหันหน้าไปหาซูมั่ว เมื่อทั้งสองหันหน้าเข้าหากันแล้วพวกเขาก็เตรียมจะโค้งตัวเพื่อคำนับซึ่งกันและกันตามพิธี ขณะที่ซูฉางอันก็เอาแต่นึกด่าตัวเองในใจไปด้วยไม่ใช่เื่ง่ายเลยกว่าจะได้ครองรักกับมั่วมั่ว หากยังมัวแต่คิดฟุ้งซ่านจนทำให้นางโกรธล่ะก็หากนางหนีตามกู่หนิงไปจะทำอย่างไร
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ จู่ๆ ร่างที่กำลังจะโค้งตัวก็ชะงักนิ่งลงอย่างกะทันหัน
จู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างแลดูแปลกๆ
มั่วมั่วแต่งงานกับตน แล้วกู่หนิงล่ะ?
แต่ทันทีที่มีความคิดเช่นนี้ผุดขึ้นมาในหัว ร่างของหนุ่มในชุดนักวิชาการก็ปรากฏอยู่กลางฝูงคนภายในโถงอย่างกะทันหันเป็ร่างของกู่หนิงนั่นเอง!
เขามองมาที่ซูฉางอันด้วยรอยยิ้มพลางกล่าวขึ้น “สหายซู เป็อะไรไปรึ? นี่เป็วันดีของเ้านะกำลังเหม่ออะไรอยู่? ยังไม่รีบโค้งคำนับตามพิธีอีก พวกเรายังรอป่วนห้องหอของพวกเ้าอยู่นะ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแลดูจริงจัง ไม่เหมือนเป็การเสแสร้งดูเหมือนกู่หนิงจะรู้สึกยินดีกับซูฉางอันจากใจจริง
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ซูฉางอันคลายความกังวลในใจลงเลย เขามองไปยังชายหนุ่มที่มีรอยยิ้มเป็มิตรอยู่บนใบหน้าก่อนความกระวนกระวายจะทวีความรุนแรงขึ้นภายในจิตใจ
เขารู้สึกว่านี่เป็เื่ที่ไม่สมควร เขาคิดเช่นนั้นจากใจจริง แม้เขาจะชอบมั่วมั่วมาตั้งนานมากแล้วแต่คนที่มั่วมั่วชอบคือกู่หนิง และกู่หนิงก็ชอบมั่วมั่วเช่นกัน ทว่าตอนนี้คนที่กำลังจะแต่งกับมั่วมั่วกลับเป็ตน!
มันไม่ถูกต้อง!
ซูฉางอันอยากเข้าไปจับไหล่ของกู่หนิงเอาไว้ทั้งสองข้างแล้วะโบอกกับเขาว่า... ข้ากำลังจะแต่งกับผู้หญิงที่เ้าชอบนะ ทำไมเ้ายังมีความสุขแบบนี้ได้อีก?เ้าน่าจะชวนให้ลิ่นหยูกับจี้เต้ามาช่วยชิงตัวเ้าสาวสิถึงจะถูก ทำไมถึงมายืนอยู่ตรงหน้าแล้วอวยพรให้ข้าแบบนี้?
แต่เขาทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะจู่ๆ ร่างของเขาก็แข็งทื่อ ไม่อาจขยับเขยื้อนใดๆได้อีก กระทั่งเื่ง่ายๆ เช่นการขยับปากพูด เขาก็ยังทำไม่ได้เลย
แต่ดูเหมือนพลังที่ซ่อนอยู่ภายในจะไม่พอใจกับเหตุการณ์เช่นนี้ ซูฉางอันรับรู้ได้ว่าร่างกายกำลังถูกพลังบางอย่างควบคุมอยู่ร่างของเขาถูกดึงให้หันกลับเข้าไปหามั่วมั่วอีกครั้ง
จากนั้น หัวของเขาก็ค่อยๆ ถูกกดลงต่ำ หลังก็ค่อยๆ โค้งลงไปเรื่อยๆ ในตอนนั้นเองที่เขาตระหนักได้ว่าแท้จริงแล้ว พลังนั้นอยากให้เขาทำพิธีแต่งงานในครั้งนี้ให้สมบูรณ์นั่นเอง
ซูฉางอันรู้สึกราวสติหลุดลอยออกไปอีกครั้ง จู่ๆ ความสงสัยที่อยู่ในใจก็ดูจะไม่ได้สำคัญมากเท่าแต่ก่อนแล้ว
จะไปสนใจเื่พวกนั้นทำไม? แค่ทำพิธีให้เสร็จหญิงตรงหน้าก็เป็ภรรยาของเขาแล้ว แบบนั้น เขาก็จะได้อยู่กับนางไปตลอดชีวิตแล้ว...เสียงหนึ่งปะทุขึ้นที่กลางใจ ดูเหมือนมันจะมีพลังสะกดบางอย่าง เพราะทันทีที่ได้ฟังการต่อต้านและขัดขืนเพียงน้อยนิดที่แฝงอยู่ในหัวใจก็ถูกทำลายลง
“หลังเสร็จพิธี มั่วมั่วก็เป็ภรรยาของข้าแล้ว” เขาพึมพำขึ้นดังนี้ ขณะที่ดวงตากลับประกายความสลดใจออกมา
แล้วศิษย์พี่ล่ะ? เซี่ยนจวินล่ะ? หรูเยว่ล่ะ? พวกเขาจะทำยังไง?
จู่ๆ ความคิดเช่นนี้ก็ปะทุขึ้นในสมอง หากเขาแต่งกับมั่วมั่ว เช่นนั้นพวกนางก็ต้องแต่งกับคนอื่นน่ะสิ?เมื่อคิดมาจนถึงตรงนี้ เขาก็รู้สึกไม่มีความสุข ไม่สบายใจเลยสักนิด
ซูฉางอันรู้สึกลังเลขึ้นมาทันตา หากแต่งกับมั่วมั่ว เขาก็ต้องเสียพวกนางทั้งหมดไปตอนนี้เขาเริ่มไม่มั่นใจแล้ว ว่าสรุปแล้วคนที่ตนชอบเป็ใครกันแน่
ความคิดเช่นนั้น ทำให้เขาหยุดตัวเองเอาไว้ก่อนจะก้มคำนับอย่างสมบูรณ์
“ท่านพี่!” จู่ๆ ร่างของคนสามคนก็เดินออกมาจากห้องด้านหลังเป็หญิงสามคน แม้ทั้งสามจะเกล้าผม และแต่งกายคล้ายหญิงที่แต่งงานแล้ว แต่ก็ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความเป็วัยรุ่นไม่เปลี่ยนไปทว่าท่าทางและการกระทำของพวกเธอกลับเต็มไปด้วยความทรงเสน่ห์ราวกับหญิงที่เป็ผู้ใหญ่แล้วแลดูงดงามอย่างบอกไม่ถูกเลย
“ศิษย์พี่? เซี่ยนจวิน? หรูเยว่?” ทันทีที่เห็นหญิงทั้งสาม ซูฉางอันก็ชะงักอึ้งไปอย่างฉับพลันเขาไม่รู้ว่าทำไมพวกนางถึงแต่งกายเช่นนี้และไม่รู้ด้วยว่าทำไมพวกนางถึงเรียกตนว่าท่านพี่ ซึ่งเป็คำที่หญิงใช้เรียกสามีของตน
“ท่านพี่ รีบทำตามพิธีสิ มัวเหม่ออะไรอยู่ จะให้น้องมั่วมั่วรออีกนานเท่าไหร่?”กู่เซี่ยนจวินก้าวเข้ามาหา แล้วคล้องแขนซูฉางอันอย่างสนิทสนม
ฝานหรูเยว่กับเซี่ยโหวฟ่งอวี้ก็เดินเข้ามาหา แล้วพูดเร่งด้วยเสียงอ่อนโยน
ซูฉางอันเข้าใจแล้ว ที่แท้พวกนางก็แต่งกับเขามาตั้งนานแล้วสินะ หากเพียงทำพิธีไหว้ฟ้าดินกับซูมั่วจนเสร็จเพียงเท่านี้ ตนก็จะได้อยู่กับพวกนางตลอดไปแล้ว
ดูเหมือนนี่จะเป็เื่ที่มีความสุขมากที่สุดแล้วซูฉางอันบอกกับตัวเอง
แต่เขาก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่ดี หากอาจารย์ลุงอยู่ด้วยก็คงจะดี
ท่านสุขภาพไม่ค่อยจะดี หากได้เห็นว่าตนแต่งงานล่ะก็ ไม่แน่ งานมงคลนี้อาจทำให้ท่านสุขภาพดีขึ้นก็ได้
และแล้ว ชายชราคนหนึ่งก็เดินออกมา แม้เขาจะแลดูอายุมากแล้ว แต่การก้าวเดินก็ยังลื่นไหลและคล่องแคล่วแลดูมีชีวิตชีวาเป็อย่างมาก คนแก่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าซูฉางอันด้วยรอยยิ้ม “ฉางอันได้แต่งกับผู้หญิงที่สวยขนาดนี้แล้ว ต้องรีบมีลูกกันเร็วๆ ล่ะ คลอดเด็กชายตัวอ้วนตุ้ยมาสักคนวิทยาลัยเทียนหลานจะได้ครึกครื้นกัน”
หากผู้าุโฉู่อยู่ด้วยก็คงจะดี ซูฉางอันคิด...
จากนั้น ชายที่มีผมยุ่งเหยิง ซึ่งแบกดาบเอาไว้ด้านหลังก็ปรากฏตัวขึ้น เขามองมายังซูฉางอันจากที่ซึ่งไม่ไกลนักใบหน้าที่เย็นะเืประกายรอยยิ้มอ่อนโยนขึ้นอย่างเบาบาง
หากอาจารย์หญิงอยู่ด้วย ก็คงจะดีกว่านี้... ซูฉางอันพูดขึ้นในใจ
จากนั้น เสียงร้องกังวานของนกก็ปะทุขึ้น ก่อนนกขนาดใหญ่ที่ร่างกายลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงจะบินพุ่งมาจากนอกโถงแล้วพุ่งเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าซูฉางอัน และวินาทีที่สองเท้าแตะพื้น นกขนาดใหญ่ก็กลายเป็หญิงที่มีรูปโฉมงดงามในชุดสีแดงเธอเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าซูฉางอัน จากนั้นก็เคาะไปที่หัวของเขาเบาๆ “เ้าเด็กนี่ไม่เลวเลยนี่ ทักษะการจีบสาวๆ ดีกว่าอาจารย์จอมทึ่มของเ้าเยอะเลย”
ซูฉางอันหยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ แล้วมองดูวู๋ถงที่ไม่ได้เจอกันมานาน มองฉู่ซีฟงที่เพิ่งแยกจากกันไปและมองไปยังอาจารย์ลุงที่ประกายความมีชีวิตชีวาออกมาทางดวงตาในที่สุด จู่ๆเขาก็รู้สึกมีความสุขมากจนพูดไม่ออกเลย
แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ายังขาดใครไป...
ดังนั้น เขาจึงคิดในใจอีกครั้ง
หากอาจารย์อยู่ด้วยล่ะก็...
ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาจากที่ไกลลิบ เขาน่าจะมีอายุประมาณสามสิบต้นๆใบหน้าเย็นะเื แลดูเคร่งขรึม ถือดาบยาวเอาไว้ในมือ แต่งกายด้วยชุดธรรมดา และมีเกล็ดหิมะติดอยู่ตามเสื้อผ้าทั่วร่างราวเพิ่งตื่นขึ้นมาอีกครั้งท่ามกลางหิมะเมื่อสองปีก่อนเช่นนั้น
เขาเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าซูฉางอัน ทันใดนั้นความเ็าบนใบหน้าก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ว เขาประกายรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นออกมา แล้วอ้าปากเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง
แต่ซูฉางอันกลับชิงพูดขึ้นเสียก่อน
พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นะเืจนน่าหวาดกลัว พูดออกมาทีละคำๆอย่างชัดเจน
“ข้าต้องหั่นเทพสุนัขอย่างเ้าให้ขาดเป็สองท่อนด้วยดาบเดียวให้ได้!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้