"เขา้าทำลายต้นท้อร้อยปี?"
“สับและเผาหรือ? เขา้าเผาต้นท้อร้อยปี?”
“บ้าไปแล้ว! กู่ไห่นั่นเสียสติไปแล้วหรือไร? นั่นคือต้นท้อร้อยปีเชียวนะ เขา้าทำลายมันเช่นนั้นหรือ?”
"สิบวัน? สิบวันหากไม่เห็นเว่ยเซิงเหริน เขาจะทำลายต้นท้อร้อยปี? ล้อเล่นใช่หรือไม่?"
ผู้ฝึกตนทั้งหมดพากันวิพากษ์วิจารณ์ทันที ต่างอิจฉากู่ไห่ผู้นี้
นั่นคือต้นท้อร้อยปีเชียวนะ? ที่โลกภายนอกนั้น ไม่ว่าผู้ใดหากได้ยินชื่อมัน เป็ต้องรีบเข้ามาฉกชิงสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ต้นท้อร้อยปีล้ำค่ากว่าลูกท้อมาก ขอเพียงมีต้นท้อนั่น ก็สามารถเก็บเกี่ยวลูกท้อร้อยปีได้ตลอด
แต่... เ้าบ้านั่นกลับ้าทำลายมัน?
เขาทำตามอำเภอใจเช่นนี้ได้อย่างไร?
หากเ้าไม่้า... เช่นนั้นก็ยกให้เราไม่ดีกว่าหรือ?
ผู้คนจำนวนมากต่างจ้องมองท้องฟ้า ดวงตาแดงก่ำ
เฉินเทียนซานมองกู่ไห่ด้วยสายตาว่างเปล่า เวลานี้เขารู้สึกว่าเจตคติทั้งสาม[1]ของตน ได้ถูกอีกฝ่ายพังทลายไปสิ้น
เหตุใด?... ข้าถึงมองท่านหัวหน้าไม่ออก?
"กู่ไห่! เ้ากล้าหรือ?" คุณชายเก้าพลันตวาดอย่างโกรธเกรี้ยว
ชายหนุ่มผินหน้าไปมองคุณชายเก้า ก่อนแค่นหัวเราะแ่เบา
เขาลูบต้นท้อร้อยปี ก่อนสูดหายใจเฮือกใหญ่ และหรี่ตาลง
"เ้าใช้หมากสีทองเพื่อสื่อสารกับฟ้าดิน และทำให้ทักษะหมากแข็งแกร่งขึ้นใช่หรือไม่? เช่นนั้น ข้าจะยืมพลังฟ้าดิน วางค่ายกลที่ผู้าุโกวนฉีทิ้งเอาไว้ ให้เ้าดูก็แล้วกัน” กู่ไห่ลืมตาขึ้นทันที
ตูม!
ทันใดนั้น เมฆสีขาวนับไม่ถ้วนบนท้องฟ้า พลันม้วนเข้าหากัน
กลางเมฆนั้น กองทัพอาชาอันยิ่งใหญ่ กระจายตัวออกไปและจัดเรียงเป็กระดานหมากล้อมขนาดใหญ่ ที่มีเส้นแนวนอนและเส้นแนวตั้งยี่สิบแปดเส้นทันที
กุบกับๆ!
เห็นได้ชัด ว่ากองทัพอาชาที่อยู่บนกระดานหมากนั้น ดูเหมือนจะเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็เม็ดหมาก และค่อยๆ หายไปท่ามกลางกลุ่มเมฆที่กำลังปั่นป่วนทีละเม็ดๆ
กระดานหมากขนาดใหญ่ค่อยๆ เผยโฉมออกมา นี่มิใช่กระดานหมากธรรมดา แต่เป็กระดานหมากที่กู่ไห่เคยเห็น เหนือผลึกสีขาวในช่องว่างมิติที่หว่างคิ้วของเขา เมื่อไม่กี่วันก่อน มันเป็กระดานหมากยี่สิบแปดเส้น
เวลานี้ กระดานหมากดังกล่าว เริ่มเรียงต่อกันกลายเป็ค่ายกลขนาดใหญ่
ปัง! ตูม!
บนท้องฟ้าสูงหลายร้อยลี้นั้น ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีขาวโพลน กลางกลุ่มเมฆดังกล่าว เกิดเสียงแ่เบา คลื่นเสียงแผ่กระจายออกไปทั่วทุกหนแห่ง พร้อมแรงกดดันมหาศาล
นี่คือค่ายกลหมากล้อม!
ดวงตาของเฉินเทียนซานและเกาเซียนจือ เบิกกว้าง บนใบหน้าปรากฏแววกริ่งเกรง
"เป็ไปได้อย่างไร? ท่านหัวหน้าก็เข้ามาพร้อมๆ กับเรา แต่ในเวลาอันสั้น เหตุใดเขาถึงสามารถ..." เฉินเทียนซานพึมพำกับตัวเอง ด้วยความเหลือเชื่อ
“เดิมที ท่านหัวหน้าก็เป็บุคคลที่มีหน้าตา และความสามารถอันโดดเด่นหาใดเปรียบอยู่แล้ว เพียงขาดโอกาสและการสนับสนุน เมื่อโอกาสมาถึง ท่านหัวหน้าก็เหมือนเสือติดปีก ทะยานไกลหมื่นลี้!” เกาเซียนจือกล่าว พร้อมทอดถอนใจ
อีกด้านหนึ่ง เิไท่กำลังอ้าปากค้างด้วยความใ “กองทัพนั่น ยังไม่ใช่รูปแบบอสูรเมฆาที่แข็งแกร่งที่สุดของกู่ไห่? เป็เื่จริงหรือนี่?”
"ค่ายกล? ใช้หมากสีทองสร้างค่ายกล โดยยืมพลังจากฟ้าดินหรือ? เป็ไปได้อย่างไร? กู่ไห่ผู้นี้คือใคร? ผู้ใดสามารถบอกข้าได้บ้าง ว่าเขามีที่มาที่ไปอย่างไร" คุณชายเก้าตาเบิกโต ร้องะโอย่างตื่นตระหนก
เมฆสีขาวที่ปกคลุมไปทั่วนภานั้น ทำให้ทุกคนไม่อาจมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในได้ชัดเจน
"เกาเซียนจือ เฉินเทียนซาน มานี่!" เสียงกู่ไห่ร้องเรียก ดังออกมาจากกลุ่มเมฆที่กำลังปั่นป่วน
"ขอรับ!" คนทั้งสองขานรับ
อิงหลงกระพือปีก พาทั้งสองเข้าไปในกลุ่มเมฆทันที
...
บนพื้น มีผู้ฝึกตนจำนวนนับไม่ถ้วน กำลังจ้องมองท้องฟ้า
“หรือว่าเขาจะยึดต้นท้อร้อยปีเอาไว้สิบวันจริงๆ? อีกสิบวันให้หลัง จะทำลายต้นท้อร้อยปีจริงหรือ?”
"กู่ไห่ผู้นี้เป็ใครกันแน่? มีผู้ใดบอกได้บ้าง ว่ากู่ไห่เป็ใคร? มีที่มาที่ไปอย่างไร?"
"เขากำลังตามหาเว่ยเซิงเหรินหรือ? แล้วเว่ยเซิงเหรินผู้นี้คือใครกัน?"
ในชั่วพริบตาผู้ฝึกตนทั่วดินแดน ต่างส่งเสียงอึงอล ราวกับหม้อต้มน้ำที่กำลังจะะเิ
...
ณ ลานกว้างแห่งหนึ่ง
ผู้าุโใหญ่และอรหันต์เหลียนเซิง กำลังจ้องมองนภา
“หึๆๆ! ดูเหมือนว่าครานี้ อี้เทียนเก๋อของท่านจะพบปัญหายุ่งยากเข้าแล้ว” ภิกษุชราส่ายหน้าไปมา พลางกล่าวยิ้มๆ
ผู้าุโใหญ่ยังคงจ้องมองท้องฟ้าอย่างเงียบงัน
“ผู้าุโใหญ่ เ้าบ้านั่นบอกว่าอีกสิบวันให้หลัง มันจะทำลายต้นท้อร้อยปี เรายังไม่ลงมืออีกหรือขอรับ?”
“ผู้าุโใหญ่ นั่นคือต้นท้อร้อยปี ซึ่งถูกปลูกโดยท่านประมุขนะขอรับ”
“ผู้าุโใหญ่ ตอนนี้เราจะทำอย่างไรกันดี? แล้วเว่ยเซิงเหรินผู้นี้ คือใครหรือขอรับ?”
หลายคนกำลังวิตกกังวล
"เรียกเสี่ยวจิ่ว ให้รีบมาพบข้าทันที!" ผู้าุโใหญ่กล่าว พร้อมระงับโทสะ
"ขอรับ!"
...
หลังจากนั้นหนึ่งวัน ภายในห้องโถงใหญ่
มีเก้าอี้สองตัว ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของห้อง
ผู้าุโใหญ่นั่งอยู่ทางซ้าย ส่วนทางขวามีชายหนุ่มที่ดูเหมือนกำลังป่วยนั่งอยู่
ชายหนุ่มที่ดูราวกับกำลังป่วยนั้น สวมชุดคลุมสีขาวที่ปักลายดอกโบตั๋นสีแดงจางๆ ใบหน้าหล่อเหลา รูปร่างหน้าตามีส่วนคล้ายคุณชายเก้าเล็กน้อย
เวลานี้เขานั่งข้างผู้าุโใหญ่ โดยมิได้ทำความเคารพใดๆ เพียงถือผ้าเช็ดหน้าเอาไว้ พร้อมมองดูคุณชายเก้าซึ่งยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ด้วยสีหน้าลุ่มลึก
“แค่กๆๆๆ!” ชายหนุ่มท่าทางอมโรคไอออกมา ก่อนจะยกผ้าเช็ดหน้าปิดปากตนเอง
“ผู้าุโใหญ่ ข้าพยายามเต็มที่แล้วขอรับ” คุณชายเก้ายืนยันด้วยสีหน้าขมขื่น
ผู้าุโใหญ่สูดหายใจเข้า ก่อนกล่าว “ข้ารู้ว่าเ้าพยายามเต็มที่แล้ว แต่สุดท้ายก็ยังสูญเสียต้นท้อร้อยปีไปอยู่ดี นี่เป็เื่ร้ายแรงมาก”
"กู่ไห่้าพบเว่ยเซิงเหริน พวกเรา..."
"ตัวไร้ประโยชน์! แค่กๆๆๆ!" ชายหนุ่มผู้กำลังป่วยตำหนิ ก่อนจะปิดปากด้วยผ้าเช็ดหน้า และไออย่างรุนแรง
สีหน้าคุณชายเก้ากลายเป็น่าเกลียดทันที แต่กลับไม่กล้าโต้เถียง
"สถานการณ์ครานี้ค่อนข้างวิกฤต มิฉะนั้น เราคงไม่รบกวนเ้าเช่นนี้ ยังไหวหรือไม่?" ผู้าุโใหญ่เอ่ยถามชายหนุ่มท่าทางอมโรค
"ก็โรคเดิมๆ นั่นแหละ มันจะกำเริบทุกๆ สองร้อยปีอยู่แล้ว ในไม่ช้าก็จะหายดี" ชายหนุ่มผู้นั้นส่ายหน้า
กล่าวจบ ก็จ้องมองคุณชายเก้า
คุณชายเก้าเมื่อเผชิญหน้ากับชายผู้นี้ กลับสงบเสงี่ยมยิ่ง
“เราเสียต้นท้อร้อยปีไปเพราะเ้า เช่นนั้นเ้าก็ต้องไปทวงมันคืนมาด้วยตัวเอง เหล่าศิษย์ของอี้เทียนเก๋อจะไม่ยื่นมือเข้าไปแทรกแซง นี่เป็กฎที่ท่านประมุขกำหนดไว้ แม้ว่าจะเพื่อต้นท้อร้อยปี ก็ไม่อาจละเมิดกฎได้" ชายหนุ่มผู้กำลังป่วยกล่าวเสียงเย็น
"แต่ข้า..." คุณชายเก้าท้วงด้วยสีหน้าไม่น่าดูนัก
"นอกเหนือจากศิษย์อี้เทียนเก๋อแล้ว คนอื่นๆ จะติดตามเ้าไปด้วย ศิษย์สายนอกของอี้เทียนเก๋อทั้งหมด จะถูกลดสถานะเป็พลเมืองธรรมดา จากนั้นก็ให้ติดตามเ้าไปด้วย!” ชายหนุ่มท่าทางอมโรคกล่าวเสียงเย็น
“ขอรับ! ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่” คุณชายเก้าให้คำมั่น
ชายหนุ่มผู้กำลังป่วยมองดูคุณชายเก้าด้วยสายตาล้ำลึก "เ้าวางแผนจะทำอย่างไรต่อไป? แค่กๆๆ!"
"ข้าจะจัดเตรียมศิษย์สายนอก เพื่อฝ่าการป้องกันของค่ายกล จากนั้นก็จะไปชิงต้นท้อร้อยปีกลับคืนมา!" คุณชายเก้าพูด พร้อมกัดฟันกรอด
“โง่เง่า! แค่กๆๆๆ!” ชายหนุ่มท่าทางอมโรคตำหนิ
“เอ๊ะ?” คุณชายเก้าชะงักไปทันที
“เลิกทำเื่บ้าบิ่น ไม่คิดหน้าคิดหลังได้หรือไม่? ตอนนี้ต้นท้อร้อยปีถูกเผยออกมาแล้ว มิได้มีเพียงพวกเราที่้ามัน แต่คนนอกเ่าั้ก็้าเช่นกัน
พวกคนนอกถือเป็ฝูงชนกลุ่มใหญ่ เ้าไม่รู้หรือว่าจะใช้ประโยชน์จากมันอย่างไร? หลอกล่อให้คนนอกเ่าั้ โจมตีค่ายกลนั่นเสีย แม้จะเป็ศิษย์สายนอกของอี้เทียนเก๋อ แต่ก็มีค่า จะปล่อยให้ตายได้อย่างไร แค่กๆๆๆ!" ชายหนุ่มผู้กำลังป่วยกล่าว ท่าทางจริงจัง
"ขอรับ!" สีหน้าของคุณชายเก้าเปลี่ยนไปทันที รู้สึกอับอายมาก
“ดี! ไปได้แล้ว!” ชายหนุ่มท่าทางอมโรคกล่าว
"ขอรับ!" คุณชายเก้าทำได้เพียงถอยกลับออกไปจากห้อง
ตอนนี้ในห้องโถงใหญ่ เหลือเพียงผู้าุโใหญ่และชายหนุ่มที่กำลังป่วยเท่านั้น
“เว่ยเซิงเหรินจะไม่สังเกตเห็นความวุ่นวาย ในเวลานี้หรือ?” ผู้าุโใหญ่ถาม พร้อมขมวดคิ้ว
ชายหนุ่มผู้กำลังป่วยส่ายหน้า พลางกล่าวว่า “ข้าก็ไม่ทราบได้ ด้วยความสามารถของเขา ยากนักที่ผู้ใดจะซ่อนบางสิ่งจากเว่ยเซิงเหริน แต่เขามิใคร่สนใจเื่ทางโลก เื่ครานี้ก็สุดจะรู้ ว่าเขาสนใจหรือไม่
อีกทั้ง ยังเป็เราเอง ที่เสียสมบัติไป แล้วจะขอให้เขาช่วยได้อย่างไร? แต่กู่ไห่ผู้นี้เป็ใครกัน? เหตุใดถึงรู้วิธีสื่อสารกับพลังฟ้าดินของที่นี่ได้?"
"เขาเป็แค่ปุถุชนอายุเจ็ดสิบปี ที่เพิ่งเข้าร่วมกับหออี้ผิน ส่วนเื่อื่นๆ ข้าก็ยังไม่ทราบแน่ชัดเช่นกัน" ผู้าุโใหญ่ตอบ พลางย่นหัวคิ้ว
"เื่ที่หมากตำแหน่งเก้าห้า บนกระดานเหนือโลงของท่านประมุข สะสมพลังมากเกินไปจนแตก อาจเกี่ยวข้องกับเขาก็เป็ได้ อย่างไรก็ตาม มันประจวบเหมาะเกินไป เราควรตรวจสอบปูมหลังของเขาโดยเร็วที่สุด!" ชายหนุ่มท่าทางอมโรคกล่าวน้ำเสียงขรึม
"โอ้! เกี่ยวข้องกับเขาหรือ? เช่นนั้น เราก็ต้องจับตัวเขามาไต่ถามให้กระจ่าง!" ผู้าุโใหญ่กล่าวเสียงเคร่ง
ชายหนุ่มท่าทางอมโรคส่ายหน้า ก่อนเอ่ยว่า "ไม่! เราไม่ควรทำเช่นนั้น"
"เพราะเหตุใด?"
“อย่าเพิ่งพาตัวเขามา จับตาดูไปก่อน! รอจนกว่าหมากทั้งหมดจะสะสมพลังงานครบ ค่อยหารือกันอีกที หากไม่ใช่เขา เอาตัวมาก็ไร้ประโยชน์ แต่ถ้าเป็เขาจริง แล้วเรานำตัวเขามาในตอนนี้ คงไม่เป็การดี" ชายหนุ่มผู้กำลังป่วยเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ผู้าุโใหญ่นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้า
...
วันที่สาม
ทันใดนั้น คนนอกทั้งหมดก็พบหมากสีทอง
ปกติแล้ว หมากสีทองนั้นหาพบได้ยากมาก แม้ว่าในอดีต จะมีผู้คนเกือบหมื่นคนพบหมากสีทอง แต่คนนอกที่เข้ามาในมิตินี้ ไม่ได้มีเพียงหนึ่งหมื่นคน
ก่อนหน้านี้ กองกำลังจากทะเลพันเกาะมาถึงที่นี่แล้ว ไม่ทราบว่ากี่คน ด้วยคนนอกนั้นมีจำนวนมหาศาล หมากทองทั้งหมดที่เคยปรากฏในอดีต จึงเป็เพียงหนึ่งในสิบของพวกเขา หรืออาจน้อยกว่านั้นมาก
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนอี้เทียนเก๋อจะ้าชักนำพวกเขา ทำให้มีคนพบหมากสีทองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น จำนวนคนที่สามารถเรียกอสูรเมฆาออกมา จึงค่อยๆ เพิ่มขึ้น
ตอนนี้หมากสีทองหลายหมื่น หรืออาจจะเป็แสนเม็ด ได้ปรากฏขึ้น จากนั้นอสูรเมฆาก็ปรากฏตัวบนท้องฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ฝึกตนที่เคยใกับกองทัพของกู่ไห่ในคราแรก บัดนี้กลับคึกคักยิ่ง
กู่ไห่มีกองทัพหมื่นอาชา แต่อสูรเมฆาของฝั่งเราก็มีไม่น้อยเช่นกัน! ที่อสูรเมฆานับหมื่นปรากฏตัวขึ้นที่นี่ สาเหตุหลักๆ ก็เป็เพราะกองทัพอันยิ่งใหญ่ของกู่ไห่นั่นเอง
ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนที่ไม่ได้ทะยานขึ้นฟ้า ต่างรู้สึกกระสับกระส่าย อสูรเมฆาเผ่นโผนไปบนท้องฟ้าทีละตัว และวนเวียนอยู่รอบๆ ค่ายกลั์ที่กู่ไห่สร้างขึ้น เพื่อตรวจสอบ ค้นหาข้อบกพร่อง และจุดอ่อนของมัน
เฉินเทียนซาน เกาเซียนจือ กู่ไห่ และเสี่ยวโหรว กำลังมองออกไปนอกค่ายกลใหญ่
ด้านนอกจะมองไม่เห็นภายในค่ายกล แต่ตรงกันข้าม ด้านในค่ายกลนั้น กลับมองเห็นสถานการณ์ข้างนอกได้ชัดเจน เฉินเทียนซานมองดูอสูรเมฆาซึ่งปรากฏตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พลันกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดหวั่น
“ท่านหัวหน้า ไม่ดีแล้ว!... เพียงไม่กี่วัน จู่ๆ พวกเขาก็เจอหมากสีทองมากมายเช่นนี้ได้อย่างไรขอรับ?” เกาเซียนจือกล่าว ใบหน้าดูน่าเกลียดยิ่ง
กู่ไห่มองไปที่ด้านนอกอย่างเ็า “ในที่สุดอี้เทียนเก๋อก็ลงมือ!”
"อี้เทียนเก๋อชี้นำพวกเขาหรือขอรับ?" เฉินเทียนซานร้องโพล่งด้วยความประหลาดใจ
“อี้เทียนเก๋อวางแผน ล่อให้คนนอกจำนวนนับแสนคน มาถล่มกองทัพอาชาของข้า แม้ว่าจะไม่อาจหลอกใช้คนนอกหมดทั้งแสนคนได้ แต่ก็ใช้ประโยชน์จากคนนอกนับหมื่น เพื่อโจมตีกองทัพของข้าได้
หึ! ความเย้ายวนของต้นท้อร้อยปีนั้น ยากต้านทานจริงๆ ครานี้อี้เทียนเก๋อฉลาดขึ้นแล้ว” กู่ไห่กล่าวอย่างเ็า
“นั่นก็หมายความว่า เราจะต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนนับหมื่นมิใช่หรือขอรับ?” เฉินเทียนซานอ้าปากค้าง
สี่ต่อหมื่นคน? เราจะไม่ตายหรือไร? เื่ครานี้หนักหนาเกินไปแล้วหรือไม่?
------------------------------------------
[1] เจตคติทั้งสาม หมายถึงมุมมอง ความคิดเห็นหรือทัศนคติที่มีของแต่ละบุคคล ซึ่งแบ่งออกเป็สามอย่าง ได้แก่ เจตคติต่อโลก เจตคติต่อชีวิต และเจตคติต่อคุณค่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้