ฉินอวี่มองยันต์กระบี่ที่นางมอบให้ และเหลือบมองใบหน้าของหลงอวี่ที่กำลังยิ้มอีกครั้ง เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะพูดอย่างเรียบเฉย “คุณหนูหลง แม้คนแซ่เฉินอย่างข้าจะไม่เอาไหน แต่ก็สามารถจะซื้อของเช่นนี้ได้”
“ถ้าเช่นนั้นพี่เฉินก็ถือเสียว่าเป็น้ำใจจากคนอื่นที่เสี่ยวอวี่มามอบให้ เป็อย่างไร?” หลงอวี่ยิ้มอย่างร่าเริง
ฉินอวี่เหลือบมองหลงอวี่ และรับกระบี่ไม้ไว้ จากนั้นจึงหยิบหินิญญาระดับล่างสิบก้อนส่งให้หลงอวี่ และพูดอย่างเรียบเฉย “สหายหลง หากไม่มีเื่อะไรแล้ว ข้าขอตัวก่อนก็แล้วกัน”
ฉินอวี่ในร่างก่อน มีความรักความชื่นชมหลงอวี่เป็พิเศษ แต่ความรักเ่าั้อยู่แต่เพียงในใจของเขาเท่านั้น และฉินอวี่ไม่เคยแม้แต่จะติดต่อกับหลงอวี่โดยตรงเลยสักครั้ง แต่ถึงกระนั้นเมื่อรับรู้เื่นี้ ฉินเฟิงผู้ชื่นชมหลงอวี่เช่นเดียวกันก็ถึงกับพาลโกรธใส่เขาไปด้วย จนทำการสั่งสอนฉินอวี่ไปสองสามครั้ง และเมื่อหลงอวี่เข้าใกล้ฉินเฟิงมากขึ้น ทำให้ฉินอวี่จำต้องออกห่างหลงอวี่ไปโดยปริยาย
ในใจของหลงอวี่รู้สึกผิดเล็กน้อย ััที่หกของผู้หญิงคือสิ่งที่อ่อนไหวที่สุด นางรู้สึกได้ถึงความเกลียดชังและความเอือมระอานางจากฉินอวี่ได้ แต่นางก็ไม่เคยรู้จักเขามาก่อน?
นับั้แ่การอำลาครั้งล่าสุด หลงอวี่ก็ได้แต่สืบเื่ของฉินอวี่อย่างลับๆ แต่สิ่งที่ทำให้นางต้องผิดหวังก็คือ บุคคลผู้นี้ดูเหมือนไม่มีเบาะแสอะไรให้พบเจอเลย ราวกับโผล่ออกมาจากอากาศ
จื่อซวินเอ๋อเป็ผู้สูงส่ง หลงอวี่ไม่มีสิทธิ์ที่จะติดต่อกับนางโดยตรง ดังนั้นจึงมุ่งความสำคัญมายังฉินอวี่ ก่อนหน้านี้ สายลับของหลงอวี่สังเกตเห็นฉินอวี่ที่กำลังเดินไปตามร้านค้าแต่ละร้าน หลงอวี่จึงได้เดินตามเขามาตลอดทาง
แม้อยู่ในฐานะองค์หญิงแคว้นอู่ แต่หลงอวี่ไม่กล้าแสดงอำนาจขององค์หญิงกับพี่เฉินผู้มีประวัติลึกลับคนนี้เลย แคว้นอู่เป็เพียงหุ่นเชิดตัวหนึ่ง ตำแหน่งองค์หญิงสูงส่งเหนือบรรดามนุษย์ปุถุชน แต่ต่อหน้าผู้ฝึกตนแล้ว สถานะองค์หญิงไม่มีค่าอะไรเลย และยังมีระดับรากฐานที่ธรรมดา ไร้วาสนาสู่สำนักเซียน แต่หลงอวี่ก็ไม่พอใจที่จะเป็เช่นนั้น เหตุที่นางต้องทำความรู้จักกับสหายเอาไว้ ก็เพื่อให้ตนเองได้มีคุณสมบัติที่จะเข้าสู่สำนักเซียน แม้ว่ามันจะดูเลือนรางมากก็ตาม
แต่ตอนนี้เมื่อได้พบกับฉินอวี่ผู้มีที่มาลึกลับ หลงอวี่จะยอมแพ้ปล่อยไปง่ายๆ ได้หรือ? นางรีบเดินตรงตามฉินอวี่ออกไป จับแขนซ้ายของฉินอวี่ไว้อย่างสนิทสนม และพูดอย่างสุภาพ “พี่เฉิน ท่านรังเกียจเสี่ยวอวี่ขนาดนั้นเชียวหรือ? เสี่ยวอวี่ทำอะไรให้พี่เฉินไม่พอใจหรือไม่? หรือเป็เพราะเื่ฉินเฟิง?”
ฉินอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย และมองไปที่หลงอวี่อีกครั้ง จากนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกได้ ว่าองค์หญิงสิบสามที่ดูแปลกประหลาดคนนี้มีอะไรไม่ธรรมดา
“พี่เฉินไม่ตอบ เสี่ยวอวี่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าฉินเฟิงจะเป็เช่นนั้น ก่อนหน้านี้เมื่ออยู่ต่อหน้าข้าเขาจะดูฉลาดมีปฏิภาณ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเมื่ออยู่ลับหลังจะโอหังอวดดีเช่นนั้น ได้ยินมาว่า เขายังรังแกน้องชายของตนเองด้วย” หลงอวี่กล่าวอย่างไร้เดียงสา
ฉินอวี่ดูเ็า และทำหูหนวกตาบอด เมื่อเขาหลุดพ้นจากมือของหลงอวี่ เขาก็มองเห็นร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่ง
เขามองเห็นเด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังต่อรองกับผู้ฝึกตนอยู่ที่แผงขายของ เด็กหญิงคนนั้นคือฉินเสวี่ยผู้เป็น้องสาว
“สหาย นี่คือยาเม็ดชุบหลอม เมื่อใช้มันแล้ว ปุถุชนธรรมดาก็สามารถเข้าสู่ขั้นยุทธ์ได้ หนึ่งร้อยศิลาิญญาระดับล่างนับว่าถูกมากเลยเชียว”
คิ้วของฉินเสวี่ยขมวดขึ้นเล็กน้อยราวกับใบหลิว ดวงตาทั้งสองของนางจ้องมองไปยังยาเม็ดชุบหลอมที่มีขนาดเท่าผลลำไย นางกัดริมฝีปากและพูดขึ้น “ยาเม็ดนี้สามารถช่วยให้มนุษย์ปุถุชนเข้าถึงขั้นยุทธ์ได้จริงหรือ?”
“แน่นอน แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าตั้งใจนำมาหรอกนะ ตัวยาชนิดนี้ในร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่งขายอยู่ที่ราคาสองร้อยศิลาิญญาระดับล่างเชียว หากไม่ใช่เพราะข้ารีบใช้ศิลาิญญาละก็ ข้าไม่มีทางขายหรอก สหาย หากผ่านที่นี่ไปแล้วก็ไม่มีขายที่ไหนแล้วนะ เ้าจะซื้อหรือไม่ แล้วอย่ามาเสียใจทีหลังล่ะ หากในบ้านเ้ามีใครที่ยากจะเข้าถึงขั้นยุทธ์ละก็ ตัวยาชนิดนี้สามารถช่วยให้เขาเข้าสู่ขั้นยุทธ์และกลายเป็ผู้ฝึกตนได้” เ้าของแผงลอยผู้น่าเกลียดคนนี้ ใช้สายตากลมโตทั้งสองจ้องมองฉินเสวี่ยอย่างต่อเนื่อง พริบตาเดียวก็สามารถล่วงรู้ความคิดของนางได้ทันที
“ท่านพี่ ถูกลงกว่านี้สักนิดได้หรือไม่? ข้า... ข้า... ไม่มีศิลาิญญามากขนาดนั้น” ฉินเสวี่ยกัดริมฝีปากสีแดงของนางแน่นและมองไปยังเ้าของแผงลอยอย่างน่าสงสาร
“เ้ามีศิลาิญญาอยู่เท่าไร?” เ้าของแผงลอยถาม
“ข้ามีศิลาิญญาระดับล่างอยู่เพียงสิบเอ็ดก้อน...” ฉินเสวี่ยกล่าวอย่างเก้อเขิน ศิลาิญญาระดับล่างทั้งสิบเอ็ดก้อนเป็สิ่งที่นางสะสมเอาไว้ แม้ว่าฉินเสวี่ยจะมีรายรับมากกว่าฉินอวี่อยู่มาก แต่แม้จะมีคุณสมบัติเยี่ยมเช่นนี้ ก็ยังต้องใช้ศิลาิญญาจำนวนมากไปกับการฝึกฝน ผนวกกับนายหญิงของบ้านอย่างชุยหลิ่วที่แอบขัดขวางอย่างลับๆ จึงทำให้ศิลาิญญาที่มาอยู่ในมือนั้นมีไม่มากนัก
เมื่อเห็นท่าทางที่ดูลำบากใจของฉินเสวี่ย เพลิงชั่วร้ายก็ปะทุออกมาจาก่ท้องน้อยของเ้าของแผงลอย และจ้องมองฉินเสวี่ยด้วยความลามกอนาจารมากขึ้น
ฉินเสวี่ยเป็ผู้มีความงดงามอยู่แต่เดิม แม้ว่าจะมีอายุเพียงสิบสามปี แต่จิตใจของนางเกินกว่าอายุนัก ประกอบกับการฝึกฝนอย่างหนักตลอดทั้งปีของนาง ทำให้ร่างกายของนางเพรียวบางได้สัดส่วน ผนวกกับพัฒนาการที่กำลังเกิดขึ้น หน้าอกที่กำลังเติบโตคู่นั้น ที่ให้ความรู้สึกถึงความตูมขึ้นมาเล็กน้อย
หากเป็คนอื่น เ้าของแผงลอยคงจะทำการตกลงเสร็จสิ้นไปนานแล้ว และยาเม็ดชุบหลอมในมือของเขาเป็ยาเม็ดชุบหลอมแท้จริงที่ไหนกัน? มันสร้างมาจากวัสดุยาประเภททั่วไป ซึ่งคาดว่าคงมีค่าไม่ถึงสิบตำลึง และด้วยเหตุผลการชุมนุมที่จะจัดขึ้น ในเมืองหลักเทียนอู่จึงมีคนปะปนกันไปหลายประเภท คนธรรมดาจำนวนมาก้าเข้าสู่หนทางขั้นยุทธ์ ดังนั้น จึงเป็ธรรมดาที่จะมีผู้ฉวยโอกาสหลอกลวง และมีคนเป็เหยื่อแล้วจริงๆ ด้วย
เ้าของแผงลอยแสร้งทำเป็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และกล่าวด้วยความลำบากใจ “สหาย ยาเม็ดชนิดนี้หากเป็ร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่งจะต้องใช้ศิลาิญญาระดับล่างจำนวนสองร้อยก้อน ศิลาิญญาระดับล่างจำนวนสองร้อยก้อนนับว่าไม่มากเลย ข้านับว่าใจดีแล้วนะ หากสหายยินดีตอบรับคำของข้าสักหนึ่งเื่ ข้าจะยอมให้ยาเม็ดนี้กับเ้าในราคาเพียงสิบศิลาิญญาระดับล่าง เป็อย่างไร?”
“เื่อะไร?” ฉินเสวี่ยพูดด้วยความประหลาดใจอยู่เต็มใบหน้าของนาง ตลอดหลายปีมานี้ นางไม่เคยซื้อยาเม็ดชุบหลอมเพื่อฉินอวี่พี่ชายของตนเอง แต่ราคานั้นสูงเกินกว่าที่นางคิดไว้มาก
“แคกๆ ขอเพียงเ้าอยู่กับข้าสักหนึ่งคืน... ยาเม็ดชุบหลอมนี้ก็...” เ้าของแผงลอยพูดด้วยดวงตาเปล่งประกาย
ไม่ไกลนัก ฉินอวี่ก็ะเิความเหี้ยมออกมาจากระหว่างคิ้วของเขา และพลังอำมหิตในดวงตาของเขาก็ปะทุออกมา เขายกเท้าขวาขึ้น เตรียมจะก้าวไปข้างหน้า ดวงตาของเขาก็หรี่เล็กลงอย่างรวดเร็ว
เ้าของแผงลอยที่กำลังหมกมุ่นอยู่ในจินตนาการยังไม่ทันพูดจบ เขาถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งพัดโบกไป และชายหนุ่มที่แข็งแรงคนหนึ่งที่สูงกว่าหกฉื่อในชุดเกราะก็ปรากฏตัวขึ้นข้างฉินเสวี่ย
ฉินเสวี่ยก็หน้าแดงด้วยความอ่อนเยาว์ แม้ว่านางจะมีประสบการณ์เพียงเล็กน้อย แต่นางก็ไม่ใช่คนโง่ นางรู้ว่าคำพูดที่จะให้อยู่ด้วยกันหนึ่งคืนของเ้าของแผงลอยหมายถึงสิ่งใด เมื่อนางเริ่มโกรธเกรี้ยว กลับรู้สึกได้ถึงูเาลูกใหญ่โตที่อยู่เบื้องหน้า นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นชายหนุ่มร่างกำยำคนนั้น นางก็ชะงักครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยความกลัว “พี่... พี่ใหญ่?”
“พี่ใหญ่? เ้าไม่มีสิทธิ์มาเรียกข้าว่าพี่ใหญ่ เ้าสัตว์ร้ายนั่นอยู่ที่ไหน?” คนที่เข้ามาตัวใหญ่ราวระฆังพูดขึ้นอย่างเฉียบขาด คนผู้นี้คือฉินหย่งบุตรชายคนโตของตระกูลฉิน? และที่ตามหลังฉินหย่งมาคือฉินเฟิงที่ใบหน้าทั้งสองข้างบวมเป่ง พร้อมทหารที่สวมชุดเกราะเช่นเดียวกันอีกมากกว่าสิบคน
“พี่ใหญ่... ท่าน... ท่านกำลังพูดเื่อะไร” ฉินเสวี่ยถามอย่างสงสัย
ฉินหย่งเยาะเย้ยและใช้มือตบไปยังฉินเสวี่ย ทำให้ฉินเสวี่ยถึงกับเวียนหัวตาลาย เขาใช้มือขวาคว้าคอสีขาวราวหิมะและอ่อนโยนของฉินเสวี่ย แล้วยกขึ้นตรงๆ พลางพูดอย่างเ็า “ข้าไม่เชื่อว่าจะหาเ้าสัตว์ร้ายตัวนั้นไม่เจอ!”
แม้ว่าการฝึกตนของฉินเสวี่ยจะต่ำกว่าฉินหย่งเพียงสองระดับ แต่ประสบการณ์ต่อสู้ของฉินเสวี่ยแทบจะเหมือนกระดาษเปล่า จะไปเป็คู่ต่อสู้ของคนที่ผ่านการสังหารมานานอย่างฉินหย่งได้อย่างไร?
ไม่ไกลนัก ดวงตาของฉินอวี่แดงก่ำ ร่างกายของเขาสั่นเทาอย่างรุนแรง และความโกรธของเขาแทบจะพุ่งออกจากอก เขาก้าวไปข้างหน้าดุดัน แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกไป เขาได้ยินเสียงอันอ่อนหวานของหลงอวี่ “หยุดนะ!”