แขกผู้มาเยือนยื่นนามบัตรของหร่วนิอี้ให้ก่อนเป็อันดับแรก พร้อมอธิบายว่าเขาค้นพบที่นี่ผ่านทางไหน จากนั้นจึงหยิบนามบัตรของตัวเองออกมาส่งให้
"คุณหมี่ ผมชื่อเซี่ยหย่งเลี่ยง มาจากเมืองหย่งอัน ยินดีที่ได้รู้จักครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วย"
"สวัสดีค่ะคุณเซี่ย เรียกฉันว่าหลันเยว่ก็ได้ค่ะ ฉันยังเด็กอยู่ ไม่ต้องเรียกคุณหรอกค่ะ"
หมี่หลันเยว่ยื่นมือรับนามบัตรด้วยท่าทีเปิดเผย ก่อนจะยื่นมือไปจับทักทายกับเซี่ยหย่งเลี่ยง เขายิ้มตอบเล็กน้อย
"หร่วนิอี้บอกผมว่า เ้านายของเขาอายุยังน้อย"
"พอได้มาเจอตัวจริง ผมยอมรับเลยว่าใไปหน่อย ขนาดเตรียมใจมาพร้อมแล้ว แต่ิอี้เองก็ยังเป็เด็กวัยรุ่น ผมนึกว่าจะอายุไล่เลี่ยกันซะอีก ไม่คิดเลยว่าคุณจะเด็กขนาดนี้"
หนิวต้าลี่สอดขึ้นมาเมื่อได้ยินเซี่ยหย่งเลี่ยงพูดแบบนั้น
"อย่าดูถูกหมี่หลันเยว่เชียวนะ อายุยังน้อยไม่ได้แปลว่าไม่มีหัวการค้าหรอก"
เขาไม่อยากให้ใครมาดูถูกหมี่หลันเยว่ จึงถือโอกาสนี้เพิ่มความน่าเชื่อถือให้เธอ
"คุณคือ?"
เซี่ยหย่งเลี่ยงนึกว่าชายผู้นี้เป็หนึ่งในผู้บริหารของห้องเสื้อหลันเยว่ จริงๆ แล้วไม่ใช่ว่าเขาดูถูกคนหนุ่มสาวหรอกนะ ถึงเ้านายจะอายุน้อย แต่ก็ต้องมีผู้ใหญ่คอยนั่งแท่นอยู่ดี
"ผมคือ..."
"คนนี้คือผู้จัดการหนิวต้าลี่จากร้านเสื้อผ้าหลงเย่ในเมืองชิงไถค่ะ และเป็ลูกค้าของห้องเสื้อหลันเยว่ของเราด้วย"
หมี่หลันเยว่ไม่ปล่อยให้หนิวต้าลี่แนะนำตัวเอง ที่นี่คือถิ่นของเธอ จะปล่อยให้ลุงหนิวต้องเสียศักดิ์ศรีไปได้ยังไง
หนิวต้าลี่มองหมี่หลันเยว่ด้วยความปลาบปลื้มใจ ตัวเขากับลูกค้าทั่วไปพวกนี้มันเทียบกันไม่ได้จริงๆ หลันเยว่มักจะปกป้องเขามากกว่าเสมอ เขายิ่งมองหมี่หลันเยว่ก็ยิ่งรักใคร่ อยากจะพาไปเลี้ยงเป็ลูกสาวเสียจริง
"อ๋อ ผู้จัดการหนิวต้าลี่จากร้านเสื้อผ้าหลงเย่ในเมืองชิงไถนี่เอง ยินดีที่ได้รู้จักครับ ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้วว่าร้านเสื้อผ้าของคุณขายดีเป็เทน้ำเทท่า อยากจะไปศึกษาอยู่เหมือนกัน แต่ยังไม่มีเวลาว่างซะที ไม่คิดว่าจะมาเจอกับคุณที่นี่"
เซี่ยหย่งเลี่ยงยื่นมือออกไปทักทายหนิวต้าลี่ด้วยท่าทีให้เกียรติ หนิวต้าลี่ก็ไม่ถือตัว เมื่ออีกฝ่ายแสดงไมตรี เขาก็ต้องตอบรับอย่างดี ในวงการธุรกิจ การมีเพื่อนเพิ่มก็เหมือนมีทางเลือกเพิ่ม ดีกว่ามีศัตรูเพิ่ม นี่คือหลักการที่หนิวต้าลี่เข้าใจดี ยิ่งไปกว่านั้น ผู้จัดการเซี่ยหย่งเลี่ยงคนนี้ ดูแล้วก็เป็คนฉลาด
"คุณพูดเกินไปแล้วครับ ร้านของผมก็แค่ร้านธรรมดาๆ ได้รับความช่วยเหลือจากทุกท่านถึงพอจะไปรอดได้ อย่าไปฟังคนอื่นเขาพูดกันมั่วๆ เลย ยังไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แต่ผมก็จะพยายาม ทำให้มันเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปอีก ถ้ามีเวลา คุณแวะไปที่ร้านผมได้นะครับ ผมยินดีต้อนรับเต็มที่"
หนิวต้าลี่แสดงความใจกว้างออกมาอย่างชัดเจน คนแบบนี้จะไม่เป็ที่รักได้ยังไง เซี่ยหย่งเลี่ยงรู้สึกถูกชะตากับเขามาก
"ได้เลยครับ ผู้จัดการหนิว ผมจะต้องไปขอความรู้จากคุณแน่นอน คุณอย่าหวงวิชานะ ตอนนั้นต้องสอนผมสักสองกระบวนท่า"
หนิวต้าลี่รู้สึกเขินอายที่ถูกเซี่ยหย่งเลี่ยงพูดแบบนั้น
"ผมจะไปมีอะไรให้สอนได้ คนบ้านนอกคนหนึ่ง ถ้าไม่รังเกียจพี่ชาย เรามาเรียนรู้ซึ่งกันและกันดีกว่า"
"ดีๆๆ เรียนรู้ซึ่งกันและกัน หวังว่าถ้ามีเวลา ผู้จัดการหนิวจะให้เกียรติ แวะไปเยี่ยมชมที่ร้านของผมด้วย"
ถึงแม้ทั้งสองจะคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่หนิวต้าลี่ก็ไม่อยากที่จะล้ำเส้น แย่งบทบาทของหลันเยว่
"ถ้าพูดถึงเื่อยากจะเรียนรู้ คุณเซี่ย คุณมีโอกาสดีอยู่ตรงหน้าแล้ว อย่าพลาดเชียวนะ"
เซี่ยหย่งเลี่ยงมองหนิวต้าลี่ด้วยความสงสัย
หนิวต้าลี่ดึงเขาให้หันหน้าไปเผชิญหน้ากับหมี่หลันเยว่
"นี่ไง คุณหมี่ที่อยู่ตรงหน้าคุณนี่แหละ ในเมื่อคุณมาที่นี่แล้ว ก็ลองมาเรียนรู้จากคุณหมี่คนนี้ดูก่อน รับรองว่าจะต้องได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปบ้าง ไม่ต้องพูดถึงเื่อื่น แค่ดูการปรับปรุงร้านนี้ ก็นับว่าเป็ฝีมือชั้นสูงแล้ว"
เซี่ยหย่งเลี่ยงไม่คิดว่าหนิวต้าลี่จะให้ความสำคัญกับหมี่หลันเยว่มากขนาดนี้ พื้นที่แถบเฮยหลงเจียง ร้านเสื้อผ้าหลงเย่ของหนิวต้าลี่ในเมืองชิงไถโด่งดังมากในวงการธุรกิจส่วนตัว การที่เขาชื่นชมเด็กสาวคนนี้ แสดงว่าเธอต้องมีฝีมือจริงๆ
"คุณหมี่ งั้นผมขอฝากเนื้อฝากตัว ขอคำชี้แนะด้วยนะครับ"
หมี่หลันเยว่ยิ้ม เธอรู้ว่าลุงหนิวพยายามที่จะให้เกียรติเธอ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาอ่อนน้อมถ่อมตน นี่คือลูกค้า ถ้าคว้ามาได้ ก็จะเป็ธุรกิจขนาดใหญ่อีกราย
"คุณเซี่ยพูดเกินไปแล้วค่ะ ฉันจะมีอะไรไปชี้แนะคุณได้ แต่ในเมื่อห้างสรรพสินค้าก็ตั้งอยู่ตรงนี้แล้ว ถ้าคุณเห็นว่ามีอะไรที่ควรติชม ก็อย่าเก็บไว้ในใจนะคะ บอกมาได้เลย ฉันไม่ขาดคำชม แต่ขาดคำติ ดังนั้นถ้าคุณมีข้อเสนอแนะ ฉันจะมีรางวัลให้ด้วยนะคะ"
การได้ยินเด็กสาวคนหนึ่งบอกว่าจะให้รางวัลตัวเอง ทำให้เซี่ยหย่งเลี่ยงรู้สึกเหมือนถูกล้อเล่น แต่เมื่อเขาเห็นประกายตาที่สดใสของเด็กสาวตรงหน้า เขาก็รีบตระหนักได้ว่า นี่ไม่ใช่เื่ล้อเล่น บางที เขาอาจจะประเมินความสามารถของเด็กสาวคนนี้ต่ำเกินไป
"งั้นรบกวนคุณหมี่พาผมชมห้างสรรพสินค้าของคุณหน่อยนะครับ ผมจะได้เปิดหูเปิดตาบ้าง"
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้จัดการเซี่ยคนนี้ หมี่หลันเยว่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แนะนำจางเหรินซ่านที่อยู่ข้างๆ ให้เขารู้จักอย่างสุภาพ เพราะตอนนี้ทั้งสามคนจะต้องติดตามเธอไปชมห้างสรรพสินค้า
"คุณเซี่ยคะ คนนี้คือผู้จัดการจางเหรินซ่านจากร้านเสื้อผ้าต้าผู่ในเมืองซื่อฟาง พวกคุณทำความรู้จักกันไว้เยอะๆ นะคะ"
จางเหรินซ่านไม่ได้สอดปากพูดั้แ่แรก ไม่คิดว่าหมี่หลันเยว่จะผลักเขาออกมาเป็คนแรก นี่เป็การให้เกียรติอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เขารู้สึกดีมาก และยกย่องหมี่หลันเยว่มากยิ่งขึ้น ความคิดของเด็กสาวคนนี้ละเอียดถี่ถ้วนจริงๆ
จางเหรินซ่านได้พบกับเซี่ยหย่งเลี่ยงแล้ว ทั้งสามคนจึงตามหมี่หลันเยว่ไป หมี่หลันเยว่เริ่มแนะนำรายละเอียดของแต่ละร้านค้าตามลำดับ โดยไม่เพียงแต่แนะนำขนาดของร้าน แต่ยังแนะนำรูปแบบและระดับของเสื้อผ้าด้วย
เนื่องจากขนาดของโรงงานและห้างสรรพสินค้าขยายใหญ่ขึ้น การออกแบบเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิในครั้งนี้จึงแบ่งออกเป็หลายๆ แบบ ร้านค้าที่เชื่อมต่อกันเ่าั้จะแขวนเสื้อผ้าจากแต่ละแบบแยกกัน ตัวอย่างเช่น แบบที่มีสีเขียวอ่อนเป็สีหลัก จะถูกตั้งชื่อว่า 'เสียงเพลงจากดอกไม้' ซึ่งเน้นความสดชื่นและมีชีวิตชีวาของฤดูใบไม้ผลิ
"แล้วแบบสีชมพูนี้ชื่ออะไรครับ?"
เมื่อได้ฟังคำแนะนำของหมี่หลันเยว่ เซี่ยหย่งเลี่ยงก็เริ่มสนใจขึ้นมา
"เรียกว่า 'สาวข้างบ้าน' ค่ะ เน้นความน่ารักและความสดใสของเด็กผู้หญิง ทำให้รู้สึกถึงเสน่ห์เฉพาะตัวของเด็กสาว ความเรียบง่าย ตรงไปตรงมา ความมีชีวิตชีวาและความกระตือรือร้น"
"อืม เข้ากันจริงๆ ความคิดดีมาก การแบ่งรูปแบบเสื้อผ้าออกมาแบบนี้ ทำให้คนเห็นได้ชัดเจนว่าชอบแบบไหน พอจะเลือกสินค้า ก็จะไม่ใช่แค่สะดวก แต่ยังลังเลใจ รักพี่เสียดายน้องอีกด้วย คุณหมี่ ความคิดของคุณนี่ช่างละเอียดอ่อนจริงๆ"
เซี่ยหย่งเลี่ยงยิ่งดูก็ยิ่งใ เด็กสาวคนนี้มีความคิดที่ละเอียดอ่อนแบบนี้ได้ยังไง การออกแบบเสื้อผ้าแต่ละแบบ แต่ละรายละเอียดนั้นสมบูรณ์แบบมาก ไม่ต้องพูดถึงการออกแบบตกแต่งภายในร้านค้าที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งเข้ากับแต่ละสไตล์ ก็ยังสูงกว่าร้านของเขามากอีกด้วย
ในเวลานี้ เซี่ยหย่งเลี่ยงได้เก็บความคิดที่จะดูถูกออกไปจนหมดสิ้น ตอนนี้เขายอมจำนนต่อวิสัยทัศน์และการออกแบบของหมี่หลันเยว่อย่างสิ้นเชิง
"ผู้จัดการหนิว คุณพูดถูกจริงๆ ที่นี่มีสิ่งที่ผมต้องเรียนรู้อีกมากมาย"
"เห็นไหม ผมบอกแล้วว่า ตราบใดที่คุณมาที่ร้านของหลันเยว่ คุณจะไม่มีทางเสียเที่ยวแน่นอน"
ในน้ำเสียงของหนิวต้าลี่มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง เขารู้สึกยินดีที่ตัวเองเป็ลูกค้ารายแรกของหมี่หลันเยว่ั้แ่เริ่มสร้างโรงงาน ดังนั้นเขาจะได้รับการลดหย่อนและสิทธิพิเศษที่คนอื่นเทียบไม่ได้
"ผมสายตาสั้นเกินไป คุณหมี่ ผมขอโทษสำหรับท่าทีของผมเมื่อกี้ ผู้ใหญ่สมัยก่อนมักจะพูดว่า อย่าตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก ผมอายุสามสิบกว่าแล้ว ยังจะทำผิดพลาดร้ายแรงแบบนี้อีก ก็ไม่น่าแปลกใจที่ร้านค้าของผมจะอยู่ในขนาดนั้น แล้วไม่สามารถก้าวหน้าไปได้อีก ดูเหมือนว่าผู้จัดการหนิวจะเป็แบบอย่างของผมจริงๆ อย่างน้อยก็มีสายตาที่เฉียบแหลม"
คำพูดนี้ช่างยอดเยี่ยม นอกจากจะยกย่องหนิวต้าลี่แล้ว ยังยกย่องหมี่หลันเยว่ทางอ้อมอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ด้อยค่าตัวเองอย่างที่พูด ควรจะเป็คนที่มีสติปัญญามาก ไม่ต้องพูดถึงอะไรอื่น การที่เขาสามารถมองเห็นศักยภาพของหมี่หลันเยว่ได้ในเวลาอันสั้น และยอมรับความผิดพลาดของตัวเองทันที ความใจเย็นแบบนี้ไม่ใช่เื่ธรรมดา
"คุณเซี่ย คุณพูดเกินไปแล้ว ผมจะไปเป็แบบอย่างได้ยังไง"
หนิวต้าลี่ไม่ใช่คนหยาบคายจริงๆ เขาแค่เป็คนที่มีบุคลิกใจกว้าง ความหมายในคำพูดของเซี่ยหย่งเลี่ยง เขาฟังออกอย่างชัดเจน
"เราอยากจะก้าวหน้าไปอีกขั้น เราก็ทำได้แค่เรียนรู้ซึ่งกันและกัน พวกเราสี่คนต่างก็มีข้อดีของตัวเอง เหมือนกับผู้จัดการจาง ถ้าคุณมีโอกาสไปดูที่ร้านของเขา ก็มีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะ แต่โดยรวมแล้ว พวกเราสามคนก็ยังสู้คุณหนูหลันเยว่ไม่ได้ ดังนั้นก็เลยมาเรียนรู้จากเธอที่นี่ก่อน"
"ยิ่งไปกว่านั้น ผมสามารถให้คำแนะนำแก่คุณเซี่ยได้ ถ้าคุณมีโอกาส มีเวลามาสั่งสินค้าที่หลันเยว่ คุณต้องมาด้วยตัวเอง เพราะเธอจะมอบความประหลาดใจและการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกันให้คุณในทุกครั้ง ลองคิดดูว่าตอนที่ผมมาเจอเธอครั้งแรก เธอยังมีแค่ร้านขนาดไม่กี่สิบตารางเมตรเอง ตอนนี้มันหลายร้อยตารางเมตรแล้ว"
"หลันเยว่ ใช้เวลาแค่ไม่กี่เดือนก็พัฒนามาได้ถึงขนาดนี้ ฉันรู้สึกละอายใจจริงๆ คลื่นลูกหลังไล่คลื่นลูกหน้า คนรุ่นใหม่ๆ เกิดขึ้นเรื่อยๆ ถึงฉันจะไม่ยอมแก่ แต่ฉันก็ยอมเธอที่สุด หวังว่าไม่ว่าเธอจะไปได้ไกลแค่ไหน ก็อย่าลืมดึงฉันไปด้วยกันนะ"
หนิวต้าลี่มองออกอย่างชัดเจนว่าหมี่หลันเยว่จะไม่จำกัดตัวเองอยู่แค่ในเมืองเล็กๆ อย่างซวงเฉิงนี้ การพัฒนาของเธอในอนาคตจะต้องไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน อย่ามองว่าเขาพัฒนามาได้เร็วกว่า ต่อไปสิบปากว่าก็ต้องดูการชี้นำของเด็กสาวคนนี้
"ไม่กี่เดือน?"
ถึงแม้เซี่ยหย่งเลี่ยงจะดูออกว่าร้านนี้เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน แต่ก็ไม่คิดว่าร้านเดิมของหมี่หลันเยว่จะมีแค่ไม่กี่สิบตารางเมตร ร้านค้าขนาดนั้น หนิวต้าลี่ยังสามารถเอาสินค้าของเธอไปขายได้ แสดงว่าในเื่วิสัยทัศน์ เขาก็ด้อยกว่าหนิวต้าลี่มาก
"ใช่แล้ว พอเดินดูที่นี่เสร็จ เราสามารถไปดูร้านใหญ่ของหลันเยว่ได้ ถึงจะเล็ก แต่ที่นั่นคือร้านใหญ่ เป็แหล่งกำเนิดของหลันเยว่ เป็ที่แห่งความโชคดีของหลันเยว่ และเป็ที่แห่งความโชคดีของผมด้วย"
หนิวต้าลี่รู้สึกยินดีมากที่ตัวเองในตอนนั้นเลือกที่จะมาดูที่เมืองเล็กๆ อย่างซวงเฉิงนี้ เพราะเสื้อผ้าที่หลานชายของเขาสวมใส่ ผลที่ได้คือการพัฒนาที่รวดเร็วในปัจจุบัน ร้านของเขามีประสิทธิภาพเกือบสองเท่า ต้องบอกว่าตัวเองชื่นชมสายตาตัวเองจริงๆ ที่ไม่พลาดห้องเสื้อหลันเยว่ ถือเป็โชคดีของเขาตลอดชีวิต
หลังจากที่เดินดูร้านค้าที่เชื่อมต่อกันเหล่านี้เสร็จ สายตาของเซี่ยหย่งเลี่ยงก็แทบจะละไปไหนไม่ได้แล้ว
"คุณหมี่ ถ้าผมรับไปเยอะๆ เราพอจะมีอะไรให้คุยกันได้ไหม?"
หมี่หลันเยว่ฟังออกว่าเขากำลังคุยเื่ราคากับเธอ ในเื่การพัฒนาในอนาคต ด้านนี้เธอจะไม่ยอมแม้แต่น้อย แต่เมื่อคุยกันมาถึงจุดนี้ ลูกค้ารายใหม่รายนี้ก็ต้องจะคว้ามาให้ได้แล้ว
