หลี่อันผิงถอดสร้อยข้อมือเงินออกจากข้อมือราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ก็แค่ตั้งใจว่าจะเอาไปคืนให้กับพ่อแม่เขาด้วยตัวเองเฉยๆ”
ไม่ว่าข้ออ้างของหลี่อันผิงจะน่าเชื่อถือหรือไม่แต่เพียงได้รับคำอธิบายนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับไอลี่เธอมองสร้อยข้อมือเงินในมืออย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก แต่ยิ่งมองเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความงดงามของสร้อยข้อมือเส้นนี้อย่างไม่น่าเชื่อนึกไม่ถึงเลยว่าบ้านของยัยผู้หญิงบ้านนอกแบบนี้ จะมีของดีๆ แบบนี้ด้วย
ไอลี่กวาดสายตา ก่อนจะชูสร้อยข้อมือขึ้น “ไม่เคยคิดเลยนะว่าจะสวยขนาดนี้...” เธอตั้งใจหยุดคำพูดเอาไว้ก่อนจะหันไปมองสีหน้าของหลี่อันผิงและหลินลั่วหรานที่กำลังใใจนสีหน้าเปลี่ยน
หลี่อันผิงดูสลดไปส่วนหลินลั่วหรานก็กลัวว่าเธอจะไม่คืนสร้อยข้อมือให้
ไอลี่มองปฏิกิริยาของทั้งสองคนก่อนจะกระตุกมุมปากขึ้น “จะสวยแค่ไหนก็เป็แค่ของถูกๆ อยู่ดีนั่นแหละ!”
ใบหน้าของหลินลั่วหรานซีดลงไปในเสี้ยววินาทีไอลี่ขยับริมฝีปากสีแดงสดเล็กน้อยโดยที่เธอนั้นไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองร้ายกาจเลยแม้แต่น้อยเธอรู้เพียงแค่ท่าทางของยัยผู้หญิงบ้านนอกคนนี้ช่างดูตลกเสียจริงเธอจัดการโยนสร้อยข้อมือออกไปส่งๆในทิศทางที่หลินลั่วหรานไม่มีทางรับได้อย่างแน่นอน
สร้อยข้อมือเงินตกลงไปกระทบกับพื้นจนเกิดเสียงดังขึ้น ดวงตาของหลินลั่วหรานแดงก่ำขึ้นมาเธอเผลอปล่อยมือที่จับกระจกมองหลังเอาไว้ออกโดยไม่รู้ตัว
ไอลี่ปิดกระจกรถขึ้น ก่อนที่รถออดี้ TT จะพุ่งออกตัวไปพร้อมกับฝุ่นควันที่ตลบอบอวล
ปลายเล็บของหลินลั่วหรานจิกลึกลงไปที่ฝ่ามือจนเืสีแดงเข้มไหลซึมออกมา เธอก้มตัวลงเก็บสร้อยข้อมือเงินที่อยู่บนพื้นไม่อยากจะอยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว สถานที่ที่พวกหญิงร้ายชายเลวเคยมาเหยียบอากาศมันช่างสกปรกเหลือเกิน
******
กว่าหลินลั่วหรานจะนั่งรถเมล์เฉื่อยๆทั้งสองต่อกลับมาจนถึงที่พัก ฟ้าก็มืดลงเสียแล้ว
ร่างกายของหลินลั่วหรานอ่อนล้าจนไม่อยากแม้แต่จะกดเปิดไฟในห้อง
สมบัติที่สืบทอดกันมาของตระกูลหลินก็นำกลับมาแล้วตอนนี้เธอกับผู้ชายใจดำคนนั้นก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป หลังจากนี้ที่ต้องคิดก็คือจะเดินต่อไปทางไหนดี
พ่อแม่เองก็อายุมากแล้วครึ่งปีที่ผ่านมาก็เอาแต่เร่งเร้าให้แต่งงานกับหลี่อันผิงไวๆเพราะแบบนั้นเื่ที่เลิกกันแล้ว คงจะต้องเก็บเอาไว้ก่อนคนแก่ทั้งสองคนคงรับอะไรแบบนี้ไม่ไหวเป็แน่
ห้องนี้เช่าปีต่อปีปีใหม่นี้เพิ่งพักมาแค่สามเดือน เื่ห้องคงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ว่าเื่งานเมื่ออาทิตย์ก่อนก็เพิ่งจะโดนไล่ออกมา ตอนนั้นผู้จัดการก็เอาแต่บ่ายเบี่ยงบอกมาเพียงว่าไปพูดจาไม่ดีใส่คนอื่น แต่ไม่ว่าหลินลั่วหรานจะคิดทบทวนมากเท่าไรก็ยังไม่รู้ว่าไปว่าอะไรใครเขาเข้าอยู่ดี
แต่เหมือนว่าวันนี้ท่าทางรุนแรงจากแฟนสาวคนใหม่ของหลี่อันผิงจะเตือนให้เธอได้รู้แล้วถึงจะมองดูใจกว้าง แต่กลับเป็คุณหนูบ้านรวยใจแคบแบบนั้นก็คงจะเป็เธอสินะ...แย่งแฟนคนอื่นเขาไปแล้ว ยังจะทำลายการงานของเขาอีกจะบอกว่าไม่เกลียดก็คงจะดูหลอกลวงเกินไป แต่หลินลั่วหรานจะทำอะไรได้ล่ะคงจะเรียกได้ว่า ทั้งชีวิตนี้ยังไม่คิดว่าจะแก้แค้นอะไรได้เลยด้วยซ้ำความแตกต่างของเรามันมากเกินไป แถมยังมีพ่อแม่ที่อายุมากแล้วต้องดูแลอีกจะเอาน้ำกรดไปสาดก็คงจะไม่ได้
เงินสามหมื่นที่เก็บเอาไว้ตอนที่ตั้งใจไว้ว่าจะแต่งงานกันก็ถูกหลี่อันผิงอ้างขอเอาไปใช้ก่อนแล้ว นับได้ว่าหกปีที่เสียไปนั้นสิ่งที่เหลือไว้ให้หลินลั่วหรานก็คือ่เวลาวัยรุ่นที่ได้ผ่านเลยไปแล้วเรียนไม่จบ อายุที่ไม่น้อยแล้ว และเงินสดในมือเพียงพันหกร้อยหยวน!
หลินลั่วหรานกำสร้อยข้อมือไว้แน่นโดยไม่รู้ตัวเืเริ่มไหลซึมออกมาจากรอยแผลอีกครั้ง สายเืสีซีดไหลผ่านลวดลายเส้นเงินเข้าไปยังไข่มุกเม็ดขาว ในขณะที่หลินลั่วหรานไม่ทันได้รู้ตัวไข่มุกเม็ดขาวนั้นก็ค่อยๆ ซึมซับหยดเืเ่าั้เข้าไป!
ไข่มุกเม็ดขาวเปล่งแสงสลัวๆ ออกมาพร้อมกับขยับไปมาเบาๆ ราวกับว่ายังไม่อิ่มและไม่มีแรงพอ
ในระหว่างที่หลินลั่วหรานกำลังฟุ้งซ่านอยู่กับความคิดของตัวเองแบบนั้นจะเอาอะไรไปเข้าใจจิตใจของไข่มุกกัน
ไข่มุกสั่นไหวเบาๆ ราวกับสิ่งมีชีวิตมันร้อนใจอยู่นาน ไม่ว่าจะขยับไปทางซ้ายหรือขวาก็ไม่สามารถทำได้มันจึงตัดสินใจเปล่งแสงส่องประกายออกมาก่อนที่เส้นเงินที่พันห่อหุ้มไข่มุกเอาไว้จะเริ่มขยับเคลื่อนไหวขึ้นมา และค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างเป็ปลายแหลมคม ทิ่มแทงเข้าไปในฝ่ามือของหลินลั่วหราน!
ภายในบ้านที่มืดสลัว หลินลั่วหรานเพียงแต่ไร้สติไม่ได้ตาบอดแต่อย่างใด แน่นอนว่าเธอรู้สึกได้ถึงแสงที่เปล่งประกายออกมาจากฝ่ามือเธอยกมือขึ้นมาก่อนจะต้องใเมื่อพบว่าเส้นเงินในมือได้เปลี่ยนเป็เข็มแหลมทิ่มแทงเข้าไปในฝ่ามือของตัวเอง
แม้ว่ามันจะไม่ได้เ็ปอะไรนักเหมือนแค่เพียงมดกัดเท่านั้น แต่ก็ทำให้หลินลั่วหรานใจนเกือบตายเช่นกัน
เื่แบบนี้มันเกินขอบเขตที่วิทยาศาสตร์จะสามารถอธิบายได้แล้วไม่มีทางที่คนธรรมดาทั่วไปจะไม่ใแล้วยิ่งตอนนี้เส้นเงินนั้นเปลี่ยนเป็ดั่งท่อใสเล็กๆทำให้หลินลั่วหรานสามารถมองเห็นเืสดๆ ของตัวเองที่ไหลผ่านท่อใสและกำลังหยดลงบนไข่มุกสีขาวได้อย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นคือไข่มุกเม็ดขาวนั้นกำลังซึมซับเืทุกหยาดหยดของเธอเข้าไป
หลินลั่วหรานสะบัดมือของตัวเองเต็มแรงแต่ราวกับว่าสร้อยข้อมือนั้นได้ฝังรากลงไปที่ฝ่ามือของเธอแล้ว ไม่ว่าจะสะบัดเท่าไรสร้อยข้อมือก็ไม่ยอมหลุดออกไปเธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองเสียเืไปมากภายใน่เวลาสั้นๆ เพราะอยู่ๆเธอก็เริ่มรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาและนี่คืออาการของคนที่เสียเืมากเกินไปอย่างแน่นอน
ยิ่งซึมซับเืไปมากเท่าไรไข่มุกก็ยิ่งส่องสว่างมากขึ้นเท่านั้น ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาทีจากที่ส่องแสงได้เพียงสลัวๆ ในตอนแรก ก็เปลี่ยนเป็ส่องสว่างสุกใสจนไม่สามารถจะลืมตามองตรงๆ ได้
หลินลั่วหรานรู้สึกได้ว่าสายตาของตัวเองเริ่มพร่ามัวไม่ต้องเดาเธอก็รู้ได้ทันทีว่า หากยังปล่อยให้ไข่มุกดูดเืต่อไปแบบนี้เธอต้องเสียเืจนตายแน่ๆ
เธอรู้แล้วว่าสมบัติสืบทอดของตระกูลที่เธอได้มานั้นไม่ใช่ของธรรมดาที่หาได้ทั่วไปแต่เกรงว่าเธอคงไม่อาจจะมีชีวิตรอดได้ใช้มันแล้วล่ะ...ราวกับไข่มุกนั้นรับรู้ได้ถึงความกลัวของเธอมันจึงรู้สึกช่วยไม่ได้ขึ้นมา เสียง “ฮึ” ดังขึ้นเบาๆก่อนจะหยุดการดูดเืเอาไว้แต่เพียงเท่านั้น
นี่เป็โอกาสที่ดี หลินลั่วหรานรีบสะบัดมือออกทำให้ไข่มุกกระเด็นไปที่โต๊ะน้ำชาเล็กๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงที่โซฟาเก่าๆด้วยความตื่นตะลึง
สร้อยข้อมือเปลี่ยนกลับมาเป็รูปทรงเหมือนอย่างก่อนหน้าแม้จะยังส่องแสงเป็ประกายอยู่ แต่ก็ไม่มีท่ออะไรให้เห็นแล้ว
หลังจากที่เริ่มใจเย็นลงแม้จะรู้สึกประหลาดแค่ไหน แต่ก็ไม่กล้าที่จะหยิบสร้อยข้อมือขึ้นมา ผ่านไปพักใหญ่กว่าแสงที่ส่องประกายนั้นจะค่อยๆ ดับลง จนเหลือไว้เพียงแสงอ่อนๆราวกับพระจันทร์ดวงน้อยๆ
หลินลั่วหรานขยับลุกขึ้น ก่อนจะค่อยๆขยับตัวไปด้านหน้า เพื่อพิจารณาเ้าสมบัติสืบทอดของตระกูลที่เกือบจะคร่าชีวิตของเธอไปอย่างระมัดระวัง
เอ๋หลินลั่วหรานรู้สึกราวกับว่าสายตาของตัวเองเพี้ยนไป เธอขยี้ตาของตัวเองซ้ำๆก่อนจะพบว่าทุกสิ่งที่อยู่ด้านหน้ายังคงเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
เมื่อแสงของเ้าไข่มุกแปลกๆที่ดูดเืของเธอไปเริ่มมืดลง หลินลั่วหรานก็พบว่าด้านนอกของสร้อยข้อมือเงินนั้นมีบางอย่างแปลกไปจากตอนแรกเล็กน้อย เส้นเงินเปลี่ยนเป็ลวดลายทรงกลมคล้ายกับกรงขัง แต่ก็ดูราวกับกำลังป้องกันไข่มุกเอาไว้ด้วยเช่นกัน...
เธอถอยหลังออกมาด้วยความใก่อนที่เส้นเงินเ่าั้จะค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็น้ำสีเงินเปล่งประกายแสงวับวาวสวยงามอยู่ภายใต้แสงของไข่มุกนั่น
หลินลั่วหรานตื่นตะลึงเมื่อพบว่าเ้าของเหลวสีเงินเองก็กำลังโดนดูดซึมเข้าไปเหมือนกับเืของเธอและเพียงแค่ไม่กี่อึดใจ ของเหลวสีเงินนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เธอจับหมอนในมือไว้แน่นพร้อมกับเม้มริมฝีปากเข้าหากัน
รัศมีสีรุ้งเปล่งประกายออกมาเป็ชั้นๆห้อมล้อมเม็ดไข่มุกไว้อย่างงดงามมันสวยงามยิ่งกว่าไข่มุกที่เรียกได้ว่าประกายงดงามที่สุดในโลกเสียอีก!
ไข่มุกประกายแสงขยับขึ้นกลางอากาศราวกับกำลังส่งเสียงปีติยินดี
หลินลั่วหรานหรี่ตาของตัวเองลง พร้อมกับคิดว่าจะรับมือกับเ้าสิ่งเหนือธรรมชาตินี่อย่างไรดี...จะใช้หมอนก็ดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไรในบริเวณที่มือเอื้อมไปถึง ก็มีเพียงแค่โต๊ะน้ำชาเล็กๆบนโต๊ะมีเพียงแก้วใสที่มีน้ำอยู่ครึ่งแก้ววางอยู่เท่านั้นหรือว่าจะสาดน้ำใส่มันดีนะ?
ก็ไม่ใช่นิทานหลอกเด็กไหมล่ะ...เธอคิดวิธีต่างๆไปเรื่อย ก่อนที่ร่างกายจะเต็มไปด้วยความกังวลที่ไม่เคยมีมาก่อน
ในระหว่างนั้น ไข่มุกที่กำลังหมุนอยู่กลางอากาศก็ปรากฏแสงออกมาราวกับดาวหางก่อนจะพุ่งเข้าหาตัวของเธอด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าแลบ!