หลินชิงเวยเหลือบตามองเขาครั้งหนึ่ง “ท่านแน่ใจว่าท่านเป็ท่านหมอ?”
เซียวเยี่ยนเดินเข้ามากล่าวว่า “นำมาให้เปิ่นหวางดู”เขามองด้วยสายตาเรียบเฉย จากนั้นอ่านตัวอักษรบนเทียบยานั้นออกมาทีละตัวให้ท่านหมอเขียนใหม่อีกครั้ง “หงเถิง[1] ปั้นจือเหลียน[2]อย่างละครึ่งตำลึงเงิน ไป๋โถวเวิง[3]ครึ่งตำลึงเงินหญ้าลิ้นงูสองตำลึงเงิน...”
เขายิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่านี่คือสตรีที่เต็มไปด้วยปริศนานางหนึ่ง ดูมือของนางขณะฝังเข็มนั้นไร้ความลังเลใจไม่รู้ว่าความมั่นใจที่ปรากฏอยู่ในดวงตาคู่นั้นมาจากที่ใดกันทว่ากลับทำให้ผู้คนมิอาจเลื่อนสายตาไปได้ ยังมีตัวอักษรของนางอีก ลายมือตวัดไปมาราวกับต้นหญ้าไม่เหมือนตัวอักษรที่เขียนโดยสตรีอายุสิบหกปีนางหนึ่ง
เมื่อคัดลอกเทียบยาเรียบร้อยแล้วหมอหลวงกล่าวว่า “นี่นี่...เทียบยาลักษณะเช่นนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนนี่นา...”
หลินชิงเวยบีบนวดหน้าผาก อธิบายอย่างอดทนว่า“ไม่เคยได้ยินมาก่อนใช่หรือไม่ เช่นนั้นท่านมานี่ ข้าถีบท่านสักสองหนแล้วค่อยบอกกับท่าน”
การแพทย์แผนจีนทั้งล้ำลึกและกว้างขวาง มิใช่สืบทอดกันมาั้แ่สมัยโบราณจากรุ่นสู่รุ่นหรือคนผู้นี้กลับบอกว่าไม่เคยได้ยินมาก่อนช่างเป็เื่ขายหน้าบรรพบุรุษโดยแท้จริง
เมื่อหลินชิงเวยหันกายจะเดินไป หมอหลวงปาดเหงื่ออีกครั้ง“ครึ่งชั่วโมง...หมายถึงครึ่งชั่วยามใช่หรือไม่?”
หลินชิงเวยไม่ได้หันกลับไปทว่าตอบอย่างเ้าเล่ห์ว่า “ครึ่งของครึ่ง”
ออกมาจากตำหนักบรรทมของเซียวจิ่น หลินชิงเวยนับว่าได้สูดลมหายใจอันสดชื่นเข้าปอดเสียทีเมื่อสักครู่ขณะที่นางฝังเข็มให้กับเซียวจิ่นนั้นได้ใช้พละกำลังไปทั้งหมดเวลานี้เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นลงจึงรู้สึกหมดเรี่ยวแรงทั้งเหนื่อยทั้งหิวเซียวเยี่ยนเดินตามหลังออกมายืนอยู่ข้างกายหลินชิงเวยครู่หนึ่งเขาใช้หางตามองประเมินหลินชิงเวยครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวว่า “ครึ่งชั่วยามน่าจะเป็หนึ่งชั่วโมงที่เ้าพูดถึง เพียงแต่การนับเวลาเป็ชั่วโมงนั้นต้าเซี่ยไม่เคยมีมาก่อนผู้ใดสอนเ้า?”
หลินชิงเวยเหนื่อยเสียจนจะกระอักน้ำย่อยออกมาอยู่แล้วดังนั้นอารมณ์จึงไม่ได้ดีสักเท่าใดนัก นางกลอกตาขาวใส่เขา “มารดาท่าน”
เซียวเยี่ยน “...”
หลินชิงเวยนั่งลงบันไดหน้าประตูครู่หนึ่งพลันรู้สึกว่าขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง จึงถามขึ้นราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ “ซินหรูเล่า?”
อ้อ นางคิดออกแล้ว ซินหรูถูกเซียวเยี่ยนทิ้งไว้ข้างหลังนี่นา
วังหลวงกว้างใหญ่เช่นนี้ นางไม่เคยออกมาจะรู้ทางได้อย่างดังนั้นหลินชิงเวยจึงลุกขึ้นพรวด ปัดๆ ก้นแล้วเตรียมจะเดินออกไปเดินไปได้สองก้าวจึงชะงักหันกลับมามองเซียวเยี่ยนที่ยืนนิ่ง“ท่านอ๋องจะพาข้าไปตามหาซินหรูได้หรือไม่?”
เซียวเยี่ยนมองนางด้วยสายตาดูแคลนชนิดหนึ่งพร้อมกับหลุบตาลง“เ้าร้ายกาจถึงเพียงนั้น เ้าไปหาเอง”
ไม่ต้องกล่าวถึงว่าเมื่อสักครู่เป็เซียวเยี่ยนที่พานางเหินกายข้ามมาต่อให้ปล่อยให้นางเดินมาเองก็ไม่แน่ว่านางจะจำทางได้ว่าต้องเดินกลับไปหาซินหรูอย่างไรจนปัญญาที่นางกลัวความสูงและจำทิศทางไม่ได้
คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องท่านนี้จะใจแคบเช่นนี้
นางได้แต่หันหน้ากลับไป เดินไปข้างหน้าต่อ“คนบางคนใช้ประโยชน์จากผู้อื่นเสร็จแล้วก็ไม่สนใจ ชิคิดว่าการรักษาเพียงครั้งเดียวจะสามารถรักษาอาการเ็ปของฮ่องเต้น้อยให้หายแล้วหรือทางเดินข้างหน้ายังอีกยาวไกลพวกเรารอดูกันต่อไปก็แล้วกัน ต้องมีสักวันที่ท่านต้องมาขอร้องข้า”
เดินไปเดินไปพลันรู้สึกได้ถึงความเ็าที่แผ่มาจากด้านหลังหลินชิงเวยใช้หางตามองไปเห็นเพียงเงาร่างสูงใหญ่นั้นมองตามตนเองมาขณะที่นางเดินมาถึงทางแยกกำลังจะเลี้ยวซ้ายนั้น เสียงจากข้างหลังดังขึ้น“ไปทางขวา”
จิตใจที่เหนื่อยล้าของหลินชิงเวยพลันรู้สึกดีขึ้นอย่างประหลาดจึงหันไปยิ้มกับเขา “เซ่อเจิ้งอ๋องมิใช่ไม่ไปพร้อมกับข้าหรือไรท่านอ๋องงานยุ่งเช่นนี้ ไหนเลยจะมีเวลามาอยู่เป็เพื่อนสตรีตัวเล็กๆ เช่นข้า”
[1]หงเถิง หรือ เืเต็ง มีสรรพคุณ ขับร้อน ขับพิษช่วยให้เืไหวเวียนดี แก้ปวด รสชาติขม มีคุณสมบัติเป็กลาง เข้าสู่เส้นลมปราณตับ ลำไส้ใหญ่
[2]ปั้นจือเหลียน หรือ ปัวกิน้อยเป็หญ้าชนิดหนึ่งที่เป็ยาช่วยเื่ระบบขับถ่าย ถอนพิษ ดับพิษไข้คลายความร้อนในร่างกาย สามารถช่วยในเื่ของมะเร็งได้ในระดับหนึ่ง
[3]ไป๋โถวเวิง หรือ แปะเถ่าอง เป็รากแห้งของพืชใช้ในการต่อต้านอนุมูลอิสระ