“สัปดาห์ก่อนก็ทำให้อับอายต่อหน้าเพื่อน นี่ยังไม่พออีกหรือ เมื่อวันศุกร์เธอก็ป่าวประกาศต่อหน้าทุกคนว่าเมิ่งเมิ่งทำกระโปรงหลุดเอง!”
อู๋อู๋แสดงสีหน้าเ็ป
ความรู้สึกรังเกียจ มักจะก่อตัวขึ้นเสมอ
ั้แ่วันที่รู้ว่าซูอินไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆ ในใจเธอก็เกิดความรู้สึกต่อต้านและขัดแย้ง อารมณ์ในเชิงลบเหล่านี้ได้กลายเป็ความเกลียดชังหลังจากที่หลิงเมิ่งกลับมาอยู่บ้าน
หากซูอินยังคงเชื่อฟังเหมือนเมื่อก่อน เธอคงอดทนอดกลั้นไว้ได้
ทว่าั้แ่สัปดาห์ก่อนเธอเปลี่ยนไปราวกับเป็คนละคน หลายครั้งที่สร้างความขัดแย้ง เมื่อวานก็ทำให้เธอต้องขายหน้า
ความรู้สึกขยะแขยงของอู๋อู๋ที่มีต่อซูอินก่อตัวขึ้นมาระดับหนึ่ง ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ทำประโยชน์ให้ในครั้งสุดท้ายที่ผ่านมา ก็ไม่จำเป็ต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป
เมื่อคืนที่เธอนอนพลิกตัวไปมาด้วยความว้าวุ่นใจ เธอได้ตัดสินใจแล้วว่า เธอจะหยิบยืมโอกาสนี้เพื่อแสดงความปรารถนาที่้า
“อินอิน มีสิ่งไหนหรือที่พวกเราทำไม่ดีต่อเธอ ให้อาหาร ให้เสื้อผ้า ให้เธอได้เรียนหนังสือมาตั้งหลายปี แม้แต่สุนัขยังรู้ว่าบ้านหลังนี้มีพระคุณ เมิ่งเมิ่งเป็ลูกสาวคนเดียวของฉัน ทำไมเธอต้องใส่ร้ายเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
“ใส่ร้ายหรือ ที่หนูพูดเป็ความจริงทั้งหมดไม่ใช่หรือ”
“ต่อให้เป็ความจริง มันก็เป็แค่เื่เล็กๆ น้อยๆ เธอจะใจกว้างสักหน่อยไม่ได้เลยหรือ”
คำพูดที่คุ้นเคยนี้….
ซูอินหลับตา ความทรงจำที่แสนจะคลุมเครือเมื่อสิบปีก่อนแวบเข้ามาในหัวราวกับภาพยนตร์เื่เก่า เพราะเจอประสบการณ์มากมาย มากเสียจนเธอรู้สึกงงงวยไปหมด
ได้ใช้ชีวิตเฉกเช่นมนุษย์เป็ครั้งแรก แล้วทำไมฉันต้องยอมเธอไปเสียทุกอย่างด้วย
แม้ว่าจะใช้สูตรโกงจนได้กลับมาเป็มนุษย์ครั้งที่สอง แต่คนเราเคยยอมให้แล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ก็ไม่จำเป็ต้องยอมอีกต่อไป
“ใจกว้าง? คุณควรถามเมิ่งเมิ่งมากกว่า”
ซูอินมองเมิ่งเมิ่งพร้อมถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน กลับพบว่าอีกฝ่ายเบิกตากว้าง แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกแทบไม่อยากเชื่อ
นี่ถูกเล่นงานเข้าแล้วหรือ
คราวนี้ยิ่งเป็การยืนยันในสิ่งที่เธอสงสัย
“เมื่อวันศุกร์มีคนพูดจายั่วยุ เพื่อนร่วมชั้นที่ชื่อซุนเจี้ยนบอกว่าฉันจงใจใส่ร้ายหลิงเมิ่งเื่ทำกระโปรงขาด เมื่อความจริงเปิดเผย เขาเสียใจมาก บอกว่ามีคนจากโรงเรียนในตำบลให้บุหรี่หอกระเรียนเหลืองแก่เขาสองซอง หากฉันจำไม่ผิด โรงเรียนของหลิงเมิ่งคือโรงเรียนในตำบลใช่ไหม”
เธอรู้หมดแล้ว! รูม่านตาของหลิงเมิ่งหดตัว
อู๋อู๋มองตามสายตาของซูอิน เหตุใดเธอมองเห็นความผิดนั้น
เธอได้แต่ถอนหายใจ แต่หลิงเมิ่งก้มหน้าด้วยท่าทีน่าสงสาร ทำให้เธออดใจอ่อนไม่ได้
“เมิ่งเมิ่งใช้ชีวิตที่ลำบากแทนเธออยู่ในชนบทมาตั้งสิบหกปี เธอให้อภัยเมิ่งเมิ่งไม่ได้หรือ”
“ไม่ได้!”
ซูอินกล่าวด้วยวาจามุ่งมั่นเด็ดขาด “พูดให้ชัดๆ ในปีนั้นคนที่อุ้มลูกผิดคนไม่ใช่หนู เป็เพราะความสะเพร่าของผู้ใหญ่อย่างพวกคุณที่อุ้มลูกผิดเอง เื่ทั้งหมดนี้เมื่อคำนวณดูแล้ว หนูก็ตกเป็เหยื่อเหมือนกัน ทำไมเื่ที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าต้องเป็หนูที่คอยให้อภัย”
นี่คือสิ่งที่ซูอินอยากถามมาั้แ่ชาติก่อน
แต่ตอนนั้นเธอคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ กว่าจะเข้าใจก็ตอนที่กลายเป็บุตรบุญธรรมของตระกูลหลิงไปแล้ว เธอมีความเมตตามาหลายปี แต่กลับไม่มีสิทธิ์ถามถึงเื่เหล่านี้
ในบ้านเงียบสนิท
คนที่ทำลายความเงียบคือหลิงเมิ่ง “พี่คะ พี่บอกว่าตัวเองเป็เหยื่อ หรือพี่คิดว่าการที่ต้องอยู่ในบ้านหลังนี้ทำให้พี่รู้สึกเสียใจคะ”
ในเวลานั้นอู๋อู๋รู้สึกราวกับเส้นลมปราณของตนเองกำลังจะเปิด
“ใช่แล้ว เสียใจที่อยู่บ้านหลังนี้ใช่ไหม หากรู้สึกเสียใจ เธอก็รีบไสหัวออกไปสิ จะฝืนอยู่ทำไม”
ตอนนี้คนที่ต้องตกตะลึงคือซูอิน นี่เธอถูกไล่ออกจากบ้านหรือ
เธอจะใไม่ได้!
เธอสูดหายใจ พยายามควบคุมอารมณ์ให้สงบลง
หากออกไปจากตระกูลหลิง เธอควรใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร
สถานที่ที่สามารถอาศัยอยู่ได้คือตระกูลซู ่ก่อนสอบหากจะกลับไปที่หมู่บ้านก็คงเดินทางไม่สะดวก เธอน่าจะสามารถขอพี่หงนอนที่โซฟาของร้านไปก่อน หากไม่ได้เธอก็ยังมีพื้นที่ในมิติ
ส่วนเื่กิน ตอนนี้เธอทำงานมีรายได้สูงสุดสิบหยวนต่อวัน ถึงแม้จะไม่ได้สูงนัก แต่ก็ไม่มีปัญหาในการเลี้ยงดูตนเอง
หากเป็เช่นนั้นก็คงลำบากเล็กน้อย แต่ผ่าน่เวลาที่ขยันขันแข็งมาหนึ่งสัปดาห์ ทำให้เธอฟื้นฟูระดับความสามารถของตนเองได้อย่างเต็มที่ หลังจากนี้ก็คงสบายขึ้นหน่อย การจะสอบเข้าโรงเรียนที่ดีที่สุดของเมืองก็คงไม่ใช่ปัญหา
การถูกไล่ออกจากบ้านอาจฟังดูเหมือนฟ้าจะถล่ม แต่มาคิดดูดีๆ นอกเหนือจากการที่เธอต้องทนเห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดของอู๋อู๋แล้ว เธอก็คิดว่าตนเองไม่ได้สูญเสียอะไรไปมากกว่านั้น
เมื่อคำนวณดูแล้วเธอต่างหากที่เป็ฝ่ายได้เปรียบ
แล้วทำไมไม่ไปจากที่นี่ล่ะ
คำถามนี้ผุดขึ้นในใจ ซูอินพลันรู้สึกว่าความจริงได้กระจ่าง
สิ่งเดียวที่เธอสนใจในตอนนี้คือ เธอถูกไล่ออกจากบ้าน
เมื่อชาติก่อนซูอินรู้สึกว่า มันเร็วเกินไปหากจะตัดสินว่าใครแพ้ใครชนะ
ทว่าในตอนนี้คนที่เธอเผชิญหน้าอยู่คืออู๋อู๋และหลิงเมิ่ง สองแม่ลูกที่เธอแค้นมาก เธอจะไม่ยอมเสียหน้าต่อหน้าสองคนนี้เป็อันขาด หากจะไปเธอก็ต้องเป็ฝ่ายเดินออกไปเองไม่ดีกว่าหรือ
“ออกไปงั้นหรือ”
เธอมองอู๋อู๋ด้วยท่าทีเย้ยหยัน “สัปดาห์ก่อนนู้น หนูก็เคยบอกแล้วไม่ใช่หรือคะว่าจะกลับไปกับตระกูลซู ตอนนั้นใครกันที่หาเหตุผลร้อยแปดมารั้งให้หนูอยู่ต่อ”
สีหน้าของอู๋อู๋แสดงท่าทีประหม่า พยายามควบคุมสติก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีเคร่งขรึม “เป็เพราะฉันกลัวจะกระทบต่อการเตรียมตัวทบทวนสอบเข้ามัธยมปลายต่างหาก เธอมีความคิดสกปรกเช่นนี้ ช่างเป็คนที่มีเจตนาร้ายต่อคนอื่นจริงๆ”
“หนูจำได้ว่าตอนแรกไม่ได้พูดแบบนี้นี่คะ และไม่รู้เหมือนกันว่าเป็เพราะใคร ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่อยากเลี้ยงดูหนูด้วยความอาลัยอาวรณ์ ตอนที่อยู่บนโซฟา สายตานั้น น้ำเสียงนั้น ช่างน่าประทับใจ แต่เมื่อหนูอยู่ที่นี่ต่อเกือบจะสิบวันแล้ว หากคุณไม่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ก็เอาแต่ดุด่าว่ากล่าว หรือนี่คือวิธีแสดงความรักที่แข็งแกร่งของผู้เป็แม่คะ”
อู๋อู๋ก้มศีรษะไม่เอ่ยปาก ซูอินหายใจเข้าลึกๆ เอ่ยถามสิ่งที่สงสัยอยู่ในใจมาเนิ่นนาน
“ที่ศีรษะอยู่บนคอ ไม่ใช่เพื่อความสวยงาม เพราะทุกคนต่างก็มีสมอง พูดความจริงเถอะค่ะ การที่คุณให้หนูอยู่ต่อนั้นมีจุดประสงค์อะไรกันแน่”
อู๋อู๋เงยหน้าทันที น้ำเสียงแสดงถึงความตื่นตระหนก “เดาอะไรส่งเดช!”
เธอจ้องซูอินเขม็ง ความคิดต่างๆ ผุดขึ้นในหัว แล้วจึงสงบลงอย่างรวดเร็ว
ซูอินคงจะไม่รู้อะไรจริงๆ นี่ก็ถือเป็การยืนยันได้แล้วว่าเื่นี้เป็เพียงการเข้าใจผิด
หากเป็เช่นนั้น เธอก็สามารถไล่ซูอินออกไปได้อย่างสบายใจมากขึ้น
เมื่อเอ่ยปากอีกครั้ง ท่าทีอู๋อู๋สงบลง “เธอเห็นแค่ปัญหาของคนอื่น ไม่เคยดูตัวเอง เมื่อก่อนเธอเป็เด็กดีว่าง่าย แต่ั้แ่สัปดาห์ก่อนไม่รู้ไปโดนอะไรเข้า ยิ่งผ่านไปก็ยิ่งแสดงท่าทีหงุดหงิดมากขึ้น หลายต่อหลายครั้งที่ใส่ร้ายเมิ่งเมิ่ง รวมถึงพูดจาต่อต้านฉันอีก ท่าทีของเธอที่เป็แบบนี้ ยังจะคาดหวังให้คนอื่นนั่งคุยกับเธออย่างใจเย็นอีกหรือ”
ทุกอย่างกลับตาลปัตรจากขาวเป็ดำ
เมื่อเห็นสีหน้าของอู๋อู๋ที่เอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ ซูอินก็รู้ดีว่าการจะถามความจริงจากปากของเธอคงเป็ไปไม่ได้
นาฬิกาคุณปู่ในห้องนั่งเล่นบอกเวลาเจ็ดนาฬิกา หากยังอยู่ต่อคงจะกระทบเวลาเข้าเรียนของเธอ
“หลายครั้งที่ผ่านมา เป็เพราะใครกันที่คิดทำร้ายฉันก่อน การที่ย้อนกลับมาเล่นงานคนอื่นแทนที่จะยอมรับผิดคืออะไร วันนี้ฉันได้รู้ชัดเจนแล้ว”
เธอสูดหายใจเข้าก่อนจะตัดสินใจ “ใครหน้าไม่อาย คนนั้นย่อมรู้ตัวดี ทุกเช้าทำอย่างกับกำลังเล่นละคร ฉันก็ไม่ได้เต็มใจอยู่ที่นี่สักหน่อย ฉันจะไปจากที่นี่ และครั้งนี้ได้โปรดอย่ามาขอให้ฉันอยู่ต่อก็แล้วกัน”
เสียงที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงของเธอคือเสียงกริ่ง ป้าสวี่รีบเดินออกมาจากห้องอีกครั้งเพื่อไปเปิดประตู
“คุณผู้ชายคะ คุณกลับมาพอดี อินอินกับคุณนายอู๋กำลังทะเลาะกันค่ะ เธอบอกว่าจะออกไปจากบ้านหลังนี้”
หลิงจื้อเฉิงที่รีบกลับมาจากการทำโอทีตลอดทั้งคืน ยังไม่ทันจะเดินเข้าไปข้างใน แค่ได้ยินการรายงานจากป้าสวี่ ก็แทบจะทำให้เขาใจสลาย