หลิ่วจิ้งััได้ถึงความไม่พอใจภายในใจของหั่วอี้นางลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไปนั่นเพราะในขณะที่หั่วอี้กำลังรู้สึกผิดต่อนาง สิ่งที่นางร้องขอย่อมได้รับการตอบรับง่ายขึ้นกระมัง
“ท่านแม่ทัพ งานวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่าใกล้จะมาถึงแล้ว และงานที่ข้าต้องทำมีมากมายนักมิสู้ปล่อยอาหนูออกมา ให้นางมาเป็ผู้ช่วยข้า ดีหรือไม่เ้าคะ?” หลิ่วจิ้งลองขอความเห็นใจแทนอาหนู
หั่วอี้ไม่ได้ตอบรับข้อเสนอของหลิ่วจิ้งในทันทีแต่กลับมองนางด้วยความสนใจนักเพราะนี่เป็ครั้งแรกที่เขาได้ยินสตรีของเขาเอ่ยขอร้องแทนสตรีอีกคนหนึ่ง แต่ไรมาแค่สตรีของเขาไม่ฟ้องร้องโยนความผิดให้กันก็ต้องขอบคุณฟ้าขอบคุณดินแล้ว
“ท่านแม่ทัพไม่เห็นด้วยหรือเ้าคะ?” หลิ่วจิ้งแสร้งเอ่ยด้วยท่าทีแง่งอน อาวุธของสตรีหากไม่ใช้ก็เสียเปล่าน่ะสิ
“เห็นด้วยๆ จะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร” เห็นท่าทีเช่นนี้ของหลิ่วจิ้งมีหรือหั่วอี้จะใจแข็งทนเห็นนางไม่สบายใจไหวจึงหลงลืมเื่ที่อาหนูก่อเอาไว้เสียตั้งนานแล้ว
“จริงหรือเ้าคะข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านแม่ทัพต้องทนใจแข็งเห็นข้าเหนื่อยไม่ได้เป็แน่”หลิ่วจิ้งแย้มยิ้มอย่างดีใจ มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ว่าเจตนาแท้จริงที่อยู่เื้ัรอยยิ้มนี้คือสิ่งใด
อาหนูมักกวนน้ำที่ขุ่นอยู่แล้วให้ยิ่งขุ่นมัวเข้าไปอีกซึ่งจับปลายามน้ำขุ่นๆ นี่ก็ไม่เลวเช่นกันทางฮูหยินผู้เฒ่าจะได้ไม่ต้องว่างเกินไปและเอาแต่จับจ้องมาที่นาง
ในขณะที่หั่วอี้กับหลิ่วจิ้งกำลังสนทนาเื่สิ่งของต่างๆที่ควรเอาเข้ามาเพิ่มในจวนในระยะนี้ พ่อบ้านหวังก็มาหาพอดี
เห็นเพียงว่าพ่อบ้านหวังใช้สองมืออุ้มกล่องกระดาษกล่องหนึ่งไว้กับอกเพราะไม่มีที่ให้จับยึดเขาจึงอุ้มกล่องมาอย่างยากลำบาก
“เ้าหอบสิ่งใดมา?” หั่วอี้ลุกขึ้นจากข้างตัวหลิ่วจิ้งเดินไปนั่งที่เก้าอี้รับแขกพลางมองไปยังพ่อบ้านหวัง
พ่อบ้านหวังนึกไม่ถึงว่าหั่วอี้จะอยู่บ้าน เดิมทีเขาอยากจะมาโดยหลบเลี่ยงไม่พบกับท่านแม่ทัพเพราะเขามาเพื่อนำเทียบเชิญที่เขียนเสร็จแล้วมาส่งให้หลิ่วจิ้งคำพูดจงใจใช้งานผู้อื่นที่ฮูหยินใหญ่ฝากมาบอกกับฮูหยินเขากลับไม่กล้าเอ่ยต่อหน้าท่านแม่ทัพ ด้วยกลัวว่าหั่วอี้จะไม่พอใจ
แต่กลายเป็ว่ากลัวสิ่งใดสิ่งนั้นก็มาเสียจริงๆ เขานึกเสียใจที่เหตุใดเมื่อครู่จึงไม่ส่งเด็กรับใช้มาดูลาดเลาก่อนแล้วตนค่อยมาทีหลัง
ได้ยินหั่วอี้ถาม พ่อบ้านหวังพลันหันมองหลิ่วจิ้งด้วยสีหน้าลำบากใจไม่อาจไม่พูดความจริงไปว่า “เรียนท่านแม่ทัพ นี่ก็คือรายชื่อของแขกที่ต้องเชิญมางานวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่าฮูหยินใหญ่สั่งให้ข้าน้อยนำมาส่งให้ฮูหยินขอรับ”
หั่วอี้ได้ฟังก็ประหลาดใจนักเขาลุกขึ้นเดินอ้อมตัวพ่อบ้านหวังสองรอบ กล่าวว่า “เหตุใดต้องมาส่งให้ฮูหยินฮูหยินเพิ่งจะมา ยังไม่คุ้นเคยกับผู้คน จึงไม่จำเป็ต้องนำมาส่งให้ฮูหยินดูอีกครั้งนี่”
“ระ…เื่นี้…” พ่อบ้านหวังไม่รู้จะตอบหั่วอี้อย่างไรเขาย่อมไม่อาจพูดว่าฮูหยินใหญ่สั่งลงมาว่าให้ฮูหยินเป็คนออกไปส่งเทียบเชิญกระมัง
ตอนที่ได้ยินฮูหยินใหญ่สั่งความนั้นเขาเองก็ประหลาดใจมากเช่นกันเดิมทีการมอบหมายงานเช่นนี้ก็คล้ายว่าไม่ใคร่ถูกต้องอยู่แล้ว แต่เขาไม่กล้าไปสงสัยการจัดการงานของฮูหยินใหญ่เพราะอย่างไรฮูหยินใหญ่ก็คือผู้ที่ได้รับการปกป้องเป็ที่สุดในจวนเวลานี้หากไม่ระวังแม้เพียงน้อย เกิดทำให้นางไม่พอใจขึ้นมาจนกระทบต่อครรภ์ก็จะเป็อันตรายใหญ่หลวงที่ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจรับผิดไหว
หลังจากพ่อบ้านหวังมา ทางฝ่ายหลิ่วจิ้งก็ทำเพียงนั่งนิ่งฟังหั่วอี้สนทนากับเขา นางเอาแต่ก้มหน้าไม่ไปมองหั่วอี้เก็บซ่อนความคิดในใจนางเอาไว้ภายใต้ดวงตาที่มองลงต่ำ
“นี่มันเื่ใดกัน เ้าก็รีบพูดออกมาสิ” หั่วอี้เริ่มหมดความอดทนท่าทีอึกอักของพ่อบ้านหวังกลับทำเขาหงุดหงิด เมื่อดูจากสีหน้าของพ่อบ้านหวังแล้วนี่จะต้องไม่ใช่เื่น่าสบายใจเป็แน่
พ่อบ้านหวังเห็นว่าหั่วอี้โกรธขึ้นมาแล้วจึงได้แต่รวบรวมความกล้าพูดไปตามความจริง “เรียนท่านแม่ทัพนี่คือเทียบเชิญที่เขียนเสร็จแล้วฮูหยินใหญ่มอบหมายให้ฮูหยินเป็คนนำไปส่งให้ถึงมือแขกสูงศักดิ์ทุกท่านขอรับ”
“อะไรนะ? วันนี้พวกเ้าแต่ละคนเป็อะไรกันหมดนึกว่าตำแหน่งฮูหยินนี่มีแต่ชื่อหรืออย่างไร? มาข่มเหงรังแกหนหนึ่งยังไม่พอจะต้องมาอีกหนแล้วหนเล่าไม่จบไม่สิ้นเสียที”
ครานี้หั่วอี้บันดาลโทสะเหลือเกินจริงๆเขาเข้าไปกระชากคอเสื้อพ่อบ้านหวัง บีบให้สายตาของพ่อบ้านหวังขึ้นมาสบตากับเขา
“ยังไม่ต้องบอกว่าฐานะของฮูหยินใหญ่ต่ำว่าฮูหยินแล้วนางจะมีอำนาจใดมาใช้งานฮูหยิน ไม่มีหลักการเช่นนี้งานส่งเทียบเชิญนี้คงไม่ต้องถึงคราวให้สตรีของข้าหั่วอี้เป็คนไปส่งกระมัง เ้าว่ามานี่เป็ความคิดของผู้ใด?” หั่วอี้อยู่ใกล้กับพ่อบ้านหวังชนิดหน้าแทบชนหน้าขึงตาใส่พ่อบ้านหวังจนเขาใขาอ่อนไปหมด
พ่อบ้านหวังรู้อยู่แล้วว่าเมื่อเขาพูดความจริงออกไปก็จะต้องผจญกับหายนะแต่กลับนึกไม่ถึงว่าโทสะของหั่วอี้จะลุกลามใหญ่โตถึงเพียงนี้ใหญ่โตเสียจนเขาไม่อาจทนรับไหวแล้ว
เขาใช้หางตามองไปทางหลิ่วจิ้งอย่างไร้ที่พึ่ง นึกหวังให้หลิ่วจิ้งช่วยตนแม้จะบอกว่าเขาเป็แค่คนส่งสารเท่านั้น แต่อย่างไรท่านแม่ทัพก็ต้องโทษเขาที่รู้ทั้งรู้ว่าไม่ถูกต้องแต่ก็ยังทำตามไม่ขัด
พ่อบ้านหวังเองก็จนใจเต็มทน ทางด้านฮูหยินนั้นเขาไม่อาจล่วงเกินแต่ทางฮูหยินใหญ่เขาก็ไม่อาจล่วงเกินด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นฮูหยินใหญ่ก็ล้วนทำการตามความประสงค์ของฮูหยินผู้เฒ่าฉะนั้นโดยทั่วไปแล้วประสงค์ของฮูหยินใหญ่ ความจริงก็คือ ประสงค์ของฮูหยินผู้เฒ่าแล้วบ่าวตัวเล็กๆ เช่นเขาจะสามารถไปพูดนั่นพูดนี่ได้อย่างไร
พ่อบ้านหวังทำได้เพียงหันหน้าไปส่งสายตาวิงวอนให้หลิ่วจิ้ง ครานี้หลิ่วจิ้งไม่อาจแสร้งทำเป็มองไม่เห็นได้อีกยิ่งไปกว่านั้นนางก็คิดจะดึงพ่อบ้านหวังมาเป็พลพรรคของนางอยู่แล้ว เรือนหลังล้วนอยู่ในการควบคุมของเขาจึงมีความสำคัญต่อการดูแลปกครองเรือนเสียอย่างยิ่ง
“ท่านแม่ทัพโปรดระงับโทสะคงเพราะฮูหยินใหญ่เห็นว่าข้าเพิ่งจะมาที่นี่ทั้งเื่ขนบธรรมเนียมและเส้นสายระหว่างผู้คนก็ล้วนยังไม่เข้าใจทั้งสิ้นจึงอยากให้ข้าอาศัยโอกาสที่ไปส่งเทียบเชิญแก่แขกสำคัญนี้ทำความรู้จักคุ้นเคยกับผู้สูงศักดิ์ทุกท่านกระมังเ้าคะ” หลิ่วจิ้งลุกขึ้นยืน นางเดินมาข้างกายหั่วอี้แล้วเอื้อมมือไปจับแขนเขาให้เขาปล่อยมือจากพ่อบ้านหวังเสีย
หลิ่วจิ้งยิ้มน้อยๆ หันไปส่งสายตาปลอบพ่อบ้านหวังเอ่ยกับหั่วอี้ว่า “ท่านแม่ทัพ พ่อบ้านหวังล้วนต้องปฏิบัติตามคำสั่งเื่นี้กลับไม่อาจโกรธเคืองเขานะเ้าคะ”
พ่อบ้านหวังรีบคำนับหลิ่วจิ้งด้วยความซาบซึ้งใจแล้วหันไปบอกกับหั่วอี้ว่า “เป็จริงดังนี้ขอรับท่านแม่ทัพบ่าวก็เป็เพียงบ่าวไพร่ผู้หนึ่ง ไม่ได้อยู่ในฐานะจะผลักไสเื่นี้จริงๆ ขอรับ”
หั่วอี้สำนึกตัวว่าการที่เขาไปพาลโกรธพ่อบ้านหวังนั้นคล้ายไม่ถูกต้องเพราะเื่นี้พ่อบ้านหวังก็ไม่อาจตัดสินใจใดๆ ได้ดังว่า
สีหน้าเขาผ่อนคลายลงบ้าง น้ำเสียงจึงเบาลงมา ชายหนุ่มหันไปบอกพ่อบ้านหวังว่า“เช่นนั้นก็นับว่าเ้าไม่มีความผิดก็แล้วกัน เื่นี้ก็ให้เ้าทำเช่นที่เคยทำหาองครักษ์ที่มีไหวพริบสักคนไปส่งเทียบเชิญเป็พอแล้ว”
พ่อบ้านหวังกำลังจะตอบคำ หลิ่วจิ้งกลับพูดต่อเสียก่อน “ท่านแม่ทัพเ้าคะทำเช่นนี้ไม่ถูกต้องเ้าค่ะ”
หั่วอี้ตะลึง หันมองหลิ่วจิ้ง “เหตุใดฮูหยินจึงเอ่ยเช่นนี้มีที่ใดไม่ถูกต้องหรือ?”
หลิ่วจิ้งดึงหั่วอี้เดินไปที่เก้าอี้ นั่งลงข้างตัวเขาแล้วเอ่ยว่า“เหตุที่ฮูหยินใหญ่ทำเช่นนี้จะต้องมีสิ่งที่นางพิจารณาเอาไว้แล้วแม้จะเป็งานที่วุ่นวายสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้ลำบากยากเย็นจนเกินไปข้าเองก็จะได้อาศัยโอกาสนี้ไปดูให้ทั่วๆ ก็เป็เื่ดีนะเ้าคะ”
หลิ่วจิ้งพูดไป กลับเอ่ยต่อด้วยสีหน้าลำบากใจว่า“หากท่านแม่ทัพเป็ห่วงว่าข้าจะทำงานไม่ทันมิสู้ท่านแม่ทัพมอบหมายงานจัดซื้อให้ผู้อื่นทำ และให้ข้ารับผิดชอบส่งเทียบเชิญอย่างเดียวเป็พอเมื่อเป็ดังนี้ก็จะไม่ต้องวุ่นวายปลีกตัวไปทำเื่อื่นๆ แล้วเ้าค่ะ”
หั่วอี้เห็นหลิ่วจิ้งมีท่าทีเช่นนี้ก็รู้สึกสงสารนางขึ้นมาอีกจึงเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงละมุนว่า “ได้ ทำตามประสงค์ของฮูหยินสามีจะไปส่งเทียบเชิญกับท่านด้วย”
หลิ่วจิ้งตะลึงงันไปพักหนึ่ง นี่นับว่านางคว้าใจเขามาครองได้แล้วใช่หรือไม่
_____________________________
