หลังออกมาจากจวนของจื่อเหมย จื่อต้าหลงก็เดินทางกลับไปยังสำนัก ในระหว่างเดินกลับจวนที่พักของตัวเองก็ได้ยินศิษย์มากมาย ลือกันว่า หลิ่วสุ่ยเยว่ เซ่อเฉิงซาน ลวี่เหริน ต่างมีผู้าุโมารับเป็ศิษย์ส่วนตัวกันแล้ว ได้ยินดังนั้นจื่อต้าหลงก็คาดว่า อีกไม่นานนีี้พวกเขาคงจะได้ขึ้นเป็ศิษย์หลักอย่างแน่นอน
โดยปกติแล้ว การที่จะสามารถขึ้นเป็ศิษย์หลักได้นั้น ต้องมีลมปราณก่อเกิดขั้นปลายขึ้นไป… นั่นหมายถึงขั้นเจ็ดเป็อย่างน้อย… ขั้นหนึ่งถึงสามนั้นจะถูกเรียกว่าระดับต้น ขั้นสี่ถึงหกจะเรียกว่าระดับกลาง และขั้นเจ็ดถึงสิบจะถูกเรียกว่าระดับปลาย
เซ่อเฉิงซาน และคุณชายบัณทิตลวี่เหริน ต่่างก็สำเร็จขั้นห้าแล้วอีกไม่นานคงบรรลุขั้นหก พวกเขามีอาจารย์ส่วนตัว ทรัพยากรที่ได้รับย่อมมากขึ้น ด้วยพร์ของพวกเขาคงใช้เวลาไม่นานนัก
ส่วนหลิวสุ่ยเยว่นั้น อยู่ในขั้นที่หกแล้ว ด้วยทรัพยากรของตระกูลนางเผลอๆอาจไปถึงขั้นเจ็ดลมปราณก่อเกิดแล้วก็เป็ได้! หญิงนางนี้ช่างน่าสะพรึงกลัวเสียจริง ในระหว่างที่เด็กน้อยกำลังเดินเหม่อลอย ก็ได้มีเสียงเรียกดังขึ้นมา
“เฮ้!! เสี่ยวต้าหลง!! ยู้ฮูวว!!”
จื่อต้าหลงพลันแปลกใจ ใครมันมาเรียกเขาด้วยชื่อห้วนๆ ซี๊กันขนาดนั้นั้แ่เมื่อไหร่? เมื่อเด็กน้อยหันไปมองก็เห็นเป็หนุ่มผมเกรียนเฉิงไฉเซียว กำลังะโเรียกเขาพร้อมกับเดินเข้ามา
“พี่ไฉเซียว! ไปไงมาไงเนี่ย”
จื่อต้าหลงถามอย่างประหลาดใจ
“ฮ่าๆๆ ข้าตามหาเ้ามานานแล้วไปหาที่จวนเ้าก็ไม่อยู่ พอดีข้ากลับไปทำธุระที่บ้านนิดหน่อย ส่วนนายน้อยอย่างเ้าคงกลับไปรับรางวัลสิท่า” เฉิงไฉเซียวกล่าวกระเซ้า
“ดูจากสีหน้าท่าน คงพบเจอเื่ดีๆมาล่ะสิถึงได้ยิ้มหน้าบานเป็ฝาหม้อขนาดนี้” จื่อต้าหลงถามยิ้มๆ
“แน่นอน ไปกันเถอะ” เฉิงไฉเซียวกล่าวชักชวน
“ห้าา!! ไปไหน?” จื่อต้าหลงถามอย่างงุนงง
“ถามได้! ก็โรงเตี๊ยมยังไงเล่าไอ้หนู ไปหาอะไรกินกันมื้อนี้เดี๋ยวข้าเลี้ยงเอง เ้าไม่ต้องออกเงินแม้แต่ตำลึงเดียว” เฉิงไฉเซียวเสนอ
แน่นอนว่าของฟรีใครก็ชอบ จื่อต้าหลงจึงยินยอมติดตามไปแต่โดยดี เมื่อทั้งสองตกลงกันเรียบร้อย พวกเขาก็พากันไปที่โรงเตี๊ยมร้านเดิมที่เคยไปด้วยกันรอบแรก ในวันนี้ผู้คนมีไม่มากไม่น้อย บรรยากาศภายในร้านเหมาะแก่การนั่งทานอาหารและพูดคุยกันจริงๆ เมื่อไปถึงหนุ่มผมเกรียนก็พาเด็กน้อยขึ้นไปยังชั้นสองและเลือกที่นั่งติดระเบียงเพื่อชมบรรยากาศภายในเมืองไปด้วย
“เอาล่ะ เ้าอยากกินอะไรสั่งได้ตามใจเลย” เฉิงไฉเซียวกล่าวอย่างใจกว้าง
“ตกลง งั้นข้าไม่เกรงใจล่ะนะ”
หลังจากจื่อต้าหลงสั่งอาหารเสร็จ เฉิงไฉเซียวก็สั่งสุรามาสองป้าน เฉิงไฉเซียวบอกว่าเพื่อการสนทนาที่ลื่นไหน มันเลยต้องดื่มกันสักหน่อย ชาวยุทธทั่วไปชอบที่สุดคือการได้ร่ำสุราพร่ำเพ้อพรรณา มากินอาหารทีไรก็ต้องสั่งสุราตลอด ไม่งั้นไม่นับว่าเป็ลูกผู้ชาย จื่อต้าหลงเองก็เห็นด้วยกับความคิดนี้ เขาเองก็ชื่นชอบตอนมึนเมาเพราะในหัวมันโล่งดี
ทั้งสองกินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมกับร่ำสุราไปด้วย หลังจากที่เริ่มเมาได้ที่ทั้งสองก็พูดคุยไปถึงเื่ต่างๆนานา ทั้งเื่ในสำนักเอย เื่วิชายุทธเอย
“จริงสิ… ต้าหลงความปรารถนาของเ้าคือสิ่งใดรึ?” เฉิงไฉเซียวถาม
“ข้าน่ะหรือ? ….ข้าอยากท่องโลกหล้า ชีวิตมีอิสระเสรีภาพ ได้ไปในที่ที่ไม่เคยไป ข้าอ่านตำรามามากมายเลยรู้ว่าโลกใบนี้กว้างใหญ่กว่าที่ข้าคิดมากนัก…” จื่อต้าหลงตอบด้วยน้ำเสียงเมามาย ขณะนี้ใบหน้าของเด็กน้อยเริ่มแดงพร่า ดวงตาเริ่มหนักปรือ
“งั้นรึ ไม่เลวท่องทั่วหล้า! ข้าเองก็เช่นกัน ข้าอยากแข็งแกร่งขึ้นและปกป้องพวกพ้องของตัวเองได้” เฉิงไฉเซียวกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างจริงใจ
“งั้นท่านกับข้า ว่างๆเราต้องไปท่องยุทธภพด้วยกันสักหน่อยแล้ว” จื่อต้าหลงเอ่ยด้วยรอยยิ้มมีความสุข เพราะสุราและอาหารมื้อนี้ช่างเลิศรสนัก
“ไม่มีปัญหา ขอเพียงเ้าบอกมาว่าอยากไปที่ใด ข้าจัดให้ได้เสมอ ฮ่าๆๆ” เฉิงไฉเซียวกล่าวพร้อมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“จริงสิพี่ไฉเซียว ท่านช่วยสอนวิธีต่อสู้ให้ข้าหน่อยได้หรือไม่? ข้านั้นเกิดมายังไม่เคยประมือกับผู้ใดอย่างจริงจังสักครั้ง ตอนที่ข้าเห็นท่านช่วยเหลือแม่นางท่านนั้น ถึงกับสามารถรับศึกหนึ่งต้านสามได้ตอนนั้นท่านดูหล่อเหลาเอาการมาก ข้าเองก็อยากเท่แบบนั้นบ้าง” จื่อต้าหลงกล่าวอย่างจริงจัง
“ข้าน่ะรึเท่และหล่อเหลาเอาการ ฮ่าๆๆๆ” เฉิงไฉเซียวพอใจที่ได้ยินเช่นนั้นจากนั้นจึงกล่าวต่อว่า “ได้! ไม่มีปัญหา ข้าจะสอนวิธีต่อสู้ให้เ้าเอง… เ้านี้น้าเกิดมาจากตระกูลจื่อทั้งที แทนที่จะไปขอร้องยอดฝีมือในตระกูล เ้าดันมาขอข้าแทน” เฉิงไฉเซียวกล่าวอย่างสงสัยไม่เข้าใจ
“แต่ข้าอยากให้ท่านสอนนี่! นะนะ น้าาาา พี่ไฉเซียวคนหล่อ” จื่อต้าหลงกล่าวประจบประแจง
“บ๊ะ!! เ้าเด็กนี่ช่างรู้จักพูดความจริง ถูกใจข้านัก ได้!! มา! ดื่ม!!” เฉิงไฉเซียวกล่าวจบก็ยกจากสุราขึ้นมาซดในอึกเดียวหมดจอก
หลังจากที่ทั้งสองตกลงเื่เวลาฝึกกันเรียบร้อยก็ได้เวลากล่าวอำลาแยกย้ายกันไปพักผ่อน ดูเหมือนจื่อต้าหลง จะคอแข็งขึ้น รอบที่แล้ว เด็กน้อยคนเดียวดื่มไปเพียงหนึ่งป้าน เมาเละเทะ แต่วันนี้กลับเมาแค่กรึ่มๆกำลังได้ที่เพียงเท่านั้น
ในระหว่างเดินทางกลับที่พักเด็กน้อยก็เดินเซไปเซมา ใบหน้าอมยิ้มอารมณ์ดีมีความสุข
“ปึก!!”
เสียงกระแทกดังขึ้น ดูเหมือนเด็กน้อยจะชนคนผู้หนึ่งเข้า คนผู้นี้กำลังยืนดูร้านแผงลอยข้างทางอย่างเงียบๆ เขาหันหน้ามามองเด็กน้อยด้วยสายตาเอาเื่
สุ้มเสียงเ็าของชายหนุ่มผู้นั้นดังขึ้นมา “เป็เ้าเองรึนายน้อยตระกูลจื่อ…”
