“มารดามันเถอะ! ครั้งที่แล้วตอนอยู่ตระกูลเยว่ข้าน่าจะจัดการกับมันซะ!” เย่ชิงหานใบหน้าเย็นะเืพูดออกมาอย่างเ็า ใช้สมองครุ่นคิดเื่ราวต่างๆ อยู่ชั่วครู่จึงได้เข้าใจความเป็มาของเื่ราวทั้งหมด
คำถามที่เป็ปริศนาคาใจของทุกคนมาตลอดหลายวันได้ถูกแมลงที่เสี่ยวเฮยจับออกมาคลี่คลายจนกระจ่างอย่างหมดสิ้น มิน่าทำไมเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนถึงได้วางแผนโอบล้อมสังหารพวกเขาได้อย่างแม่นยำและรัดกุมถึงเพียงนี้ มิน่าทำไมเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนถึงได้รู้ความเคลื่อนไหวของพวกเขาราวกับตาเห็น ทั้งหมดทั้งมวลล้วนมาจากแมลงอำพรางที่เสว่อู๋เหินปล่อยไว้บนตัวเขานี่เอง
หลายวันก่อนที่ถูกตามไล่ล่าพวกเขาก็เริ่มสงสัยแล้วว่าเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนค้นพบเคล็ดวิชาที่สุดยอดอยู่เหนือกฎเกณฑ์์อะไรสักอย่างที่สามารถติดตามแกะรอยศัตรูได้ราวกับตาเห็นหรือไม่? แต่ใครจะไปคาดคิดเล่าว่าคนของเขตปกครองเทพาด้วยกัน เสว่อู๋เหินนายน้อยใหญ่ว่าที่หัวหน้าตระกูลเสว่รุ่นต่อไปที่เป็หนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ จะสมคบคิดกับเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนเพื่อมาสังหารพวกเขาให้ตายทั้งหมด
“เดี๋ยวก่อน!” เย่สือซานครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะพูดขึ้นมา “เสว่อู๋เหินไม่มีอำนาจพอที่จะพูดบอกให้เยาขาข่าและหมันก้านกระทำการได้ถึงเพียงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาไม่ได้มีความแค้นโดยตรงอะไรกับเฟิงจื่อ ฮวาเฉ่า และเยว่ชิงเฉิง อีกอย่าง การที่เผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนไล่ล่าสังหารพวกเราสุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิทั้งสี่ตระกูล นอกจากจะทำให้ทั้งสี่ตระกูลใหญ่โกรธแค้นแล้ว พวกเขาไม่เห็นจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาสักนิด จุดที่น่าสงสัยในเื่นี้มีมากมายเกินไป... เสว่อู๋เหินยังตายไม่ได้ เื่ราวในครั้งนี้จะต้องมีแผนการร้ายอะไรบางอย่างซุกซ่อนอยู่อย่างแน่นอน! พวกเ้าอดทนเอาไว้ก่อน ถึงอย่างไรพวกเราก็มีหลักฐานอยู่ในมือแล้ว สามารถที่จะกำจัดเสว่อู๋เหินได้ทุกเมื่อที่้า เื่นี้ข้าคิดว่ามีอะไรซับซ้อนกว่าที่คิด ต้องรอให้งานประลองาระหว่างเขตปกครองครั้งนี้จบลงเสียก่อน ให้พวกท่านหัวหน้าตระกูลทำการตรวจสอบเื่ราวดูให้แน่ชัด ถ้าหากเื่นี้ตระกูลเสว่ก็มีส่วนด้วยละก็ กลัวว่าห้าตระกูลจะลดเหลือเพียงแค่สี่ตระกูลเป็แน่แท้!”
“กร๊อบๆ”
เย่ชิงหานพยักหน้าเห็นด้วย สีหน้าดำคล้ำแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา กำหมัดแน่นจนข้อต่อนิ้วมือลั่นเสียงดังกร๊อบๆ ออกมา
เย่สือซานหัวเราะแหะๆ มุมปากแสยะยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นต่อ “ให้พวกแมลงเหล่านี้มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสักหลายวันหน่อย...เสว่อู๋เหิน เ้าไม่รอดแน่!”
.................................
ภายนอกหุบเขาัดำ เยาขาข่ามองดูหุบเขาที่คุ้นตาเบื้องหน้า ฟังเสียงร้องคำรามที่ดังก้องกังวานของั อารมณ์รู้สึกซับซ้อนขึ้นมา
หนึ่งเดือนก่อนตนเองนำคนออกติดตามไล่สังหารกองกำลังหน่วยหนึ่งของเขตปกครองเทพาจนมาถึงที่แห่งนี้ ในตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากพุ่งตามเข้าไปภายในหุบเขาในทันที หมายมั่นที่จะสังหารกองกำลังของเผ่ามนุษย์ที่บังอาจแย่งสมบัติล้ำค่าของตนเองไป แต่เมื่อเข้าไปถึงภายในหุบเขา เงาร่างของกองกำลังเผ่ามนุษย์แม้เพียงสักเงาก็ไม่พบเจอ แต่ที่พบเจอกลับมีเพียงัดำตัวใหญ่ั์ที่พุ่งตรงเข้ามาหาด้วยความโกรธแค้นเดือดดาล
โชคดีที่ครั้งที่แล้วยังไม่ได้เข้าไปลึกนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองกำลังที่นำมาด้วยล้วนจงรักภักดี ด้วยการเสียสละเอาชีวิตเข้าแลกของเหล่าผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาจึงทำให้เอาชีวิตรอดออกมาได้ แม้ไม่เข้าใจว่าทำไมกองกำลังนั้นอยู่ดีๆ ไม่รู้เป็บ้าอะไรถึงได้ะโเข้าไปช่วยสุดยอดกองกำลังของทั้งสี่ตระกูลจนตนเองถูกฆ่าตายทั้งหมด แต่ก็ทำให้เขาได้ระบายความคับแค้นใจออกมาได้ส่วนหนึ่ง แต่สำหรับหุบเขาัดำแล้วเขายังคงรู้สึกหวาดผวาอยู่ภายในใจตลอด
เขากลับมายังที่แห่งนี้อีกครั้ง มาเพื่อสังหารเด็กหนุ่มคนหนึ่งของเขตปกครองเทพาที่ชื่อเย่ชิงหาน เขากำลังอยู่ในอารมณ์นึกคิดที่ยโสโอหังนึกพรรณนาตนเองในใจว่า ข้าเยาขาข่าบุกกลับมาอีกครั้งแล้ว! เพียงแต่มองเห็นหมันก้านที่อยู่ข้างๆ เริ่มเรียกรวมพลกองกำลังเตรียมตัวที่จะเดินทัพเข้าหุบเขาไป เขาจึงรีบหยุดอารมณ์ความคิดนั้นแล้วโบกมือส่งสัญญาณให้กองกำลังเดินทางเข้าหุบเขาไปเพื่อเริ่มปฏิบัติการสังหารั
จุดสีแดงที่อยู่บนลูกแก้วผลึกโปร่งใสแสดงให้เห็นอยู่ตลอดว่าเย่ชิงหานยังอยู่ภายในหุบเขา เพียงแต่ไม่รู้อย่างแน่ชัดเท่านั้นเองว่าหลบซ่อนตัวอยู่ตำแหน่งใดภายในหุบเขา! ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็จะต้องสังหารัดำตัวนี้เสียก่อน จากนั้นค่อยๆ พลิกแผ่นดินภายในหุบเขาหาเ้าเด็กน่ารังเกียจคนนั้นให้พบ แล้วค่อยๆ ฉีกร่างมันออกเป็ชิ้นๆ
กองทัพทั้งสองนักรบจำนวนสองพันกว่าคนเดินเบียดเสียดยัดเยียดกันเข้าไปภายหุบเขา หุบเขายังคงเขียวขจีน้ำสวยใส เสียงร้องคำรามของัลอยมาอย่างต่อเนื่อง เสียงดังจนแทบจะหูหนวก เยาขาข่ารู้สึกตื่นเต้นใจดีเล็กน้อย สะบัดเส้นผมสีทองไปมา โบกมือขึ้นอีกครั้งหนึ่งเพื่อส่งสัญญาณให้กองกำลังของตนเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีก
หุบเขาไม่กว้างใหญ่เท่าใดนัก มีสระน้ำ มีต้นไม้ มีูเา ทัศนียภาพยังคงงดงามดังเช่นครั้งแรกที่เข้ามา เยาขาข่าและหมันก้านยืนอยู่ที่บริเวณปากทางเข้าหุบเขาโดยไม่ได้เข้าไปภายในส่วนลึกแต่อย่างใด พวกเขาทำเพียงส่งกองกำลังของตนเองเพียงครึ่งหนึ่งเป็กองหน้าเข้าไปก่อน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งยืนมองดูสถานการณ์อยู่ด้านหลัง
คำกล่าวที่ว่า อูฐผอมใกล้ตายยิ่งอันตรายกว่าม้าศึก ยิ่งตอนนี้ัดำกำลังออกไข่อยู่ หากยังไม่ได้ตรวจสอบสถานการณ์ให้ชัดเจนอย่างที่สุดละก็แน่นอนว่าพวกเขาไม่บุ่มบ่ามบุกเข้าไปโดยเด็ดขาด แม้เมื่อวานจะส่งหน่วยสอดแนมเข้ามาสำรวจสถานการณ์และเห็นถึงความผิดปกติของเ้าัแล้วก็ตามที แต่เพื่อความปลอดภัยที่ต้องมาก่อนเป็อันดับแรกจึงไม่ควรเดินดุ่มๆ เข้าไปภายในรังัอย่างคนโง่น่าจะดีที่สุด
กองกำลังของเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนเดินเลียบไปตามทะเลสาบด้านซ้ายของหุบเขา หลังจากที่ทะลุผ่านป่าไม้หนาทึบที่เขียวขจีไป ภายใต้การนำของหน่วยสอดแนมพวกเขาเดินมุ่งหน้าตรงไปยังถ้ำที่เ้าัใหญ่นอนหมอบอยู่ เยาขาข่าและหมันก้านเดินไปมาด้วยอาการตื่นเต้น สองตาเปล่งประกายแสงแหลมคมจับจ้องไปยังป่าแห่งนั้น เงี่ยหูขึ้นเพื่อสดับฟังเสียงต่างๆ ที่เกิดขึ้น
“โฮก!”
เสียงร้องคำรามของัดังขึ้นมาอีกครั้ง เยาขาข่าและหมันก้านแสดงความยินดีออกมาพร้อมกัน พวกเขาฟังออกถึงความเดือดดาลและความอ่อนแอที่แฝงมากับเสียงร้องคำรามนั้น รวมไปถึงเสียงการต่อสู้ที่ดังลอยมา เยาขาข่าและหมันก้านมองตากันครั้งหนึ่ง โบกมือขึ้นเตรียมที่จะออกคำสั่งให้กองกำลังทั้งหมดที่เหลือบุกเข้าไปโจมตีสังหารัตัวนั้นพร้อมกันทีเดียว
“โฮก!”
เพียงแต่...ยังไม่ทันที่มือของพวกเขาทั้งสองจะสะบัดลง หุบเขาทางด้านซ้ายพลันปรากฏเสียงร้องคำรามของัที่ดังกังวานยิ่งกว่าและโกรธแค้นเดือดดาลยิ่งกว่าลอยมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สำคัญ...เสียงร้องคำรามของัที่ดังขึ้นมาครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนโดยสิ้นเชิง เยาขาข่าและหมันก้านต่างส่งสัญญาณให้กองกำลังทั้งหมดหยุดการเคลื่อนตัวออกไปข้างหน้าในทันที จากนั้นสาดสายตามองไปยังป่าไม้ที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความงุนงงสงสัยว่าเกิดเื่อะไรขึ้น?
ต่อมาเพียงชั่วครู่ สายตาที่งุนงงสงสัยของพวกเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็หวาดกลัวขึ้นมาแทน ใบหน้าจากเดิมที่แดงขึ้นมานิดๆ เพราะความตื่นเต้นดีใจ ในตอนนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็สิ้นหวังราวกับคนใกล้ตาย
พวกเขามองเห็นัดำตัวใหญ่ั์ลำตัวยาวสิบกว่าเมตรตัวหนึ่งลอยขึ้นมากลางอากาศ เกล็ดสีดำมันวาวสะท้อนรับกับแสงแดดแผ่พุ่งรังสีแห่งความตายเย็นเฉียบออกมา ดวงตาที่เย็นะเืทั้งคู่ของมันเต็มไปด้วยความโกรธเดือดดาล
“โฮก!”
มันร้องคำรามอย่างเดือดดาลบ้าคลั่งออกมาอีกครั้ง อ้าปากที่โหดร้ายป่าเถื่อนของมันขึ้น จากนั้นพ่นไฟพลังัสีดำทะมึนออกมาสายหนึ่ง ในขณะเดียวกันหางที่ยาวและอวบใหญ่สะบัดจากกลางอากาศลงมายังเบื้องล่างอย่างรวดเร็วและรุนแรงราวกับแสงอสุนีบาตสีดำที่ผ่าลงมา
หางัที่ใหญ่โตกระทบเข้ากับพื้นเบื้องล่างบังเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวราวกับสายอสุนีบาตฟาดลงมา พื้นแผ่นดินทั่วทั้งหุบเขาสั่นะเืเลื่อนลั่น จากนั้นกองกำลังนักรบเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างพากันหนีตายพุ่งทะยานออกมาจากป่า บนใบหน้าล้วนปรากฏความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง
“มารดามันเถอะ! รีบหนีเร็ว!”
เยาขาข่า หมันก้าน และผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตราชันย์ปีศาจและราชันย์คนเถื่อนที่อยู่ข้างกายของทั้งสอง ในตอนที่ัดำลอยขึ้นมาบนอากาศพวกเขาทั้งหมดต่างตกตะลึงยืนนิ่งอยู่กับที่ มองดูลำตัวขนาดใหญ่โตที่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า ััได้ถึงพลังกดดันที่ดุร้ายป่าเถื่อนที่แผ่พุ่งออกมา ลมหายใจของพวกเขาเริ่มจะขาด่ติดๆ ขัดๆ จนเมื่อไฟพลังัที่ราวกับเปลวไฟถูกพ่นออกมา ไอพลังความแสบร้อนที่พุ่งมาปะทะเข้ากับใบหน้าของพวกเขาทำให้ได้สติกลับคืนมา สิ่งแรกที่คิดได้คือข่าวสารที่ได้รับมานั้นผิดพลาด...หนี!
เ้าัตัวนี้ลักษณะแข็งแกร่งทรงพลังและดุร้ายป่าเถื่อน มีลักษณะเหมือนัที่กำลังอยู่ใน่ออกไข่ที่ไหนกัน? คิดไปถึงเสียงร้องที่ดังขึ้นแตกต่างกันอย่างชัดเจนเมื่อสักครู่ ภายในใจของพวกเขารู้สึกอยากที่จะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้! หุบเขาัดำทำไมถึงได้มีัดำถึงสองตัว? หน่วยสอดแนมที่ส่งเข้าไปสำรวจดูเมื่อวานทำงานกันอย่างไร? แล้วข่าวสารของไอ้พวกโง่เง่าเต่าตุ่นจากนครแห่งเทพมันรวบรวมมาแบบไหนกัน?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้