บทที่ 70 เข้าใจผิด
อาทิตย์อัสดงค้อมกายตกลงทางทิศตะวันตก จันทร์เพ็ญลอยเด่นอยู่กลางนภา หมู่บ้านหงอู้ที่มีชีวิตชีวาตกอยู่ในความเงียบงัน
เมื่อเวลากลางคืนมาถึง ทุกคนในกลุ่มัเหล็กก็เช่าโรงเตี๊ยมเรียบง่ายพักผ่อนร่างกาย แต่จำนวนห้องกลับไม่เพียงพอ ดังนั้นสมาชิกบางคนจึงต้องนอนกันที่ห้องโถงทางเข้า
ทว่าทุกคนกลับให้การดูแลฉู่อวิ๋นและมู่หรงซินที่เพิ่งเข้าร่วมใหม่เป็อย่างดี โดยจองห้องสำหรับทั้งคู่ให้เป็พิเศษ ระหว่างที่นำทางไป สายตาแซวล้อขี้เล่นพร้อมรอยยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยก็ถูกส่งมาตลอดทาง
“ฮิฮิ จอมยุทธ์ฉู่ เสี่ยวซิน นี่คือห้องของพวกเ้า” คนที่นำทางคือเมิ่งซานผู้อวดโอ้ทักษะการยิงธนูที่ยอดเยี่ยมของเขา เขาชี้ไปยังห้องที่สะอาดและเป็ระเบียบพลางมองไปที่ฉู่อวิ๋นด้วยแววตาเยิ้ม
ใช่แล้ว มีเพียงห้องเดียวเท่านั้น
“นี่! เข้าใจอะไรกันผิดหรือเปล่า? เ้า...เ้าให้คุณหนูเช่นข้าอยู่ห้องเดียวกันกับ...อะแฮ่ม ฉู่อวิ๋นหรือ?” มู่หรงซินเข้าไปในห้อง นางไม่พอใจเล็กน้อย จึงเอ่ยปากถาม
นางเป็หญิงสาว แม้ว่านางกับฉู่อวิ๋นจะผ่านเื่วุ่นวายมากมายมาด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะนอนร่วมเตียงกับเขาได้เรื่อยเปื่อย
แม้ว่านางจะรู้อยู่แก่ใจดีว่าฉู่อวิ๋นเ้าทึ่มทื่อผู้นี้จะไม่ทำอะไรเลยก็ตาม
“โอ๊ะ เสี่ยวซิน เ้าและจอมยุทธ์ฉู่กำลังมีความรักกัน ผ่านความยากลำบากทั้งหมดเพื่อหนีตามกันมาที่นี่ นี่ไม่ใช่ว่าจัดเตรียมไว้ให้พวกเ้าหรืออย่างไร?” เมิ่งซานเกาหัวแกรกๆ ส่งยิ้มอย่างสดใส แต่แอบใช้ศอกกระทุ้งฉู่อวิ๋น
ความหมายคือ “เ้าเด็กน้อย อย่าตำหนิว่าข้าไม่ให้โอกาสเ้าเลย คืนนี้ก็อย่าลืมตื่นตัวให้มากเข้าเล่า”
ฉู่อวิ๋นมีสีหน้างุนงง แต่เขาไม่เคยปฏิเสธความสัมพันธ์ของเขากับมู่หรงซินต่อหน้าทุกคนมาก่อน ดังนั้นตอนนี้เขาจึงทำได้เพียงนิ่งเงียบและเลิกคิ้ว
“เอาล่ะ จอมยุทธ์ฉู่ คืนนี้อย่าส่งเสียงดังมาก ยังมีพี่น้องอีกหลายคนที่พักอยู่ใกล้ๆ”
“อืม... พรุ่งนี้พวกเราค่อยมาถามเ้าใหม่ อืม... เื่นั้นเื่นี้... เอ๊ะ? อย่าผลักข้าสิ! ได้ ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะ ไม่คิดว่าเ้าจะใจร้อนขนาดนี้นะท่านจอมยุทธ์น้อย...”
“ปัง--”
ตามมาด้วยเสียงปิดประตู ในที่สุดฉู่อวิ๋นก็ส่งเมิ่งซานที่พูดจาพล่อยๆ ออกไปได้แล้ว เมื่อหันกลับมาก็เห็นดวงตาระแวดระวังของมู่หรงซินที่จ้องมองมา
“คืนนี้ ถ้าเ้าทำอะไรลามกกับข้า ข้าจะปักลูกศรไว้บนอกเ้า!” พูดจบมู่หรงซินก็ดึงคันธนูตามจันทร์ออกมาจากด้านหลัง และกระแทกมันลงบนโต๊ะด้วยเสียงอันดัง ทำให้ฉู่อวิ๋นสะดุ้ง
“อะแฮ่ม... ข้าไม่ใช่คนแบบนั้น ซินเอ๋อร์ เ้ายังไม่เชื่อข้าอีกหรือ?” ฉู่อวิ๋นพูดไม่ออก ดูเหมือนว่ามู่หรงซินจะมองว่าเขาเป็ผีหิวโหยไปแล้ว
“ถึงให้เ้าก็ไม่กล้า เ้าผีขี้ขลาด! ฮึ่ม!”
ทันทีที่พูดจบ มู่หรงซินก็หัวเราะเบาๆ แล้วล้มนอนบนเตียงที่เรียบง่าย
“นี่ เ้าก้อนเมฆลามก เ้าก็พักผ่อนหน่อยไม่ดีหรือ? อย่างไรเสียก็ยังมีเวลาอีกสองวันก่อนจะเข้าป่าสีเื” มู่หรงซินอ้าปากหาวอยู่บนเตียง ท่าทางของนางี้เีจนไม่อยากแม้จะขยับตัว
เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของฉู่อวิ๋นก็หรี่ลงเล็กน้อย เสียงของเขาทุ้มต่ำลง “นั่นสินะ... เราต้องรออีกสองวัน... เฮ้อ ตอนนี้ข้าเข้าร่วมกลุ่มัเหล็กแล้ว การที่ต้องมารอทุกอย่างเช่นนี้ ไม่คุ้นเคยเลยจริงๆ”
ก่อนหน้านี้ ซ่งอี้บอกกับฉู่อวิ๋นว่ากลุ่มัเหล็กได้รับการว่าจ้างจากพ่อค้าผู้มั่งคั่งที่ชื่อเจี่ยเหลียง ให้ขนส่งสินค้าล้ำค่าผ่านป่าสีเื ในขณะเดียวกันก็ต้องปกป้องความปลอดภัยของเจี่ยเหลียงด้วย
แต่เจี่ยเหลียงตัดสินใจออกเดินทางในวันมะรืน ดังนั้นกลุ่มัเหล็กจึงต้องรออยู่ที่นี่และไปรับสมัครสมาชิกคนอื่นเพิ่มที่ลานจัตุรัสไปก่อน
แน่นอนว่าฉู่อวิ๋นเร่งรีบที่จะไปช่วยพี่สาว เขาอยากจะออกเดินทางทันที แต่ตอนนี้เขากลับทำได้เพียงรออย่างเงียบๆ เท่านั้น
เมื่อเห็นท่าทางเป็กังวลของฉู่อวิ๋น มู่หรงซินก็ถอนหายใจ หยัดนั่งตัวตรงและปลอบโยน “อย่ากังวลไปเลย ยังมีเวลาอีกกว่าครึ่งเดือนก่อนที่พี่สาวของเ้าจะแต่งงาน นางจะไม่เป็ไร”
“นี่ก็ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว! ข้ากลัวว่าพี่ซินเหยาจะคิดไม่ตก แล้วจะ...ทำอะไรโง่ๆ” ฉู่อวิ๋นตบโต๊ะและขมวดคิ้ว พอเริ่มคิดเื่นี้เขาก็เริ่มกังวลขึ้นมาเรื่อยๆ
ตอนนี้ ฉู่ซินเหยาถูกจองจำอยู่ที่เมืองชุยเสวี่ย ไร้ซึ่งข่าวคราวผ่านหู ฉู่อวิ๋นกลัวว่านางจะฆ่าตัวตายเพราะไร้หวังจะหลบหนี
ท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่าฉู่ซินเหยาจะมีนิสัยอ่อนโยนและโอนอ่อน แต่นางก็มีจิตใจที่เข้มแข็ง เกรงว่าแม้ว่าจะต้องตายนางก็จะไม่ยอมผูกมัดตัวเองให้แต่งงานกับคนแปลกหน้า
“เ้าใจเย็นๆ หน่อย!” มู่หรงซินดึงฉู่อวิ๋นมานั่งบนเก้าอี้ ขอให้เขานั่งลงและวิเคราะห์ให้ฟัง “ฟังนะ พี่สาวของเ้าจะปลอดภัยไปจนกว่าวันที่นางจะแต่งงาน หยุดทำหน้าเศร้าได้แล้ว!”
“ทำไม?” ฉู่อวิ๋นงุนงง
ไม่ว่าในเวลาปกติเขาจะสงบแค่ไหน ในเวลาต่อสู้เขาจะเด็ดขาดเพียงใด หรือแม้กระทั่งตอนที่ศัตรูได้เปรียบ หยาดเืสาดกระเซ็นไปทั่วทุกทิศทาง เขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า
แต่ตราบใดที่เป็เื่ของฉู่ซินเหยา เขาจะสับสน ร้อนรนจนลนลาน
“เ้าลองคิดดูสิ ฉู่เจิ้นหนานถือว่าพี่สาวเ้าเป็เครื่องมือในการแต่งงาน ดังนั้นเขาย่อมจะต้องปกป้องนางจากอันตรายก่อนที่จะแต่งงานแน่”
“สุดท้าย ต่อให้มีคนวางแผนชั่วแล้วทำได้สำเร็จ แต่ก็ต้องไปขัดขากับคู่ดูตัวคนอื่นเช่นกัน จากนั้นก็จะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ อาจถึงขั้นลงไม้ลงมือฆ่ากัน”
“ฉู่เจิ้นหนานจะส่งคนมาปกป้องพี่สาวเ้าแน่นอน แค่จะฆ่าตัวตายนางยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ”
มู่หรงซินอธิบายอย่างช้าๆ ทำให้ใบหน้าของฉู่อวิ๋นดูดีขึ้นเล็กน้อย เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างเงียบๆ
“อีกอย่าง เพราะพี่สาวเ้ารัก... อึก เอ็นดูเ้ามาก นางจะต้องเฝ้ารอพบเ้าอีกครั้งอย่างแน่นอน”
หลังจากพูดจบ มู่หรงซินก็ถอนหายใจเบาๆ ลังเลที่จะพูดต่อ ในใจคิดว่ามันคงจะดีไม่น้อยหากฉู่อวิ๋นสามารถรักนางได้มากขนาดนี้ในสักวันหนึ่ง
แต่เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ นางก็สะบัดหน้าแรง นางน้อยใจอยู่หรือกระไร?
“สรุปสั้นๆ ก็ เป็ เช่น นี้!” มู่หรงซินมีความรู้สึกผสมปนเปอยู่ในใจ นางพูดย้ำทีละคำ แต่นิ้วก็ยุ่งอยู่กับการหยิกแขนของฉู่อวิ๋น
แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่มีประโยชน์ ความแข็งแกร่งของฉู่อวิ๋นในตอนนี้เทียบได้กับนักรบระดับแปดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณแล้ว
หลังจากฟังคำพูดของมู่หรงซิน ใบหน้าของฉู่อวิ๋นก็ดีขึ้นมาก เขายิ้มแล้วพูดว่า “หยุดหยิกข้าได้แล้ว ข้ารู้ว่าซินเอ๋อร์กำลังปลอบข้า แต่ตอนนี้ข้าไม่ได้เ็ปมากนักแล้ว..."
“แต่หลังจากสิ่งที่เ้าพูดเมื่อกี้ ข้าก็ไม่กังวลเื่ความปลอดภัยของพี่ซินเหยาอีก ขอบคุณเ้า แต่วันแต่งงานกำลังจะมาถึง ข้ายังคงไม่อาจวางใจได้”
ฉู่อวิ๋นยิ้มและเหยียดสองนิ้วออก ดึงมือหยกของมู่หรงซินออกจากแขนของเขา จากนั้นเขาก็ยืนขึ้น อุ้มนางขึ้นมาอย่างง่ายดาย และเดินช้าๆ ไปที่เตียง
“นี่! เ้า... เ้า เ้า... เ้าจะทำอะไร?!” ใบหน้าของมู่หรงซินเปลี่ยนเป็สีแดงทันทีหลังจากถูกฉู่อวิ๋นโอบอุ้ม นางยกมือทั้งสองข้างทุบหน้าอกของเขา พยายามต่อสู้อย่างแข็งขัน
แต่ความแข็งแกร่งของฉู่อวิ๋นต่างจากนางมาก ดังนั้นการพยายามครั้งนี้จึงไร้ผล
หัวใจของมู่หรงซินเต้นแรง นางไม่รู้ว่าฉู่อวิ๋นกำลังจะทำสิ่งใด เสียงของนางอึกอักพูดไม่ออก นางพูดเบาๆ “ข้าอุตส่าห์มีเจตนาดีปลอบใจเ้า แต่เ้า... เ้ากลับตอบแทนผู้อื่นเช่นนี้หรือ?”
ทันทีนั้น นางก็จำสิ่งที่เมิ่งซานพูดเมื่อครู่ได้ จึงเริ่มสับสนขึ้นมา
ในขณะที่ในหัวของมู่หรงซินตีตลบกันอย่างดุเดือด ฉู่อวิ๋นก็วางนางลงบนเตียงอย่างอ่อนโยน ทำให้นางทั้งอายทั้งโกรธ แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความสุขอันบางเบาอีกด้วย
“เ้า…” มู่หรงซินทำหน้ามุ่ย ใบหน้าเต็มไปด้วยความเขินอาย
ฉู่อวิ๋นยิ้มอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็ปลดฝักกระบี่ออกและวางลงบนโต๊ะอย่างเบามือ
มู่หรงซินที่อยู่บนเตียงหลับตาลง
ในสมองของนางมีภาพการต่อต้านและปฏิเสธอย่างรุนแรง ทว่าทางอารมณ์ นางกลับปล่อยตนล่องลอยโดยไม่คิดห้าม ความจริงแล้ว นางได้ปลูกฝังเมล็ดพันธ์แห่งความรักของฉู่อวิ๋นไว้ในใจตนมานานแล้ว
จิตใจของมู่หรงซินเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ในขณะที่คิดสะเปะสะปะ นางหลับตารออยู่นานก็ยังไม่ได้กลิ่นลมหายใจของชายชาตรีตามที่ตนคาดหวัง
“หืม?” มู่หรงซินลืมตาข้างหนึ่งขึ้นอย่างสงสัย และแอบหันไปมอง แต่ก็เห็นฉู่อวิ๋นหันกลับไป ดูคล้ายว่าเขาเตรียมตัวจะออกจากห้อง
“นี่! เ้าจะไปไหน?!” ไม่รู้ด้วยเหตุใด มู่หรงซินรู้สึกโกรธอย่างบอกไม่ถูก
“ซินเอ๋อร์ เ้าพักผ่อนให้ดีเถอะ ข้าจะไปฝึกซ้อม” ฉู่อวิ๋นพูดด้วยเสียงแ่เบา
ในเวลานี้ มู่หรงซินเลิกคิ้ว ท่าทางดูโกรธจัด และะโว่า "เ้า... เ้าเป็คนชั่วช้า น่ารังเกียจ เสเพล ฉลาดแกมโกง เ้าเล่ห์เพทุบาย!"
มู่หรงซินเข้าใจฉู่อวิ๋นผิดไป ที่แท้เขาแค่อยากให้นางพักผ่อน
นี่ทำให้มู่หรงซินอับอายมาก นางหยิบธนูตามจันทร์ขึ้นมาจากโต๊ะ ง้างคันธนูขึ้นแล้วยิงออกไปทางฉู่อวิ๋นอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“ตึง!”
เสียงลูกศรพุ่งไปในอากาศพร้อมด้วยพลังอันน่าอัศจรรย์
ฉู่อวิ๋นสะดุ้งและรีบออกจากห้องทันที เขาก้มหัวหลบและมองดูลูกศรที่ทะลุประตู น่าใมาก
หลังจากนั้น เขาก็ทิ้งมู่หรงซินที่ใบหน้าโกรธเกรี้ยวอยู่ในห้อง และะโเข้าไปในลานบ้าน เตรียมฝึกก้าวเงาบินและฝ่ามือัพเนจร
“ข้าอุตส่าห์อุ้มนางไปที่เตียงเบาๆ ให้นางพักผ่อน แต่นางกลับยกธนูมายิงข้าเสียได้! ผู้หญิงนี่เข้าใจยากจริงๆ!” ฉู่อวิ๋นหยิบคัมภีร์ก้าวเงาบินออกมาจากวงแหวนอวกาศ ความหวาดกลัวและเครื่องหมายคำถามยังคงประดับอยู่บนหน้าของเขา
ในเวลาเดียวกัน นักรบัเหล็กในห้องใกล้เคียงก็อุทานและกระซิบขึ้นมา
“ว้าว! น้องอวิ๋นร้ายกาจมาก! กระทั่งประตูของคนอื่นก็กล้าพัง!”
“ฮัดชิ่ว!”
“อา ที่นี่ตอนกลางคืนหนาวจังเลย”
ฉู่อวิ๋นจามและสั่นไปทั้งตัว เขารู้สึกราวกับว่ามีคนนินทาเขาลับหลัง จากนั้นก็รวบรวมพลังปราณ อบอุ่นร่างกาย และเริ่มจดจ่ออยู่กับการนั่งสมาธิเพื่อศึกษา “ก้าวเงาบิน” และ “ฝ่ามือัพเนจร”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้