เซี่ยผิงฮุยเป็ลมล้มพับไปยิ่งทำให้กลุ่มคนสับสนกันมากขึ้น
เมื่อเห็นอย่างนั้น เย่เฟิงก็รีบจูงมือเล็กของซูเมิ่งหานเดินออกมา เตาปาที่รออยู่ร้องทักพวกเขา จากนั้นทั้งสามคนก็รีบขึ้นรถและจากไปอย่างรวดเร็ว
หลินซือฉิงและเซียวฉี่รีบตามพวกเขาไป ทว่าทันเห็นเพียงท้ายรถ BMW สีเงินขับออกไปจากศาล จึงได้แต่กระทืบเท้าด้วยความขัดใจ
“ฉันต้องตรวจสอบเื่ของเย่เฟิงให้ละเอียดว่าความจริงแล้วมันเป็ยังไงกันแน่” หลินซือฉิงพูดอย่างโมโห เด็กนั่นไม่ไว้หน้าเธอเลยสักนิด ถ้าอย่างนั้นก็อย่ามาโทษว่าเธอไม่เกรงใจแล้วกัน!
“ฉันไปด้วย” เซียวฉี่พูดอย่างกระวนกระวาย เธอเฝ้าคิดถึงชายสวมหน้ากากอยู่ตลอด เบาะแสเดียวที่จะทำให้เธอรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนมีเพียงเย่เฟิงคนเดียวเท่านั้น ทำให้เธอกังวล
หลินซือฉิงมองเพื่อนสาวผู้น่ารักของเธอ จากนั้นส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
…………
เมื่อกลับถึงบ้านพักและกินมื้อกลางวันเรียบร้อยแล้ว ซูเมิ่งหานก็รีบเสนอตัวช่วยนวดไหล่ให้เย่เวิ่นเทียน ชายชราคิดว่าหลานสะใภ้คนนี้เป็คนรู้ความจึงตอบรับด้วยความยินดี!
มือเล็กของซูเมิ่งหานนวดให้เย่เวิ่นเทียนตามวิธีที่เย่เฟิงสอน คนสูงวัยผ่อนคลายจากการนวดจนผล็อยหลับไป หัวซบกับโซฟาพลางกรนออกมา
เย่เฟิงที่แอบมองอยู่้าอมยิ้มออกมา ในที่สุดก็สำเร็จตามแผน!
เขาใช้ทักษะล่องหนหายออกไปจากบ้านพัก และปรากฏตัวที่อาคารสำนักงานฝั่งตรงข้ามหมู่บ้านชิงเฟิง เตาปาจอดรถ BMW สีเงินรออยู่นานแล้ว เมื่อเย่เฟิงมาถึง พวกเขาก็ออกเดินทางทันที!
เส้นทางของพวกเขาคือมุ่งหน้าออกจากเมืองเยี่ยนจิงตรงไปเมืองเซี่ยงไฮ้ จากนั้นเปลี่ยนทิศไปเมืองชายฝั่งทะเล ตามข่าวลือที่ได้รับ ตอนนี้คนในยุทธจักรต่างไปรวมตัวกันที่เมืองชายฝั่งทะเล ซึ่งเรียกว่าเมืองเซี่ยงซาน!
เพื่อความปลอดภัย เย่เฟิงย่อมไม่พาซูเมิ่งหานมาด้วย เพราะรู้ดีว่ามีผู้ฝึกวรยุทธ์มากมายอยู่ที่นั่น เมื่อไรที่ประมาทขึ้นมาอาจต้องทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นั่นด้วย!
แม้ตอนนี้ซูเมิ่งหานจะเรียนรู้ทักษะย่างก้าวไร้เงาแล้ว แต่หากไปที่แห่งนั้นและต้องเผชิญหน้ากับคนร้ายกาจอย่างคู่รักดาบ์ เธอก็คงไม่อาจรอดพ้น
รถ BMW พุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วแสง เพียงไม่นานก็พ้นเมืองเยี่ยนจิงมุ่งตรงไปทางทิศใต้
“เตาปา ่นี้การการฝึกพลังของนายเป็ยังไงบ้าง?” เย่เฟิงถามขณะอยู่บนรถ
“การฝึกเป็ไปอย่างราบรื่นครับ เมื่อวานนี้ในที่สุดผมก็สามารถบรรลุย่างก้าวเงาปีศาจได้แล้ว น่าเสียดายที่พลังลมปราณของผมยังไม่สูงมาก ทำให้ความเร็วไม่มากนัก” เตาปาขับรถพลางตอบคำถามของเย่เฟิงไปด้วย
“อืม เท่านี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว” เย่เฟิงผงกหัวด้วยความพอใจ เวลาครึ่งเดือนก็สามารถบรรลุย่างก้าวเงาปีศาจได้ จากคนธรรมดาที่ไม่เคยฝึกวรยุทธ์มาก่อนทำได้ขนาดนี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
ซูเมิ่งหานเองอาศัยเวลาเพียงครึ่งเดือนก็สามารถบรรลุย่างก้าวไร้เงาขั้นต้นได้เช่นกัน แน่นอนว่าการบรรลุย่างก้าวไร้เงาย่อมยากกว่าย่างก้าวเงาปีศาจมาก นั่นแสดงว่าพร์ของซูเมิ่งหานสูงกว่าพร์ของเตาปา
“นอกจากนี้ผมคัดเลือกคนสนิทที่ไว้ใจได้อีกแปดคนมาฝึกพลังด้วยกันครับ ทั้งหมดล้วนเชื่อถือได้ ส่วนคนอื่นๆ ผมให้พวกเขาแยกตัวออกไปแล้ว” เตาปารายงานสถานการณ์ต่อ “ตอนนี้พวกเขาเริ่มโคจรพลังกันแล้ว แต่ยังไม่มีใครทำสำเร็จเลยสักคนครับ”
“อืม ไม่ต้องรีบร้อน” เย่เฟิงครุ่นคิด “หากพวกเขายังอยู่ที่เมืองเยี่ยนจิงอาจทำให้คนอื่นสงสัยได้ เอาอย่างนี้ดีกว่า นายบอกให้พวกเขาหาที่ซ่อนตัว แล้วให้เงินพวกเขาคนละหนึ่งล้าน”
“หนึ่งล้าน? พี่เย่ เอ่อ...” เตาปาคิดหนัก ให้เงินพวกเขาทั้งแปดคน คนละหนึ่งล้าน นี่เขาไม่ต้องเสียเงินถึงแปดล้านเลยหรือ? อย่างนี้ทรัพย์สินของพวกเขาจะไม่เหลือเพียงน้อยนิดหรอกหรือ?
“ไม่เห็นเป็ไรเลย ยังไงพวกเขาก็เหมือนคนในครอบครัวไม่ใช่เหรอ? ทำอย่างนี้ พวกเขาจะได้หายห่วงด้วย” เย่เฟิงยิ้มบาง “เื่เงินไม่ต้องกังวล อีกไม่นานพวกเราก็จะมีเงินก้อนโตแล้ว”
ไข่มุกราตรีที่เก็บมาจากูเาฉางไป๋ เย่เฟิงมอบมันให้โอวบีเพื่อให้พ่อของเขาประเมินมูลค่าแล้ว ใน่วันหยุดฤดูร้อนของเมืองเยี่ยนจิงจะมีการประมูลพวกไข่มุกและอัญมณี โอวเอจึงตัดสินใจนำมันไปประมูลในงานนี้ แน่นอนว่าเขาต้องสามารถขายมันออกไปได้ในราคาสูงลิ่วแน่นอน
ไข่มุกราตรีที่เขาได้มาจากสุสานโบราณเป็ไข่มุกที่ไม่ว่ามองมุมไหนก็สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ อีกทั้งมีลวดลายัเก่าแก่เป็ของที่ควรค่าแก่การเก็บรักษาและชื่นชม นับเป็ไข่มุกชั้นยอด! มูลค่าของมันย่อมไม่ต่ำกว่าห้าถึงหกล้าน หรือหากโชคดีหน่อยก็คงสามารถขายได้ในราคาหลายสิบล้าน
“หากเป็อย่างนั้น ผมจะรีบจัดการให้ครับ” เตาปาพยักหน้า เห็นด้วยกับคำพูดของเย่เฟิง
การช่วยเหลือของเย่เฟิงทำให้เขาสามารถฝึกวรยุทธ์ได้ ชายหนุ่มช่วยเติมเต็มความปรารถนาของเขาในหลายปีมานี้ แล้วเขายังมีเหตุผลอะไรที่จะไม่เชื่อฟังอีกฝ่าย? นอกจากนี้เงินทองทรัพย์สินก็เป็เพียงของนอกกาย เขาเชื่อฝีมือของเย่เฟิงว่าย่อมมีวิธีหาเงินได้อย่างง่ายดายเป็แน่
วิธีการนวดที่เย่เฟิงสอนซูเมิ่งหานทำให้เย่เวิ่นเทียนหลับนานหลายชั่วโมง และใน่เวลานั้นหญิงสาวก็โทรหาเขาครั้งหนึ่ง น้ำเสียงของเธอฟังดูไม่พอใจนัก ทว่าเธอเองก็รู้ดีว่าเย่เฟิงจำเป็ต้องไปตามหาอาจารย์ของเขา และตนทำได้เพียงรออยู่ที่เมืองเยี่ยนจิงเท่านั้น มิฉะนั้นอาจสร้างความลำบากให้กับเย่เฟิงได้ เธอจึงรอคอยเขาอยู่ที่เมืองเยี่ยนจิงด้วยความกังวล
ยามพลบค่ำรถ BMW สีเงินแล่นผ่านเมืองต่างๆ หลายเมือง จนกระทั่งเข้าสู่เขตเมืองเซี่ยงไฮ้ ด้วยความเร่งรีบเย่เฟิงจึงไม่ได้หยุดพักในเมือง รอถึงฝั่งทะเลตะวันออกของเมืองเซี่ยงซานค่อยว่ากันอีกที ถึงอย่างไรระยะห่างระหว่างสองเมืองก็ไม่ห่างกันมากนัก
สิ่งที่เขาหวาดกลัวที่สุดคือ หลังจากเย่เวิ่นเทียนตื่นขึ้นมา อีกฝ่ายจะโมโหจนติดตามเขามาที่นี่ หากเป็เช่นนั้นคงไม่ใช่เื่ดี...
หลังจากเข้าสู่เขตเมืองเซี่ยงไฮ้ รถ BMW ก็ลงจากทางด่วนก่อนมุ่งหน้าเข้าเมือง
เย่เฟิงเพิ่งวางสายจากซูเมิ่งหานได้ไม่นาน เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อก้มมองก็พบว่าเป็เบอร์ที่ไม่รู้จัก ชายหนุ่มขมวดคิ้ว นึกสงสัยเล็กน้อย หรือจะเป็เย่เวิ่นเทียนโทรมา?
เขากดตัดสาย จากนั้นนำเบอร์แปลกไปค้นหาในอินเทอร์เน็ต ก่อนจะพบว่ามันเป็เบอร์จากฝั่งทะเลตะวันออก
“เป็ใครกัน?” เย่เฟิงใคร่ครวญ จากนั้นโทรกลับไป
“ฮัลโหล เย่เฟิง!” เสียงไพเราะสดใสราวนกขมิ้นดังจากปลายสาย เป็เสียงของหลงหว่านเอ๋อร์นั่นเอง
“ทำไมถึงเป็เธอล่ะ? ฉันใแทบแย่ ทำไมถึงไปอยู่ที่ทะเลตะวันออกได้ล่ะ?” เย่เฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็กังวลขึ้นมา ไม่ใช่ว่าหลงหว่านเอ๋อร์ถูกหลงโม่หรานกักตัวเอาไว้ที่บ้านหรอกหรือ ทำไมเธอถึงไปอยู่ที่ทะเลตะวันออกได้?
“น้าช่วยพาฉันหนีออกมาด้วยกันน่ะ... นายอยู่ที่ไหน? ฉันคิดถึง” หลงหว่านเอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน เสียงของเธอทำให้หัวใจของเย่เฟิงรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างชัดเจน
“ฉันก็คิดถึงเธอ ตอนนี้ฉันกำลังไปที่ทะเลตะวันออก รอฉันนะ” เย่เฟิงตอบกลับไป
“อื้ม ฉันอยู่ที่โรงแรมใกล้สะพานข้ามประตูทิศตะวันตกของเมืองเซี่ยงซาน นายรีบมานะ” เมื่อหลงหว่านเอ๋อร์พูดจบก็วางสายด้วยความเขินอาย
เตาปาซึ่งกำลังขับรถได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ในใจนึกชื่นชมเย่เฟิง ลูกพี่เย่สมกับเป็ลูกพี่เย่จริงๆ ไม่ว่าจะไปที่ไหนล้วนมีสาวสวยอยู่เคียงข้าง นี่ยังไปไม่ถึงเมืองเซี่ยงซานเลย สาวสวยก็เตรียมเปิดห้องรอเสียแล้ว!
ขณะคิดเื่นี้ เตาปาก็สังเกตเห็นว่าตรงทางแยกข้างหน้ามีรถสปอร์ตสีแดงคันหนึ่งขับออกมาด้วยความเร็ว จึงรีบเบรกรถกะทันหัน แต่เพราะคำสั่งของเย่เฟิงที่ให้เขาขับรถด้วยความเร็วสูง จากความเร็วของรถตอนนี้ทำให้เตาปาไม่อาจเบรกรถได้ทัน
ครืน! ครืน!
รถยนต์ทั้งสองคันหมุนพวงมาลัยพร้อมกันทำให้เฉี่ยวกันไปอย่างฉิวเฉียด แม้จะเลี่ยงการปะทะกันโดยตรงได้ ทว่าก็ยังเกิดการเฉี่ยวชนกันเกิดขึ้น กระจกมองข้างของรถสปอร์ตสีแดงถูกเฉี่ยวจนหลุดลอยไป
“หยุดรถเดี๋ยวนี้นะ!” รถสปอร์ตสีแดงหยุดรถทันที จากนั้นเสียงของสาวสวยคนหนึ่งดังขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้