บทที่ 9
คนตัวสูงที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ลานกว้างทอดสายตามองไปยังตัวอักษรสีขาวขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าร้าน พันลี้ยกยิ้มเมื่อความหมายของชื่อร้านแวบเข้ามาในหัว
Your Sky เป็ชื่อแรกและชื่อเดียวที่พี่ชายของเขาคิดได้ ก่อนที่ร้านจะเปิดอย่างเป็ทางการมีหลายชื่อที่ถูกเสนอเข้ามา ทว่าสุดท้ายเ้าของร้านเลือกที่จะใช้ชื่อนี้ เขาเคยถามถึงความหมายของมันทั้งที่คิดว่าตัวเองรู้ดีอยู่แล้ว แต่พี่ฟ้ายังคงใจดีอธิบายถึงความหมายมันให้ฟังอีกครั้ง
Your Sky มีความหมายตรงตัวตามประโยค เหตุผลที่ใช้ชื่อนี้เพราะพี่ฟ้าบอกว่าคนโดยส่วนมากจะชอบมองท้องฟ้า ไม่ว่าจะเป็ตอนที่มีความสุข มีความทุกข์ หรือเกิดเื่ใด ๆ ขึ้นก็ตาม ท้องฟ้ายังคงเป็ที่ ๆ ทุกคน้าเสมอ และท้องฟ้าผืนเดียวที่เห็นกันมาตลอดกลับทำให้เกิดความรู้สึกหลากหลายได้เมื่อมันเปลี่ยนสีไปตามกาลเวลา แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปสักแค่ไหน สุดท้ายแล้วเมื่อมองท้องฟ้าก็จะรับรู้ได้ว่ามันพร้อมจะเยียวยาและมอบความสบายใจให้เสมอ
ที่ ๆ อยู่แล้วสบายใจ
ที่ ๆ อยู่แล้วรู้สึกอบอุ่น
ที่ตรงนั้นคือ ‘ท้องฟ้าของคุณ’
เ้าของร้านอย่างหมื่นฟ้าจึงเลือกชื่อนี้เพราะอยากให้ทุกคนที่มาร้านนี้ด้วยความรู้สึกใด ๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะสุขสุด ๆ หรือเลวร้ายจนไม่อยากจะเดินต่อ ได้สบายใจในชั่วเวลาหนึ่งกับสถานที่ปลอดภัยกับหัวใจ
‘ใคร ๆ ก็อยากมีท้องฟ้าเป็ของตัวเองทั้งนั้น’
‘ท้องฟ้าเป็ของทุกคน ใคร ๆ ก็มองท้องฟ้า มันจะเป็ของคน ๆ เดียวได้ไงวะพี่ฟ้า ?’
‘บางทีท้องฟ้าก็ไม่ได้หมายถึงท้องฟ้าเสมอไป…อาจจะหมายถึงใครบางคน’
พันลี้ยิ้มบางโยนบุหรี่ลงบนพื้นก่อนจะใช้เท้าขยี้เพื่อดับไฟ ตอนนั้นเขายังไม่เข้าใจความหมายซับซ้อนที่พี่ชายสื่อ แต่ตอนนี้กลับเข้าใจได้อย่างชัดเจนและอยากตอบกลับด้วยบางประโยค ทว่าคงตอบได้เพียงแค่ในความคิดของตัวเองเท่านั้น
‘เป็หมื่นฟ้าของใคร ๆ มาตลอด เป็ท้องฟ้าให้เขาไปทั่ว…วันนี้เจอท้องฟ้าของตัวเองแล้วสินะ’
แต่การคิดไปเองคนเดียวไม่ใช่เื่ดี มันอาจจะไม่ใช่ความจริงหากยังไม่ได้รับการยืนยัน คนที่้าความจริงที่แน่นอนไม่รอช้าอีกต่อไป พันลี้เดินออกจากลานกว้างที่มีไว้สำหรับลูกค้าที่้าสูบบุหรี่มุ่งตรงไปยังดาดฟ้าข้างในร้าน
ระหว่างทางพนักงานที่จำได้ว่าเขาคือน้องชายของเ้าของร้านพากันก้มศีรษะให้ แต่เขาไม่ใช่พวกเ้ายศเ้าอย่างถึงได้ยกมือขึ้นไหว้ทุกคนที่แสดงความเคารพต่อเขา ไม่ว่าพนักงานคนนั้นจะมีอายุน้อยกว่าก็ตาม เพราะเขาไม่ถือเื่พวกนี้สักเท่าไหร่
“คุณพันลี้ครับ อยากดื่มอะไรไหมครับ? เดี๋ยวผมเอาขึ้นไปให้ครับ”
คนที่กำลังจะก้าวเท้าขึ้นบันไดชะงักฝีเท้าก่อนจะหันไปยิ้มให้ผู้จัดการคนสนิทของพี่ชาย พันลี้ส่ายหน้าเพื่อปฏิเสธอีกฝ่ายพร้อมส่งยิ้มให้อย่างเป็มิตรแล้วเดินขึ้นมาบนดาดฟ้า
ที่นี่ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ครั้งล่าสุดที่เขาเคยมานั่งเล่นเป็ตอนที่เปิดร้านใหม่ ๆ มันนานจนเขาแทบจะจำบรรยากาศโปร่งโล่งแบบนี้ไม่ได้ การมาทวนความจำครั้งนี้ทำให้รู้สึกสบายใจไม่น้อย
“เพิ่งมาถึงเหรอ?”
เสียงทุ้มต่ำที่ดังมาจากด้านหลังทำให้พันลี้ที่เดินไปตรงบริเวณราวกั้นหันกลับไปมอง พี่ชายของเขาทิ้งตัวนั่งลงตรงโซฟาหนังสีดำเป็เชิงชวนโดยไม่เอ่ยคำพูดใด ๆ
“อือ เพิ่งมาถึง”
“มีอะไรจะคุยก็ว่ามา…”
คนโดนถามเดินไปนั่งลงฝั่งตรงข้ามพี่ชายก่อนจะส่งซองบุหรี่ของตัวเองให้เพราะเห็นพี่ฟ้ายกแก้วดื่มน้ำเปล่าไปหลายรอบแล้ว ทว่าคนที่อยากบุหรี่จนเห็นได้ชัดกลับส่ายหน้าปฏิเสธและล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดูแทน
“อยากก็อย่าไปฝืน คนเราอดกันได้ง่าย ๆ ที่ไหน คนเคยสูบทุกวัน หักดิบตัวเองไปปะวะพี่ฟ้า…”
“เดี๋ยวรอจากรัก”
“…” พันลี้ส่ายหน้าเบา ๆ พลางคิดว่า…สุด ๆ ไปเลย พี่กูเนี่ย…อะไรกับเขาสุด ๆ “รอจากรักหรือรอรักจากเขา”
“กวนส้นตีน…”
คนโดนด่าหัวเราะเบา ๆ ก่อนเอ่ย “ก็จะมาคุยเื่ไอ้รักเนี่ยแหละ”
“กูจะตอบเท่าที่ตอบได้แล้วกัน อะไรที่มันส่วนตัวมาก ๆ และมึงยังไม่ควรรู้ก็ยังไม่ตอบ”
“เออ ๆ เข้าใจ อันไหนไม่สบายใจก็ไม่ต้องตอบ” พันลี้รู้ดีว่าพี่ชายใจดีกับเขาแค่ไหน เขาก็ไม่ควรใจร้ายกับพี่ฟ้าจนเกินไป เพราะเขารู้ดีว่าพี่ชายเป็คนยังไง คำถามที่กำลังจะเอ่ยออกไปจึงต้องไตร่ตรองอย่างดีเพื่อไม่ให้เกิดความอึดอัด
“ถามมา…”
“พี่ฟ้าชอบไอ้แก้มย้อยใช่ไหม?”
“…” พี่ฟ้าไม่ตอบอะไรตามประสาคนพูดน้อยและปากแข็งในบางครั้ง เ้าตัวทำเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยขณะก้มมองหน้าจอโทรศัพท์
“เพิ่งชอบเหรอ ?”
“…ก่อนเขาสนิทกับมึง”
“ั้แ่ตอนไหนวะ ?”
“ลงลึกแบบนี้กูขอไม่ตอบ…ให้เป็เื่ส่วนตัวของกูบ้างเถอะ ถามเนื้อ ๆ พอลี้ อย่าขี้เสือกเยอะ”
“เออ ๆ ” พันลี้ไม่โกรธที่อีกฝ่ายต่อว่ากันเพราะตอนนี้พี่ฟ้าคนโหดดูจะอายเกินกว่าจะพูดได้ ไม่แปลกที่จะอายขนาดนี้เพราะพี่ฟ้าไม่ค่อยจะตกหลุมรักใครก่อน อีกอย่างพี่ฟ้าไม่เคยโดนเค้นถามซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้ด้วย
“งั้นเอาตรงประเด็นเลยนะ ช่วยตอบตรง ๆ ด้วยจะได้ไม่โดนจี้ถามมากกว่านี้”
“มึงเป็หม่าม้าหรือไงถึงได้มาเค้นถามกู…” หมื่นฟ้าบ่นเสียงแ่
“จริงจังไหม ? พี่ฟ้ารู้ใช่ปะว่าลี้เป็คนรักและให้ความสำคัญกับเพื่อนมาก ลี้ไม่อยากเห็นเพื่อนตัวเองเสียใจทีหลัง”
“มึงอย่าไปห่วงคุณเขาเลย ห่วงพี่มึงเถอะว่าจะเสียใจเพราะคุณเขาไหม ?”
“…” เชี้ย !! ไม่อยากเชื่อว่าพี่ฟ้าแม่งจะพูดคำนี้
พี่ฟ้าวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะกระจกตรงกลางก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขา “ก็ถ้ามีใครสักคนต้องเสียน้ำตา คน ๆ นั้นคงเป็กู ไม่ใช่คุณเขา…”
“…” อ่า…โดนใจไปอีกประโยค… “คือรักแล้วใช่ปะวะ ? แบบนี้คือรักไอ้แก้มย้อยแล้วเหรอ ? ไม่ใช่แค่ชอบ”
“เยอะนะมึงอะ อยากจะรู้เยอะจริง ๆ …” พี่ฟ้าถอนหายใจ เ้าตัวนิ่งเงียบไปสักครู่เหมือนคิดทบทวนอะไรบางอย่างก่อนจะพูดต่อ “นอกจากครอบครัวของเขาแล้ว ถ้ามีใครมาบอกว่ารักเขามาก…กูกล้าพูดว่ากูก็ไม่ได้น้อยไปกว่าใคร”
“…”
“เอาเป็ว่าอะไรที่มึงคิดมากอยู่ เลิกคิดไปได้เลย กูไม่ได้หวั่นไหว ไม่ได้สับสนอะไรทั้งนั้น กูก้าวข้ามผ่านอะไรพวกนั้นมาหมดแล้ว ตอนนี้ทุกความรู้สึกมั่นคงดีแล้ว”
“ได้ยินแบบนี้ก็โล่งหน่อย…นึกว่าไปหอมหัวกันแล้วเกิดหวั่นไหว แต่อีกใจก็รู้ว่าพี่ฟ้าไม่ใช่คนหวั่นไหวง่าย ๆ ไหนจะเื่ที่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับไอ้แก้มย้อยอีก ชัดเจนว่าพี่ฟ้ามีใจให้ไอ้รักชัวร์ ๆ …แต่ไม่คิดว่าจะแอบชอบมานานแล้ว”
“…”
“ขออีกคำถามได้เปล่า ?”
“แลกกับโดนกูถีบให้ร่วงเก้าอี้ได้หรือเปล่า?”
“โหดมากเดี๋ยวก็พาไอ้แก้มย้อยหนีแม่งเลย เอาให้ขาดใจตาย”
“เร็ว ๆ ”
“เื่นี้มีคนรู้เยอะปะ ?”
“หกคนรวมมึงแล้ว ไม่ต้องเสือกถามต่อว่าใครบ้าง กูไม่บอกมึงหรอกเพราะมึงต้องไปหลอกถามเขาต่อแน่ ๆ ”
“เบื่อว่ะ แม่งรู้ทันไปหมด”
“…”
“งั้นคำถามสุดท้าย ๆ …” พันลี้ต้องรีบชิงพูดแบบนี้เพราะเห็นพี่ชายเริ่มรำคาญแล้ว “ในหกคนนี้ ใครรู้คนแรก”
“มึงไม่ต้องมาน้อยใจเลยว่ากูบอกใครคนแรก แต่ละคนรู้เองทั้งนั้น กูไม่เคยบอกใครก่อนเลย…ส่วนมากเป็คนใกล้ตัวที่จับได้เอง”
“ใครคนแรกล่ะพี่ฟ้า?”
“คำถามนี้แลกกับหนึ่งคำขอ…”
“ถ้าขอไม่ให้มีเมีย ทำไม่ได้นะ”
“ลี้…”
“โอเค ๆ รับข้อเสนอ”
“หม่าม้า…”
“หม่าม้า !! หม่าม้ารู้คนแรกเลยเหรอ? แล้วคือปิดเงียบมาก”
“ก็นั่นม้าไง…”
“เดี๋ยวได้คุยกันยาว ๆ แล้วหม่าม้า”
“ไม่ต้องเลยลี้ เื่ของผู้ใหญ่ มึงรู้แค่นี้พอแล้ว”
“ไม่ไปถามก็ได้ เห็นว่าครั้งนี้ยอมสารภาพง่าย ๆ หรอกนะ”
“กูขออะไรมึงอย่าง อย่าเพิ่งบอกเื่นี้กับรักได้ไหม?”
“…”
“กูอยากให้เขาชอบกูเพราะรู้สึกอย่างนั้นจากใจจริง ไม่ใช่เพราะรู้ว่ากูแอบชอบมาก่อนเลยทำให้หวั่นไหว หรือถ้าเขาจะไม่รู้สึกอะไรกับกูเลย อย่างน้อยเขาจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดใจแล้วตีตัวออกห่าง…”
“…”
“กูก็ยังได้อยู่ในชีวิตเขา ถึงจะแค่ในฐานะคนสนิทก็ตาม”
“…”
“เหตุผลที่กูยังไม่อยากบอกใคร ยังไม่อยากสารภาพกับเขาก็เพราะกูไม่อยากยัดเยียดความรู้สึกให้เขา อยากให้ทุก ๆ ความรู้สึกมันค่อย ๆ พัฒนาจนเขารู้ใจตัวเอง แต่ตอนนี้กูรู้สึกคนเดียว…ก็ต้องรับผิดชอบหัวใจตัวเอง”
“รู้สึกไปแค่ไหนแล้ววะพี่กู…”
“เยอะจนกัดกินตัวกูเอง”
พันลี้ถอนหายใจ คิดสงสารพี่ชายตัวเองที่เดินตามหลังเขาแต่ความรู้สึกกลับนำหน้าไปซะอย่างนั้น ส่วนไอ้แก้มย้อยก็เดินนำไปโดยไม่รู้ว่ามีใครบางคนแอบมองตลอด ความรู้สึกเดินสวนทางกันเพราะความไม่รู้แท้ ๆ
อย่างที่เคยได้ยิน…ใครรู้สึกมากกว่าก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง
“แล้วทำไมไม่จีบไปตั้งนานแล้ว ?”
“มึงเคยรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่สำหรับเขาปะ ? ตอนนั้นมันมีเื่ที่ทำให้ต้องรู้สึกอย่างนั้น กูก็เลยถอยออกมา”
“เื่อะไร?
“ไหนว่าคำถามสุดท้ายไง เดี๋ยวก็ถีบหน้าให้หรอก”
“เออ ๆ อีกสักนิด อยากรู้…”
“ตอนที่รักคบกับมิว กูคิดว่าเขาชอบกันจริง ๆ เลยถอยออกมา แต่พอได้รู้ความจริงอะไรบางอย่างหลังจากที่เขาเลิกกันได้ไม่นาน มันก็ทำให้ฝืนใจตัวเองไม่ได้แล้วก็พยายามเข้าไปในชีวิตเขาอีกครั้ง ทั้งที่ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะเป็คนที่ใช่สำหรับเขาหรือเปล่า แต่เพราะว่ากูเป็คนแบบนี้ การจะเข้าไปในชีวิตคนร่าเริงอย่างเขาเลยเป็เื่ยากสำหรับกูพอสมควร แต่กูก็พยายามอยู่ตลอด…”
พันลี้อยากจะถามถึงความจริงที่ทำให้พี่ชายเลือกจะกลับเข้าไปในชีวิตเพื่อนอีกครั้ง แต่ถ้าพี่ฟ้าคิดจะบอกคงจะอธิบายให้ฟังอย่างชัดเจนแล้ว รู้อย่างนั้นพันลี้เลยไม่ถามต่อ เขาเลือกจะรอให้พี่ฟ้าเล่าให้ฟังเองในวันที่พร้อมกว่านี้
“เออ ตอนนั้นเป็ใครก็ต้องถอย ผู้หญิงน่ารัก ๆ กับผู้ชายอย่างพี่ฟ้า…แม่งคนละเื่เลย”
“แต่เหตุผลหลัก ๆ ที่อยากกลับเข้าไปในชีวิตเขาอีกครั้งเพราะคิดแค่ว่าต่อให้ไม่ได้เป็คนรักของเขา…กูขอเป็อะไรสักอย่างในชีวิตเขาก็ได้ มากสุดแค่คนสนิทกูก็ยอม ขอให้กูได้อยู่ในสายตาเขาบ้าง”
“…”
“…และก็แค่อยากให้ตัวเองเป็เหตุผลที่ทำให้เขายิ้มได้ในบางครั้ง”
“พี่ฟ้า ฟังแล้วจะร้องว่ะ…อย่าด่านะ อันนี้จริง ๆ ไม่คิดเลยว่าคนอย่างพี่ฟ้าจะแอบรักใครได้ แล้วเป็เพื่อนสนิทของลี้ด้วย เก็บไว้ได้ยังไงวะ ? เก็บความรู้สึกไว้คนเดียวได้ไง”
“ยิ่งเขาเป็เพื่อนสนิทมึง กูถึงปล่อยให้มันล้นออกมาไม่ได้ไง เพราะถ้าเขาไม่ได้รู้สึกแบบกูขึ้นมา มันจะไม่ใช่แค่เขาที่อึดอัด แต่มึงจะพลอยไม่สบายใจไปด้วย”
พันลี้นึกย้อนไปถึงตอนเด็ก เขาจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่ได้คุยกับพี่ชายนาน ๆ และจริงจังขนาดนี้เป็ตอนที่พี่ฟ้าติววิชาคณิตศาสตร์ให้ก่อนสอบมิดเทอม พี่ชายไม่ค่อยจะอธิบายอะไรยืดยาวให้ฟังหากมันไม่มีความจำเป็ แต่เพราะครั้งนี้ความรู้สึกมากมายที่อยู่ภายในใจคงยากจะกักเก็บเ้าตัวถึงได้ยอมพูดออกมา
“ได้ฟังทั้งหมดแล้วพูดไม่ออกเลยว่ะ…รู้สึกผิดด้วยที่ไม่เคยรู้เลย”
“เก็บไว้ขนาดนี้ รู้ได้ก็เก่งเกินแล้ว”
“แล้วหม่าม้ารู้ได้ไง”
“อันนี้ห้ามเสือก”
“เออ ๆ ไม่เสือกก็ได้ สงสารคนแอบรักหรอกนะ” พี่ฟ้าคงเหลืออดกับเขาถึงส่งเท้ามาถีบขาแรง ๆ หนึ่งที พันลี้ยิ้มขำก่อนจะพูดต่อ “ถึงไอ้แก้มย้อยมันจะเดินนำไปก่อนแล้ว แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่หันกลับมามองข้างหลังเลย อดทนหน่อย ะโเรียกมันบ่อย ๆ ลี้เชื่อว่าสักวันมันจะต้องหันกลับมาหาพี่ฟ้าแน่ ๆ ”
“เออ จะยังไงกูก็ยืนอยู่ที่เดิม คุณเขาหันกลับมาเมื่อไหร่ก็เจอ”
พันลี้ยิ้มบาง แอบส่งกำลังใจให้พี่ชายภายในใจ เขาสองพี่น้องไม่ใช่พวกที่แสดงความรู้สึกต่อกันสักเท่าไหร่ แต่ต่างก็รู้ว่ารักและผูกพันกันมากแค่ไหน
สิ่งที่พี่ฟ้าขอทำให้เขานึกย้อนไปถึงคำขอของเพื่อนสนิท ที่รักขอร้องไม่ให้เขาถามพี่ชายเื่นี้เพราะกลัวว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไป แต่ที่เขาเลือกจะฝืนคำขอของเพื่อนเพราะพอจะเดาออกถึงได้ตัดสินใจแบบนี้ เมื่อคิดทบทวนดี ๆ อีกครั้งก็เป็อย่างที่พันลี้เข้าใจจริง ๆ
ต่างคนต่างขอ…ขอในสิ่งที่ไม่เหมือนกัน
คนหนึ่งไม่อยากให้ถาม คนหนึ่งไม่อยากให้บอก
แต่ผลลัพธ์ที่้ากลับเหมือนกัน…
นั่นก็คือทั้งสองคนยังอยากมีกันและกันอยู่ในชีวิต
และเหตุผลที่พันลี้เลือกจะพูดให้กำลังใจพี่ชายไปอย่างนั้นเพราะเขายังเชื่ออยู่ เขาเชื่อว่าสักวันทั้งสองคนจะเดินเคียงข้างกัน ไม่มีใครเดินนำและไม่มีใครเดินตาม ความรู้สึกที่เดินสวนทางกันจะกลับมากันในที่สุด
‘สู้โว้ยยยย พี่ฟ้า’
#กี่หมื่นฟ้า
ไลน์ ~
“อื้อ…”
คนตัวเล็กที่กำลังหลับสบายอยู่บนเตียงนุ่มครางในลำคอเพราะโดนเสียงแจ้งเตือนจากไลน์ปลุก ที่รักปรือตาเล็กน้อยก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาขยี้ที่หัวตา ภาพตรงหน้ายังไม่ค่อยชัดเจนนัก แถมดวงตายังไม่สามารถสู้แสงข้างนอกหน้าต่างได้เพราะเพิ่งตื่นนอน ดวงตาเรียวรีจึงกะพริบถี่ ๆ เพื่อปรับสายตา เมื่อทุกอย่างเป็ปกติที่รักจึงเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ที่อยู่บนหัวเตียงมาดู
M.FAH : ตัวดื้อ ตื่นยังครับ?
ข้อความจากหมื่นฟ้าทำให้ที่รักหายสะลึมสะลือแล้วตาสว่างขึ้นมาทันที
M.FAH : พี่ฟ้าตื่นมารอส่งรูปอาหารเช้าให้ตัวดื้ออยู่นะครับ
M.FAH : send a photo
ที่รักกดเปิดเข้าไปในช่องสนทนาเมื่อเห็นว่าหมื่นฟ้าส่งรูปมาให้ ภาพที่ได้รับจากหมื่นฟ้าเป็จานอาหารที่มีคราบซอสมะเขือเทศเลอะอยู่กับไข่ดาวไม่สุกเหลืออีกนิดหน่อย
M.FAH : ไม่กล้าเอาจานไปล้างเลย กลัวเด็กแถวนี้ไม่เชื่อ
ที่รัก : กินจริง ๆ หรือเปล่าพี่ฟ้า?
ไม่ค่อยจะเชื่อจริง ๆ นั่นแหละ ก็พันลี้บอกว่าพี่ฟ้าไม่ชอบกินมื้อเช้านี่
M.FAH : รอแป๊บนะครับ
ที่รักเผลอพยักหน้ารับคำสั่งของหมื่นฟ้าก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าคำสั่งนั้นเป็เพียงตัวอักษร เขาส่ายหน้าเบา ๆ พลางคิดต่อว่าตัวเองที่ปล่อยให้ใบหน้าและเสียงของหมื่นฟ้าลอยวนเข้ามาขณะคุยกันผ่านทางไลน์
มาทั้งหน้าทั้งเสียงเลยนะคุณหมื่นฟ้า ~
พาเด๋อแต่เช้าเลย T______T
ไม่นานนักช่องสนทนาก็เปลี่ยนเป็สายเรียกเข้าแทน ที่รักกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นว่าหมื่นฟ้าโทรเข้ามา และไม่ใช่การโทรด้วยเสียงเท่านั้น
M.FAH : video calling…
ที่รักไม่อยากกดรับสายเพราะเขายังไม่ได้อาบน้ำ เขากลัวหมื่นฟ้าจะใที่เห็นสภาพตัวเองในตอนนี้ เวลาที่ตื่นเช้า ๆ เปลือกตาของเขาจะชอบบวมจนผิดปกติ หมื่นฟ้าอาจจะคิดว่าเขาไปต่อยกับใครมา
แต่ถ้าไม่รับคงเสียมารยาทมาก แล้วจะยิ่งเสียมารยาทไปใหญ่หากไม่ยอมเปิดกล้องฝั่งตัวเองด้วย เขาเลยแก้ปัญหาด้วยการดึงผ้าห่มผืนสีฟ้าขึ้นมาคลุมทั้งหน้า รวมไปถึงหัวที่มีผมฟูชี้โด่ชี้เด่ด้วย
[ตัวดื้อ…ปิดหน้าทำไมครับ ?]
เสียงหัวเราะแบบนั้นของหมื่นฟ้า…
น่าอายชะมัดเลย : (
“ก็รักยังไม่ได้อาบน้ำ ใครใช้ให้พี่ฟ้าโทรมาตอนนี้เล่า !!”
[เอาผ้าห่มออกเร็ว…ขอพี่ฟ้าดูหน้าตัวดื้อหน่อย]
“ไว้ไปดูกันที่มหา’ ลัยดีกว่าครับ”
[นะครับ เอาออกหน่อย ถ้าเกิดคนที่คลุมโปงอยู่เป็ตัวดื้อตัวปลอมขึ้นมาพี่ฟ้าจะทำยังไง?]
“ตัวปลอมที่ไหนล่ะพี่ฟ้า มีตัวดื้อตัวเดียวนี่แหละครับ !”
ที่รักค่อย ๆ ดึงผ้าห่มลงให้อีกฝ่ายเห็น่ตาของตัวเอง แต่เขายังเอาผ้าปิด่จมูกและปากไว้ หมื่นฟ้าที่ตอนนี้ใส่ชุด…น่าจะเป็ชุดคลุมอาบน้ำ นั่งอยู่ที่โซฟากำลังส่งยิ้มให้เขาอยู่
รอยยิ้มแบบเดิมอีกนั่นแหละ…
[ตัวดื้อจริง ๆ ด้วยครับ]
แล้วรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่ในตอนนี้…รอยยิ้มแบบใหม่นี่เหมือนอะไรนะ
“...”
[มอร์นิงตอนนี้ทันไหมครับ ?]
ไม่เหมือนอะไรหรอก…แต่เป็รอยยิ้มที่ทำให้รู้ว่าตอนนี้เช้าแล้วจริง ๆ
“เพิ่งเจ็ดโมงเอง…ยังทันสิครับ”
[งั้นเรามามอร์นิงกันก่อนไปอาบน้ำดีไหมครับ ?]
“ก็ได้ครับ…มอร์นิงครับพี่ฟ้า”
[มอร์นิงครับตัวดื้อ]
“พี่ฟ้ายังไม่ได้อาบน้ำเหรอครับ ?”
[ยังเลยครับ แค่ล้างหน้าแปรงฟันก่อนออกมากินอาหารเช้า]
“…” ที่รักพยักหน้าหงึกหงัก เขาดึงผ้าห่มที่ปิดจมูกลงเล็กน้อยเพราะรู้สึกหายใจไม่ค่อยออกขณะคุยกับอีกฝ่าย แต่ยังคงปิด่ปากไว้
[ทนกลิ่นเน่าของตัวเองไม่ไหวเหรอครับถึงเอาผ้าห่มออก...]
“สรุปพี่ฟ้าจะโทรมาแกล้งให้รักเสียความมั่นใจหรือจะโทรมายืนยันว่ากินมื้อเช้าจริง ๆ กันแน่ครับ?”
[ความจริงแล้ว…ทั้งสองอย่างนั้นไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้พี่ฟ้าโทรหาตัวดื้อ]
ที่รักขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางคิดทบทวนถึงเหตุผลอื่นที่ทำให้หมื่นฟ้าโทรหาเขา “อ๋อ ~ พี่ฟ้าจะโทรมาทวงบุหรี่กันล่ะซี่ ~”
[ไม่ใช่ครับ]
“อ้าว ! แล้วเหตุผลอะไรที่ทำให้พี่ฟ้าโทรหารักตอนเช้าแบบนี้”
[พี่ฟ้าอยากเห็นพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่งตอนเช้า…แต่เช้านี้คงไม่ได้เห็นแล้วครับ]
“…”
หมื่นฟ้าอมยิ้มก่อนจะเอานิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากตัวเองสองสามที
[เพราะรอยยิ้มของคุณพระอาทิตย์ถูกผ้าห่มสีฟ้าปิดอยู่]
ที่รักคิดว่าคนที่ต่อบทสนทนาด้วยยากที่สุดคงจะเป็หมื่นฟ้า บางประโยคของหมื่นฟ้ามีอานุภาพร้ายแรงขนาดทำให้ร่างกายเขาะเิตูม แม้จะเตรียมรับมือกับอีกฝ่ายไว้ตลอดเวลาแต่ไม่สามารถต้านทานได้เลย อย่างตอนนี้ที่ที่รักถูกหมื่นฟ้าโจมตีย่อยยับจนเสียศูนย์ไปหมด
“ดะ เดี๋ยวรักเอาบุหรี่ไปให้พี่ฟ้าตามสัญญานะครับ วันนี้รักมีเรียนเช้าด้วย ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
[ครับ ไว้เจอกันที่มหา’ ลัย]
“ครับ”
ที่รักรีบวางสายจากหมื่นฟ้าก่อนหัวใจที่สงบนิ่งจะถูกปลุกให้ลุกขึ้นะโโลดเต้นเพราะอีกฝ่าย เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ อย่างโล่งอกพร้อมเผยรอยยิ้มสดใส ที่รักคิดว่าตัวเองเริ่มรับมือกับหมื่นฟ้าได้บ้างแล้ว หากหัวใจทำท่าว่าจะเต้นเร็วจนไม่สามารถควบคุมได้ เขาก็แค่หนีมาพักให้ตัวเองกลับไปสู่สภาวะปกติ
ไลน์ ~
แต่ที่รักคงลืมไปว่า…
M.FAH : เน่า...สระผมด้วยนะครับ
ตัวอักษรที่ถูกส่งมาจากหมื่นฟ้ามีผลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจเช่นกัน
และเขาไม่ได้เตรียมรับมือในส่วนนี้ไว้…
#กี่หมื่นฟ้า
“งานชิ้นใหม่ส่งอาทิตย์หน้านะคะนักศึกษา”
“ค้าบ ~”
นักศึกษาชายหน้าตาจิ้มลิ้มขานรับพร้อมส่งยิ้มหวาน ๆ ให้อาจารย์ประจำวิชาภาษาอังกฤษ ที่รักอารมณ์ดีเป็พิเศษเพราะเขาเพิ่งส่งชิ้นงานที่อาจารย์สั่งเมื่ออาทิตย์ที่แล้วไป และได้รับคำชมจากอาจารย์ว่าเป็คนที่ทำงานละเอียดเรียบร้อยมาก ๆ
ที่รักล่ะชื่นใจจริง ๆ :)
คนตัวเล็กที่เพิ่งลุกออกจากเก้าอี้ก้มศีรษะขณะอาจารย์เดินออกจากห้อง ที่รักยกแขนทั้งสองข้างขึ้นเหยียดตรงก่อนจะบิดไปทางซ้ายทีทางขวาทีเหมือนตอนที่ออกกำลังกายกับปู่
“เที่ยงแล้ว กินไรดีวะไอ้แก้มย้อย”
“ลี้หน้าหมาอยากกินไรล่ะ ?”
พันลี้ที่โดนเรียกแบบนั้นลุกมาล็อกคอเพื่อนสนิทแล้วหยิกแก้มแรง ๆ เพื่อทำโทษ คนตัวเล็กร้องโวยวายจนจอยที่เพิ่งเก็บของเสร็จเดินมาห้าม
“ลี้ !! มึงอย่าทำมันแรงดิ สงสารมัน เล่นห่าอะไรแรง ๆ ” จอยบ่นก่อนจะหันไปหาเพื่อนแก้มย้อยพลางส่งมือไปลูบที่ข้างแก้มนุ่มเพื่อปลอบประโลม “เจ็บไหมมึง?”
“มาก ๆ พันลี้หน้าหมามือหนักมาก”
“อีไทป์ จัดการคนที่ทำร้ายแก้มย้อยของกูเดี๋ยวนี้”
ไทป์ส่ายหน้าอย่างแรงพลางคิดต่อว่าจอยที่ชอบสั่งอะไรโง่ ๆ แบบนี้ การสู้กับพันลี้เหมือนพาตัวเองไปตายชัด ๆ “ไม่เอาด้วยหรอก ไอ้ลี้แม่งมือตีนหนัก ขนาดแค่เล่นกันกูยังเจ็บไปหมด”
“โดนแน่ไอ้แก้มย้อย ไม่มีองครักษ์พิทักษ์แก้มก้อนแบบนี้…” พันลี้พูดก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปหาเพื่อนสนิทที่ตอนนี้เบิกตาโตพร้อมยกมือน้อย ๆ ทั้งสองขึ้นโบกไปมา
“จอย…ช่วยหน่อย”
“เวลาไอ้ลี้มันหมั่นเขี้ยว ใครก็เอาไม่อยู่หรอก” จอยนั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เวลาที่พันลี้อยากจะขย้ำแก้มย้อยทุกคนต้องปล่อยไปก่อน แต่ทุกครั้งพันลี้ก็ไม่ได้แกล้งอะไรรุนแรง ทำเพียงแค่หยิกแก้มของคนตัวเล็กด้วยความเอ็นดู
“พันลี้!! อย่าเข้ามา…” ที่รักร้องห้ามเ้าของสายตาเ้าเล่ห์ แต่พันลี้ไม่กลัวเขาเลยสักนิด กลับหัวเราะเบา ๆ แล้วเดินเข้ามาหาเรื่อย ๆ
“โดนแน่ ๆ มึงโดนกูแดกแก้มแน่ ๆ ”
“กูจะฟ้องพี่ฟ้า !!!!”
ประโยคคำพูดของคนตัวเล็กทำให้พันลี้หยุดฝีเท้า จอยและไทป์ที่กำลังบ่นเื่อาจารย์สั่งงานเยอะจนเกินไปหันขวับไปมองคนตัวเล็ก เพื่อนร่วมคลาสเรียนคนอื่นที่เหลืออยู่น้อยนิดไม่ได้สนใจอะไรเพราะโดยปกติเด็กหลังห้องจะชอบเล่นกันเสียงดังอยู่แล้ว
“ฟ้องพี่กู?”
คนโดนถามกะพริบตาปริบ ๆ คิดทบทวนถึงสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปเมื่อกี้ พอนึกได้ว่าตัวเองเอาหมื่นฟ้ามาเป็ยันต์กันโดนแกล้งก็ต้องหันหน้ามองทางอื่น ที่รักกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เพราะรู้ดีว่าเพื่อน ๆ กำลังจับผิดอยู่ และเขาก็กำลังหาข้อแก้ตัวอยู่เช่นกัน
ตอนนั้นกลัวว่าพันลี้จะเล่นแรงมาก ๆ จนเจ็บ
แล้วในตอนที่รู้สึกไม่ปลอดภัย…หมื่นฟ้าเป็คนเดียวที่เขานึกถึง
แต่ไม่น่าเผลอพูดออกไปเลย : (
“จะฟ้องพี่ฟ้าว่ากูแกล้งมึงใช่ไหมไอ้แก้มย้อย”
“…ปะ เปล่าสักหน่อย”
“จอย ไทป์ เมื่อกี้มึงได้ยินเหมือนกูไหม?”
“ได้ยิน อีแก้มย้อยบอกว่าจะฟ้องพี่ฟ้า”
“สนิทกันเบอร์ไหนน้า.....มีฟ้องกันด้วย” ไทป์ยิ้มกริ่ม
“…” T______T ไม่น่าเลยรัก ถ้าไม่หลุดพูดออกไปก็จะไม่โดนเพื่อนแซวจนเขินตัวแทบะเิแบบนี้
“ฟ้องเลย…กูอยากรู้ว่าพี่ฟ้าจะมาช่วยมึงได้ไหม…” พันลี้พูดก่อนจู่โจมคนตัวเล็ก เขาหยิกแก้มมันด้วยความหมั่นเขี้ยว ที่รักร้องโวยวายพยายามเอามือเขาออกจากแก้มทั้งสองข้าง
ครืน ~
เสียงสั่นแจ้งเตือนราวกับเสียง์ที่ช่วยให้เขาหลุดพ้นจากการถูกทรมาน ที่รักรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงพร้อมยกโบกไปมาตรงหน้าพันลี้
“พี่ฟ้าโทรไลน์มา…หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะลี้หน้าหมา !”
“…” พันลี้หัวเราะหึหึในลำคอก่อนจะปล่อยมือออกจากแก้มของเพื่อน
ที่รักไม่รอช้ารีบรับสายหมื่นฟ้าทันที “พี่ฟ้า ๆ ”
[ว่าไงครับตัวดื้อ…เรียนเสร็จหรือยังเอ่ย ?]
ทำไมเสียงของหมื่นฟ้าในเวลานี้…
อบอุ่นเป็บ้าเลย…
“สะ เสร็จแล้วครับ”
[แล้วทำอะไรอยู่ครับ ?]
“รักกำลังโดนพันลี้แกล้งอยู่ครับ”
“ไอ้ขี้ฟ้อง ” พันลี้พูดปนหัวเราะ
“ไม่ได้ขี้ฟ้องสักหน่อย พี่ฟ้าถามว่าทำอะไรอยู่ กูก็ต้องพูดความจริงสิ”
[พันลี้แกล้งอะไรตัวดื้อครับ ?]
“หยิกแก้มแรง ๆ ครับ ทั้งสองข้างเลย”
[งั้นพี่ฟ้าขอสายพันลี้หน่อยครับ…]
“ได้ครับ” ที่รักยิ้มมุมปากแล้วส่งโทรศัพท์ให้พันลี้ นอกจากรอดจากการถูกทรมานแล้ว ที่รักคิดว่าพันลี้คงไม่กล้าแกล้งเขาอีกแน่ ๆ
“ว่าไง ?”
[อยากโดนม้าหักค่าขนมเหรอ ?]
“ขู่…”
[อย่าแกล้งคุณเขาของกู]
“ลี้แกล้งมันมาั้แ่ปีหนึ่งแล้วปะ?”
[แต่กูคอยมองเขามาก่อนมึงไง…]
“…”
[ตอนนี้พอจะปกป้องได้แล้ว กูก็จะปกป้องให้ถึงที่สุด ไม่เว้นแม้กระทั่งน้องอย่างมึง]
“เดี๋ยวจะหยิกแก้มแม่งให้ขาดเลย หมั่นไส้!! ปกป้องกันดีนัก”
[ถ้ารักมาหากูแล้วแก้มเป็รอยมือมึงนะ กูจะให้ม้าหักเงินเดือนมึงจริง ๆ …]
“…” พันลี้ยิ้มขำเพราะดูแล้วพี่ชายจะหวงแก้มย้อย ๆ ของเพื่อนสนิทมาก “เตรียมตัวโอ๋มันได้เลย”
พันลี้ส่งโทรศัพท์คืนให้คนตัวเล็ก ตอนแรกไอ้แก้มย้อยยกยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ ทว่าตอนนี้หน้าถอดสีไปเล็กน้อยเพราะเขายังยืนยันจะแกล้งมันต่อ
“ฮะ ฮัลโหลครับ”
[ตัวดื้อวิ่งหนีมาหาพี่ฟ้าเร็วครับ]
“ที่ไหนครับ?”
[ตึกห้า ใกล้ ๆ ซุ้มสูบบุหรี่ครับ…]
“…”
[วางสายจากพี่ฟ้าปุ๊บ ตัวดื้อวิ่งมาเลยนะครับ พี่ฟ้าจะรออยู่ตรงนี้]
“คะ ครับ”
[ถ้าพี่ฟ้าไปหาก็กลัวว่าพันลี้จะหยิกแก้มตัวดื้อจนขาดก่อน ตัวดื้อหนีมาหาพี่ฟ้าน่าจะเร็วกว่า]
“คะ ครับ…” ที่รักมองผ่านพันลี้เพื่อหากระเป๋าตัวเอง เขาใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่เห็นมันอยู่ไม่ไกลมาก หากวางสายแล้ววิ่งไปคว้ามันไปด้วยคงไม่ยาก “งั้นแค่นี้ก่อนนะครับพี่ฟ้า”
[ครับ รีบหนีมาหาพี่ฟ้าเลยนะตัวดื้อ]
“ครับ”
ทันทีที่ที่รักวางสายจากหมื่นฟ้า พันลี้ก็ตั้งท่าส่งฝ่ามือหนามาขยำแก้มกันอีก แต่เขาไหวตัวทันเลยคว้ากระเป๋าหนังสะพายข้างของตัวเองก่อนจะวิ่งออกมาด้วยความไวแสง เพื่อน ๆ ที่อยู่ในห้องะโเรียกกันเสียงดัง แต่ที่รักไม่ได้กลับไปหาเพราะกลัวจะโดนหยิกจนแก้มขาด
คนตัวเล็กที่เพิ่งเข้ามาในลิฟต์คนเดียวกดปุ่มเลือกชั้นล่างสุด ที่รักหลุดหัวเราะคิกคักพอนึกถึงสีหน้าใของเพื่อน ๆ ตอนที่เห็นเขาวิ่งหนีออกมา ั้แ่คบกันมาที่รักไม่เคยทำให้เพื่อนประหลาดใจเลย ทุกคนมักจะคาดเดาความคิดของเขาได้หมด ทว่าครั้งนี้เพื่อนคงคาดไม่ถึงว่าเขาจะทำแบบนี้
ความจริงแล้วการโดนพันลี้แกล้งไม่ใช่เื่เลวร้ายมากอะไร ที่เพื่อนชอบหยิกแก้มเป็เพราะเอ็นดูปนหมั่นเขี้ยวเท่านั้น ไม่ใช่แค่พันลี้ ไทป์ และจอยที่ชอบหยิกแก้มเขา คนในครอบครัวหรือญาติ ๆ ก็ชอบทำเหมือนกัน ที่รักจึงเคยชินกับการกระทำนี้ ทว่าบางครั้งเขาก็อยากจะปกป้องแก้มย้อย ๆ ของตัวเองบ้าง แต่ทุกครั้งจะเป็การหนีเสือปะจระเข้ตลอด
เช่นหนีจากบางคนเพื่อมาโดนอีกคนที่คิดว่าไว้ใจได้หยิกแก้มแทน…
แต่ครั้งนี้ที่รักคิดว่าแตกต่าง…
หมื่นฟ้าจะต้องเป็หลุมหลบภัยที่ดีแน่ ๆ
ที่รักแค่อยากไปหลบกับหมื่นฟ้าสักพักแล้วค่อยกลับไปหาเพื่อน ๆ ให้คนขี้แกล้งได้รับบทเรียนกันบ้าง พันลี้จะได้รู้ว่าการไม่มีแก้มย้อยคนนี้อยู่ใกล้ ๆ มันทรมานใจแค่ไหน
พันลี้น่ะรักเขาจะตาย…แค่ไม่เห็นเขาสามนาทีก็น้ำตาคลอแล้วมั้ง
ต้องสั่งสอนด้วยวิธีนี้แหละ…ต่อไปจะได้ไม่กล้าแกล้งกันอีก
คนตัวเล็กออกจากลิฟต์มุ่งตรงไปที่ตึกห้าตามที่หมื่นฟ้าบอกไว้ ระหว่างทางที่รักได้ยินเสียงไลน์แจ้งเตือนไม่หยุด พอเขาหยิบขึ้นมาดูก็เห็นเพื่อน ๆ ระดมข้อความมา
‘ไอ้แก้มย้อย มึงหนีไปหาพี่ฟ้าเหรอ?’
‘อีแก้มย้อย กลับมาหากูเดี๋ยวนี้เลย กูสัญญาว่าจะปกป้องมึงจากลี้เอง’
‘ไอ้ย้อย ไปไหน? กูหิวข้าวแล้ว รีบ ๆ มาหาพวกกูที่โรงอาหารเลย’
ที่รักหัวเราะจนปากบานก่อนจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง “เป็ยังไงล่า…ไม่มีแก้มย้อยอยู่กันแทบไม่ได้เลยล่ะซี่ ~”
แต่เอาเข้าจริงเขาก็แทบอยู่ไม่ได้เหมือนกันถ้าขาดเ้าพวกคนขี้แกล้งไป ที่รักเลยคิดว่าจะเอาไปบุหรี่ไปให้หมื่นฟ้าเท่านั้นแล้วจะรีบกลับไปหาเพื่อน ๆ ที่โรงอาหาร แผนหลบภัยล่มเพราะความใจอ่อนแท้ ๆ
วันนี้ที่รักใส่แว่นมาเลยทำให้เห็นทุกอย่างในระยะไกลได้ดีขึ้น โดยเฉพาะหมื่นฟ้าที่ยืนส่งยิ้มบางอยู่ไกล ๆ เขายกมือโบกทักทายคนตัวสูงที่ตอนนี้เปลี่ยนจากการยิ้มเป็หัวเราะแทน
‘แก คนนั้นใครอะ ?’
‘พี่ฟ้าไง พี่ปีสามคณะเรา’
‘อ๋อ พี่ชายพันลี้เดือนคณะปีเราปะ?’
‘ใช่ ๆ หล่อทั้งพี่ทั้งน้องเลยเนอะ’
‘จริง ไม่งั้นจะได้เป็เดือนคณะทั้งพี่ทั้งน้องเหรอ…’
‘หล่อ ๆ แบบนี้มีแฟนแล้วชัวร์ ’
‘ไม่รอดหรอก พันลี้เคยคุยกับเพื่อนฉันอยู่ แต่พี่ฟ้าไม่รู้อะ ดูเงียบ ๆ แต่หล่อขนาดนี้คงมีคนคุยเยอะแหละ’
ประโยคสนทนาของผู้หญิงสองคนที่เดินตามหลังเขามาทำให้ที่รักส่ายหน้าเบา ๆ พลางคิดว่าคนเรามักจะโดนตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกก่อนเสมอ และคนที่โดนตัดสินไปก่อนก็น่าเห็นใจเพราะยังไม่ทันได้พิสูจน์ตัวเองก็โดนความคิดเหล่านี้กลบเนื้อแท้ไปจนหมด สุดท้ายพวกเขาก็เป็ไปอย่างที่ใครหลาย ๆ คนตัดสิน
ทั้งที่จริงอาจจะไม่ใช่อย่างนั้น…
แต่ที่รักไม่ได้สนใจคำพูดของคนเ่าั้ เขากลับยกมือขึ้นสูงกว่าเดิมแล้วะโเรียกคนตัวสูง ๆ ที่ยืนรอกันอยู่ “พี่ฟ้า~”
หมื่นฟ้าอมยิ้มแล้วก้าวเดินมาหาเขาด้วย เราสองคนเข้าใกล้กันเร็วมากขึ้นเพราะเลือกจะเดินมาหากันคนละครึ่งทาง ที่รักเหลือบมองไปที่ซุ้มที่มีไว้ให้สำหรับนักศึกษาที่สูบบุหรี่ เขาเห็นพี่ดอมอยู่ที่นั่นด้วย เ้าตัวส่งยิ้มให้น้อย ๆ ก่อนจะยกมือที่คีบบุหรี่ให้ดูเป็เชิงบอกว่าจะเดินมาหาเขาหากจัดการเ้ามวนสีขาวเสร็จ ที่รักพยักหน้ารับแล้วส่งยิ้มกลับไป หากสังเกตดี ๆ บริเวณนั้นมีแต่เพื่อนของหมื่นฟ้า เขาไม่ค่อยรู้จักพวกรุ่นพี่มากนัก อย่างกลุ่มนี้เขารู้จักแค่พี่ดอมกับพี่ทิมเท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้นที่รักก็ยกมือไหว้รุ่นพี่ทุกคนที่สูบบุหรี่อยู่ในซุ้ม ทุกคนรับไหว้และส่งยิ้มให้อย่างเป็มิตรโดยเฉพาะพี่ทิมที่เคยคุยกันบ้างแล้ว
“โดนลี้หยิกตรงไหนบ้างครับ?”
“ตรงนี้ครับ…” ที่รักยกนิ้วชี้ที่แก้มของตัวเองข้างหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนไปชี้ที่แก้มอีกข้าง แถมด้วยการชี้ที่ปลายจมูกอีก เมื่อกี้พันลี้หยิกจมูกเขาด้วย
“ตรงจมูกด้วยครับ แต่พี่ฟ้าไม่ต้องห่วงหรอก รักชินแล้ว”
“แดงเลย…” หมื่นฟ้าใช้หลังมือััที่ข้างแก้มนุ่มเบา ๆ ดวงตาคู่คมจ้องมองที่รอยแดงที่ไม่น่าจะเกิดจากการโดนหยิกแก้ม แต่น่าจะโดนยุงกัดมากกว่า “โอ๋ ๆ นะครับ หนีมาหาพี่ฟ้าแล้ว…ไม่เจ็บแล้วเนอะ”
เป็ในตอนนั้นเองที่หัวใจของที่รักเต้นผิดจังหวะ ทุกการเคลื่อนไหวอยู่เหนือการควบคุมของที่รัก แต่กลับเป็หมื่นฟ้าที่ควบคุมมันไว้ หัวใจดวงน้อย ๆ ของเขาจะเต้นเร็วขึ้นจนแทบทะลุออกจากอกหรือเต้นช้าลงจนกลับสู่สภาวะปกติ
ก็แล้วแต่หมื่นฟ้าจะสั่งการ…
“ระ รักเอาบุหรี่มาให้พี่ฟ้าด้วยนะครับ” คนตัวเล็กรีบเปลี่ยนเื่ก่อนที่จะสูญเสียความเป็ตัวเองไปมากกว่านี้ เขาก้มหน้าหยิบบุหรี่สามมวนที่ใส่ซองพลาสติกเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋าสะพายข้าง
หมื่นฟ้าขมวดคิ้วสงสัยที่คนตัวเล็กเอามาคืนให้เพียงแค่สามมวน เขาไม่ได้โกรธที่มันเหลือแค่นี้ แต่แค่อยากรู้ว่าบุหรี่จำนวนที่เหลือไปไหนหมด
“ที่โดนพันลี้หยิกแก้มเพราะมันมาบีบเอาบุหรี่พี่ฟ้าจากตัวดื้อใช่ไหมครับ?”
“ไม่ ๆ ครับ ที่เหลือยังอยู่ที่ห้องรักครับ ที่เอามาให้แค่นี้เพราะรักคิดว่าถ้าเอามาคืนทั้งหมด พรุ่งนี้พี่ฟ้าก็จะไม่ยอมกินมื้อเช้าอีกเพราะได้คืนไปแล้ว รักเลยเอามาให้แค่นี้ก่อน…อีกอย่าง…” ที่รักช้อนสายตามองคนตัวสูงก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแ่เบา “รักก็อยากให้พี่ฟ้าสูบน้อย ๆ ลงด้วย รักอยากให้พี่ฟ้าอยู่กับรักไปนาน ๆ นะครับ เรากำลังจะสนิทกันแล้ว ถ้าพี่ฟ้าเป็อะไรไปก่อนที่จะสนิทกัน รักจะทำยังไงล่ะครับ…”
หมื่นฟ้าหัวเราะในลำคอก่อนจะส่งมือไปลูบที่หัวทุยเบา ๆ “พี่ฟ้าจะสูบให้น้อยลงนะครับ จะได้อยู่กับตัวดื้อไปนาน ๆ ”
คนฟังยิ้มกว้างจนตาหยี รอยยิ้มที่คล้ายพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่งทำให้หมื่นฟ้าเผลอตัวก้าวเข้าไปประชิดคนตัวเล็กก่อนจะโน้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเรือนผมสีดำนิล แต่ปลายจมูกของเขาไม่ได้ััที่กลุ่มผมนุ่มสักนิด
แค่ให้กลิ่นที่ชอบมันโชยมาใต้จมูกเท่านั้น…
แต่พอรู้ตัวว่าการกระทำโจ่งแจ้งของตัวเองจะทำให้คนตัวเล็กตกเป็เป้าสายตาของเพื่อนและอาจจะทำให้เ้าตัวอึดอัด หมื่นฟ้าจึงเคลื่อนมือที่จับหัวทุยอยู่มาปัดที่ผมด้านหน้าของคนตัวเล็กเบา ๆ
“แมลงมันบินมาเกาะ…พี่ฟ้าปัดออกให้แล้วครับ”
“ขะ ขอบคุณครับ”
หมื่นฟ้ารับบุหรี่สามมวนที่มีรอยหักและยับมาจากคนตัวเล็ก ที่รักไม่เคยสูบบุหรี่คงไม่ได้สนใจว่ามันจะต้องเก็บไว้อย่างไร มีช่องว่างตรงไหนเ้าตัวคงจะยัดใส่ลงไปเลย บุหรี่ของเขาถึงได้มีสภาพยับเยินขนาดนี้
“ขอบคุณครับ…”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ…พี่ฟ้าทำตามสัญญายอมกินมื้อเช้า รักก็ต้องทำตามสัญญาเหมือนกัน”
“ไม่ได้ขอบคุณที่ตัวดื้อเอาบุหรี่มาให้…แต่ขอบคุณที่ไว้ใจแล้วหนีมาหาพี่ฟ้า”
ใช่…เขาถามตัวเองอยู่หลายครั้งระหว่างวิ่งมาหาหมื่นฟ้า คำตอบที่ได้รับทำให้รู้ว่าเขาเริ่มไว้ใจหมื่นฟ้าแล้วจริง ๆ “รักก็แค่รู้สึกว่าพี่ฟ้าไม่เหมือนคนอื่น รักน่าจะไว้ใจพี่ฟ้าได้”
“พี่ฟ้าไม่ให้ใครแกล้งตัวดื้อได้หรอก เพราะพี่ฟ้าจะเก็บไว้แกล้งคนเดียว”
“พี่ฟ้า !” เกือบจะดีแล้วเชียว…สุดท้ายหมื่นฟ้าก็ไม่น่าไว้ใจเหมือนคนอื่นใช่ไหมเนี่ย…
“แล้วตัวดื้อกินข้าวเที่ยงหรือยังครับ ?”
“ยังครับ กะว่าเอาบุหรี่ให้พี่ฟ้าเสร็จก็จะกลับไปกินข้าวกับเพื่อนแล้ว”
“อ๋อ…”
“งั้นรักขอตัวเลยนะครับ เดี๋ยวเพื่อนจะรอนาน เพราะตอนเย็นรักมีประชุมเื่งานโอเพนเฮาส์อีก”
“ครับ”
ที่รักโบกมือลาหมื่นฟ้าและพี่ดอมที่ยังยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ซุ้ม ก่อนจะหมุนตัวเดินออกมาจากตรงนั้น
“ตัวดื้อ…”
แต่เสียงทุ้มต่ำของหมื่นฟ้าจะชอบรั้งฝีเท้าเขาไว้ตลอด
“ครับพี่ฟ้า?”
“พี่ฟ้ามีเรียนต่อตอนบ่าย…อยากได้ยินเสียงน้ำทะเลจังเลยครับ”
ที่รักเผลอหลุดยิ้มออกมา เขาไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะเข้าใจประโยคที่หมื่นฟ้าสื่อ แต่ก็นั่นแหละ… “ซู่ ~ ซู่ ~”
หวังว่าเสียงน้ำทะเลของเขาจะทำให้คนที่ยืนหัวเราะเบา ๆ อยู่มีกำลังใจขึ้นมาบ้าง :)
#กี่หมื่นฟ้า
ที่รักนั่งสมองตื้ออยู่ในห้องประชุมขนาดใหญ่ที่มีเด็กปีสองอยู่จำนวนหนึ่ง เขาอยู่ประชุมกับเพื่อนในสาขาได้สักพักแล้ว พวกเรากำลังช่วยกันวางแผนจัดบูธวันงานโอเพนเฮาส์ที่อาจารย์ให้เด็กปีสองรับผิดชอบ เพราะการประชุมครั้งนี้มีคนมาร่วมเป็จำนวนมากจึงกินเวลามาถึง่เย็นเพราะความคิดเห็นไม่ลงตัวกันสักที แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีจนตอนนี้ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน
“ไอ้แก้มย้อยกลับไง ? เย็นป่านนี้พี่เบบกลับไปแล้วมั้ง…”
“พี่เบบไม่ได้มาเรียน ไม่สบาย กูคงกลับเองอะลี้”
“งั้นกูไปส่ง เพราะจอยกับไทป์แม่งก็กลับไปด้วยกันแล้ว”
“ไม่ต้องหรอก วันนี้มึงมีนัดไม่ใช่เหรอ ตอนอยู่ในห้องประชุมก็รีบ ๆ ”
“เดี๋ยวกูโทรไปบอกเพื่อนก็ได้ว่าไปสายหน่อย แวะไปส่งมึงก่อนไม่เป็ไรหรอก”
“ไม่ต้องหรอก…”
“ทำมาเกรงใจ เดี๋ยวฟัดแก้มแม่งเลย”
ที่รักหัวเราะพร้อมพยักหน้ารับเพื่อนสนิท แต่เสียงฝนตกที่ดังเล็ดลอดเข้ามาภายในตึกทำให้รอยยิ้มนั้นค่อย ๆ เลือนหายไป แม้แต่พันลี้ที่อารมณ์ดีในตอนแรกยังเผลอสบถออกมาเพราะรู้ว่าตัวเองจะต้องไปถึงที่หมายสายยิ่งกว่าเดิม
“มาตกห่าอะไรตอนนี้วะ…”
“งั้นมึงไปเลยลี้ กูกลับเองได้”
“กูไม่ทิ้งมึงหรอก ยิ่งฝนตกแบบนี้ด้วย…เอางี้นะ เดี๋ยวกูวิ่งลุยฝนไปเอารถที่ลานจอดรถ มึงก็ยืนหลบฝนอยู่ที่หน้าตึก รอกูขับรถมารับ โอเคเปล่า ?”
“…” ที่รักอยากจะตอบว่าไม่โอเคสักเท่าไหร่ที่จะทำให้เพื่อนไปธุระสาย แต่สายตาดุ ๆ ของพันลี้ทำให้เขาจำต้องพยักหน้าตอบรับ “โอเคก็ได้”
“ดีมาก…” พันลี้ยิ้มก่อนจะเหลือบไปเห็นคนตัวสูงที่ยืนถือร่มอยู่หน้าตึก “แต่กูว่ากูคงไม่ต้องไปส่งมึงแล้ว”
ที่รักมองตามพันลี้ไปที่หน้าประตูก็พอจะเดาได้ว่าเพื่อนหมายถึงอะไร เขารีบส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะเอื้อมมือไปกระตุกที่แขนเสื้อเพื่อนเบา ๆ
“ไม่เอาหรอก เกรงใจพี่ฟ้า”
“จะเกรงใจห่าอะไร พี่ฟ้ามันว่าง…”
“…” พันลี้ไม่ฟังเขาสักนิดกลับลากเขามาหาหมื่นฟ้าที่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์อยู่ ที่รักมองร่มสีดำในมือคนตัวสูงพลางคิดว่ามันไม่ได้ใหญ่ขนาดที่คนสองคนจะอยู่ใต้ร่มด้วยกันได้โดยไม่เปียก
“มารอใครพี่ฟ้า?”
คนโดนถามเงยหน้าขึ้นจากจอโทรศัพท์ “ตัวดื้อ…”
คนที่โดนเรียกว่าตัวดื้ออึ้งไปเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าหมื่นฟ้าของใคร ๆ จะมารอตัวเอง และที่เขานิ่งเงียบไม่ตอบอะไรเพราะไม่คิดว่าหมื่นฟ้าจะตอบตรงขนาดนี้ด้วย
“พี่ฟ้ามารอรัก…มีอะไรหรือเปล่าครับ ?”
“มารอรับไปส่งบ้านครับ…ดอมบอกว่าเบบไม่สบาย วันนี้ตัวดื้อคงต้องกลับเอง”
“ระ รักกลับเองได้ครับ”
“พี่ฟ้า…ลี้สายมากแล้ว ฝากเลยละกัน…ไอ้แก้มย้อย กูไปก่อนนะ”
“เออ”
พันลี้รีบสาวเท้าเดินไปโดยไม่สนใจเขาเลย อยากจะเอ่ยเรียกเพื่อนให้อยู่ด้วยกันก่อนก็คงไม่ทันแล้ว ที่รักเงยหน้ามองคนตัวสูงที่ในเวลานี้จ้องมองกันอยู่ หมื่นฟ้าพยักหน้าเป็เชิงชวนก่อนจะกางร่ม
“ไปครับ พี่ฟ้าเอารถมาจอดใกล้ ๆ ตึกแล้ว”
“คะ ครับ”
และเป็อย่างที่เขาคิดไว้จริง ๆ ร่มคันนี้ไม่ได้มีขนาดใหญ่ขนาดที่จะกันฝนให้เราได้ทั้งสองคน ดังนั้นจึงมีคนหนึ่งที่เปียก และคน ๆ นั้นเป็หมื่นฟ้า เ้าตัวยื่นร่มมาทางเขามากกว่า ไหล่ด้านขวาของหมื่นฟ้าจึงเปียกฝนจนชุ่มไปหมด แต่ท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำที่รักกลับรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา…นั่นคงเป็เพราะฝ่ามือหนาของคนข้างกายที่จับหัวไหล่เขาเพื่อกระชับให้เข้ามาอยู่ในร่มมากขึ้น ทั้งที่ตอนนี้เ้าตัวแทบจะออกไปอยู่นอกร่มแล้ว
“จะถึงแล้วครับ แป๊บเดียวนะตัวดื้อ รถพี่ฟ้าอยู่ข้างหน้าแล้ว”
“ครับ”
หากถามว่าหมื่นฟ้าใช้ร่มคันนี้คุ้มสุดตอนไหน ที่รักคิดว่าเป็ตอนที่ส่งเขาขึ้นรถแล้วเ้าตัววิ่งอ้อมมาที่ฝั่งคนขับ ตอนนั้นหมื่นฟ้าได้กางร่มให้ตัวเองอย่างเต็มที่ แต่หัวไหล่ด้านขวาที่เปียกชุ่มช่วยย้ำเตือนว่าก่อนหน้านี้หมื่นฟ้าเป็คนเสียสละมากแค่ไหน
ที่รักมองคนข้างกายที่หุบร่มแล้วเอี้ยวตัวเอาไปเก็บด้านหลัง หมื่นฟ้าหันกลับมาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ เ้าตัวยื่นมันให้เขาก่อนทั้งที่ตัวเองเปียกไปหมด ยันกระทั่งผมสีช็อกโกแลตที่ในตอนนี้มีสีเข้มมากกว่าเดิม
“ตัวดื้อเปียกตรงไหนก็เช็ดก่อนเลยนะครับ เดี๋ยวพี่ฟ้าขอจัดการตัวเองก่อน…” หมื่นฟ้าว่าพลางล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่มันเปียกชื้น “ผ้าขนหนูนี้พี่ฟ้าเอาติดรถไว้ตอนไปเตะบอล แต่ยังไม่ได้ใช้ครับ ตัวดื้อใช้ได้นะ”
พอหมื่นฟ้าเห็นว่าที่รักรับผ้าขนหนูไปแล้วจึงจัดการติดเครื่องยนต์ มือหนาเอื้อมไปเปิดเครื่องเสียงอย่างที่ทำเป็ประจำเวลาอยู่บนรถ หมื่นฟ้าเตรียมจะพาคนข้างกายออกจากมหา’ ลัย
“พี่ฟ้าครับ”
“ครับ ?”
“ยังไม่ต้องขับรถครับ หันมาหารักก่อน”
“…”
ที่รักทนเห็นหมื่นฟ้าขับรถทั้งที่ตัวเปียก ๆ แบบนี้ไม่ได้ เขาตัดสินใจเอื้อมมือเอาผ้าขนหนูไปซับที่บริเวณเรือนผมสีช็อกโกแลตเบา ๆ
“ถึงจะไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า…แต่เช็ดผมให้แห้งหมาด ๆ ก็ยังดีครับ ถ้าพี่ฟ้าป่วยขึ้นมา…แล้วรักจะหนีไปหาใครครับ ?”
“…”
ไม่รู้ว่ามันเป็อย่างนี้ไปได้ยังไง…แต่มันเป็ไปแล้ว ที่รักใจเต้นกับการกระทำของตัวเอง มันเต้นเร็วยิ่งกว่าตอนที่เห็นสายตาเ้าเล่ห์ของหมื่นฟ้า ยิ่งกว่าตอนที่ได้ยินเสียงและตัวอักษรจากหมื่นฟ้า
มันยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น…
เขาค่อย ๆ เช็ดผมให้หมื่นฟ้า แต่หัวใจกลับเต้นแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกอย่างมันสวนทางกันจนเขารู้สึกปั่นป่วนไปหมด การกระทำภายนอกแสดงว่าอ่อนโยน แต่ภายในกลับตอบสนองอย่างรุนแรง
“พี่ฟ้าไม่กล้าป่วยหรอกครับ กลัวไปช่วยตัวดื้อไม่ไหวถ้าป่วย”
“ไม่ใช่ไม่กล้าอย่างเดียวครับ แต่พี่ฟ้าห้าม…เน้นคำว่าห้าม ห้ามป่วยเด็ดขาด”
หมื่นฟ้าหัวเราะในลำคอก่อนพยักหน้ารับ เ้าตัวหันทั้งตัวมาหาเขาแล้วก้มศีรษะให้มากกว่าเดิม คนตัวสูงที่เขาไม่เคยเอื้อมถึงในเวลานี้ยอมย่อส่วนตัวเองเพื่อให้เขาได้เช็ดผมง่าย ๆ ทำให้ที่รักเผลอยิ้มออกมา
หมื่นฟ้าเด็กดี…น่ารักชะมัดเลยครับ :)
ที่รักซับหยดน้ำตามเส้นผมให้หมื่นฟ้า เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกันระหว่างนั้น มีเพียงแค่เสียงเพลงที่หมื่นฟ้าเปิดคลอเบา ๆ ช่วยทำลายความเงียบที่พยายามคืบคลานเข้ามา…
เพลงนี้ที่รักเคยฟังตอนเด็ก ๆ
“ตัวดื้อครับ...”
“ครับ?”
“พี่ฟ้าขอรับสายเรียวหน่อยนะครับ”
“ได้ครับพี่ฟ้า” ที่รักจะถอนมือออกแต่ถูกหมื่นฟ้ารั้งไว้ เ้าตัวส่ายหน้าเบา ๆ แล้วร้องขอให้เขาเช็ดผมให้ต่อ ที่รักทำตามที่หมื่นฟ้าขอ เขาเช็ดผมให้หมื่นฟ้าไปเรื่อย ๆ ขณะเ้าตัวคุยธุระกับเพื่อน
เพราะหมื่นฟ้ามีคู่สนทนา เขาที่นั่งเช็ดหัวให้คนตัวสูงจึงต้องนั่งเงียบ ๆ อย่างเดียว แต่มันไม่ได้เงียบจนเกินไปเพราะเสียงเพลงที่ดังคลอในตอนนี้เริ่มดังขึ้นภายในใจเขา
และมันดังมากขึ้นเมื่อเห็นรอยยิ้มของหมื่นฟ้าขณะคุยโทรศัพท์
ดังขึ้นเมื่อได้สบตากับหมื่นฟ้า…
‘หากพรุ่งนี้ทุกอย่างหมุนไป ฉันคนหนึ่งจะยืนตรงที่เก่า’
“ที่เดิมเรียว…”
‘อยู่เพื่อบอกเธอ คำที่ค้างใจ ต่อให้มันจะไม่มีวันเป็จริงเลยก็ตาม อยากให้รู้ว่ารักเธอ’
“ไม่เปลี่ยนแปลง”
ที่รักไม่รู้ว่าทุกอย่างจะหมุนไปตามที่เนื้อเพลงบอกหรือเปล่า เพราะโลกของเราหมุนเปลี่ยนไปในทุก ๆ วัน แต่เขารู้สึกว่าตอนนี้โลกทั้งใบของเขาโคจรรอบตัวเองช้าลง…
ช้าลงจนเหมือนว่าโลกจะหยุดหมุน
TBC
#กี่หมื่นฟ้า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้