บทที่ 158 โลกกลมจริงๆ
หลินหรูมองทุกคนเดินหายไปจากสายตาเงียบๆ จากนั้นถึงได้ขมวดคิ้วมุ่นมองหลินหลิน
"หลินหลิน ทำไมนายต้องหาเื่เพื่อนฉันด้วย?"
"เพื่อนเธอ?" หลินหลินยิ้มขำ "เสี่ยวหรู ฉันว่าเธอใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาได้โง่เกินไปแล้วนะ คนที่เธอรู้จักมีแต่คนแบบนี้ทั้งนั้น!"
"ปัญญาอ่อน! นายรอเสียใจทีหลังได้เลย"
หลินหรูมองค้อนเขา ก่อนจะเดินหัวเสียเข้าไปในคฤหาสน์
"จื่อเฉิน นายอย่าไปโกรธหลินหลินเลยนะ เขาเป็พวกที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง นิสัยถึงได้เป็แบบนั้น"
อู๋ฮ่าวอวี่พูดปลอบใจเสียงแ่ เย่จื่อเฉินยกเครื่องดื่มบนโต๊ะขึ้นมา แล้วส่ายหน้ายิ้ม
"นายก็เกิดมาบนกองเงินกองทองเหมือนกันไม่ใช่หรือไง ทำไมไม่เห็นจะเหมือนเขาเลยล่ะ นิสัยคนเราก็แบบนี้แหละ นายไม่ต้องอธิบายอะไรมากมายแทนเขาหรอก นายเองก็ไม่สนใจคนแบบเขาอยู่แล้ว"
"เฮ้ย! ฉันไม่เหมือนเขาหรอก" อู๋ฮาวอวี่ส่ายหน้าหัวเราะ แล้วพูดขึ้น "ไม่ต้องพูดถึงเขาแล้ว ตอนแรกฉันว่าจะให้นายมาช่วยดูร่างกายของคุณปู่หลินให้หน่อยน่ะ"
"เขาไม่้านี่...เขาก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่ามีคนที่สามารถดูอาการให้ได้ นายก็เลิกกังวลได้แล้ว"
เย่จื่อเฉินตบบ่าอู๋ฮ่าวอวี่ แล้วโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นมา
เจิ้งเฉิง!
ตาแก่นี่โทรมาหาเขาทำไม?
"คุณตา"
เจิ้งเฉิงที่อยู่ในห้องทำงาน พอได้ยินเสียงเรียกจากในสายก็นิ่งไป ก่อนจะส่ายหน้ายิ้มอย่างขมขื่น
"เสี่ยวเย่ ว่างหรือเปล่า?"
"ต้องดูก่อนว่าคุณจะทำอะไร ผมถึงจะตัดสินใจได้ว่าว่างหรือไม่ว่าง"
"เธอจะระแวงฉันขนาดนี้ไปทำไม?" เจิ้งเฉิงยิ้มอย่างอ่อนใจ เย่จื่อเฉินกลอกตาแล้วพูด "ก็ช่วยไม่ได้ ผมรู้สึกว่าคนแก่อย่างคุณมีลูกเล่นเยอะแยะไปหมด ถ้าไม่ระวังหน่อยผมก็โดนคุณหลอกใช้ไม่รู้ตัวน่ะสิ"
"เธอพูดแบบนี้ฉันเสียใจนะ"
"คุณอยากเสียใจก็เสียใจไปเถอะ"
เย่จื่อเฉินหมดอารมณ์จะพูดกับเจิ้งเฉิงจริงๆ คุณตาผมขาวทั้งหัวแล้วยังจะแสร้งมาทำเป็อ่อนโยนกับเขาอยู่ได้
"คุณมีอะไรก็รีบพูดมาเลยเถอะ ผมยุ่งอยู่"
"โอเค ครั้งก่อนที่ฉันบอกนายว่าจะให้นายช่วยฉันดูอาการป่วยของเพื่อนฉันไง เขาเพิ่งมาจากปักกิ่ง เราจะไปดูกันหน่อยไหม?"
"ได้ คุณก็มาสิ ผมอยู่..."
เมื่อบอกสถานที่กับสถานที่กับเจิ้งเฉิงเรียบร้อยแล้ว เย่จื่อเฉินก็วางสายไป
มันช่วยไม่ได้ เขาตกลงเื่กับเจิ้งเฉิงไปแล้วจริงๆ นี่นา ถ้าเขากลับคำก็แปลว่าคำพูดของเขามันเชื่อไม่ได้
"จื่อเฉิน ถ้านายยุ่งอยู่ งั้นฉันไปล่ะ เมื่อกี้หลินหรูส่งข้อความมาว่าให้ฉันไปหาเธอ"
"ไปเถอะ ฝากทักทายหลินหรูแทนฉันด้วย"
หลังจากที่อู๋ฮ่าวอวี่ออกจากร้านคาเฟ่ไปแล้ว เย่จื่อเฉินก็มายืนอยู่ใต้ร่มผ้าใบนอกร้าน
ประมาณยี่สิบนาที รถเบนซ์สีดำคันหนึ่งก็ขับเข้ามาจอด
"เสี่ยวเย่"
เจิ้งเฉิงเดินยิ้มละมุนเข้ามาหา เย่จื่อเฉินปรายตามองรถที่เขาขับมา
โอ้โห!
รถเบนซ์ 760
"คุณ รถสวยดีนี่ ดูท่าว่าจะไม่เสียเวลาเปล่านะที่เป็หมอมาตั้งนาน คุณมีหลานสาวหรือเปล่า ให้ผมเป็หลานเขยดีไหม แบบนั้นชีวิตผมจะได้ลำบากน้อยลงหน่อย"
ที่จริงแล้วเย่จื่อเฉินแค่คิดว่าจะแซวตาแก่คนนี้เล่นเฉยๆ แต่ใครจะไปคิดว่าเจิ้งเฉิงจะดีใจแทนที่จะโกรธ หลังจากที่ได้ยินเขาก็พูดขึ้น
"ฉันมีหลานสาวจริงๆ นะ ให้ฉันแนะนำให้พวกเธอสองคนรู้จักกันเอาไหมล่ะ?"
...
ปรายตามองใบหน้าที่ดีใจของเจิ้งเฉิง
เหตุการณ์ดูจะไม่ค่อยปกตินะ
พ่ายแพ้อย่างราบคาบ เย่จื่อเฉินไม่ตอบกลับ แล้วเปิดประตูรถพาซุนหงอคงกับจินซานพ่างเข้าไปนั่งทันที
"เ้าเด็กคนนี้"
เจิ้งเฉิงเม้มปากยิ้ม เขาอยู่มาตั้งนานขนาดนี้แล้ว ทำไมจะฟังไม่ออกว่าเย่จื่อเฉินแค่แซวเล่น?
แต่คำตอบเมื่อครู่นี้เขาพูดจริงนะ
ทักษะทางการแพทย์ของเย่จื่อเฉินได้รับการยอมรับจากเขา เจิ้งเฉิงคิดว่าถึงแม้ว่าเขาจะมีความรู้ทางการแพทย์ แต่มันก็ยังแย่กว่าเย่จื่อเฉิน
ครอบครัวของเขาก็ทำอาชีพแพทย์ หลานสาวก็เรียนแพทย์
ถ้าสามารถแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกันได้จริงๆ บางทีมันอาจจะเป็โชคชะตาที่ดีก็ได้
ส่ายหน้าหัวเราะ แล้วความคิดนี้ก็ได้หยั่งรากลงไปในใจของเจิ้งเฉิง เขาได้แต่คิดอยู่ในใจ ถ้ามีโอกาสจะต้องทำให้เย่จื่อเฉินได้รู้จักกับหลานสาวของตัวเองให้ได้
"ลูกพี่ ทางนี้คุ้นตาจัง"
จินซานพ่างที่นั่งอยู่ในรถขมวดคิ้วเล็กน้อยมองไปนอกรถ หลิวฉิงที่ลอยติดอยู่บนหลังคาก็พยักหน้าตอบรับ
"จริงด้วย ดูเหมือนว่าเมื่อกี้ก็มาที่นี่ทีหนึ่งแล้วนะ"
เย่จื่อเฉินถึงได้มองออกไปนอกหน้าต่างรถ พอเงยหน้าขึ้น สีหน้าของเขาก็เหวอไปทันที
"คุณตา"
แม่เ้า! เขาเคยมาที่นี่แล้วจริงๆ ด้วย
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด อีกเดี๋ยวเจิ้งเฉิงก็น่าจะขับรถเข้าไปในบ้านตระกูลหลิน
"อะไรเหรอ?"
เจิ้งเฉิงไม่ได้หยุดรถ เย่จื่อเฉินถอนหายใจยาว แล้วพูดขึ้นอย่างจนปัญญา
"คนที่จะให้ผมมาดูอาการป่วยให้เขา ใช่คนแซ่หลินหรือเปล่า"
"เธอรู้ได้ยังไง?"
เจิ้งเฉิงชะงักไป พอได้ยินคำตอบกลับมา เย่จื่อเฉินก็ยิ้มอย่างอ่อนใจทันที
โลกกลมจริงๆ
เม้มปากยิ้มขำ เย่จื่อเฉินประสานมือไว้ท้ายทอย แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก
ไม่ผิดจากที่คาดคิดไว้ เจิ้งเฉิงขับรถเข้าไปในบ้านตระกูลหลินแล้วจริงๆ
รถขับเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลหลินโดยไร้ซึ่งสิ่งกีดขวาง รถเพิ่งขับเข้ามาจอด ก็มีคนกลุ่มหนึ่งยืนรอต้อนรับอยู่หน้าประตูแล้ว
หลินฮ่านเปิ่นเดินมาเปิดประตูให้เจิ้งเฉิงด้วยตัวเอง คนที่อยู่ในฐานะระดับเขาสามารถลดตัวลงมาทำถึงขนาดนี้ นับว่าไม่ง่ายเลย
"เจิ้งเฉิง"
บนใบหน้าประดับไว้ด้วยรอยยิ้มละไม ข้างหลังเขาก็ยังมีจ้าวซางอิ่ง ภรรยาของเขาอยู่ด้วย
แล้วก็ยังมีหลินหลินคนที่อวดดีเมื่อครู่นี้อีก
"คุณตาเจิ้ง"
หลินหลินทักทายเจิ้งเฉิงอย่างสุภาพ เจิ้งเฉิงพยักหน้ายิ้มรับ
เจิ้งเฉิงปรายตามองเข้าไปในรถโดยอัตโนมัติ และนึกถามตัวเองอยู่ในใจว่าทำไมเย่จื่อเฉินถึงไม่ลงจากรถ ในตอนนั้นหลินฮ่านเปิ่นก็ผายมือออกมา แล้วพูดขึ้น
"เจิ้งเฉิง เชิญๆ"
"เชิญอะไรกันเล่า เ้าภาพยังไม่ออกมาเลย นายใจร้อนเกินไปหรือเปล่า"
เจิ้งเฉิงยิ้มร่า หลินฮ่านเปิ่นถึงได้สังเกตเห็นว่าข้างในรถยังมีคนนั่งอยู่
"เจิ้งเฉิง..."
"ครั้งนี้คนที่จะมาดูอาการป่วยให้คุณท่านไม่ใช่ฉัน แต่เป็ยอดฝีมือคนหนึ่งที่ฉันเชิญมา ถ้ามีเขาอยู่ด้วย อาการป่วยของคุณท่านจะต้องรักษาได้แน่นอน"
หลินฮ่านเปิ่นทำหน้าตกตะลึง
ชื่อเสียงของเจิ้งเฉิงในวงการการแพทย์นั้นเป็ที่เลื่องลือ เป็หนึ่งในห้าคนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็มือหนึ่งของประเทศ
ขนาดคนระดับเขายังเรียกคนคนนั้นว่ายอดฝีมือ แสดงว่าต้องเป็บุคคลที่เก่งกาจมากแน่นอน
เมื่อนึกถึงการเมินเฉยเมื่อครู่นี้ เม็ดเหงื่อบนหน้าผากของหลินฮ่านเปิ่นก็ถึงกับหยดแหมะ พ่อของเขาเป็เสาหลักของตระกูลหลิน หากว่าการกระทำเมื่อครู่ทำให้ยอดฝีมือคนนี้ไม่พอใจแม้แต่นิดเดียวละก็...
หันไปพยักหน้ายิ้มให้เจิ้งเฉิง จากนั้นหลินฮ่านเปิ่นก็วิ่งไปอยู่ข้างประตูรถด้วยอาการเคารพนอบน้อม และยืนรออยู่อย่างนั้น
จินซานพ่างถูมือ เขาชอบเวลาที่ต้องแกล้งโง่แบบนี้ที่สุด
เขาอยากเห็นท่าทางตกที่นั่งลำบากของหลินหลินมานานแล้ว ถ้าไม่ติดว่าเย่จื่อเฉินห้ามเขาไว้ ป่านนี้เขาลงจากรถไปนานแล้ว
"ลูกพี่ ลงจากรถได้หรือยัง"
"ลงไปเถอะ"
เย่จื่อเฉินพยักหน้ารับ จินซานพ่างเชิดหน้าขึ้นทันที จากนั้นก็เดินลงจากรถด้วยใบหน้าเย่อหยิ่งจองหอง
"..."
ทันทีที่เห็นจินซานพ่าง หลินหลินก็หน้าเสียไปทันที
จากนั้น ซุนหงอคงกับเย่จื่อเฉินก็เดินลงมาจากรถ หลินหลินก็ยิ่งหน้าเสียมากกว่าเดิม
"ฮ่านเปิ่น ขอแนะนำให้นายรู้จักนะ ยอดฝีมือที่ฉันพูดถึงก็คือเพื่อนตัวน้อยคนนี้นี่แหละ"
อึก!
ใบหน้าของหลินหลินซีดขาวไปในทันที