องค์ชายใหญ่หยิบสุราเหยือกที่สี่มาด้วยความเบิกบานใจ ทว่าเขายังไม่ทันได้ดื่ม จู่ๆ เขาก็เอนล้มลงไปบนโต๊ะด้านหน้าจนทำเหยือกสุราแตกหมด
เขาอยากจะลุกขึ้นมา แต่ใช้แรงยันตัวไปหลายครั้งแล้วก็ยังลุกไม่ขึ้น เรียกได้ว่าเมาหัวราน้ำจริงๆ ! เขามองไปที่กูเฟยเยี่ยน มองไปมองมา เปลือกตาก็ค่อยๆ ปิดลงจนหมดสติไป
กูเฟยเยี่ยนหัวเราะเสียงดังลั่นด้วยความมึนเมา “เ้า เ้า…เ้าแพ้แล้ว! เหอะๆ เ้าแพ้…”
นางแสร้งทำเป็ไม่มีแรง ฟุบนั่งลงบนเก้าอี้พลางชี้นิ้วไปทางอวิ้นกุ้ยเฟย “ยังมีเ้า…เ้ามานี่นะ เ้าจะดื่ม…เ้าจะดื่มเท่าไหร่? ”
อวิ้นกุ้ยเฟยดึงหน้าตึง ดวงตามืดมนและเ็าของนางจับจ้องไปที่กูเฟยเยี่ยนโดยไม่พูดอะไรออกมา
ใบหน้าของกูเฟยเยี่ยนเป็สีชมพูระเรื่อๆ หญิงสาวลุกขึ้นมาด้วยความเบลอและดูเหมือนว่าจะเดินไปหาอวิ้นกุ้ยเฟย เพียงแต่ยืนมั่นคงได้สักพักก็ล้มลงไปนั่งเช่นเดิม นางยิ้มให้ตัวเอง ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลง หยุดการเคลื่อนไหว
อวิ้นกุ้ยเฟยระมัดระวังมาก นางไม่ได้ลุกขึ้นทันทีแต่นั่งจ้องกูเฟยเยี่ยนไประยะเวลาหนึ่งค่อยลุกเดินเข้าไปหากูเฟยเยี่ยน
นางบีบปลายคางของกูเฟยเยี่ยน หลังจากที่พิจารณาแล้วก็ปล่อยมือลงพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า “เ้าอยากจะพุ่งเข้ามาในประตูนรกเองนะ เหอะๆ ตอนนี้ข้าจะช่วยให้เ้าสมปรารถนาเอง! ”
โมโมะผู้เฒ่าที่อยู่ด้านข้างเข้าใจความหมายของอวิ้นกุ้ยเฟยทันที โมโมะผู้เฒ่าลากกูเฟยเยี่ยนลงไปที่พื้นเพื่อให้นางนอนราบ ก่อนจะทำการปลดกระดุมชุดเสื้อคลุมของนางทั้งหมด จากนั้นจึงดึงสายรัดเอวของนางออก
แค่คิดก็ทราบแล้วว่าพวกเขามีเจตนาอะไร
รอบข้างมีผู้ชายมากมาย กูเฟยเยี่ยนที่เป็ผู้หญิงเพียงคนเดียว เมาหัวราน้ำนอนที่นี่ในสภาพที่เครื่องแต่งกายไม่เรียบร้อย หากมีผู้คนมาพบเห็นแล้วจะคิดอย่างไรกัน?
ผู้หญิงหนึ่งคนผู้ชายมากมาย มั่วโลกีย์ นี่มันทำให้ผู้คนไม่กล้าจะจินตนาการเลยทีเดียว!
โมโมะผู้เฒ่าลังเลเล็กน้อย จากนั้นจึงถอดเสื้อคลุมของกูเฟยเยี่ยนออกไปแล้วปลดเสื้อซับด้านในให้ตกไปที่ไหล่
“กุ้ยเฟยเหนียงเหนี่ยง พระองค์ทอดพระเนตรหน่อยเพคะ”
อวิ้นกุ้ยเฟยเหลือบมองแวบหนึ่งอย่างไม่พอใจ “ถอดอีก! ”
โมโมะผู้เฒ่าทำต่อไป นางแหวกเสื้อซับด้านในของกูเฟยเยี่ยนออกจนหมดจนเผยให้เห็นถึงชุดชั้นใน
คราวนี้อวิ้นกุ้ยเฟยพึงพอใจแล้ว “พอแล้ว ปล่อยให้นางนอนแบบนี้แล้วกัน ไปปลดเสื้อผ้าของคนแถวนี้ออกให้หมดด้วย! ”
โมโมะผู้เฒ่าปฏิบัติตามทันที นางปลดเสื้อผ้าของเหล่าทายาทตระกูลขุนนางกับเหล่าองค์ชายที่อยู่รอบข้างจนหมด นี่คือการปลอมแปลงชัดๆ ผู้หญิงหนึ่งคนผู้ชายหลายคน นี่เป็ฉากมั่วโลกีย์เลยนะ!
ในขณะนี้กูเฟยเยี่ยนที่แกล้งทำเป็เมาได้ด่ากราดภายในใจแล้ว! เรียกได้ว่านางพิโรธเดือดพล่านมาก!
ตอนแรกนางคาดเดาเอาไว้ว่าอวิ้นกุ้ยเฟยจะจัดฉากนางกับผู้ชายไม่กี่คน คิดไม่ถึงเลยว่าจะอำมหิตถึงเพียงนี้! หากว่าผู้ที่ไม่ทราบเื่ราวมาพบเข้าจะคิดเห็นอย่างไรกัน? และต่อให้ฝ่าาตัดสินใจแทนนาง เขาจะไปหาใครมารับผิดชอบกัน?
อวิ้นกุ้ยเฟยสมกับที่เป็ผู้ดูแลตำหนักทั้งหก โเี้มาก!
กูเฟยเยี่ยนโกรธเหลือเกิน ในขณะนี้เองโมโมะผู้เฒ่าก็กระซิบถามอีกครั้ง “กุ้ยเฟยเหนียงเหนี่ยง องค์หญิงกับองค์ชายใหญ่นั้นจะต้อง…”
อวิ้นกุ้ยเฟยเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกระซิบแ่เบา “ไม่จำเป็แล้ว ปล่อยให้พวกเขาอยู่ที่นี่ไปเถอะ ฝ่าาขี้สงสัย หากละครนี้แสดงไม่สมบูรณ์ ฝ่าาก็อาจจะเกิดความสงสัยได้”
แน่นอนว่าอวิ้นกุ้ยเฟยจะไม่ไปพบฝ่าาด้วยตนเอง นางจะกลับไปตำหนักบรรทมแล้วแกล้งทำเป็ปวดหัวกลับมาก่อน ไม่ทราบเื่ราวใดทั้งสิ้น เมื่อฝ่าาเห็นว่าหวายหนิงกับเย่าเฉิงก็เมาอยู่ที่นี่เช่นกัน เขาก็จะไม่สงสัยมาที่นาง นางยอมให้หวายหนิงกับเย่าเฉิงถูกต่อว่า เพื่อที่จะทำให้ละครเื่นี้ดำเนินไปจนถึงที่สุด!
โมโมะผู้เฒ่าพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “เหนียงเหนี่ยงคิดได้รอบคอบจริงๆ เพคะ”
เมื่อได้ยินมาถึงตรงนี้กูเฟยเยี่ยนก็เผยรอยยิ้มเ็าออกมา เพียงแต่ก็หายไปในทันที
อวิ้นกุ้ยเฟยพูดคุยกับโมโมะผู้เฒ่าไปพร้อมกับเดินออกไปทางประตูด้านหลัง
จวินจิ่วเฉินที่อยู่นอกหน้าต่างโกรธจนถึงขีดสุดแล้ว เมื่อแน่ใจว่าอวิ้นกุ้ยเฟยกับคนรับใช้ออกไปแล้วเขาก็เตรียมที่จะเข้าไปช่วยนางในตำหนักทันที ทว่าจู่ๆ หมางจ้งก็ปรากฏตัวขึ้นมา
“เตี้ยนเซี่ย ทำไมท่าน…”
ทันทีที่หมางจ้งพูดออกมาจวินจิ่วเฉินก็หันหลังบังหน้าต่างครึ่งบานด้วยร่างกายของเขา พลันออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเ็า “หันหลังกลับไป! ”
หมางจ้งไม่ได้เข้าใจในทันที
น้ำเสียงของจวินจิ่วเฉินแข็งกร้าวขึ้นกว่าเดิม “หันไป! ”
หมางจ้งจึงได้สติขึ้นมา แม้ว่าจะไม่เข้าใจแต่ก็หันหลังไปอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
จวินจิ่วเฉินจึงหันกลับไปมองในตำหนักใหญ่ เดิมทีจะเข้าไปช่วยแต่เขาเห็นว่ากูเฟยเยี่ยนค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและบังเอิญหันหน้าเอียงมาทางฝั่งเขาพอดี บัดนี้ไหล่มนเนียนละเอียดของนางปรากฏวับๆ แวมๆ อย่างสละสลวยเหลือเกิน! บวกกับใบหน้าเล็กที่แดงระเรื่อของนางกับความเมาสะลึมสะลือสามส่วนในตอนนี้ นี่มันคือปีศาจยั่วยวนตัวน้อยชัดๆ !
ค่ำคืนนี้จวินจิ่วเฉินตกตะลึงเป็ครั้งที่สอง
แต่อย่างไรก็ตามกูเฟยเยี่ยนไม่รับรู้ว่าบัดนี้นางมีความยั่วยวนมากเพียงใด หลังจากที่นางสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็หันไปมององค์หญิงหวายหนิงทันที ภายในดวงตาของนางในตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธแค้น นางจึงด่าทอด้วยความโกรธจัด “ไปตายซะ! ”
อวิ้นกุ้ยเฟยที่ทราบว่าเทียนอู่ฮ่องเต้ขี้สงสัยจึงกระทำอย่างรอบคอบ แต่น่าเสียดายที่ในครั้งนี้จะต้องพ่ายแพ้ให้กับคำว่า “ความรอบคอบ” เมื่อสักครู่นี้ความคิดแรกของนางก็คือทำให้องค์หญิงหวายหนิงเมา นางไม่ได้ทำให้เมาเล่นๆ เท่านั้น แต่นางมีการเตรียมความพร้อมั้แ่แรกแล้ว นางจะใช้แผนซ้อนแผน!
เพียงแต่ตอนแรกนางวางแผนเอาไว้ว่าจะใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟันโดยการหาทายาทตระกูลขุนนางสักคนให้องค์หญิงหวายหนิง แต่ในตอนนี้นางเปลี่ยนความคิดแล้ว!
อวิ้นกุ้ยเฟยอำมหิตต่อนางถึงเพียงนี้ หากนางไม่อำมหิตยิ่งกว่า เกรงว่าอวิ้นกุ้ยเฟยกับคนของเขาคงจะไม่มีวันหลาบจำ!
“พวกเ้าไร้มนุษยธรรม ดังนั้นจึงอย่าโทษที่ข้าไร้ความเมตตา! ”
กูเฟยเยี่ยนทำแบบเดียวกันกับที่โมโมะผู้เฒ่าถอดเสื้อผ้าของนาง นางปลดเสื้อคลุมกับเสื้อซับด้านในขององค์หญิงหวายหนิงออกแล้วลากองค์ชายใหญ่จวินเย่าเฉิงที่เป็พี่ชายแท้ๆ ขององค์หญิงหวายหนิงมา นางให้เขาทับอยู่บนร่างขององค์หญิงหวายหนิงแล้วปลดคอเสื้อของเขาออก
จากนั้นนางก็มองไปบริเวณโดยรอบอีกครั้ง เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่ได้ทิ้งความน่าสงสัยเอาไว้ นางก็กลับไปที่ของตนเองแล้วฟุบลงแกล้งเมาต่อไป
จวินจิ่วเฉินที่อยู่ด้านนอกหน้าต่างได้สติกลับมา เขารู้ว่าตนเองไม่จำเป็ต้องปรากฏตัวไปช่วยนางแล้ว เขาไม่คิดว่ากูเฟยเยี่ยนอำมหิตเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับเผยรอยยิ้มที่ดูเหมือนกับทำอะไรไม่ถูก
เขาพบว่าหญิงสาวคนนี้มีความสามารถในการจัดการอันตรายกับปัญหายุ่งยากได้ชาญฉลาดกว่าที่คิดเอาไว้มาก นางทั้งเด็ดขาดและเหี้ยมโหด แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่อยากให้นางต้องเผชิญหน้ากับอันตรายและปัญหายุ่งยากเหล่านี้
เขามองเหยือกสุราที่อยู่ทั่วพื้นแล้วครุ่นคิดในใจ เขาควรมอบฐานะให้นางแบบไหนถึงจะทำให้นางหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็เหล่านี้ได้?
จวินจิ่วเฉินครุ่นคิดในขณะที่กูเฟยเยี่ยนกำลังพักผ่อน
ตำหนักไท่จี๋ขนาดใหญ่จมลึกอยู่ในความเงียบสงบราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างได้หลับใหลไปจริงๆ
แต่ผ่านไปไม่นานกลุ่มขององค์ชายกับองค์หญิงที่ไม่ได้รับเชิญก็ได้ยินข่าวคราวดังกล่าว ข่าวที่พวกเขาได้ยินมาคือองค์ชายแปดกับเฉิงอี้เฟยต่อสู้กันด้วยความหึงหวงกูเฟยเยี่ยน พวกเขาแข่งแพ้ชนะด้วยการดื่มสุรา ซึ่งแน่นอนว่าอวิ้นกุ้ยเฟยเป็ผู้จงใจกระจายข่าวพวกนี้
ประตูตำหนักใหญ่ถูกปิดอยู่ บ่าวรับใช้ของแต่ละจวนแต่ละตำหนักล้วนรออยู่ด้านนอก ทุกคนเห็นว่ามีเ้านายมากมายวิ่งเข้ามาโดยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่ถามแล้วทุกคนจึงเกิดความสงสัยมากขึ้นไปอีก
ในขณะนี้เองก็มีเสียงะโของเหมยกงกงดังขึ้นมาจากด้านนอกของกลุ่มคน “ฝ่าาเสด็จ! ”
เทียนอู่ฮ่องเต้ได้ยินข่าวเดียวกันกับทุกคน เดิมทีเขาใกล้จะบรรทมแล้ว แต่เมื่อได้ยินข่าวก็โกรธจนต้องรีบมาที่นี่
ทุกคนล้วนหลีกทางให้อย่างรู้ตัวดี พวกเขาถอยเปิดเส้นทางให้เทียนอู่ฮ่องเต้เสด็จผ่านเข้าไป ทางด้านของเหมยกงกงนั้นเดินนำอยู่ด้านหน้าแล้วผลักประตูตำหนักใหญ่ออก
ทันทีที่เทียนอู่ฮ่องเต้เข้าไปด้านใน ไม่ว่าจะเป็เ้านายหรือคนรับใช้ก็ล้วนล้อมรอบเข้ามา…