ทันทีที่ถ้อยคำของฉู่ชิงหลุดออกมา สตรีผู้เป็มารดาที่เพิ่งนั่งลงไปพลันลุกยืนขึ้นทันที จับมือฉู่ชิงอย่างะเืใจ จ้องมองั์ตาของฉู่ชิง ในสายตาของสตรีผู้นั้น เห็นได้ชัดว่ามีบางสิ่งกำลังลุกโชนอย่างร้อนแรงผิดปกติ แม้แต่น้ำเสียงของนางยังสูงขึ้นมาก “เ้า...บนโลกใบนี้ไม่มีสตรีใดที่คู่ควรกับเ้า ฐานะของเ้าสูงส่ง บนแผ่นดินชื่ออวี่แห่งนี้...”
ทว่ายามที่สตรีผู้นั้นเอ่ยถึงตรงนี้ นางกลับหยุดปากลงทันที ราวกับว่านางตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ดวงตานางพลันเป็ประกาย และเมื่อนางมองไปที่ฉู่ชิงอีกครั้ง นางระงับความะเืใจเมื่อครู่นี้ของตนเองลง สายตาแฝงแววรักใคร่เอ็นดูมากขึ้น “จื๋อหร่าน เ้าเป็บุตรชายของแม่ทัพเอก ทั้งยังเป็คนสำคัญของฝ่าา ฐานะไม่ธรรมดา แม้นใบหน้าจะเสียโฉม แต่จะดูถูกตัวเองไม่ได้ คราวหน้าจะพูดแบบนี้อีกไม่ได้ แม่ฟังแล้ว...รู้สึกปวดใจ”
“จื๋อหร่านเข้าใจแล้ว” ฉู่ชิงขมวดคิ้ว ดวงตาพาดผ่านประกายบางอย่าง รวดเร็วเสียจนผู้คนสังเกตไม่ทัน
ฉู่ชิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง โบกมือไล่ความคิดในใจ ครั้นนึกถึงวันเกิดของเหนียนยวี่ในวันพรุ่งนี้ เขาจึงเอ่ยออกมาว่า “พรุ่งนี้เป็วันเกิดของเหนียนยวี่ ลูกอยากจะหมั้นหมายเื่แต่งงาน แต่ยังทำให้ท่านแม่กับท่านพ่อเป็กังวล”
สตรีผู้นั้นเหลือบมองฉู่ชิง ราวกับ้าจะพูดอะไร แต่เมื่อเห็นความแน่วแน่ในดวงตาของเขา นางทำได้เพียงเลิกสนใจความคิดของตัวเอง
ด้านข้าง ฉู่เซียงจวินหันมองไปที่ฉู่ชิง ทว่าหัวใจของนางกลับรู้สึกอึดอัดอย่างประหลาด หลังจากฮูหยินท่านแม่ทัพนั่งลงได้สักพัก ไม่นานก็ออกไป ฉู่เซียงจวินผู้เป็น้องสาวร่วมสายเืที่ยังอยู่ในห้องอักษร ในที่สุดก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
"จื๋อหร่านชอบคุณหนูรองเหนียนหรือไม่?"
ทันทีที่นางถามคำถามออกไป ฉู่เซียงจวินรู้สึกเสียใจเล็กน้อย เพราะนางกังวลเกี่ยวกับคำตอบนี้อยู่บ้าง
ชอบ?
ภายใต้หน้ากาก ใบหน้าหล่อเหลาของฉู่ชิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ร่างของเหนียนยวี่พลันผุดขึ้นในหัวของเขา ท่าทีสงบนิ่งอ่อนโยน คอยรักษาระยะห่างกับผู้คน กล้าหาญและแน่วแน่ ราวกับว่ามีหลายส่วนในร่างกายของนางที่ทำให้ผู้คนไม่สามารถละสายตาออกไปได้...
บรรยากาศพลันเงียบนิ่ง
ฉู่เซียงจวินจับตาดูประกายในั์ตาดำของฉู่ชิง นางรู้สึกตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ราวกับว่ารู้คำตอบอยู่แล้ว
จื๋อหร่าน...ชอบเหนียนยวี่!
ในดวงตาคู่นั้น มีคำว่า ‘ชอบ’ เขียนไว้ชัดเจน นี่คือสิ่งที่นางไม่เคยเห็นในตัวเขามาก่อน และตอนนี้...
เหนียนยวี่ผู้นั้นเป็สตรีที่พิเศษจริงๆ หรือ?
คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้จื๋อหร่านปฏิบัติด้วยอย่างพิเศษถึงเพียงนี้!
เมื่อคิดถึงวันนั้น ยามอยู่ที่ด้านนอกค่ายเสินเช่อ การตัดสินใจของหญิงสาวผู้นั้นช่างเด็ดขาดต่างไปจากผู้อื่นอย่างแท้จริง!
ฉู่เซียงจวินถอนความคิดกลับมา มองไปที่ฉู่ชิงครู่หนึ่งและค่อยๆ เอ่ยขึ้น “จื๋อหร่านอย่าลืมเื่ที่สัญญากับข้า แต่งกับพี่สะใภ้แล้ว จะต้องห้ามให้นางใบหน้าของท่านเด็ดขาด มิเช่นนั้น...ข้าก็จะไม่ยอม!”
ครั้นเอ่ยจบ ไม่รอให้ฉู่ชิงตอบ นางก็ออกจากห้องไป ปล่อยให้ฉู่ชิงอยู่คนเดียวในห้องอักษร คำพูดของฉู่เซียงจวินยังคงดังก้องอยู่ในหูของเขา...
ห้ามให้นางเห็นหน้าเขางั้นหรือ?
ทว่าั้แ่ครั้งแรกที่ทั้งสองพบกันที่เหตุการณ์ไฟไหม้ นางก็ได้เห็นใบหน้าของเขาไปแล้ว
เหนียนยวี่...
ในโลกใบนี้ นอกจากตนเองและท่านแม่ นางเป็คนเดียวที่รู้ความลับภายใต้หน้ากากนี้ ดังนั้น...
ดังนั้น ทางเดียวคือเก็บนางไว้ข้างกาย เป็สิ่งที่ไว้ใจได้มากที่สุด!
ฉู่ชิงยิ้มแย้ม ครุ่นคิดเกี่ยวกับเื่ที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ แม้แต่ตัวเขายังไม่รู้ตัวเอง ในใจจึงรู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อยอย่างเหนือความคาดหมาย
……
ราตรีในเมืองชุ่นเทียน เงียบสงัดราวผืนน้ำ
ห่างจากเมืองชุ่นเทียนไปสามสิบลี้ ในค่ำคืนอันมืดมิดนี้ มีผู้คนกลุ่มหนึ่งยังคงขี่ม้าห้อทะยานต่อไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดพัก
ในกลุ่มมีบุรุษในชุดคลุมสีทองโอ่อ่าดูเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไกล ดวงตาดอกท้อลุกวาวเป็ประกาย มองตรงไปข้างหน้า มีเพียงเป้าหมายเดียวในดวงตาของเขา ‘เมืองชุ่นเทียน’!
ดูเหมือนว่ายิ่งเข้าใกล้เมืองชุ่นเทียนมากเท่าใด ความกระตือรือร้นในใจก็ยิ่งยากจะระงับ เขาแทบจะอดใจพุ่งทะยานไปหาใครบางคนไม่ไหว!
จ้าวอี้คิดถึงคำมั่นสัญญาก่อนออกเดินทางที่ให้ไว้กับเหนียนยวี่ว่า เมื่อถึงวันเกิดนาง เขาจะไปสู่ขอ!
พรุ่งนี้วันเกิดนางแล้ว เขาคิดคำนวณเวลา เขาขี่ม้าไม่หยุดเช่นนี้ พรุ่งนี้เช้าจะต้องไปถึงทันตามกำหนดการ!
ใน่สองเดือนที่ผ่านมานี้ เขาออกไปดูแลงานราชการที่ต่างถิ่น จึงได้เข้าใจเื่บางอย่างมาเื่หนึ่ง
เหนียนยวี่...
เขาคิดว่า ตอนนั้นที่เขามีความคิดอยากขอแต่งกับเหนียนยวี่เป็เพราะแค่ไม่อยากให้นางไปแต่งงานกับคนอื่น ต่อมาเมื่อคิดอย่างละเอียดที่จะได้ตัวนาง จึงได้รู้ใจตัวเองว่า หัวใจของเขาถูกสาวน้อยนางนั้นขโมยไปเรียบร้อยแล้ว
ร่างของเหนียนยวี่ผุดขึ้นในหัวของจ้าวอี้ ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มปะทะกับลมหนาว ทว่ามุมปากของเขากลับค่อยๆ ยกยิ้ม
ฮ่า เด็กสาวผู้นั้น!
คราแรก เขาเห็นนางเป็ดังบุรุษ นางแตกต่างจากหญิงสาวนางอื่นๆ นางไม่ถ่อมตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่เกาะติดหรือพยายามเอาอกเอาใจเขา ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความลึกลับและสติปัญญาที่ดูไม่สมกับวัยของนาง
ไม่รู้ั้แ่เมื่อใด ในขณะที่ไม่ทันได้สังเกต เขาก็ยิ่งชอบอยู่กับนางมากขึ้นเรื่อยๆ เขาชอบมองรอยยิ้มบนใบหน้านาง ชอบความสงบนิ่งมั่นคงที่ราบเรียบของนาง
กระทั่งได้เห็นนางกับจื๋อหร่านร่วมเป็ร่วมตาย ตกทุกข์ได้ยากร่วมกัน ทั้งยังได้รับรู้ถึงความคิดของเสด็จพี่หลีอ๋องที่มีต่อยวี่เอ๋อร์นั้นไม่ธรรมดา เขาก็เกิดรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง
เขากลัวว่ายวี่เอ๋อร์จะชอบพวกเขาคนใดคนหนึ่ง!
ในเวลานี้ ในใจเขารู้สึกมีความสุขมากที่วันนั้นตัวเองตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่นไปโดยไร้เหตุผล
ขอแต่งงาน!
เขา้าให้ยวี่เอ๋อร์ตัวน้อยกลายเป็พระชายาเอกของเขา ‘มู่หวังเฟย’ ตำแหน่งนั้นจะติดปีกให้นางโบยบินอยู่ข้างบนตลอดไป
ชาตินี้ เขาจะทำอย่างสุดความสามารถเพื่อปกป้องนางให้ปลอดภัย และให้นางได้มีชีวิตที่สุขสบาย!
วันพรุ่งนี้...
จ้าวอี้ยื่นมือขึ้นมาตรวจสอบบางสิ่งใต้ชุดคลุม บริเวณหน้าอกของตนเอง
ความร้อนแรงจดจ่อในหัวใจของบุรุษบนหลังม้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เขาตีแส้บนหลังม้า เพื่อเร่งความเร็วขึ้นอีกครั้ง
คนกลุ่มหนึ่งเข้าไปในป่า ป่าแห่งนี้ไม่ใหญ่มากนัก ทว่าด้วยต้นไม้ใบหญ้าที่ชุกชุมหนาทึบ บวกกับจิตใจของบุรุษที่เปี่ยมล้นไปด้วยอารมณ์ตื่นเต้น ในใจครุ่นคิดถึงแต่คนงาม จึงไม่ได้สังเกตสภาพแวดล้อมรอบข้าง ที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป
ทันใดนั้น ในอากาศพลันเกิดะเิรุนแรง มีบางอย่างพุ่งทะลวงแหวกตัดอากาศ ในราตรีนี้ใครบางคนกำลังแอบซุ่มดักจับการเคลื่อนไหว ประหนึ่งงูที่แลบลิ้นตรวจจับรอบด้าน อันตรายที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวจนตัวสั่น
ลูกธนูปลายขนนกแหวกผ่านอากาศในความมืดมิด ทะลุเข้าิั เสียง ‘ฉึก’ ดังขึ้น พร้อมกับเสียงร้องคำรามของม้าในวินาทีถัดมา ทหารองครักษ์หนึ่งคนในกลุ่มกลิ้งตกลงจากหลังม้าที่ล้มลง
“อารักขาท่านอ๋องมู่...”
ทุกคนตระหนักได้ทันทีว่าเื่นี้ไม่ปกติ หนึ่งในทหารองครักษ์พลันเอ่ยะโออกมาเสียงดัง
ทันใดนั้น ทุกคนพลันตื่นตัว กลุ่มทหารองครักษ์เข้ามาล้อมปกป้องจ้าวอี้ให้อยู่ตรงกลาง และหันหน้าออกไปด้านนอกอย่างเตรียมพร้อมตั้งรับ
ทว่าหลังจากธนูดอกเมื่อครู่นี้ บรรยากาศกลับมาสงบเงียบลง
"ใคร? มีฝีมือยิงธนูออกมาจากที่ลับ แต่กลับไร้ฝีมือจะเสนอหน้าออกมางั้นหรือ?"
จ้าวอี้เอ่ยอย่างเด็ดเดี่ยว ระหว่างทางเขาเจออุปสรรคหลายต่อหลายครั้ง แต่นี่เป็ครั้งแรกที่เขาเจอสถานการณ์เช่นนี้
ราวกับว่ามีใครบางคนจงใจขัดขวาง ไม่ให้เขากลับไปที่เมืองชุ่นเทียน
ทันทีที่คำพูดของจ้าวอี้หลุดออกมา ลูกธนูขนนกอีกดอกพลันพุ่งเข้ามา และมันพุ่งตรงไปที่หน้าผากของจ้าวอี้ ปลายธนูแหลมคมตัดผ่านอากาศแฝงเจตนาโเี้ หมายปลิดชีวิตเขา ดวงตาของจ้าวอี้กระตุกไปครู่หนึ่ง ทว่ายามที่ลูกธนูใกล้จะโดนตัว เขาพลันเอียงตัวเล็กน้อย ลูกธนูดอกนั้นปัดผ่านเส้นผมจ้าวอี้ไปอย่างฉิวเฉียด
ในขณะนั้นเองที่จ้าวอี้พบที่มาของลูกธนู ั์ตาเขาพลันฉายประกายเดือดพล่าน “เปิ่นหวางอยากรู้เสียจริงว่า ผู้ใดช่างพยายามคิดขัดขวางเส้นทางของเปิ่นหวางถึงเพียงนี้!”
ครั้นถ้อยคำของจ้าวอี้หลุดออกไป ทหารองครักษ์รอบข้างต่างรีบเข้ามาปิดล้อมปกป้องเขาอย่างแ่าขึ้นทันที