ทันทีที่สวี่เยว่มาถึงบ้านของจูฉีเจี้ยน ยายแก่จูก็จำเสียงฝีเท้าของเธอได้ โมโหจนกัดฟันกรอด ๆ
แม้ก่อนหน้านี้สวี่ฮุ่ยจะวิ่งมาบอกว่าหลานชายของเธอถูกตำรวจจับเพราะสวี่เยว่ แต่เธอก็ไม่ค่อยเชื่อนัก
ทว่าหลังจากที่สวี่ฮุ่ยจากไปไม่นาน ผู้ใหญ่บ้านก็มาบอกเธอว่าหลานชายของเธอถูกคุมขังอยู่ในสถานกักกัน รอการตัดสินโทษ สาเหตุของการถูกจับก็ยังใกล้เคียงกับที่สวี่ฮุ่ยเล่า
ผู้ใหญ่บ้านบอกว่าก่อนที่หลานชายของเธอจะได้รับการปล่อยตัว เ้าหน้าที่หมู่บ้านจะดูแลเื่อาหารการกินของเธอ
แต่ใครจะดูแลเธอได้ดีเท่าสวี่ฮุ่ย?
พวกเ้าหน้าที่หมู่บ้านก็แค่ทำแบบขอไปทีเท่านั้น
ยายแก่จูไม่มีใครดูแลเื่ขับถ่าย เลยมักจะขับถ่ายรดกางเกงเป็ประจำซึ่งทำให้เธอรำคาญและอึดอัดมาก
ถ้าสวี่เยว่ไม่ยุยงให้หลานชายของเธอไปวางแผนทำร้ายสวี่ฮุ่ย สวี่ฮุ่ยคนโง่นั่นจะเลิกสนใจเธอได้ยังไง?
ถึงแม้คนโง่นั่นจะไม่สนใจเธอ ก็ยังมีหลานชายผู้กตัญญูคอยดูแล เธอคงไม่ต้องใช้ชีวิตลำบากขนาดนี้
แต่หลานชายของเธอดันถูกสวี่เยว่ทำร้ายจนต้องติดคุก
ในใจของยายแก่จูเต็มไปด้วยความเกลียดชังสวี่เยว่ แต่คำพูดของเธอกลับเปี่ยมไปด้วยความเมตตา “เยว่เยว่มาเหรอ?”
สวี่เยว่พยายามกลั้นอาการคลื่นไส้ บีบจมูกแล้วพูดเสียงอู้อี้ “หนูเองค่ะ เสี่ยวเจี้ยนอยู่บ้านไหมคะ?”
“เสี่ยวเจี้ยนไม่อยู่ แต่ฉันอยากมอบกำไลทองคำมรดกตกทอดของครอบครัวให้กับเธอ”
สวี่เยว่เคยได้ยินจูฉีเจี้ยนพูดถึงกำไลทองคำหนักอึ้งมรดกตกทอดของย่าเขาอยู่
ถ้าว่าที่หลานสะใภ้กตัญญูต่อเธอ หลังจากเธอตายไปแล้ว เธอจะมอบกำไลทองคำวงนี้ให้กับหลานสะใภ้
ยายแก่นี่คงอยากให้เธอเป็หลานสะใภ้ ถึงได้เอากำไลทองคำมาให้เธอล่วงหน้าสินะ?
สวี่เยว่ดีใจจนเนื้อเต้นทันที เธอไม่สนใจว่าในห้องจะเหม็นเหมือนส้วมแค่ไหน รีบเดินไปที่ข้างเตียงอย่างมีความสุข ถามด้วยท่าทีเขินอาย “ย่าจู กำไลทองอยู่ไหนคะ?”
“อยู่ที่นี่!” เสียงของยายแก่จูเปลี่ยนเป็ดุร้ายในทันใด
เธอเป็อัมพาตแค่ครึ่งล่างเท่านั้น ส่วนครึ่งบนยังขยับได้ตามปกติ
มือข้างหนึ่งของเธอกระชากผมของสวี่เยว่ ส่วนอีกข้างคว้าอุจจาระอุ่น ๆ ก้อนใหญ่จากเป้ากางเกง พยายามยัดเข้าไปในปากสวี่เยว่
“ไม่มีกำไลทองหรอก แต่มีทองคำเยอะแยะเลยล่ะ!”
สวี่เยว่รู้สึกขยะแขยงอยากอาเจียน เธอดิ้นรนสุดกำลัง จนผมหลุดติดมือยายแก่จูไปเป็กระจุกกว่าจะหลุดพ้นจากกรงเล็บของย่าจูได้
สวี่เยว่หน้าเลอะอุจจาระ วิ่งไปที่ห้องครัว ตักน้ำจากโอ่งมาบ้วนปากพลางอ้วกออก ล้างอยู่นานจนเหลือแต่น้ำย่อย เธอค่อยร้องไห้กลับบ้าน
แม้กู่ซิ่วจะอารมณ์ไม่ดีเพราะถูกพักงาน แต่เธอยังคงห่วงใยสวี่เยว่อยู่เหมือนเดิม
พอเห็นสวี่เยว่สีหน้าไม่สู้ดี เธอก็ถามอย่างเป็ห่วง “ลูกเป็อะไร? ทำไมหน้าซีดจัง? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
สวี่เยว่ไม่กล้าพูดความจริง จึงส่ายหน้า “หนูไม่ได้ไม่สบายตรงไหนค่ะ อาจจะแค่เป็ลมแดดนิดหน่อย”
กู่ซิ่วเอ็ดด้วยความห่วงใย “รู้อยู่แล้วว่าตัวเองร่างกายอ่อนแอ ยังจะวิ่งเล่นตากแดดอีก ไม่เป็ลมแดดสิแปลก! แม่จะออกไปซื้อแตงโมมาให้ลูกคลายร้อน” พูดจบก็เดินออกจากบ้าน
ระหว่างทางผ่านห้องรับรอง เห็นสวี่ฮุ่ยกำลังติวหนังสือให้เด็ก ๆ ในบ้านพักอย่างขะมักเขม้น กู่ซิ่วจึงถลึงตาใส่เธออย่างไม่พอใจ
สวี่เยว่เทน้ำร้อนในกระติกน้ำร้อนหลายขวดลงในอ่างอาบน้ำทั้งหมด อาบน้ำชำระร่างกายอย่างดี แม้แต่ผมก็สระหลายรอบ เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วถึงรู้สึกคลื่นไส้น้อยลง
กู่ซิ่วซื้อแตงโมเสร็จแล้วกำลังกลับบ้าน พอมาถึงหน้าประตูบ้านพักก็ถูกแม่ฉินที่รอคิดบัญชีอยู่ดักไว้พอดี
ทันทีที่แม่ฉินเห็นกู่ซิ่ว เธอก็พุ่งเข้าใส่เหมือนลูกะุปืนใหญ่ แล้วตบหน้ากู่ซิ่วเพี๊ยะ ๆ ๆ ฉาดใหญ่หลายครั้งติดต่อกัน
จนกู่ซิ่วถึงกับมึนงง แตงโมที่ถืออยู่ร่วงลงพื้นแตกกระจาย
แม่ฉินตบไปด่าไปเสียงดัง “นังกู่! นังสารเลว เมื่อวานนี้แกกับลูกสาวคนเล็กของแกเป็ฝ่ายมาบ้านฉัน อ้อนวอนให้พวกเราบ้านฉินสู่ขอลูกสาวคนโตของแกแท้ ๆ”
“บอกว่าแค่แต่งงานกับลูกสาวคนโตของแกก็จะได้เงินรางวัลหลายพันหยวนที่ลูกสาวคนโตของแกถืออยู่ ฉันแค่ต้องแบ่งเงินให้แกสองพันเป็สินสอดก็พอ”
“แต่แกกลับไปบอกหัวหน้าแกว่าบ้านฉันเป็ฝ่ายที่อยากจ่ายสองพันหยวนเพื่อแต่งงานกับสวี่ฮุ่ย ทำให้คนในสหพันธ์สตรีมาสั่งสอนฉันถึงบ้าน แกนี่มันร้ายกาจจริง ๆ!”
กู่ซิ่วคาดการณ์ไว้ว่าคำโกหกที่เธอพูดจะถูกเปิดโปงตอนเพื่อนร่วมงานไปตำหนิแม่ฉิน และจะทำให้หัวหน้ากับเพื่อนร่วมงานดูถูกนิสัยของเธอยิ่งกว่าเดิม
แต่เธอไม่คิดว่าแม่ฉินจะบุกมาถึงบ้านแบบนี้
ตอนนี้เป็เวลาเลิกงานพอดี แม่ฉินตบตีด่าทอกู่ซิ่ว เลยเรียกผู้คนมามุงดูมากมาย
เหล่าป้า ๆ ยาย ๆ ในบ้านพักก็วิ่งออกมาดูเหตุการณ์
เื่ใหญ่โตถึงขนาดที่สวี่เยว่ที่ไม่รู้เื่ราวก็วิ่งออกไปมุงดูด้วย
พอเห็นว่าคนที่ถูกตบคือกู่ซิ่ว เธอก็แอบกลับเข้าไปหลบในบ้านทันที
สวี่ฮุ่ยเพิ่งติวหนังสือให้เด็กมัธยมปลายที่ห้องรับรองเสร็จ กำลังจะกลับบ้าน
ได้ยินเสียงดังโวยวายจากด้านนอกบ้านพัก เธอก็ไม่ได้สนใจอะไร
จนกระทั่งพวกเสี่ยวเหลียนวิ่งมาบอกเธอว่ากู่ซิ่วถูกคนตบ เธอถึงได้รีบวิ่งไปมุงดูด้วยความสะใจ
สวี่ฮุ่ยเห็นทุกการกระทำของสวี่เยว่กับตา
สวี่ฮุ่ยยิ้มเยาะอย่างดูถูก
สวี่เยว่นี่เห็นแก่ตัวจนเกินเยียวยาจริง ๆ กู่ซิ่วดีกับเธอขนาดนั้น แต่พอเห็นกู่ซิ่วถูกตบเธอกลับไม่ปกป้องซะงั้น
แสดงว่าที่สวี่เยว่ปกป้องกู่ซิ่วตอนอยู่ในบ้าน เป็เพราะรู้ว่าสวี่ต้าซานจะไม่ตบเธอ จึงแกล้งแสดงละคร
สวี่ต้าซานปั่นจักรยานกลับบ้าน เห็นคนมุงดูกันเต็มหน้าประตูบ้านพัก
เขายืดคอมอง เห็นภรรยาตัวเองถูกคนตบ ก็โยนจักรยานแล้วพุ่งเข้าไปทันที
สวี่ต้าซานแย่งกู่ซิ่วที่ถูกแม่ฉินจับกดลงพื้นออกมา แล้วะโใส่แม่ฉินอย่างเกรี้ยวกราด “ทำไมถึงตบตีภรรยาผม!”
แม่ฉินสวนกลับ “ทำไมฉันจะตบภรรยานายไม่ได้?”
จากนั้นก็เล่าเื่ที่กู่ซิ่วมาหาเธอ รวมถึงคำโกหกที่กู่ซิ่วพูดกับผู้อำนวยการหงให้สวี่ต้าซานฟังทั้งหมด
แล้วพูดอย่างเคียดแค้นว่า “ภรรยานายคิดจะหลอกลูกสาวคนโตของตัวเอง แต่กลับอยากโยนความผิดให้ฉัน ฉันไม่ควรจะตบตีมันหรือไง!”
สวี่ต้าซานถึงกับโต้กลับไม่ถูก เขาไม่คิดว่ากู่ซิ่วจะแอบคิดร้ายกับสวี่ฮุ่ยลับหลังเขา
ผ่านไปครู่หนึ่ง สวี่ต้าซานจึงโบกมือไล่แม่ฉินด้วยความเหนื่อยหน่าย “ตบก็ตบแล้ว ด่าก็ด่าแล้ว กลับไปเถอะ ต่อไปอย่ามาตบตีด่าทอภรรยาผมอีก ไม่งั้นผมไม่ปล่อยเธอไว้แน่!”
แม่ฉินเห็นว่าได้เปรียบแล้วถึงหยุด พูดบ่นพึมพำแล้วเดินจากไป
สวี่ต้าซานกับภรรยากลับบ้านด้วยกัน
ตลอดทางได้รับสายตาแปลก ๆ จนพวกเขาทั้งคู่หน้าเสีย
สวี่ฮุ่ยกลับบ้านก่อนสวี่ต้าซานกับภรรยา เธอนั่งอ่านตำราแพทย์อยู่ในห้องนั่งเล่น ทันใดนั้นสวี่เยว่ก็ะโถามเธอเสียงดัง “พี่ ตอนนั้นพี่อยู่ในเหตุการณ์ ทำไมไม่ปกป้องแม่?”
สวี่ฮุ่ยมองออกไปนอกหน้าต่าง ที่แท้สวี่ต้าซานกับภรรยาก็กลับมาแล้ว
สวี่ฮุ่ยตอกกลับเสียงดัง “เธอก็อยู่ตรงนั้น ทำไมไม่ปกป้องแม่ แม่ดีกับเธอมากขนาดนั้นแท้ ๆ!”
เธอแค่นเสียงเ็า “หมาบ้าแบบเธอ พอมีโอกาสก็จะกัดฉัน แต่ลืมไปแล้วว่าตัวเองก็ผิดเหมือนกัน!”
หน้าสวี่เยว่ซีดเผือด พูดตะกุกตะกัก “ฉะ…ฉันป่วย ฉันเข้าไปปกป้องแม่ไม่ได้ ถ้าฉันถูกน้าฉินตบจนโรคหัวใจกำเริบขึ้นมา ครอบครัวก็ต้องเสียเงินอีก”
สวี่ฮุ่ยปรบมือ “ข้ออ้างไร้สาระนี่ไม่เลวเลยนะ เธอช่างเป็ห่วงครอบครัว เป็ห่วงพ่อแม่เสียจริง!”
“ถ้าเธอปกป้องแม่แล้วถูกน้าฉินตบจนโรคหัวใจกำเริบ พวกเราก็แจ้งตำรวจสิ ค่ารักษาพยาบาลบ้านสกุลฉินต้องออกให้ไม่ใช่เหรอ?”
“กลัวโดนตบ ไม่กล้าปกป้องแม่ ยังมีหน้ามาหาข้ออ้างอีก?”
“ฉันไม่ปกป้องแม่ ก็เพราะแม่จะผลักฉันลงนรก คิดจะเอาเงินของฉันไปรักษาเธอ ฉันไม่ใช่คนโง่ แม่จะขายฉัน ฉันยังจะไปปกป้องอีกเหรอ!”
สวี่ฮุ่ยเห็นสวี่ต้าซานกับภรรยาหน้าดำคร่ำเครียดเดินเข้ามา เธอก็พูดต่อ “อ้อ ได้ยินน้าฉินบอกว่า ตอนนั้นลังเลว่าจะมาสู่ขอดีไหม แต่เธอก็ยุยงจนสุดความสามารถให้น้าเขามาไม่ใช่เหรอ”
“พวกเธอสองคนแม่ลูกสมรู้ร่วมคิดกันผลักฉันลงนรกสินะ”