"เฉียวเยว่ เฉียวเยว่ อยู่หรือไม่?" เสียงใสแจ๋วของเด็กผู้หญิงดังขึ้น
สองสามมาวันนี้คุณหนูอยู่แต่ในห้องฝึกคัดอักษร แต่ก็มิได้จริงจังมากนัก
เสี่ยวชุ่ยเอ่ยบอกเสียงเบา "คุณหนูเจ็ดเ้าคะ คุณหนูสี่มาเ้าค่ะ"
นี่คือคุณหนูสี่เฉี่ยวเยว่บุตรอนุของเรือนสอง อายุรุ่นราวคราวเดียวกับคุณหนูห้าของพวกนาง คุณหนูสี่แก่เดือนกว่าเพียงเดือนเดียว โตกว่าเฉียวเยว่สี่ปี บัดนี้อายุสิบกว่าขวบนับว่าโตเป็สาวแล้ว แต่มักมาหาเฉียวเยว่อยู่เสมอราวกับชอบนางมาก
เฉียวเยว่ยังคงเขียนอักษรไม่ขยับเขยื้อน แต่เมื่อมองในมุมของเด็กหญิงอายุเพียงห้าขวบ ก็ถือว่ายอดเยี่ยมมาก
"คุณหนูเจ็ด..." เสี่ยวชุ่ยเตือนเสียงเบาอีกครา
เฉียวเยว่เงยศีรษะขึ้น ดวงหน้าจิ้มลิ้มฉายแววขี้เล่นอยู่หนึ่งส่วน "ข้าได้ยินแล้ว แต่ข้าถูกท่านพ่อกักบริเวณ เ้าออกไปบอกนางเถอะว่าข้าออกไปไหนไม่ได้"
เสี่ยวชุ่ยรับปากแล้วเดินออกไปทันที
แท้จริงแล้วคุณหนูเฉี่ยวเยว่ก็เป็ที่ชมชอบของคนในจวน สาวใช้จำนวนไม่น้อยล้วนชอบนาง นางเฉลียวฉลาดรู้ความ เป็มิตรกับผู้อื่น ความสัมพันธ์ระหว่างคุณหนูและนายน้อยคนอื่นๆ กับนางก็ดียิ่ง แน่นอนว่าย่อมมีข้อยกเว้น และเฉียวเยว่ก็เป็หนึ่งในนั้น
แม้ว่าคุณหนูสี่จะเป็ฝ่ายริเริ่มมาผูกมิตรก่อนอยู่หลายหน แต่คุณหนูเจ็ดก็มักเฉยชามาโดยตลอด หลายคราถึงกับไม่ยอมพบ ชวนให้คนไม่เข้าใจจริงๆ
เมื่อได้ยินเสียงจากด้านนอก เฉียวเยว่จึงยังคงเท้าคางเขียนอักษรต่อ
นางย่อมรู้ว่าผู้อื่นไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงไม่ชอบคุณหนูสี่ ในเมื่อนางสามารถทนกับความพาลเอาแต่ใจของซูหรงเยว่ของเรือนสองได้ แต่เหตุใดกลับเมินเฉยต่อซูเฉี่ยวเยว่
มีเพียงเฉียวเยว่เท่านั้นที่รู้อยู่แก่ใจว่าคุณหนูสี่ซึ่งน่าเอ็นดูรักใคร่ในสายตาของทุกคนลับหลังเป็คนเช่นไร
เมื่อครั้งที่นางยังเป็ทารกน้อยยังพูดไม่ได้ เคยถูกนางลอบหยิก หากไม่ใช่เพราะคุณหนูสามหรงเยว่ผ่านมาพอดี ก็ยังไม่แน่ว่านางจะทำอะไรอีกบ้าง
นางรู้อย่างแจ่มชัดว่าเฉี่ยวเยว่ริษยาตนเอง
นางริษยาที่ตนเองเป็คุณหนูที่เกิดจากภรรยาเอก และริษยาที่ตนเองเป็ที่รักของทุกคนและมีพร้อมไปเสียทุกอย่าง
นางยังเล็กแค่นั้นก็รู้จักตีสองหน้า เสแสร้งแสดงละครแล้ว
เฉียวเยว่จึงไม่ชอบนางเลย
หลังมื้อเย็นในที่สุดเฉียวเยว่ก็ได้รับการปล่อยตัวออกมา ครานี้นางถูกกักบริเวณเจ็ดวันเต็ม ไม่เพียงแต่คนในจวน แม้กระทั่งข้างนอกยังรู้กันทั่ว
บัดนี้ใครบ้างไม่รู้ว่าคุณหนูเจ็ดแห่งจวนซู่เฉิงโหวมีนิสัยดื้อรั้น
แต่เฉียวเยว่กลับเฉยๆ กับฉายาแบบนี้ นางถูกปล่อยออกมา ย่อมต้องไปพบผู้าุโ ไท่ไท่สามเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางแล้วเอ่ยว่า "เ้าต้องเป็เด็กดี อย่าเล่นลูกไม้อันใดเป็อันขาด"
เฉียวเยว่หัวเราะคิกคัก ดวงหน้าน้อยฉายแววกระตือรือร้น เอ่ยเสียงใสกังวาน "ข้าเป็เด็กดีถึงเพียงนี้ ท่านแม่อย่าปรักปรำข้า"
พลางทำสีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง
เป็เด็กเป็เล็กแต่ชอบพูดเอาจริงเอาจังเหมือนผู้ใหญ่
ไท่ไท่สามจูงแม่หนูน้อยมายังเรือนหลัก ภายในห้องคล้ายจะมีเสียงหัวเราะดังออกมา แล้วก็เป็ดังคาด มีสตรีอีกสองสามคนอยู่เป็เพื่อนคุยกับฮูหยินผู้เฒ่า รวมถึงคนที่ปากหวานที่สุด คุณหนูสี่เฉี่ยวเยว่ของเรือนสอง
ฮูหยินผู้เฒ่าคิดถึงหลานสาวตัวน้อยคนนี้มานาน พอได้ยินว่าเฉียวเยว่มา ก็ดีใจมากเอ่ยถึงทันทีว่า "เ้าตัวน้อยรีบมาให้ย่าดูหน้าเ้าหน่อยซิ โถ... ผอมลงนะนี่"
จากนั้นก็โอ้โลมพะเน้าพะนอด้วยความรักสุดหัวใจ
ซูเฉี่ยวเยว่ซึ่งนั่งอยู่ลำดับถัดจากฮูหยินผู้เฒ่าหลุบสายตามอง ผอมตรงไหน ยังอวบอ้วนอยู่เห็นๆ ท่านย่ารักเฉียวเยว่ที่สุด แม้แต่คำพูดเช่นนี้ยังกล่าวออกมาได้
ในใจนางไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่กลับซ่อนความรู้สึกได้อย่างมิดชิด ใบหน้าผลิยิ้มเอ่ยว่า "น้องหญิงเจ็ดสดใสร่าเริง หลายวันมานี้คงจะอ่อนล้ามากกระมัง พี่หญิงเป็ห่วงเ้ามากเลยนะ"
เฉียวเยว่เงยหน้าน้อยๆ ตอบว่า "ไม่อ่อนล้าสักนิด ข้ารู้สึกว่าการกักบริเวณดีอย่างยิ่ง"
ซูหรงเยว่แค่นเสียงเยาะ "ช่างโกหกได้คล่องยิ่งนัก พูดมาได้ว่าการกักบริเวณดีมาก การกักบริเวณคือทำผิดแล้วถูกกักขัง จะดีได้อย่างไร?"
เฉียวเยว่ตอบอย่างจริงจัง "ย่อมดีสิ พี่หญิงสาม ข้าไม่เพียงแต่ถูกกักบริเวณ ยังถูกลงโทษให้คัดอักษรอีกด้วย"
นางยืดอก ช่างหาได้ยากนัก ถูกลงโทษคัดอักษรยังภาคภูมิใจเพียงนี้ จะว่าไป ไม่มีผู้ใดเป็อย่างนางจริงๆ
เฉียวเยว่กวาดสายตามองทุกคน แล้วเอ่ยอย่างลำพอง "หลายวันที่ข้าได้ฝึกเขียนอักษร ก็เขียนได้ดีเป็พิเศษ ท่านพ่อบอกว่า ข้าเขียนสวยกว่าฉีอันซะอีก ท่านว่าหากไม่ถูกลงโทษ ข้าจะเขียนอักษรเก่งขึ้นเยี่ยงนี้ได้อย่างไร"
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะ "เด็กคนนี้ใจกว้างเป็ที่สุด"
จะว่าไปแล้ว เด็กคนนี้เหมือนลูกสามของนางที่สุดจริงๆ เฉลียวฉลาดมีไหวพริบ ทั้งมีเหตุผลและมีความคิดกว้างขวาง นางเห็นเฉียวเยว่ก็นึกถึงตอนบุตรชายยังเด็ก
"ยายโง่เอ๊ย ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเ้าจะเขียนได้ดีมากเพียงนั้น ต้องสู้ข้าไม่ได้อยู่แล้ว" ซูหรงเยว่เป็บุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอกเพียงคนเดียวของเรือนสอง ย่อมถูกให้ท้ายตามใจอยู่หลายส่วน ไท่ไท่รองวันๆ คิดแต่จะวางแผนจัดการคนโน้นคนนี้ ไม่มีเวลาอบรมบุตรสาว ด้วยเหตุนี้ ซูหรงเยว่จึงค่อนข้างหยิ่งยโสและเอาแต่ใจตนเอง
เฉียวเยว่ยื่นปากน้อยๆ "พี่หญิงสามโตกว่าข้าตั้งเยอะ แม้แต่ผ้าที่ใช้ตัดอาภรณ์ยังเยอะกว่า กินข้าวก็มากกว่า ท่านต้องเขียนอักษรงดงามกว่าข้าอยู่แล้ว หาไม่ก็เสียข้าวสุกน่ะสิ"
"ฮึ่ม!" ซูหรงเยว่เดือดดาล โต้เถียงทันควัน "ยายหมูอ้วนตัวน้อยเ้าอย่ามาให้ร้ายข้านะ ในบ้านของตนเอง เ้ากินเยอะสุด ข้าว่าคนที่สิ้นเปลืองข้าวสุกที่สุดก็คือเ้าต่างหาก อย่าคิดจะมากล่าวหาข้า"
เฉียวเยว่หันไปฟ้องทันควัน "ท่านย่า ท่านดูสิ พี่หญิงสามว่าข้าเป็หมูอ้วน ข้าเล็กแค่นี้ ร่างกายกำลังเติบโต ข้ากินมากหน่อยมีความผิดอันใด"
ซูหรงเยว่ตกตะลึงกับความสามารถในการยอกย้อนของนาง ก็ยกมือขึ้นชี้หน้าแทบจะปราดเข้าไป
"เ้า เ้า เ้า! ยายอ้วนตัวร้าย"
เฉียวเยว่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากไม่หยุดราวกับหนูอ้วนพีขโมยน้ำมัน
"ข้าพอใจจะอ้วนเสียอย่าง!" เฉียวเยว่ยักคิ้วทั้งสองข้าง โต้ตอบทันควัน "ข้ารู้สึกว่ามื้อเย็นยังกินไม่ค่อยอิ่มเท่าไร ท่านแม่ก็พาข้ามาแล้ว ท่านย่า ข้ากินผลไม้สักหน่อยได้หรือไม่?"
ฮูหยินผู้เฒ่ามองไท่ไท่สามด้วยความเห็นใจ จากนั้นก็เอ่ยว่า "ได้ๆๆ เฉียวเยว่ของเราอยากกินสิ่งใดก็ได้ทั้งนั้น"
เฉียวเยว่ร่าเริงขึ้นมาทันที ขาสั้นๆ วิ่งไปที่โต๊ะเตี้ยด้านข้าง ถือตะกร้าหวายใบเล็กพลางถามว่า "พวกท่านจะกินหรือไม่ "พี่หญิงใหญ่ พี่หญิงรอง พี่หญิงสาม..."
นางมองไปทีละคน เห็นพวกนางพากันส่ายหน้า ก็เอ่ยอย่างดีอกดีใจ "ประเสริฐ งั้นข้ากินเองคนเดียวนะ"
แม้ว่าซูหรงเยว่จะสิบเอ็ดขวบแล้ว ตามหลักนับได้ว่าโตแล้ว แต่นางก็มักอดใจไม่ไหวที่จะเยาะเย้ยเด็กน้อยที่ชอบพูดจาโอ้อวดเกินไปคนนี้เสมอ
แต่หากจะบอกว่าไม่ชอบเฉียวเยว่ก็คงไม่ใช่
นางเบะปาก "กินเก่งจริงๆ"
"กินได้คือผู้มีบุญ" น้ำเสียงเยือกเย็นลอยมา
สาวน้อยเรือนร่างเพรียวบางก้าวเข้ามาทางประตู คำนับทักทายอย่างมีมารยาท "คารวะท่านย่า..."
นี่คือคุณหนูห้าอิ้งเยว่แห่งเรือนสาม และเป็พี่สาวร่วมอุทรของเฉียวเยว่
นางนั่งลงอย่างเป็ระเบียบ จากนั้นก็มองเฉียวเยว่ "วันนี้มีเรียนทำขนม เลยเตรียมมาให้เ้าด้วย"
เฉียวเยว่ปรบมือ "เยี่ยมไปเลย"
จะว่าไป พี่สาวของนางคนนี้ก็เก่งไปเสียทุกเื่ หากไม่ลอบสังเกตั้แ่ยังเป็ทารก นางยังนึกว่าพี่สาวของนางก็คนทะลุมิติหรือกลับชาติมาเกิดใหม่เช่นกัน
จริงๆ นะ สาวน้อยคนนี้เป็คนน่าทึ่งมาก
ดูเหมือนว่านางอยากเรียนรู้ไปหมดทุกเื่ และไม่ว่าจะเรียนสิ่งใดเพียงเรียนรู้ก็สามารถทำได้แล้ว
มีพี่สาวเช่นนี้ เฉียวเยว่ก็รู้สึกว่าตนเองสามารถเอาไปคุยโม้ได้
พี่สาวของข้าสุดยอดเป็อันดับหนึ่งในใต้หล้า ดูเหมือนว่า่นี้อิ้งเยว่จะสนใจการทำขนม ทุกวัน่เย็นจะต้องเจียดเวลาหนึ่งชั่วยามไปศึกษาที่หอเทียนเซียง
หอเทียนเซียงเป็ร้านขนมที่ขึ้นชื่อที่สุดของเมืองหลวง ไม่รู้ว่าบิดาของนางไปคุยกับผู้อื่นอย่างไร พ่อครัวทำขนมผู้นั้นถึงยอมรับอิ้งเยว่เป็ศิษย์
เดิมทีเฉียวเยว่ก็รู้สึกว่าการที่ตนเองเป็คนที่ข้ามมิติมาก็นับว่าเป็การโกงอย่างหนึ่งแล้ว
แต่เมื่อเห็นความสามารถของบิดากับพี่สาวถึงรู้ว่าคนที่เจ๋งจริงนั้นไม่้าคำอธิบาย
หรงเยว่มองแก้มป่องๆ ของเฉียวเยว่ อืม... ก็น่ารักมากจริงๆ แต่ทว่า... เด็กผู้หญิงอ้วนท้วนเพียงนี้จะไม่มีปัญหาแน่หรือ?
นางคิดแล้วก็เอ่ยว่า "เ้าอย่าเอาแต่หาของมาให้นางกิน นางอ้วนจนกลายเป็อะไรไปแล้ว"
นี่นางหวังดีต่อเฉียวเยว่หรอกนะ
ไม่ทันที่อิ้งเยว่จะพูดอะไร เฉียวเยว่ก็ส่ายหน้ายิกราวกับกลองป๋องแป๋ง "ไม่ๆๆ หาของมาให้ข้ากินเยอะๆ ไม่เป็ไรหรอก เด็กเล็กต้องตัวอวบอ้วนถึงจะน่ารัก"
นางแสร้งทำท่าขยิบตา แต่ยังไม่ลืมที่จะหยิบของกินเข้าปาก
"ข้าน่ารักจะตาย เสด็จพี่รัชทายาทกับพี่ชายิ่ล้วนชอบข้า"
นางแสร้งทำเป็หนักใจ "โธ่เอ๊ย ข้าน่ารักเยี่ยงนี้ เติบโตไปจะต้องเป็หญิงสาวงามสะคราญล่มเมืองเป็แน่ ข้าจะแต่งให้ผู้ใดดีหนอ..."
"พรวด!" คุณหนูใหญ่ิเยว่พ่นน้ำชาออกจากปาก
คุณหนูสามสี่คนนี้ยังเล็ก แต่นางอายุสิบสี่ปีแล้ว ใกล้ถึงวัยที่ควรจะคุยเื่หมั้นหมาย พอได้ยินน้องสาวตัวน้อยรำพึงถึงเื่นี้ ก็รู้สึกขัดเขินและจนใจอย่างยิ่ง
"พี่หญิงใหญ่ ท่านใกล้จะออกเรือนอยู่แล้ว จะทำเช่นนี้มิได้"
เฉียวเยว่เอ่ยปากด้วยสีหน้าจริงจัง
"เ้าหุบปากไปเลย พี่หญิงใหญ่มิได้เสียมารยาทสักหน่อย" อิ้งเยว่ค่อนแคะ
เฉียวเยว่แสร้งทำเป็ "ข้าไม่เข้าใจว่าท่านพูดอะไร" แล้วกินอิงเถาสองลูก
ท่าทางน่ารักเยี่ยงนี้ ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่านึกเอ็นดู เอ่ยว่า "เฉียวเยว่ยังเล็ก ไหนเลยจะเข้าใจอันใด พวกเ้าอย่าแกล้งน้องสาวนักเลย"
หางน้อยๆ ของเฉียวเยว่พลันกระดกขึ้นมาทันใด "ได้ยินหรือไม่ ได้ยินหรือไม่ ข้าเป็ต้าอ๋องหญิง พวกท่านต้องยอมลงให้ข้า"
ทันใดนั้น อิ้งเยว่หันไปมองที่หน้าประตู "ท่านพ่อ ท่านมาแล้วหรือ?"
เฉียวเยว่สะดุ้งโหยงสีหน้าแตกตื่น "ทะ... ทะ... ทะ ท่านพ่อ ข้าแค่พูดเล่น"
นางเอี้ยวศีรษะไป แต่ไหนเลยจะเห็นซูซานหลาง
พอเห็นแววตาหยอกล้อของพี่สาว เฉียวเยว่ถึงตระหนักได้ว่าถูกหลอกเข้าแล้ว นางแสร้งตีโพยตีพาย "โอ้ ์ พี่สาวของข้าเป็คนหลอกลวง ฮือๆๆ ข้าช่างน่าสงสารเสียนี่กระไร"
"เ้าลิงน้อย อยู่นิ่งๆ เสียบ้าง ถ้าหากก่อเื่อีก กลับไปข้าจะฟ้องบิดาเ้า" ไท่ไท่สามเอ่ย
เฉียวเยว่เท้าสะเอวทำท่าลำพองใจ "ท่านฟ้องบิดาข้า ข้าก็จะฟ้องมารดาของบิดา"
นางหันไปกอดเอวของฮูหยินผู้เฒ่า "ท่านย่า คืนนี้ข้าขอนอนกับท่านนะเ้าคะ"
นางทำตาปริบๆ พูดต่อว่า "ข้าจะเล่าพันกลเม็ดโหดในการลงโทษบุตรสาวของท่านพ่อให้ท่านย่าฟังเ้าค่ะ"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้