ฉู่ชิงจ้องมองเหนียนยวี่ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่แปลกใจแล้วที่เห็นว่านางรอบรู้หลายสิ่งหลายอย่างที่นางไม่ควรรู้
เขาจดจ่ออยู่กับสิ่งที่นางพูด และไม่สงสัยในการตัดสินใจของนาง
"ถ้าเป็อย่างที่เ้าพูด เช่นนั้นการลอบสังหารครานี้คงมิพ้นว่ามีความเกี่ยวข้องกับแคว้นหนานเยวี่ย" ฉู่ชิงวางพู่กันลง ทุกถ้อยคำ กระทั่งสีหน้าแววตายังเคร่งขรึม
แน่นอนว่ามิพ้นเกี่ยวข้องกับแคว้นหนานเยวี่ย!
ในงานเลี้ยงฉีเฉี่ยว ครั้นนางเห็นบุรุษผู้นั้น นางก็รู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที ในท้องพระโรงแคว้นตนเองเขาคือซินฮ่องเต้ ทว่ากลับแต่งตัวว่าเป็ข้ารับใช้ แท้จริงแล้วนี่คือเป้าหมายของเขาหรือ
การทำลายค่ายเสินเช่อ ไม่เพียงแต่คุกคามอำนาจของราชวงศ์จ้าว ทว่ายังรวมถึงฉู่ชิง ซึ่งเป็คนสำคัญของราชวงศ์เป่ยฉีหากชีวิตเขาดับสิ้นลง เช่นนั้นคลื่นใต้น้ำที่จะถาโถมสาดซัดเข้ามาคงมิใช่ลูกเล็กๆอย่างแน่นอน หรือบางที...การที่เขาเคลื่อนไหวเช่นนี้เพียงเพราะ้าปูทางให้ใครบางคน
เหนียนยวี่จ้องมองฉู่ชิง ซินฮ่องเต้ผู้นั้น ชาติก่อนนางรู้จักเขาไม่เพียงแค่รู้จักเท่านั้น ปูมหลังของเขา นางเองก็รู้ซึ้งเป็อย่างดี!
เมื่อนึกถึงการต่อสู้ที่ชายแดนทางใต้ เหนียนยวี่ยกมือลูบท้องน้อยของตัวเองโดยไม่รู้ตัวรู้สึกกระตุกบริเวณท้องน้อยอย่างแปลกประหลาด ในใจเองพลันรู้สึกปวดร้าวขึ้นมาเล็กน้อย
ฉางหลิงเกอ...
เหนียนยวี่หลับตาลง ราวกับกำลังอดกลั้นอะไรบางอย่าง นางพยายามดึงสติกลับมา นางรู้จักฉางหลิงเกอ ทว่าในชาตินี้นั้น แม้แต่ฮ่องเต้หยวนเต๋อก็ยังไม่รู้จักตัวตนของเขา ในเวลานี้ นางจะบอกฉู่ชิงถึงตัวตนที่แท้จริงของบุรุษที่วางยาพิษได้อย่างไร
เขาจะไล่บี้ถามนางหรือไม่ว่านางรู้ได้อย่างไร หากถึงตอนนั้นนางควรจะตอบออกไปว่าอย่างไร?
"เื่นี้มิพ้นเกี่ยวข้องกับหนานเยวี่ยอย่างแท้จริง" เหนียนยวี่พึมพำ กระตุ้นให้เขาคิดถึงซินฮ่องเต้ของแคว้นหนานเยวี่ยและเมื่อนึกถึงจดหมายที่ตนเองได้รับเมื่อเช้าวานนี้ เห็นได้ชัดว่ามันแปลกไม่น้อย
เหนียนยวี่หยิบกระดาษจดหมายออกมาจากอกเสื้อและเดินไปหาฉู่ชิง เปิดจดหมายรายงานฉบับนั้นให้ฉู่ชิงดูอย่างไม่ปิดบังแม้แต่น้อย
ฉู่ชิงเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของนาง ดวงตาของเขาก้มมองลงบนกระดาษ คิ้วคู่นั้นพลันขมวดเข้าหากันทันใด คนเฉลียวฉลาดเช่นเขาแน่นอนว่าต้องเข้าใจได้เช่นกัน
“นี่คือสิ่งที่ล่อให้เ้าเข้ามาในค่ายนี้หรือ?” ฉู่ชิงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอย่างไม่เป็ธรรมชาติหลังจากเห็นคำว่า “ฉู่ชิง” สองคำนี้บนจดหมาย คิ้วคู่นั้นพลันขมวดแน่นยิ่งขึ้น “ข้าไม่ได้เป็คนเขียนจดหมายฉบับนี้”
ถึงตัวเขาจะอยู่ในพื้นที่แพร่ระบาด เขาก็ไม่มีทางยอมปล่อยให้เหนียนยวี่ตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน
"ข้ารู้" ดวงตาของเหนียนยวี่นิ่งสงบราวคลื่นที่สงบนิ่ง ยามที่นางเจอฉู่ชิง เพียงท่าทีที่แสดงออกของเขาตอนนั้นก็บอกนางได้แล้ว
จดหมายฉบับนี้ ฉู่ชิงไม่ได้เป็คนเขียน เพราะฉะนั้นเื่ราวที่เกิดขึ้นจึงยิ่งดูน่าสนใจกว่าเดิม
ไม่ใช่เขา แล้วเป็ผู้ใด?
คนเฉลียวฉลาดเช่นเหนียนยวี่ แน่นอนว่านางคาดเดาออกได้ทันที
คนผู้นั้นลากนางเข้ามาในกระดานหมากนี้ คิดมุ่งหวังให้นางถูกฝังไปพร้อมกันคนผู้นั้นปรารถนาให้นางตายและยิ่งมั่นใจว่าคนคนนั้นใช้ชื่อของฉู่ชิงล่อให้นางมาที่นี่เพราะฉะนั้นตัวตนของคนผู้นี้...
แคว้นหนานเยวี่ย?
"ท่านแม่ทัพหลวง จำกลุ่มนักฆ่าในสวนร้อยสัตว์วันนั้นได้หรือไม่?"
เงียบไปครู่หนึ่ง เหนียนยวี่จึงเอ่ยปากออกมา ดวงตานางฉายแววความฉลาดหากคนที่หนีรอดไปได้คนนั้น คือคนผู้นั้นที่อยู่ในความคิดนาง เช่นนั้นไม่ว่าจะเป็แรงจูงใจหรือเงื่อนไขล้วนตรงตามที่นางคิดไว้ทั้งหมด
ครั้นเหนียนยวี่เน้นเอ่ยถึงประเด็นนี้ ฉู่ชิงพลันตระหนักได้ถึงบางอย่างดวงตาสงบนิ่งล้ำลึกพลันหรี่เรียวเขาที่เฉลียวฉลาดแจ่มชัดเข้าใจหัวใจสำคัญของเื่นี้ได้ทันใด
เหนียนยวี่ในยามนี้ แน่นอนว่าไม่มีทางที่นางจะเอ่ยถึงเื่ขึ้นมาโดยไม่มีมูล
การลอบสังหารครั้งนั้นเกี่ยวข้องกับหนานเยวี่ยด้วยหรือ?
"ข้าจำได้ ข้าจำได้อย่างแน่นอนว่านักฆ่าคนนั้นที่หนีรอดไปได้ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ที่อยู่แน่ชัดนัก”ฉู่ชิงเลิกคิ้วคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “นี่ช่างน่าสนใจเสียจริง แคว้นหนานเยวี่ยเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เช่นนี้เกรงว่าจะทำให้พวกเขาผิดหวังเสียแล้ว”
"ผิดหวัง?" เหนียนยวี่หัวเราะ "พวกเราจะทำให้พวกเขาผิดหวังอีกครั้งได้อย่างไรกัน"
ยามที่เอ่ยคำพูดนั้นออกมา เหนียนยวี่สบตาฉู่ชิง อารมณ์ร้อยแปดพันเก้าพาดผ่านทั่วดวงตาอันแพรวพราวสุกสว่างของนาง“ใต้เท้าเสนาบดีกรมกลาโหม หลังจากเคลื่อนตัวตามกลยุทธ์จักจั่นลอกคราบแล้วให้เหนียนยวี่แสดงฝีมืออะไรบางอย่างได้หรือไม่?”
ฉู่ชิงเมียงมองสตรีที่มีความคิดละเอียดอ่อนผู้นี้ดวงตาของเขาพลันแปรเปลี่ยนฉายแววอ่อนโยน “เ้าจะทำอะไรหรือ?”
“กระทำมา กระทำกลับอย่างไรเล่า” เหนียนยวี่ยิ้ม ความชั่วร้ายในดวงตาแผ่ขยายบุรุษผู้นั้นดุร้ายและอันตรายอย่างไร้ผู้ใดเทียบเคียงได้ ในชาติก่อนพวกเขาละทิ้งความเป็ปรปักษ์ต่อกันในสนามรบ วันนั้น…วันที่จ้าวเยี่ยนเปิดเผยตัวตนของนางและตั้งข้อหานางถึงเจ็ดสิบสองข้อชายผู้นี้ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่โห่ร้องให้ฆ่านาง เขา้าให้นางตาย
หึ แม้ข้ามผ่านมาอยู่คนละชาติแล้ว เขายังรีบเร่งลงมือ คิดอยากสังหารนางให้ตายเช่นนี้ไม่เพียงเท่านี้ าที่ชายแดนใต้...
ครั้นนึกอะไรบางอย่างได้ ั์ตาเหนียนยวี่พลันเย็นเยียบ แฝงอารมณ์ความเคียดแค้นนางรู้ทันแล้วย่อมต้องเอาคืน!
เขาเปลืองแรงปานฉะนี้ ซ่อนตัวตนของตัวเองได้ ลอบเข้าเป่ยฉีมาได้ แน่นอนว่านางไม่ปล่อยให้เขากลับบ้านมือเปล่าหรอก!
ตำหนักชีอู๋ ณ วังหลวง ฮองเฮาอวี่เหวินเป็ลมล้มพับไปทันทีเมื่อได้ยินข่าวว่าจ้าวอี้ออกไปนอกเมือง
ครั้นอวี่เหวินหรูเยียนรู้เื่นี้นางจึงรีบเดินทางเข้าวังเพื่อไปเข้าเฝ้าฮองเฮาอวี่เหวินนางเองก็รู้สึกตื่นตระหนกไม่ต่างกัน
ออกนอกเมืองหรือ
ยามนี้โรคระบาดลุกลามอย่างรุนแรง มิมีผู้ใดรู้ว่าสถานการณ์เป็อย่างไร
เหตุใดเขาถึงไม่ห่วงใยชีวิตตัวเองเช่นนี้?
ในห้องวุ่นวายโกลาหลไปครู่ใหญ่ข้าหลวงทุกคนที่คอยเฝ้าปรนนิบัติรับใช้ต่างตื่นตระหนกหวาดกลัวเมื่อฮองเฮาอวี่เหวินฟื้นขึ้นมา ในใจนางรู้สึกอึดอัดประหนึ่งมีหินก้อนใหญ่หล่นทับทำอย่างไรก็มิอาจปัดทิ้งออกไปได้ ทันใดนั้นนางเอ่ยขึ้นมาอย่างรุนแรง“เหตุใดเ้าไม่ขวางเขาไว้? เขาเป็โอรสของฮ่องเต้ เป็ลูกหลานตระกูลจ้าว ออกจากเมืองไปเช่นนี้หากว่าติดโรคระบาดเข้า...”
ฮองเฮาอวี่เหวินไม่กล้าแม้แต่จะคิดต่อ บุตรชายเพียงคนเดียวของนางผู้นี้ หากมีเื่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นจริงละก็...
“ฮองเฮาเพคะบ่าว...บ่าวขวางไว้ไม่อยู่เพคะท่านอ๋องมู่ทรงตัดสินพระทัยอย่างแน่วแน่ว่าจะออกไปนอกเมืองบ่าวได้ยินว่า...ได้ยินว่าท่านอ๋องจะออกไปตามหาคุณหนูยวี่เพคะ...”
คุณหนูยวี่?
"เหนียนยวี่หรือ?" ฮองเฮาอวี่เหวินประหลาดใจ "แท้จริงมันเกิดเื่อะไรขึ้น?"
“ฮองเฮาเพคะบ่าวเองก็เพิ่งได้ยินข่าวนี้เช่นกันเพคะ ั้แ่เมื่อวานตอนเช้าคุณหนูยวี่ได้ออกไปนอกตำหนักองค์หญิงใหญ่ จากนั้นก็ไม่มีวี่แววของนางอีกเพคะเหมือนว่านางจะออกไปนอกเมือง องค์หญิงใหญ่เองก็ทรงเป็กังวลอย่างมากคอยสั่งให้คนออกไปตามหานางตลอดเพคะ” เจินกูกูที่ยืนอยู่ด้านข้าง ก้มศีรษะพลางเอ่ยทูลฮองเฮา
"ออกนอกเมือง..." ฮองเฮาอวี่เหวินพึมพำ ดวงตาสงบนิ่งที่ฉายแววเฉียบแหลมอยู่เป็นิจยามนี้ว่างเปล่าในทันใด
เหตุใดเหนียนยวี่ถึงออกไปนอกเมืองเล่า เมื่อวานตอนเช้า? เวลานั้นมิใช่ว่าเป็่ที่เพิ่งรู้ว่ามีโรคระบาดกำลังแพร่กระจายอยู่หรือ?
ฮองเฮาอวี่เหวินมีคำถามมากมายในใจ ทว่าเมื่อนางนึกถึงจ้าวอี้อารมณ์พลันแปรเปลี่ยนเป็ร้อนใจทันใด
"จ้าวอี้...เหตุใดเขาถึงบุ่มบ่ามมุทะลุเยี่ยงนี้" ฮองเฮาอวี่เหวินร้องอย่างฉุนเฉียว ตามหาเหนียนยวี่?
เหนียนยวี่ผู้นี้ช่างเป็ตัวก่อหายนะอย่างแท้จริง!
นางรู้ว่า การที่อี้เอ๋อร์ห่วงใยนางมากเกินไปเช่นนี้ ไม่ใช่เื่ดีเลย!
คราวนี้หากมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับอี้เอ๋อร์ นาง...นางจะทำอย่างไรดี?
"ฮองเฮาเพคะ ท่านอ๋องมู่เป็คนดีฟ้าย่อมคุ้มครองมิมีทางเกิดเื่อะไรไม่ดีขึ้นอย่างแน่นอนเพคะ” อวี่เหวินหรูเยียนเอ่ยกระซิบพึมพำแม้นนางจะพูดเช่นนี้ ทว่าสีหน้านางกลับยังคงตื่นตระหนกไม่ต่างกัน
นางพูดว่าเหตุใดท่านอ๋องมู่ถึงไม่ห่วงชีวิตตนเองเยี่ยงนี้ ที่แท้ เป็เพราะเหนียนยวี่อย่างนั้นหรือ?
ในใจเขาคงหลงรักเหนียนยวี่อย่างหัวปักหัวปำ!
ฮองเฮาอวี่เหวินหวนนึกเื่ราวคืนนั้น คืนวันที่พวกเขาสามคนประสบเหตุบางอย่างด้วยกันคิ้วของนางขมวดมุ่นขึ้นเล็กน้อย สีหน้าฉายอารมณ์ซับซ้อน
ฮองเฮาอวี่เหวินเหลือบมองอวี่เหวินหรูเยียน อยากจะกล่าวอะไรสักอย่างทว่าสุดท้ายกลับมิได้เอ่ยปาก ครู่หนึ่งผ่านไปนางยังคงไม่สามารถระงับความโกรธของตนได้ ครั้นนึกคิดได้ถึงบางอย่างดวงตานางพลันสงบนิ่งลงอย่างมาก “ตำหนักฉางเล่อฝั่งนั้น มีลาดเลาอะไรบ้าง?”
เจินกูกูที่คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวฝั่งนั้นมาตลอดจึงรีบกล่าวรายงานออกมา “ทูลฮองเฮาเพคะ ฉางไทเฮาทรงอยู่ในห้องพระตลอดเลยเพคะทว่าท่านอ๋องหลี...ได้เข้าวังมาเมื่อครู่นี้เพคะ”
จ้าวเยี่ยนเข้าวังหรือ?
ดวงตาของฮองเฮาอวี่เหวินเคร่งขรึมขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เข้าวังตอนนี้อย่างนั้นหรือ...