เมืองัตั้งอยู่ใจกลางเขตปกครองเทพา เล่าสืบต่อกันมาว่าดำรงอยู่มาั้แ่ยุคาแล้ว ในตำนานที่เล่าสืบต่อกันมา ในยุคาทั้งสามเผ่าพันธุ์ไม่ได้ถูกแบ่งออกเป็สามเขตปกครองอย่างทุกวันนี้ ทุกเผ่าพันธุ์ล้วนอาศัยอยู่ร่วมกันแม้ว่าในบางครั้งอาจจะมีการกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีถึงขนาดเกิดเป็การสู้รบขนาดใหญ่ขึ้นเลยสักครั้ง
ยุคา ต่อมาได้ปรากฏมหาจักรพรรดิองค์หนึ่งนามว่า...หลง นำทหารคู่ใจจากทั้งสามเผ่าพันธุ์จำนวนสามคนออกสู้รบพิชิตไปทั่ว สุดท้ายรวบรวมแผ่นดินกลายเป็ทวีปขึ้นมาก่อตั้งจักรวรรดิัเพลิงขึ้น จากนั้นก่อตั้งเมืองัและแยกทวีปออกเป็สามเขตปกครอง ทหารคู่ใจทั้งสามคนที่มาจากต่างเผ่าพันธุ์แยกกันเข้าดำรงตำแหน่งเป็จ้าวแห่งเขตปกครองตามเผ่าพันธุ์ของตน ซึ่งเมืองัในตอนนี้ก็คือเมืองหลวงของจักรวรรดิัเพลิงนั่นเอง
ตำนานไม่แน่ว่าจะต้องเป็จริงเสมอไป แต่ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองัปรากฏชัดแจ้งให้เห็นอย่างไม่ต้องกังขาใดๆ ทั้งสิ้น กำแพงเมืองที่สูงยี่สิบเมตรกว้างสิบเมตรทำให้เมืองัดูราวกับเกี๊ยวที่ถูกห่ออยู่ข้างใน อีกทั้งมีแม่น้ำที่ล้อมรอบเมืองที่กว้างสิบกว่าเมตรน้ำไหลเชี่ยวและลึกจนไม่อาจคาดเดา
“เมืองแห่งนี้ดูเข้มแข็งและทรงอานุภาพ น่าเกรงขามจริงๆ!”
เป็ครั้งแรกที่เย่ชิงหานมาที่เมืองั รถม้าผ่านเข้าประตูเมืองโดยปราศจากการสกัดกั้นใดๆ เนื่องจากธงของทั้งห้าตระกูลที่โบกสะบัดอยู่บนรถม้า แม้กระทั่งทหารยามของจวนจ้าวเขตปกครองสายตาล้วนเต็มไปด้วยความเคารพยำเกรง ทำเพียงยืนอยู่ด้านข้างอย่างนอบน้อมมองดูขบวนรถม้าเคลื่อนผ่านไป
หลังจากที่ขบวนรถม้าแล่นเข้ามาภายในเมือง ทั้งหมดก็แยกออกจากกันที่ทางแยกถนนแห่งหนึ่งแล้วมุ่งหน้าไปยังสวนที่พักประจำตระกูลตนเองที่สร้างไว้ในเมืองั เมื่อคืนวานพวกเขาปรึกษาหารือกันเรียบร้อยแล้วว่าให้แต่ละตระกูลไปยังสวนที่พักของตนเองพักผ่อนหนึ่งคืน จากนั้นตอนเช้าของวันรุ่งขึ้นค่อยไปรวมตัวกันที่จวนของท่านจ้าวเขตปกครอง
สวนที่พักของตระกูลเย่อยู่ด้านทิศตะวันออก ใช้เวลาเดินทางจากประตูเมืองราวครึ่งชั่วโมงก็ถึงที่หมาย รถม้าหยุดอยู่ด้านหน้าประตูใหญ่สีทองเหลืองที่มีคนยืนเรียงรายรอคอยอยู่ก่อนหน้าแล้ว
“คารวะนายน้อยหาน!”
เย่ชิงหานเดินลงจากรถม้าเห็นคนกลุ่มหนึ่งนั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่งรออยู่หน้าประตู ตรงกลางมีชายวัยกลางคนยืนยิ้มอยู่
“ข้าคือเย่ผิง หลานผู้มากความสามารถคงจะเดินทางมาอย่างยากลำบากสินะ!” ชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปี ท่าทางสุภาพ สีหน้าอ่อนโยน มีลักษณะกิริยาท่าทางที่เป็ผู้ใหญ่
“เย่ชิงหานคารวะผู้าุโเย่ผิง!” เย่ชิงหานได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเย่ผิงจากเย่สือซานก่อนหน้าที่จะมา ทราบว่าเย่ผิงเป็คนรุ่นราวคราวเดียวกันกับบิดาของเขา เป็ลูกหลานสายเืบ้านเล็กของตระกูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อก่อนมีสัมพันธ์ที่ดีกับบิดาของเขาด้วย ตอนนี้พลังฝีมืออยู่ในระดับขั้นที่สองขอบเขตาาจักรพรรดิ ทำหน้าที่รักษาการณ์อยู่ภายในเมืองัมาตลอด มีฐานะและตำแหน่งอำนาจพอๆ กับผู้าุโของตระกูลคนหนึ่ง ถือเป็บุคคลในระดับสูงของตระกูลอย่างแท้จริง ซึ่งระดับแตกต่างอย่างมากกับเย่กุ้นที่เป็แค่จ้าวเมืองหมัน
ดังนั้น เมื่อเห็นเย่ผิงแสดงออกถึงความจริงใจโดยการออกมาต้อนรับด้วยตนเองถึงหน้าประตูเช่นนี้ เขาก็เกรงใจเช่นกันจึงได้ทำการคารวะตอบกลับไป
เย่ผิงมองเห็นเย่ชิงหานคารวะตอบกลับมาด้วยความนอบน้อม รอยยิ้มบนใบหน้าดูเด่นชัดขึ้นมาอีกหลายส่วน ตามข่าวที่เขาได้รับมาบอกว่าเ้าเด็กคนนี้ไม่รู้จักกาลเทศะมิใช่หรือ? แม้กระทั่งท่านหัวหน้าตระกูลเขายังกล้าด่า? ดูสิตอนนี้เขามีมารยาทกับตนเองมากขนาดไหน? เย่ผิงคิดได้ดังนั้นก็อารมณ์ดีขึ้นเป็อย่างมาก เดินเข้าไปจับมือเย่ชิงหานแล้วพูดขึ้น “ไป พวกเราเข้าไปข้างในกัน ข้าได้สั่งให้จัดเตรียมโต๊ะอาหารรอต้อนรับเ้าอยู่นานแล้ว”
“ผู้าุโเกรงใจเกินไปแล้ว!” เย่ชิงหานพยักหน้าเบาๆ หันไปพยักหน้าให้พวกเย่สือซานและตงฟางเตา จากนั้นจึงเดินตามเข้าไปภายในสวนที่พัก
หลังจากที่ทานข้าวเสร็จเย่ชิงหานนั่งอยู่ที่โต๊ะวางน้ำชานั่งดื่มชาเงียบๆ รอให้เย่ผิงพูดรายละเอียดเกี่ยวกับงานประลองาระหว่างเขตปกครองในครั้งนี้ให้ฟัง พวกตาแก่ของตระกูลไม่ได้บอกอะไรแก่เขาและอีกสองวันก็จะต้องเข้าไปในเขตงานประลองแล้ว ดังนั้นคงเหลือแค่เย่ผิงเพียงเท่านั้นที่จะบอกข้อมูลข่าวสารต่างๆ แก่เขา
“พรุ่งนี้เช้าเ้าจะได้ไปเบิกตราสัญลักษณ์ที่จวนท่านจ้าวเขตปกครอง วันมะรืนก็จะถูกเคลื่อนย้ายจากจวนท่านจ้าวเขตปกครองเข้าไปยังเกาะประลองโดยตรง ก่อนหน้านี้ทางตระกูลได้ส่งข่าวมาบอกให้ข้าอธิบายข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็ต้องรู้และต้องระวังเกี่ยวกับงานประลองในครั้งนี้ให้แก่เ้าทราบเอาไว้”
เย่ผิงเห็นเย่ชิงหานนั่งเงียบๆ จึงพูดเข้าประเด็นในทันที แม้ว่าเขาจะเคยเข้าร่วมงานประลองาระหว่างเขตปกครองแค่เพียงครั้งเดียว แถมยังเป็งานประลองาระหว่างเขตปกครองแบบต่อสู้ตะลุมบอนที่ไม่ว่าพลังฝีมือในระดับใดก็สามารถเข้าร่วมได้ แต่ทุกครั้งทางตระกูลส่งระดับหัวกะทิเข้าร่วมตลอดและมีจำนวนมาก ดังนั้นข้อมูลในส่วนของงานประลองจึงค่อนข้างจะครบถ้วนสมบูรณ์ และหลังจากได้รับข่าวที่ทางตระกูลส่งมาเขายังเดินทางไปยังจวนท่านจ้าวเขตปกครองเปิดดูข้อมูลเกี่ยวกับงานประลองาระหว่างเขตปกครองของผู้มีพลังฝีมือระดับหัวกะทิเพิ่มเติม ตอนนี้เห็นเย่ชิงหานนั่งตั้งใจฟังอย่างสนอกสนใจภายในใจของเขาเกิดความชื่นชมเป็อย่างมาก หยุดอยู่สักพักจึงพูดขึ้นต่อ
“ก่อนอื่นข้าจะแนะนำสถานที่ก่อน เกาะาระหว่างเขตปกครองความจริงแล้วมีทั้งหมดสี่เกาะ ตรงกลางเป็เกาะใหญ่ ทั้งสามด้านของเกาะใหญ่คือเกาะเล็กทั้งสาม เกาะที่พวกเ้าจะถูกเคลื่อนย้ายไปคือเกาะเล็กที่เป็ของเขตปกครองเทพา ที่นั่นปลอดภัยแน่นอนเพราะเป็ค่ายที่ตั้งของเขตปกครองเทพา...ส่วนเกาะที่อยู่ตรงกลางพวกเราเรียกมันว่าเกาะแห่งความมืดมิด มีขนาดที่ใหญ่น่าจะประมาณหนึ่งในสิบส่วนของพื้นที่เขตปกครองเทพาของพวกเรา ภูมิประเทศภายในสลับซับซ้อน เดี๋ยวข้าจะให้แผนที่ที่ละเอียดแก่เ้าอีกที เกาะแห่งความมืดมิดเป็สนามต่อสู้ของงานประลองาระหว่างเขตปกครอง ภายในเกาะแห่งนี้สามารถเข่นฆ่าใครก็ได้ตามที่้า นอกจากคนของตระกูลเย่แล้วไม่ว่าใครก็ห้ามเชื่อโดยเด็ดขาด รวมไปถึงคนของตระกูลอื่นๆ ด้วย ในประวัติศาสตร์งานประลองาระหว่างเขตปกครอง เหตุการณ์ที่คนของเขตปกครองเทพาด้วยกันเองลอบกัดลับหลังมีให้เห็นอยู่ตลอด ขอเพียงทำให้แเีไร้หลักฐาน ใครก็เอาผิดใครไม่ได้”
“แต่ละเขตปกครองส่งคนเข้าร่วมได้หนึ่งแสนคน กองกำลังระดับหัวกะทิขนาดเล็กอย่างที่เ้าเป็ผู้นำเช่นนี้มีอยู่ห้าสิบกองรวมเป็หนึ่งหมื่นคน ส่วนอีกเก้าหมื่นคนที่เหลือล้วนเป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับต่ำและทหารธรรมดาทั่วไป ผู้มีพลังฝีมือระดับหัวกะทิของสองเขตปกครองที่เหลือก็อยู่ราวๆ หนึ่งหมื่นคนเท่าๆ กัน ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านๆ มาของงานประลองาระหว่างเขตปกครองคือ เริ่มแรกจะให้กองกำลังระดับหัวกะทิทั้งหลายออกล่าเพื่อเข่นฆ่ากันเองก่อน จนในเดือนสุดท้ายผู้ที่เข้าร่วมงานประลองทั้งหมดถึงจะออกมาสู้รบตัดสินกัน ซึ่งใน่ต่อสู้ตัดสินนั้นจะสับสนวุ่นวายที่สุด ทางตระกูลแนะนำให้เ้าทางที่ดีไม่ควรที่จะเข้าร่วม ดังนั้นภารกิจของเ้าคือภายในสิบเอ็ดเดือนแรกที่เข้าไปภายในเกาะแห่งความมืดมิด พยายามล่าผู้มีพลังฝีมือระดับหัวกะทิของทั้งสองเขตปกครองแล้วเก็บตราสัญลักษณ์มาให้ได้เยอะที่สุดแค่นั้นพอ”
“ข้าเข้าใจแล้ว คะแนนนับอย่างไร?” เย่ชิงหานพยักหน้าอย่างจริงจังพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น
“หากจะอธิบายถึงการนับคะแนน ก่อนอื่นต้องพูดถึงระดับพลังฝีมือของเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนเสียก่อน การแบ่งระดับพลังฝีมือของทั้งสองเผ่าพันธุ์เหมือนกับของเผ่ามนุษย์เราซึ่งแบ่งออกเป็เก้าระดับขอบเขต... ระดับขอบเขตกำเนิดปีศาจ หัวหน้าปีศาจ ผู้นำปีศาจ จ้าวปีศาจ ขุนพลปีศาจ จอมพลปีศาจ ราชันย์ปีศาจ จักรพรรดิปีศาจ และปีศาจศักดิ์สิทธิ์ ส่วนเผ่าคนเถื่อนมีระดับขอบเขตกำเนิดคนเถื่อน หัวหน้าคนเถื่อน ผู้นำคนเถื่อน จ้าวคนเถื่อน ขุนพลคนเถื่อน จอมพลคนเถื่อน ราชันย์คนเถื่อน จักรพรรดิคนเถื่อน และคนเถื่อนศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่าสำหรับอายุที่ยังไม่เกินสามสิบปีของอีกสองเขตปกครองจะไม่มีผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจักรพรรดิปีศาจและจักรพรรดิคนเถื่อนโผล่มาอย่างเด็ดขาด อย่างน้อยตามข้อมูลของตระกูลที่ได้รับมาทั้งสองเขตปกครองยังไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดที่มีพร์ที่เหนือฟ้าขนาดนั้น ที่เหมือนอย่างเย่เตาบิดาของเ้าที่อายุยี่สิบแปดบรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดินั้น ทั่วทั้งทวีปัเพลิงหลายร้อยปีถึงจะมีปรากฏขึ้นมาสักคน ฉะนั้นเ้าจึงไม่ต้องเป็กังวล
เวลา่ครึ่งปีแรกทางตระกูลยังไม่อยากให้เ้าเข้าร่วมต่อสู้มากนัก เอาแค่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปก่อน รอจนกระทั่งพลังฝีมือของเ้าบรรลุถึงระดับขอบเขตนักรบซึ่งพอที่จะปกป้องตัวเองได้จากผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตราชันย์ปีศาจและราชันย์คนเถื่อน ถึงเวลานั้นค่อยเข้าร่วมศึกอย่างเต็มที่ก็ยังไม่สาย รายละเอียดอื่นๆ เย่สือซานกับเย่สือชีจะบอกกับเ้าเอง...คะแนนนับไม่ยาก ยกตัวอย่างเผ่าปีศาจก็แล้วกัน กำเนิดปีศาจและหัวหน้าปีศาจนับเป็ทหารสามัญธรรมดา นับคะแนนเพียงแค่หนึ่ง ผู้นำปีศาจนับเป็สองคะแนน จ้าวปีศาจนับเป็ห้าคะแนน ขุนพลปีศาจนับเป็สิบคะแนน จอมพลปีศาจนับเป็สามสิบคะแนน ราชันย์ปีศาจนับเป็หนึ่งร้อยคะแนน!”
อืม! ฟังเย่ผิงพูดจบเย่ชิงหานก้มหน้าลงคิดคำนวณอยู่เงียบๆ จากนั้นเงยหน้าขึ้นพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด “คำนวณตามที่ท่านพูด อย่างน้อยข้าต้องสังหารราชันย์ปีศาจร้อยคน หรือจอมพลปีศาจสามร้อยคน หรือขุนพลปีศาจหนึ่งพันคนถึงจะรวบรวมได้ถึงหนึ่งหมื่นคะแนนเพื่อนำมาแลกยาิญญาเทวะ”
“ตามหลักการก็เป็เช่นนั้น” เย่ผิงพยักหน้าถอนหายใจออกมา “แต่ว่า...กองกำลังของผู้มีพลังฝีมือระดับหัวกะทิของทั้งสามเขตปกครองเมื่อเข้าไปยังเกาะแห่งความมืดมิดแรกๆ ทุกๆ กองกำลังจะมีผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบ ราชันย์ปีศาจ หรือราชันย์คนเถื่อนเป็ผู้นำ ซี่งผู้มีพลังฝีมือในระดับนี้ล้วนถูกนำมาใช้เพื่อตรึงกำลังไว้ หากผู้มีพลังฝีมือในระดับนี้คิดจะลงมือฆ่าศัตรูที่ระดับขอบเขตต่ำกว่าเขาละก็ ยอดฝีมือของกองกำลังฝ่ายตรงข้ามจะต้องออกมาสกัดกั้นไว้อย่างแน่นอน จากนั้นทำการเรียกพวกเดียวกันที่อยู่ใกล้ๆ ให้มาช่วย ดังนั้น การต่อสู้โดยมากจะเป็การจับคู่ระหว่างผู้มีพลังฝีมือที่อยู่ในระดับเดียวกันเสียมากกว่า”
“เ้าที่ภายนอกพลังฝีมืออยู่ในระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วน่าจะสามารถสังหารได้แม้กระทั่งผู้มีพลังฝีมือในระดับแรกขอบเขตนักรบ? ดังนั้นอยู่ในงานประลองเ้าได้เปรียบเป็อย่างมาก! นี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมทางตระกูลถึงได้ส่งเ้ามาเข้าร่วมงานประลองในครั้งนี้ เื่ราวต่างๆ โดยรวมยังมีอีกมากและอธิบายยาก ตอนนี้เ้ายังไม่เข้าใจก็ไม่เป็ไร ในขณะที่อยู่ในงานประลองข้าแนะนำให้เ้าพยายามรับฟังความเห็นของเย่สือซานกับเย่สือชีให้มาก...”
ภารกิจช่างลำบากและหนักหน่วงอย่างยิ่ง! เย่ชิงหานถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง จะแลกเปลี่ยนของรางวัลล้ำค่าอันดับหนึ่งยาิญญาเทวะไม่ง่ายเลยจริงๆ แม้ว่าผู้มีพลังฝีมือระดับหัวกะทิของเขตปกครองเทพปีศาจและเขตปกครองเทพคนเถื่อนรวมกันแล้วจะมีถึงสองหมื่นคน คะแนนทั้งหมดรวมกันแล้วเกินล้านคะแนน แต่งานประลองที่ต่อสู้ตะลุมบอนกันแบบนี้คิดจะมีชีวิตรอดและสะสมคะแนนให้ได้หมื่นคะแนนนั้นเป็เื่ที่ยากมาก อย่างน้อยเย่ชิงหานคิดว่าระดับความยากไม่ต่างจากนครแห่งเทพที่อยู่บนเขาสูงตระหง่านลูกนั้นที่สูงจนไม่อาจจะปีนป่ายขึ้นไปได้!
.................................
จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนกลางดึก เย่ผิงแนะนำเื่ราวต่างๆ หลายเื่ให้เย่ชิงหาน เย่ชิงหานเองก็ตั้งใจฟังอย่างดีเพราะเกี่ยวพันถึงชีวิตของตนเองและการช่วยเหลือน้องสาว การเก็บคะแนนในงานประลองาระหว่างเขตปกครองดูเหมือนจะง่ายดายแต่ความจริงนั้นยากลำบากอย่างที่สุด อาจจะพูดได้ว่าเอาชีวิตแลกคะแนนเลยก็ว่าได้
หลังจากที่เย่ผิงสั่งให้คนพาเย่ชิงหานไปพักผ่อน สายตามองส่งเย่ชิงหานที่เลือนหายไปท่ามกลางความมืดของค่ำคืน จากนั้นเขาเดินเข้าไปยังประตูด้านข้างที่ทะลุไปยังอีกห้องหนึ่งที่เงียบสงบ
ห้องดูราวกับห้องสมุด ภายในมีเงาร่างสีเขียวร่างหนึ่งนั่งจิบชาอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ
“คารวะท่านผู้าุโสูงสุด!” เย่ผิงโค้งตัวลงทำความเคารพสีหน้านอบน้อมระมัดระวัง
“อืม” เงาร่างสีเขียวเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่ปูดโปนมองมายังเย่ผิงแล้วพูดขึ้น “อธิบายและแนะนำเื่ต่างๆ เสร็จแล้วใช่ไหม?”
“อธิบายและแนะนำทุกอย่างตามที่ผู้าุโสูงสุดสั่งกำชับไปเรียบร้อยแล้ว” เย่ผิงตอบออกมาด้วยเสียงแ่เบา นิ่งไปชั่วครู่จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าที่สงสัย “ท่านผู้าุโสูงสุด เย่ผิงมีคำถามบางข้อไม่เข้าใจ ทำไมถึงส่งเย่ชิงหานเข้าร่วมงานประลองาระหว่างเขตปกครอง? อาศัยพลังฝีมือของเขาไม่มีหวังที่จะได้รับคะแนนมากมายอย่างแน่นอน และงานประลองมีอันตรายเป็อย่างมาก ถ้าหากว่าเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมาตระกูลจะแบกรับความเสียหายขนาดนี้ได้รึ?”
“อืม!” เย่ชิงหนิวได้ยินคำถามของเย่ผิงใบหน้าแสดงออกมาว่าข้ารู้ว่าเ้าจะต้องถามแบบนี้ออกมา นิ่งเงียบไปสักพักแล้วถอนหายในพูดออกมา “ข้าและท่านหัวหน้าตระกูลรู้ในข้อนี้ดี ความจริงพวกข้าไม่ได้หวังว่าเขาจะเก็บสะสมคะแนนได้ถึงหนึ่งหมื่นด้วยตัวเองได้ ทางตระกูลเองจึงได้จัดกองกำลังลับขนาดเล็กและพวกยอดฝีมือทั้งหลายไปเก็บคะแนนอย่างลับๆ ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเ้าเด็กคนนี้ถูกธิดาศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลเยว่เลือกแล้ว ข้ากับเยว่จีปรึกษาหารือกันแล้ว ตระกูลเยว่ก็มีการจัดกองกำลังระดับหัวกะทิขนาดเล็กอีกสามกองไปช่วยแย่งชิงคะแนนเพื่อนำมาแลกยาิญญาเทวะด้วยเหมือนกัน”
“ส่วนที่ว่าทำไมถึงส่งเขามาเข้าร่วมงานประลองในครั้งนี้ พอพูดถึงเื่นี้แล้วข้าอดโมโหไม่ได้...หากไม่ใช่เพราะไอ้โง่เง่าเย่เจี้ยนสร้างเื่มากมายไว้ สถานการณ์จะออกมายุ่งยากเช่นนี้รึอย่างไร? เ้าไม่รู้หรอกว่าหลังจากเกิดเื่พวกนั้นขึ้นเย่ชิงหานมีความรู้สึกปฏิเสธตระกูลขนาดไหน หรืออาจจะพูดได้ว่ารังเกียจเลยก็ว่าได้ ข้ากับท่านหัวหน้าตระกูลไม่มีทางเลือกอื่นจึงต้องอาศัยเื่การช่วยเหลือน้องสาวของเขามาค่อยๆ สลายช่องว่างในจิตใจของเขาที่มีต่อตระกูล สำหรับอันตราย...ท่านหัวหน้าตระกูลบอกว่า ผู้ฝึกยุทธ์หากไม่ผ่านการฆ่าฟันสู้รบนองเืจริงๆ จะไม่มีทางกลายเป็ผู้ที่แข็งแกร่งที่แท้จริงได้อย่างเด็ดขาด แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังมีสือซานกับสือชีและกองกำลังเทพแห่งความตายอยู่กับเขาด้วย ขอแค่เพียงเขาไม่บุ่มบ่ามบุกทะลวงไปคนเดียวก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และทางตระกูลยังมีการจัดเตรียมการสำรองอื่นๆ อีกมาก เื่นี้เ้าวางใจได้ไม่ต้องเป็กังวล”
“ผู้าุโสูงสุดและท่านหัวหน้าตระกูลเตรียมการไว้หมดแล้วเย่ผิงก็วางใจ หวังว่าทุกอย่างคงราบรื่นไปด้วยดี”
“ก็ขอให้เป็อย่างนั้น! อีกสักพักเ้าไปบอกให้เย่สือซานกับเย่สือชีเข้ามาหาข้าหน่อย ข้ามีเื่จะกำชับเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย”
ภายในห้องบังเกิดเสียงถอนหายใจอย่างหนักหน่วงออกมาสองเสียง! ทำให้ค่ำคืนในฤดูร้อนเพิ่มบรรยากาศของความเศร้า ระทมทุกข์มากขึ้นอีกหลายส่วน...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้