ร้านหัวใจสตรีเกิดเื่ราวใหญ่โตขนาดนั้น ลูกค้าต่างหวาดผวาหนีกระเจิงกันไปหมด ถังชิงหรูนั่งสัปหงกอยู่ที่โต๊ะ มีถังซานหู่ยืนนิ่งไม่ขยับเป็เสาไม้อยู่ด้านข้างมาหนึ่งชั่วยามเต็มๆ แล้ว ถังชิงหรูรู้สึกว่านิสัยใจคอของคนผู้นี้ยังต้องขัดเกลาอีกมาก นางรู้สึกเหนื่อย จึงมิได้นำพาต่อการแสดงออกของเขา
จางซงเดินเข้ามาจากด้านนอก รินน้ำชาจากบนโต๊ะด้านข้างกรอกใส่ปากอึกๆ ไปถึงสามถ้วยติด ก่อนยกมือปาดคราบน้ำบนริมฝีปากแล้วถึงเอ่ยวาจา
"ข้าน้อยไปสอบถามได้ความมาแล้ว ที่แท้นายใหญ่ของหอจตุรทิศคือเมิ่งหลิงขอรับ" จางซงกล่าวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก "ข้าน้อยไม่เข้าใจเลย องค์กรประเภทนี้เป็การรวมตัวของพวกอันธพาลในท้องถิ่น จะดีจะชั่วเมิ่งหลิงก็เป็คนโปรดข้างกายอัครเสนาบดี ทั้งยังเป็คนฉลาดปราดเปรื่องมากคนหนึ่ง ไม่รู้ว่ายอมรับเ้าพวกวายร้ายเ่าั้ได้อย่างไร"
"พวกเรารู้ว่าคนที่อยู่หลังม่านคือเมิ่งหลิง แต่ประชาชนไม่รู้ เขาใช้วิธีเรียกเก็บค่าคุ้มครองจากชาวบ้าน เงินที่รีดไถมาได้แต่ละวันแต่ละเดือนย่อมจะมากโข" ถังชิงหรูมุ่นคิ้วขมวด "เขายังเริ่มลงมือกับพ่อค้าวาณิชทั่วไป ครานี้ร้านหัวใจสตรีของพวกเราถูกอุบายเล่นงานก็เพราะโดดเด่นเกินไป ทำให้คนเกิดความอิจฉาริษยา ในความเห็นของข้า เพียงแค่คุณชายยอมสละเงินทองออกไปบ้าง เหตุการณ์ครั้งนี้ก็ไม่นับว่าเป็เื่ใหญ่อันใด"
หวังสยงเดินเข้ามาจากด้านนอก ก่อนหยุดอยู่ที่ประตู พลันรายงานกับถังชิงหรู "แม่นาง คุณชายให้ท่านกับพวกเราไปที่ศาลาว่าการขอรับ"
"ข้าก็ต้องไปหรือ" ถังชิงหรูประหลาดใจ
"ขอรับ" หวังสยงเบี่ยงกายไปด้านข้างพลางผายมือเชิญ
ถังชิงหรูตบๆ บนอาภรณ์ของตนเอง จัดทรงผมให้เรียบร้อย แล้วสาวเท้าก้าวใหญ่ออกไป หลังจากนั้นก็เห็นมีรถม้าจอดรออยู่ด้านนอก
นางปีนขึ้นรถ เห็นเฟิ่งหยางเอนกายอย่างเกียจคร้านอยู่ด้านใน หลังจากนั่งดีแล้ว เห็นเขาท่าทางเอ้อระเหยไม่นำพา ก็เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์นัก "ท่านดูไม่เดือดเนื้อร้อนใจอันใดเลยนะ ครานี้พวกเราถูกมารร้ายหมายตาเข้าแล้ว ท่านไม่กลัวว่าเขาจะสร้างปัญหาให้พวกเราเลยหรือ"
"มารร้าย? เ้าอยากรู้หรือไม่ว่าสิ่งใดเรียกว่ามารร้ายอย่างแท้จริง ต่อให้เมิ่งหลิงร้ายกาจอย่างไร แต่หากมาสร้างความขุ่นเคืองให้ข้ามากนัก ไม่ช้าตำแหน่งเ้าเมืองชิ่งของเขาก็อาจหลุดมือไปเป็ของผู้อื่น" เฟิ่งหยางกล่าวพลางหาวหวอด
"เมื่อคืนท่านไปเริงราตรีที่ไหนมาล่ะ ถึงได้ดูหมดเรี่ยวหมดแรงราวกับถูกสูบจนกลวงขนาดนี้" ถังชิงหรูค่อนแคะ
"สตรีอย่างเ้า... พูดจาหยาบคายขนาดนี้ได้อย่างไร" เฟิ่งหยางถลึงตาใส่นาง "ข้ามีงานเมื่อคืน เพิ่งกลับมาเมื่อเช้านี้ เ้าไม่เห็นหรือไร"
"อีกสักครู่ต้องพบกับเมิ่งหลิง ท่านวางแผนจะทำอย่างไร" ถังชิงหรูพิงเสาด้านข้างพลางเลิกม่านขึ้นมองออกไปด้านนอก
เมื่อก่อนยามออกมาข้างนอกจะเห็นแต่สีหน้าหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสของชาวบ้าน ทว่าเพลานี้กลับเห็นแต่ความขมขื่นของพวกเขา ถังชิงหรูมีความสามารถเห็นปราดเดียวจำไม่ลืม ขอแค่เป็คนที่พบเจอกันเพียงครั้งเดียวก็จำได้ติดใจ ดังนั้นนางแน่ใจว่าเมื่อสองสามเดือนก่อนชาวบ้านเ่าั้ยังสวมใส่อาภรณ์เนื้อดีกันอยู่ แต่มาบัดนี้กลับสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งมีแต่รอยปะชุนทั้งตัว แต่ละคนหน้าตาซูบซีดราวกับขาดสารอาหาร
"เขาอยากได้เงินนักมิใช่หรือ ข้าก็ให้เขาได้ ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังจะชักนำให้เขามาหาเงินร่วมกันอีกด้วย" เฟิ่งหยางยกยิ้ม หันไปหาถังชิงหรูซึ่งกำลังทำตาปริบๆ "อย่ามามองคุณชายเยี่ยงข้าด้วยสายตาเทิดทูนบูชาเยี่ยงนั้น ข้าไม่หลงเสน่ห์เ้าหรอก แต่ถ้าอีกสักครู่เ้ายั่วยวนใต้เท้าหัตถ์ปีศาจผู้นั้นสำเร็จ ข้าจะมีรางวัลพิเศษให้"
"รางวัลเป็โลงศพหนึ่งโลงน่ะหรือ" ถังชิงหรูแค่นเสียงเยาะ "ข้าไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญาขนาดนั้น คนยังสาวยังแส้ ใช้ชีวิตยังมิจุใจเลย ใครจะอยากรนหาที่ตาย"
"เพราะอย่างนี้เ้าถึงน่าสนใจกว่าสตรีอื่น เ้ารู้ใจข้า ข้าคิดสิ่งใดในใจไม่ต้องพูดอะไรออกมาเ้าก็สามารถคาดเดาได้" เฟิ่งหยางใบหูขยับเล็กน้อย ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ "ถึงจวนเ้าเมืองแล้ว ที่นี่คงไม่แปลกตาสำหรับเ้า ตอนที่เฉินิยังอยู่ เ้าก็ต้องมารายงานตัวที่นี่ทุกวี่ทุกวัน อีกเดี๋ยวต้องทำงานสำคัญ อย่าเผยพิรุธออกไปเป็อันขาด เมิ่งหลิงคอยควานหาตัวเ้าอยู่ทุกหนแห่ง หากเ้าตกไปอยู่ในกำมือคนผู้นั้น เขาก็จะใช้เ้าล่อเฉินิออกมา หากเฉินิไม่ติดกับ เขาก็อาจทำให้เ้า... อยู่ไม่สู้ตาย เ้าคงไม่อยากกลายเป็ลูกไก่ในกำมือของเมิ่งหลิงใช่หรือไม่"
"อื้อ ข้าจะระวัง" ถังชิงหรูหลุบสายตา ขดนิ้วมือลงมากำเป็หมัดแน่น
นางไม่คิดล่วงเกินเมิ่งหลิง แววตาของคนผู้นั้นราวกับจักรกลสังหารไม่มีเืเนื้อและความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น ภาพที่เขาสั่งให้ลูกน้องกัดลิ้นของตนเองจนขาดยังติดตานางมาถึงบัดนี้
"พี่ชาย พวกเรามาคารวะใต้เท้าเมิ่ง" ครานี้เฟิ่งหยางไม่เพียงแต่พาถังชิงหรูกับพวกจางซงมา ยังพาบุรุษวัยกลางคนมาด้วยอีกคนหนึ่ง
ชายวัยกลางคนผู้นั้นนั่งรวมอยู่กับพวกจางซงในรถม้าคันหลัง เมื่อครู่นางยังไม่เห็นเขา แต่ยามนี้พอได้เห็น ก็พบว่าดวงตาของคนผู้นี้เจิดจรัสยิ่งนัก แลดูฉลาดมีไหวพริบ
"เขารับผิดชอบหน้าที่เชื่อมความสัมพันธ์กับผู้คนให้กับพวกเรา ่นี้พ่อค้าใหญ่น้อยในเมืองเกือบทุกคนต่างร่วมมือกับข้าหมดแล้ว รวมถึงสกุลจางที่มาก่อเื่นั่นด้วย ดังนั้นเ้ามิต้องวิตกว่าสกุลจางจะมาสร้างปัญหาให้พวกเรา เพราะในไม่ช้าจะมีคนไปก่อกวนพวกเขา จางฮูหยินผู้นั้นจะต้องส่งของขวัญมาขอขมาเ้าแต่โดยดี นางเป็สตรี ย่อมให้เ้าเป็คนรับมือ เ้าจะจัดการกับนางอย่างไรก็สุดแล้วแต่ จะเล่นให้ตายข้าก็ไม่สน" เฟิ่งหยางลูบศีรษะของนางราวกับสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งก็มิปาน
ถังชิงหรูไม่อาจรู้ได้ว่าเฟิ่งหยางทำอะไรต่อมิอะไรมากมายในชั่วระยะเวลาสั้นๆ ได้อย่างไร หรือว่าที่เขาออกเช้ากลับค่ำทุกวัน แท้จริงแล้วมิใช่วุ่นวายอยู่กับการฆ่าคน แต่เป็การดึงคนมาเป็พรรคพวก
เฟิ่งหยาง ท่านคิดจะทำสิ่งใดกันแน่?
นายใหญ่ของตำหนักสังหารหน่วยข่าวกรองที่ทรงประสิทธิภาพ ยามนี้ยังดึงผู้มีอำนาจบารมีของเมืองชิ่งมาเป็พรรคพวก หากเขาคิดจะทำการสักอย่าง ทั่วทั้งเมืองชิ่งไม่มีทางโชคดีรอดพ้นภัยพิบัติเป็แน่
นางมีลางสังหรณ์ว่าเฟิ่งหยางอาจไม่ใช่คนของแคว้นนี้ เขาเป็อริกับเฉินิ ขณะเดียวกันก็เป็ศัตรูของเมิ่งหลิง ไม่แน่ว่าเขาอาจเป็สายลับจากต่างแคว้นก็ได้
"เ้าเมืองของเรากำลังยุ่งมาก ไหนเลยจะมีเวลาว่างมาพบพวกเ้า" องครักษ์เฝ้าประตูเห็นพวกเขาก็โบกมือไล่อย่างรำคาญ "รีบไปๆ "
"พี่ชาย รบกวนท่านเข้าไปแจ้งสักคำเถิด หากท่านเ้าเมืองไม่้าพบพวกเรา พวกเราค่อยไปก็ได้ จะได้ไม่เดือดร้อนมาถึงพี่ชายด้วย นี่เป็ของแทนความเคารพ ท่านปกป้องคุ้มครองท่านเ้าเมืองทั้งวันทั้งคืนคงเหนื่อยยากลำบากยิ่ง สินน้ำใจเล็กน้อยขอท่านโปรดอย่าได้รังเกียจ รับไว้เป็ค่าสุราน้ำชาก็ได้" ชายวัยกลางคนยัดตั๋วเงินฉบับหนึ่งใส่มือนายทวารผู้นั้น
องครักษ์มองตั๋วเงินปราดหนึ่ง พอเห็นว่าเป็เงินถึงหนึ่งร้อยตำลึง ตาก็พลันเปี่ยมไปด้วยความละโมบ มองชายวัยกลางคนตรงหน้าอย่างสบายตาขึ้น
"พวกเ้าเป็ใคร หากเ้าเมืองถาม ข้าจะได้อธิบายได้ชัดเจนว่าผู้ใดมาขอพบ" องครักษ์ยัดตั๋วเงินใส่กระเป๋าที่เอวพลางเอ่ยถาม
"แม่นางผู้นี้เป็เ้าของร้านหัวใจสตรี วันนี้ร้านของพวกเราเกิดเื่ไม่น่ารื่นรมย์ อาจทำให้ท่านเ้าเมืองต้องวุ่นวายใจ ครานี้จึงตั้งใจมาขอขมาเป็การเฉพาะ นี่คือเทียบคารวะของพวกเรา" ชายวัยกลางคนกล่าว
เทียบคารวะที่ว่า แท้จริงแล้วคือตั๋วเงินฉบับหนึ่ง ชายวัยกลางคนพับเอาไว้อย่างดี เพียงแค่เมิ่งหลิงคลี่ออกมาก็จะเห็นตั๋วเงินหมื่นตำลึง
เมิ่งหลิงเป็คนโเี้ แม้แต่บริวารก็ยังหวาดกลัวเขา ชายวัยกลางคนจึงเชื่อว่าองครักษ์คนนี้ไม่กล้าแตะต้องของของเมิ่งหลิง
"พวกเ้ารอตรงนี้ก่อน" องครักษ์มองพวกเขาปราดหนึ่ง สีหน้าดีกว่าเมื่อครู่นี้มากนัก ถังชิงหรูมองคนผู้นั้นจากไป พลางพึมพำเสียงเย็น "พวกสุนัขอวดบารมีนาย เมื่อก่อนตอนที่เฉินิยังอยู่ ที่นี่เคย..."
คำพูดยังไม่ทันจบประโยค เห็นเฟิ่งหยางทำสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ก็รีบหุบปากทันที
"พูดต่อไปสิ เมิ่งหลิงยังไม่ได้ยินเลย พูดดังอีกหน่อยให้เขาได้ยิน ถึงเวลาข้าจะมอบโลงให้เ้าสักโลงเป็รางวัล" เฟิ่งหยางเม้มริมฝีปากกล่าวเสียงเรียบ
"ฮึ!" ถังชิงหรูแค่นเสียงเยาะ "ข้าไม่ได้โง่ขนาดนั้น"
ผ่านไปครู่หนึ่งองครักษ์ผู้นั้นก็กลับมา ยิ้มกล่าวกับพวกเขา "ท่านเ้าเมืองให้พวกท่านเข้าไปได้"
เมื่อครู่ยังชักสีหน้าทำตาขวางใส่พวกเขา แต่ยามนี้กลับยิ้มแย้มแจ่มใส ดูท่าเมิ่งหลิงคงจะกล่าวอะไรบางอย่าง ดังนั้นท่าทีที่มีต่อพวกเขาถึงได้เปลี่ยนไป
ถังชิงหรูกระซิบข้างหูเฟิ่งหยาง "ท่านช่างมือเติบยิ่ง ซื้อตัวข้ารับใช้คนเดียวยังให้ถึงร้อยตำลึง ไฉนทีกับข้าถึงได้ตระหนี่ถี่เหนียวนัก"
"เ้าเคยเห็นเ้านายบ้านไหนใช้เงินก้อนใหญ่ซื้อใจข้ารับใช้ของตนเองบ้างไหมเล่า" เฟิ่งหยางกระซิบกลับ "หลงตัวเองให้มันน้อยหน่อย"
เมิ่งหลิงกำลังจัดการงานราชการอยู่ที่ห้องหนังสือ มีข้ารับใช้เฝ้าอยู่ด้านนอก พอพวกเขาเห็นพวกเฟิ่งหยางมาปรากฏตัว ก็เคาะประตูร้องบอกเข้าไปด้านใน "ใต้เท้า คนมาถึงแล้ว"
"ให้พวกเขาเข้ามา" เมิ่งหลิงเอ่ยเสียงเรียบ
เสียงของเมิ่งหลิงใสกระจ่างและเยือกเย็นประหนึ่งน้ำพุ ชวนให้คาดไม่ถึงว่าเขาจะเป็คนอำมหิตโหดร้ายได้ถึงปานนั้น
ถังชิงหรูชอบฟังเสียงคน พอได้ยินน้ำเสียงเช่นนี้ก็รู้สึกประทับใจ แน่นอนว่านางชื่นชมแค่เสียง ใช่ว่าจะหลงใหลได้ปลื้มใครง่ายๆ
หลังจากพวกเขาสามคนเข้าไปข้างใน คนจากด้านนอกก็ปิดประตู
"คารวะใต้เท้าเมิ่ง" ชายวัยกลางคนเริ่มออกหน้าเป็คนแรก เขาขึ้นชื่อเื่การพูดโน้มน้าวจูงใจคน คารมคมคายเป็พิเศษ หากไปอยู่ในสมัยปัจจุบันก็คงจะกลายเป็นักพูดที่มีชื่อเสียงแห่งยุค
เมิ่งหลิงไม่มองชายวัยกลางคนผู้นั้นแม้แต่น้อย สายตาของเขาหยุดอยู่ที่เฟิ่งหยางกับถังชิงหรู ก่อนจะขมวดคิ้วเอ่ยอย่างไม่พอใจ "ไฉนถึงปล่อยแมวปล่อยสุนัขเข้ามา นึกว่าข้าว่างนักรึ"
"ใต้เท้าเมิ่ง พวกเราเป็คนจากร้านหัวใจสตรี วันนี้ร้านของเราเกิดเื่ พวกเราเป็ผู้อยู่ในเหตุการณ์ ดังนั้นจึงอยากอธิบายสถานการณ์กับใต้เท้าให้กระจ่าง" ถังชิงหรูเห็นเมิ่งหลิงบันดาลโทสะ นึกวิตกว่าเขาจะลงมือกับพวกหวังสยง จึงรีบแถลงไข
เมิ่งหลิงได้ยินคำกล่าวของนาง สีหน้าค่อยคลายโทสะ ทว่าก็ยังมองออกว่าเขายังไม่พอใจอยู่ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ "นายใหญ่ของร้านหัวใจสตรีอยู่ก่อน แล้วก็เ้า... ส่วนคนอื่นๆ ออกไป"
ถังชิงหรูเหลือบมองไปที่เฟิ่งหยาง เห็นเขายกมือออกคำสั่งให้พวกหวังสยงออกไป
ในห้องจึงเหลือเพียงเฟิ่งหยาง ถังชิงหรู และเมิ่งหลิง เมิ่งหลิงยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ไม่มีทีท่าจะเอ่ยปาก
แต่ไรมาเฟิ่งหยางหาใช่คนปล่อยให้ตนเองลำบาก เขาหาที่นั่ง วางตัวเอ้อระเหยเหมือนยามอยู่ในจวนของตนเอง
"วันเวลาผ่านมานานหลายปี ใต้เท้าเมิ่งตอนนี้ดูน่าเกรงขามยิ่งนัก" เฟิ่งหยางยามไม่เอ่ยปากก็ไม่มีอันใด แต่พอเอ่ยปากก็ทำให้ถังชิงหรูใแทบตาย
ฟังจากความหมายแล้ว แสดงว่าเมื่อก่อนพวกเขาเคยพบกัน แล้วตอนนั้นเขาได้ล่วงเกินเมิ่งหลิงหรือไม่
เฟิ่งหยางเป็คนชอบทำตัวโดดเด่น ปรกติก็ไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา ทั้งรูปโฉมและความสง่างามของเขาไม่ว่าจะมองจากด้านไหนก็รู้ว่าเป็ลูกผู้ดีมีสกุล คนแบบนี้จึงมักเย่อหยิ่งทะนงตนเป็ที่สุด
เมิ่งหลิงมองเฟิ่งหยางด้วยแววตาราบเรียบ "ตอนนั้นข้าเคยลั่นวาจาไว้ว่า สักวันหนึ่งข้าจะแก้แค้นธนูดอกนั้นให้ได้"
ถังชิงหรูตบหน้าผากของตนเองด้วยความรู้สึกอย่างไม่มีอะไรจะเสีย สิ่งที่นางวิตกได้เกิดขึ้นแล้ว สองคนนี้มีคดีเก่ากันจริงๆ แล้วไยเฟิ่งหยางถึงส่งตัวเองมาขึ้นเขียงกันละเนี่ย
"ตอนนั้นข้ายังอายุน้อยมิรู้ความ ประกอบกับอุปนิสัยคึกคะนอง ใต้เท้าเมิ่งเป็คนทำงานใหญ่ ไฉนจึงคิดแค้นกระทั่งเด็กน้อยซุกซนเกกมะเหรกคนหนึ่งมาถึงบัดนี้เล่า" เฟิ่งหยางเปลี่ยนทิศทางการสนทนา ใบหน้าทอยิ้มราวกับจิ้งจอกน้อย เพียงแต่ดูแตกต่างไปจากปรกติ
บุรุษผู้นี้กำลังปิดบังตัวตน
เมื่อครู่ยามเห็นเขาก็รู้สึกชอบกล แต่บอกไม่ถูกว่าผิดปรกติตรงไหน จนกระทั่งเพลานี้ถึงเข้าใจ ที่แท้วันนี้เฟิ่งหยางประทินผิวบางๆ ซ่อนเร้นความงดงามที่แม้แต่สตรียังอิจฉาเอาไว้ ยามนี้เขาดูธรรมดาไม่บดบังความสง่างามของเมิ่งหลิง
บุรุษผู้นี้เป็คนรอบคอบ เขาทำเช่นนี้เพราะไม่้าให้เมิ่งหลิงเกิดความริษยา ที่แท้บุรุษรูปงามเกินไปก็ทำให้บุรุษด้วยกันนึกชิงชังได้เหมือนกัน