อยู่ๆ เจิ้งหยวนก็ได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่หลายครั้ง รวมทั้งเสียงซุบซิบแ่เบา ที่แม้กระทั่งสายลมยังมิอาจกลบเสียงเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ได้ตามมา เธอหันขวับกลับไปมอง พลันเห็นผู้หญิงหลายคนกำลังนั่งอยู่ไม่ไกลด้านหลังเธอ
ครั้งที่เจิ้งหยวนมีโอกาสได้กลับมาเกิดใหม่ก็อายุอานามห้าสิบกว่าปีแล้ว เธอไม่ได้กลับหมู่บ้านมาหลายสิบปีแล้ว คนที่กินแตง [1] สามคนข้างหลังนั่นอย่างมากเธอก็แค่คุ้นหน้าคุ้นตาเท่านั้น เธอจึงไม่รู้ว่าหนึ่งในนั้น มีลูกสาวที่บ้านแต่งเข้าสกุลเฝิง เป็ญาติของสกุลเฝิงอยู่ แต่แม้เธอจะไม่ทราบ ก็ไม่ส่งผลต่อการคาดเดาจุดประสงค์ที่เจิ้งสยาพูดเื่พรรค์นี้ต่อหน้าพวกเขาอย่างกะทันหัน
เจิ้งหยวนทั้งโมโห ทั้งขบขัน แม้โกรธที่ลูกพี่ลูกน้องผู้ซื่อตรงจริงใจในความทรงจำมาตลอดกลับวางแผนร้ายใส่เธอ แต่ก็ยังตลกที่ยังใช้วิธีการห่วยแตกเช่นนี้กับเธอ กระทั่งป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งยังไม่กล้าทำลายชื่อเสียงเธอตามอำเภอใจ ทว่าเจิ้งสยาดันกล้า ความเห็นอกเห็นใจเจิ้งสยาที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดจึงเลือนหายไป เธอจ้องเจิ้งสยาด้วยสายตาคมปลาบ ก่อนกระตุกยิ้มมุมปากแล้วเอ่ย “พี่เสี่ยวสยา ฉันรู้ว่าพี่ชอบพี่เจี้ยนเหวิน อยากให้ฉันยกงานแต่งให้ แต่จะทำลายชื่อเสียงฉันข้างนอกแบบนี้ไม่ได้นะ…”
สตรีสามคนข้างหลังเผยสีหน้ากระจ่างแจ้ง เจิ้งสยาเหลือบมองไปทางพวกเขา พลันร้อนรนขึ้นทันที “ฉันชอบั้แ่เมื่อไร——”
“ฉันรู้” เจิ้งหยวนขัดจังหวะ ไม่คิดจะปล่อยให้เธอพูดจนจบแต่อย่างใด และรีบพูดแทรก “ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งถูกใจเงินสินสอดสองร้อยหยวนของคนขาพิการแซ่หลิว อยากผลักพี่ลงขุมนรก พี่ไม่้าแต่งให้คนขาพิการแซ่หลิวฉันเข้าใจ แต่พี่อย่าแก้ปัญหาไม่เลือกวิธี โดยแย่งการแต่งงานของฉันเลย”
“ฉันอยากแย่งงานแต่งงานของเธอตอนไหน! เป็เธอเองที่——” เจิ้งสยาเถียงไม่ขึ้น
สายตาที่มองเธอของสตรีที่รอกินแตงสามคนข้างๆ เปลี่ยนไปแล้ว
เหมือนกำลังดูถูกวิธีการของเธอ พวกหล่อนหัวเราะเยาะความไม่ประมาณตนของเธอ
เจิ้งหยวนทิ้งสายตาจนใจไว้ให้เธอ ส่ายศีรษะราวกับเธอไม่มีอะไรจะพูด และลุกขึ้นเตรียมจากไป
เธอไปแล้วจะทำอย่างไร! เจิ้งสยาลุกลี้ลุกลน
เอื้อมมือหมายจะคว้าเสื้อของเจิ้งหยวนยื้อไม่ให้เธอไป “เสี่ยวหยวน เธอพูดมาให้ชัดๆ
ฉันชอบพี่เจี้ยนเหวินเมื่อไร ทั้งที่เธอ——”
“พี่ไม่ชอบเขา แล้วทำไมถึงเรียกเขาพี่เจี้ยนเหวินล่ะ? พี่สนิทกับเขาเหรอ?” เธอหันกลับมามองญาติผู้พี่ทันที
“ฉัน——” นั่นเธอเรียกตามเจิ้งหยวนต่างหาก! เจิ้งสยาแทบจะร้องไห้เสียตรงนั้น
เดิมทีเธอเป็คนพูดไม่เก่ง เมื่อร้อนรนเลยยิ่งพูดผิดๆ ถูกๆ
เธอแก้ต่างกับพวกคนที่รอดูอย่างลนลาน “พวกคุณเชื่อฉันนะ ฉันไม่ได้ทำ
เป็เจิ้งหยวนเองที่หาคนรักในเมือง ไม่เหมาะสมกับพี่เจี้ยนเหวินสักนิด!”
ท่าทีหวาดกลัวแบบนั้น มองพริบตาเดียวก็เหมือนเด็กผู้หญิงที่โดนแฉความจริงแล้วอับอายจนพาลโกรธ ไม่ว่าเธอจะพยายามอธิบายแค่ไหน คนกินแตงล้วนไม่เชื่อแล้ว
มิหนำซ้ำ เจิ้งหยวนยังสวมิญญาราชินีจอเงิน จงใจบีบน้ำตาจนดวงตาฉ่ำน้ำ แสร้งทำตัวน่าสงสารใส่ไฟเพิ่มเข้าไป เธอสวมหมวกฟาง บังแดดมิดชิดตอนลงนาด้วย ผิวพรรณเลยยังขาวผ่อง โดดเด่นสะดุดตาเป็พิเศษท่ามกลางคนผิวดำคล้ำ มาแสดงเช่นนี้ จึงดูเหมือนคนทนทุกข์จนใบหน้าซีดเซียว สรุปคือคล้ายดอกบัวขาวที่เอนไหวตามสายลมกำลังโดนข่มเหงรังแก เธอจับมือเจิ้งสยาด้วยสีหน้ากล้ำกลืนพลางเอ่ย “พี่เสี่ยวหยา หากพี่ชอบพี่เจี้ยนเหวินจริงๆ ฉัน... ฉันสามารถเติมเต็มความปรารถนาของพวกพี่ได้ แต่... แต่พี่อย่าทำลายชื่อเสียงฉันแบบนี้ ฉันหมั้นหมายกับพี่เจี้ยนเหวินไว้ จะหาคนอื่นมาเป็คู่รักทำไม?”
[1] คนกินแตง หมายถึง กลุ่มคนที่ชอบตามกินเผือกแบบเงียบๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้