เสียงของชายชราราวกับเป็ตัวแทนวัง พริบตา อานุภาพกดดันก็สลายไปจนหมด กลับคืนสู่ความสงบดังเดิม พวกเซียวเฉินผงกศีรษะ จากนั้นก้าวเข้าไปในวัง
เพิ่งเดินเข้าไป สิ่งที่เข้าสู่คลองจักษุอย่างแรกคือความแพรวพราย
งามวิจิตรอย่างเอกอุ
พื้นทั้งหมดปูด้วยหยกขาวกระจ่างใส แผ่แสงเรื่อเรือง ถึงผ่านมาพันปีแต่ก็ยังมีปราณิญญาแผ่ปกคลุม เสาวังสร้างด้วยทองคำแท้ สลักัวาดหงส์ สมจริงราวกับมีชีวิต เหมือนมิใช่วัง แต่เป็ผลงานศิลปะชิ้นเอก ได้แต่มองอยู่ไกลๆ โดยมิอาจล่วงล้ำ
ทำให้พวกเขาสามคนชื่นชมอย่างยิ่ง
แค่หินหยกขาวบนพื้นแต่ละก้อนก็ราคาแพงลิบลิ่วแล้ว นับประสาอะไรกับเสาัทองแท้สูงสิบถึงหลายสิบจั้งที่ทำให้วังนี้ยิ่งเพริศแพร้วทบทวี
แม้ไร้นาย แต่โอ่อ่าหรูหราทุกแห่งหนอย่างเด่นชัด
พวกเขาสามคนมั่นใจอย่างยิ่งว่า ในดินแดนเทียนเสวียน ไม่มีวังใดฟุ้งเฟ้อได้ขนาดนี้ ไม่มีแว่นแคว้นใดสามารถเทียบเคียงวังที่อยู่เบื้องหน้าได้
“สมเป็แคว้นกู่ เื้ัไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”
เซียวเฉินยิ้มกล่าว เกรงว่าแค่สร้างวังหลวงหลังนี้ก็ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล แม้วังหลวงในปัจจุบันจะเฉิดฉัน แต่เมื่อเทียบกับแคว้นกู่แล้วยังห่างไกลอยู่มากจริงๆ นำมาวิจารณ์ร่วมกันไม่ได้เลย
“คนเทียบคน เปรียบจนอกแตกตาย!”
ฉู่หยวนมีสีหน้าตะลึงแกมอิจฉา
ส่วนฉู่เยียนหรานกลับะโโลดเต้นในวังและลูบคลำไปทั่วอย่างเริงร่าราวกับเด็กน้อย
ทำให้อีกสองคนอดหัวเราะไม่ได้
ฉู่เยียนหรานอายุสิบหกสิบเจ็ดปีแล้ว ทว่ายังไร้เดียงสาเหมือนเด็กน้อย
วิ้ง!
ทันใดนั้น ในวังอันมโหฬารก็มีผลึกเสวียนขนาดั์ก้อนหนึ่งเปล่งประกาย แผ่แสงสว่างเจิดจ้าปกคลุมทั่วทั้งวัง พวกเซียวเฉินรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจางๆ ทันที
“ผู้าุโ...”
เซียวเฉินส่งเสียงด้วยรอยยิ้มบางๆ “ไม่เป็ไร แม่หนูนั่นต้องแตะผลึกเสวียนรักษาวังในตำหนักใหญ่แน่นอน ผลึกเสวียนจึงเป็เช่นนี้” ระหว่างที่เอ่ยวาจา พลังอันไร้รูปขุมหนึ่งก็เข้าสู่ผลึกเสวียน ผลึกเสวียนค่อยๆ เก็บงำแสงกลับสู่สภาพเดิม
“ตัวผลึกเสวียนนั้นไม่ได้เตรียมมารับการโจมตีใดๆ แต่หากมีคนคุกคามวังหลวงของแคว้นกู่ ผลึกเสวียนจะเปลี่ยนเป็เขตแดนขนาดั์เพื่อปกป้องวังหลวง ต่อให้เป็ผู้เข้มแข็งขั้นดารา์ก็ไร้หนทางจู่โจมทำลาย!”
เสียงนั้นเอ่ยช้าๆ “วังหลวงของแคว้นกู่อยู่มาหลายพันปีแล้ว ย่อมมีความสามารถเอกอุ ไม่เช่นนั้นจะสามารถตั้งตระหง่านในดินแดนเทียนเสวียนมาเกือบหมื่นปีแล้วจึงล่มสลายในภายหลังได้อย่างไร”
ฉู่เยียนหรานได้ยินดังนั้นจึงถามว่า “ท่านปู่ผู้าุโ เหตุใดแคว้นกู่จึงหายไป?”
เซียวเฉินและฉู่หยวนก็คิดเช่นเดียวกัน
คำถามนี้เป็ความเ็ปในใจของผู้าุโอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่ได้หลบเลี่ยงคำถามนี้แต่ถอนหายใจ แล้วเอ่ยช้าๆ “ในเมื่อแคว้นกู่ได้ชื่อว่าแคว้นกู่ [1] จึงคงอยู่มาั้แ่ยุคกลาง ใน่เวลาเ่าั้ ดินแดนเทียนเสวียนเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง นับแต่โบราณมาแต่ละแคว้นก็สูสีกัน แต่อยู่ใต้การปกครองของแคว้นกู่ มิได้แยกเป็เอกเทศ”
“แคว้นกู่สืบทอดลิขิตฟ้า ควบคุมเจตนารมณ์และกฎ์ จึงเป็ผู้นำของทุกแคว้นมาโดยตลอด บรรดาแคว้นใต้อาณัติค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นด้วยการสนับสนุนของแคว้นกู่ แต่เจตนารมณ์์มิใช่สิ่งถาวร ทุกหนึ่งพันปีจะมีการเปลี่ยนแปลง มีความสำเร็จเหนือล้ำแคว้นก่อนหน้า ขณะที่แคว้นเราสืบทอดลิขิตฟ้า ก็มีแคว้นใหญ่อีกสองแคว้นสืบทอดลิขิตฟ้าเช่นกัน ดังนั้น ทั้งสามแคว้นในดินแดนเทียนเสวียนจึงเผชิญหน้ากัน ฝีมือสูสีก้ำกึ่ง ต่อมาแคว้นลั่วเทียนกู่ [2] เราก็ล้ำหน้า ใช้เวลาเพียงสามร้อยปีก็เหนือกว่าแคว้นใหญ่สองแคว้นและกลายเป็แคว้นที่แข็งแกร่งที่สุดในสามแคว้นนั้น”
ชายชราเอ่ยถึงตรงนี้ น้ำเสียงก็มีแววภาคภูมิ
ถึงขั้นตื่นเต้นสุดขีด ราวกับภาพของแคว้นลั่วเทียนกู่ที่ปกครองดินแดนเทียนเสวียนในยามนั้นปรากฏขึ้นตรงหน้า
พวกเขาสามคนฟังเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร
พวกเขาฟังเื่เล่าเมื่อพันปีก่อนและภาพความยิ่งใหญ่เจิดจรัสของแคว้นกู่แล้วก็ถอนหายใจ
“แต่ต่อมา เมื่อหนึ่งพันเจ็ดร้อยปีก่อน ลิขิตฟ้าก็เปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เื่นี้ทำให้ประมุขของแคว้นใหญ่อีกสองแคว้นจับจ้องด้วยความละโมบ ต่อให้เป็แคว้นลั่วเทียนกู่ก็ไม่ยกเว้น ถึงอย่างไร หากสืบทอดลิขิตฟ้าอีกครั้งหนึ่ง ก็จะทิ้งให้แคว้นใหญ่อีกสองแคว้นล้าหลังโดยไม่เห็นฝุ่น ยืดระยะห่างให้มากที่สุด ดังนั้น ประมุขของแคว้นกู่ขนาดใหญ่ทั้งสามแคว้นจึงพากันลงมือ่ชิงลิขิตฟ้าและเปิดฉากาไตรภาคี
าครั้งนั้น แคว้นกู่ขนาดใหญ่ทั้งสามแคว้นทุ่มสุดกำลัง ฟ้าถล่มดินแตกระแหง ทำให้ราษฎรทุกข์เข็ญ อานุภาพอันกล้าแข็งทำลายแคว้นใต้อาณัติของแคว้นกู่ไปมากมาย โลหิตไหลเป็สายธาร แม้แต่ท้องนภาก็ถูกย้อมเป็สีแดงฉาน ศึกนั้น แม้แคว้นลั่วเทียนกู่เราจะครองความได้เปรียบ แต่กลับมิอาจกำราบแคว้นกู่อีกสองแคว้นได้ ถึงอย่างไรก็ล้วนเป็แคว้นกู่ที่มีรากฐานลึกล้ำ าครั้งนั้นใช้เวลารบกันถึงหนึ่งร้อยปี
แม้ลิขิตฟ้ายังไม่ได้ร่วงลงมา แต่เวลานั้นแคว้นกู่ทั้งสามแคว้นมีสภาพเหมือนน้ำกับไฟ ไม่ตายไม่เลิกราแล้ว ดังนั้น มีวันหนึ่ง ประมุขของแคว้นกู่ทั้งสามแคว้นนัดต่อสู้กัน ผู้ชนะได้สืบทอดลิขิตฟ้า ผู้แพ้ต้องยอมสยบเป็ข้ารับใช้
การต่อสู้ในคราวนั้นจึงสะท้านฟ้าะเืดิน ประมุขของแคว้นกู่ทั้งสามแคว้นล้วนเป็ยอดคนแห่งยุค แทบจะบรรลุขีดจำกัดสูงสุดของผู้ฝึกมรรคาบู๊ พลังต่อสู้โดดเด่น ทำให้ประชาชนาเ็ล้มตายบ่อยครั้ง อาจเพราะแคว้นกู่ทั้งสามเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์มากเกินไป ์จึงลงทัณฑ์ ทำให้ทั้งสามแคว้นเสียหายอย่างหนัก ฟื้นคืนเป็แคว้นกู่อันรุ่งเรืองไม่ได้อีกเลย เื่นี้ทำให้ประมุขของแคว้นกู่ทั้งสามแคว้นทนรับไม่ได้ ดังนั้น พวกเขาจึงตัดสินใจทำเื่น่าตระหนกขึ้น!”
“ตัดสินใจทำอะไร?”
พวกเซียวเฉินถามพร้อมกัน ดวงตาเปล่งประกาย
“ฉีกลิขิตฟ้า!”
ซี้ด!
คนทั้งสามสูดลมหายใจหนาวเหน็บ!
ฉีกลิขิตฟ้า!
ต้องรู้ก่อนว่า ลิขิตฟ้าคือการรับสืบทอดจาก์เบื้องบน ประมุขของสามแคว้นเป็บุคคลระดับใดกันแน่? จึงกล้าต่อกรกับ์ คิดจะฉีกทำลายลิขิตฟ้า?
“แล้วพวกเขาทำได้หรือไม่?” เซียวเฉินถาม
เสียงนั้นเอ่ยอย่างขมขื่น “ทำได้”
ทุกคนที่นั่นเงียบกริบทันที
พวกเซียวเฉินเบิกตาโต
พวกเขาทำได้จริงๆ ถึงกับเอาชนะ์ได้!
“แต่ผลที่ตามมาทำให้พวกเขารับไม่ไหว และเป็เื่ที่พวกเขาสำนึกเสียใจที่สุด หลังจากลิขิตฟ้าถูกทำลาย แผ่นดินก็แตกแยกเป็เสี่ยงๆ ราษฎรทุกข์เข็ญ แคว้นกู่อีกสองแคว้นถูกทัณฑ์์ย้อนกลับมากลืนกิน ดับสูญเป็เถ้าธุลี ส่วนแคว้นลั่วเทียนกู่เราก็โดน์ลงทัณฑ์เช่นกัน ไม่ถึงร้อยปีก็ตกต่ำจนสู้แคว้นใต้อาณัติไม่ได้ สุดท้ายถูกโค่นล้มและหายไปจากสายธารแห่งประวัติศาสตร์...”
ชายชราเล่าอย่างชัดเจนจนพวกเขาสามคนหวั่นไหวเพราะเหตุนี้
ฉีกลิขิตฟ้า สุดท้ายถูกกฎ์ย้อนกลับมากลืนกิน เื่ทั้งหมดนี้น่าเศร้าและน่าสังเวชเพียงไร ได้แต่บอกว่าหว่านพืชเช่นใดย่อมได้ผลเช่นนั้น เป็กฎแห่งกรรม หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนไม่สิ้นสุด ทุกอย่างมีมติ์เป็ผู้กำหนด
“ผู้าุโ นี่คือสาเหตุว่าทำไมจึงไม่มีแคว้นกู่ในปัจจุบันหรือ?” เซียวเฉินถาม ไม่มีลิขิตฟ้าแล้ว ดังนั้น ตอนนี้ย่อมไม่มีแคว้นกู่อีก
แต่เสียงนั้นแค่นดังฮึ
“ต่อให้ลิขิตฟ้ายังอยู่ ก็เป็ไปไม่ได้ที่จะมีแคว้นกู่ปรากฏขึ้นในดินแดนเทียนเสวียน ณ ปัจจุบัน”
เื่นี้ทำให้พวกเขาสามคนไม่เข้าใจ
“ผู้าุโ เพราะเหตุใด? เมื่อครู่ท่านบอกว่าสืบทอดลิขิตฟ้าก็สามารถฟื้นฟูแคว้นกู่ได้สำเร็จ เหตุใดตอนนี้จึงบอกว่าต่อให้ลิขิตฟ้ายังอยู่ก็มิอาจมีแคว้นกู่ได้?” ฉู่หยวนถามอย่างไม่เข้าใจ ชายชราเป็คนพูดเื่ทั้งหมด คนที่บอกว่าใช่คือเขา คนที่บอกว่าไม่ใช่ก็ยังเป็เขา นี่มิใช่พูดเองผิดเองหรือ?
ชายชรากล่าว “ยังไม่เอ่ยถึงว่า ตอนนี้ไม่มีลิขิตฟ้าแล้ว ต่อให้ยังมีอยู่ ทอดสายตามองดินแดนเทียนเสวียนก็เป็ไปไม่ได้ที่จะมีคนสามารถสืบทอดลิขิตฟ้า พวกเ้ารู้หรือไม่ว่าระดับขั้นใดจึงสืบทอดลิขิตฟ้าได้?”
พวกเขาสามคนส่ายศีรษะ
“ผู้เข้มแข็งขั้นเทพ์จึงสืบทอดลิขิตฟ้าได้สำเร็จ...”
ประโยคเดียว ทำเอาพวกเขาสามคนเบิกตาโต มีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อทันควัน ขั้นเทพ์? นั่นคือระดับขั้นในตำนานเชียวนะ ดินแดนเทียนเสวียนในปัจจุบันนี้ อย่าว่าแต่ขั้นเทพ์เลย เกรงว่าแม้แต่ผู้เข้มแข็งขั้นดารา์ก็หาตัวไม่ได้
“ยิ่งกว่านั้น ฟ้าดินในเวลานี้ก็ไม่สมบูรณ์”
---
[1] อักษรกู่ ในที่นี้หมายถึง เก่าแก่, โบราณ
[2] แคว้นทั้งสามแคว้นเป็แคว้นกู่ (โบราณ) เช่นเดียวกัน แต่ชี้เฉพาะเป็แคว้นลั่วเทียน (กู่)