เมื่อหลินเฟิงควบม้าพันลี้เข้ามาในตระกูลหลิน มันดึงดูดสายตาของคนในตระกูลหลินเป็จำนวนมาก
“หลินเฟิงกลับมาแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาบ่มเพาะพลังไปถึงไหนแล้ว”
“ฮ่าๆ ทำไมมันถึงกลับมาล่ะ เดี๋ยวก็ขายขี้หน้าคนอื่นเขาในงานชุมนุมหรอก ตอนนี้ลูกๆ ของลุงใหญ่ล้วนร้ายกาจอย่างหาที่เทียบมิได้ หลินเฟิงก็แค่ขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 7 ไหนเลยจะเป็คู่ต่อสู้ของพวกเขาได้”
“ก็จริง แม้ว่าครั้งก่อนไอ้ขยะนี้จะสามารถเอาชนะหลินหยุนได้ แต่พร์ของหลินหยุนไหนเลยจะเทียบกับลูกหลานอัจฉริยะในตระกูลได้ หากข้าเป็เขา ข้าจะซ่อนตัวอยู่แต่ในนิกายและไม่ออกมา”
หลายๆ คนต่างก็พากันซุบซิบนินทาขึ้นมา ส่วนใหญ่แล้วล้วนแอบเยาะเย้ยหลินเฟิง ก็ใครทำให้หลินเฟิงผู้เป็นายน้อยของตระกูลหลิน แต่กลับเป็เพียงแค่ ‘ขยะ’ ล่ะ
ตอนนี้หลินเฟิงได้กลับมาถึงลานที่พักอาศัย ถึงแม้ว่าลานจะไม่ใหญ่มาก แต่กลับเงียบสงบและสะอาดสะอ้านเป็อย่างมาก มีเพียงแค่หลินเฟิงกับหลินไห่สองคนที่อาศัยอยู่ที่นี่
“ท่านพ่อ” หลินเฟิงเดินมาที่ห้องของหลินไห่ เห็นท่านพ่อกำลังวาดภาพอยู่จึงเรียกะโ
“เสี่ยวเฟิง เ้ากลับมาแล้ว” หลินไห่เงยหน้าขึ้นขณะที่วางพู่กันลง ระหว่างหน้าผากได้ปรากฏรอยย่นขึ้นมา เพราะกำลังยิ้มให้กับหลินเฟิงอย่างอ่อนโยน
“อืม อีกเจ็ดวันก็จะถึงงานชุมนุมประจำปีแล้ว ข้าจึงรีบกลับมาเพื่อที่จะเข้าร่วมงานชุมนุมประจำปี” หลินเฟิงมองไปยังภาพวาดที่หลินไห่เพิ่งหยุดวาด ในความทรงจำของเขานั้นหลินไห่รักความสงบเป็อย่างมาก ดูเหมือนว่างานอดิเรกของเขาจะเป็การวาดภาพและไม่ชอบถูกรบกวน แต่หลินเฟิงกลับไม่เคยเห็นภาพวาดของหลินไห่เลยสักครั้ง
“เสี่ยวเฟิง งานชุมนุมประจำปีครั้งนี้เ้าไม่ต้องเข้าร่วมหรอก ปล่อยให้พวกเขาทะเลาะกันไปเถอะ” หลินไห่กล่าวด้วยรอยยิ้มพลางส่ายหัวไปด้วย
“ทำไมล่ะท่านพ่อ?”
“ฮ่าๆ งานชุมนุมประจำปีในปีนี้ พวกเขาทั้งหมดล้วนมุ่งเป้ามาที่เราสองคนพ่อลูก พ่อไม่สนใจพวกเขาหรอก แต่เสี่ยวเฟิง เ้าคงต้องระมัดระวังไว้” หลินไห่กล่าวขณะถอนหายใจ หลินเฟิงในตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่สงบเสงี่ยมเหมือนเช่นเคย พี่น้องของหลินไห่ทั้ง 2 คนและผู้าุโบางส่วนต่างก็เริ่มวางแผนการขึ้นมา เกรงว่างานชุมนุมประจำปีในครั้งนี้เขาต้องสละตำแหน่งแล้ว
“วางใจเถอะท่านพ่อ ข้าไม่สนใจหรอก” หลินเฟิงกล่าวขณะส่ายหัว ตอนนี้เขาได้บรรลุขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 9 แล้ว แม้ว่าคนพวกนั้นอยากจะลงมือกับเขา แต่ก็ต้องดูว่าความแข็งแกร่งของพวกมันจะสามารถทำได้อย่างที่คิดหรือเปล่า
“หืม?” หลินไห่มองบุตรชายตัวเองอย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นความมั่นใจของหลินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ฮ่าฮ่า นี่ข้าดูเบาบุตรชายของข้าเกินไปหรือ ได้ งั้นพวกเราพ่อลูกก็ไปด้วยกันเถอะ ข้าเองก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าพวกนั้นจะสร้างปัญหาอย่างไรเพื่อที่จะได้ตำแหน่งของข้า หากไม่ควักฝีมือออกมาก็อย่าหวังว่าจะบรรลุแผนการได้”
“แต่เสี่ยวเฟิง ระหว่างการชุมนุมประจำปีเ้าควรจะระวังตัวไว้ด้วยล่ะ ได้ยินมาว่าหลินเชียนบรรลุขอบเขตแห่งจิติญญาแล้ว”
“ไม่ใช่ข่าวลือแต่อย่างใด นางได้บรรลุขอบเขตแห่งจิติญญาแล้วจริงๆ แต่ถ้านางอยากจะทำให้ข้าาเ็สาหัส มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก” แววตาของหลินเฟิงเป็ประกายขึ้นมา หลินเชียนเพื่อที่จะเอาชีวิตเขาถึงกับนำคนมาที่นิกายหยุนไห่ และก่อนที่นางจะจากไปก็ขู่ว่า ถ้าเจอกันที่งานชุมนุมประจำปีจะฆ่าเขา ตอนนี้งานชุมนุมประจำปีก็ใกล้จะมาถึงแล้ว เขาอยากจะดูสิว่าหลินเชียนจะทำเช่นไรเมื่อเห็นเขา
“ท่านพ่อ ข้าขอตัวไปฝึกก่อน เมื่อถึงงานชุมนุมประจำปีช่วยมาปลุกข้าด้วย” หลินเฟิงกล่าวพร้อมกับเดินจากไป ถึงแม้ว่าการบ่มเพาะของเขาจะไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร แต่หลินเชียนก็เป็ผู้ใช้จิติญญาเพลิงน้ำแข็ง มันไม่ง่ายเลยที่จะจัดการกับนาง เขาต้องบ่มเพาะพลังให้สูงขึ้นกว่านี้
ในขณะเดียวกันด้านนอกของคฤหาสน์ตระกูลหลิน ได้มีม้าเพลิง 3 – 4 ตัววิ่งห้อตะบึงมาทางนี้ ในหมู่ม้าเพลิงนั้นมีหลินเชียนในชุดเสื้อคลุมสีเพลิงนั่งอยู่ ชุดคลุมนั่นขับให้นางดูโดดเด่นสูงส่งขึ้นมา ร่างกายของนางได้ปล่อยคลื่นความเย็นออกมา ทำให้ผู้คนไม่กล้าดูิ่ ช่างดูสูงส่งยิ่งนัก
“คุณหนูใหญ่” ยามเฝ้าประตูของตระกูลหลินกล่าวอย่างเคารพ เมื่อเทียบกับตอนที่พบหลินเฟิงแล้ว เขาดูจะนอบน้อมและสุภาพมากกว่าหลายเท่า แม้กระทั่งสายตาของพวกเขายังไม่กล้าที่จะมองหลินเชียนตรงๆ เพียงแค่กลิ่นอายที่แผ่ออกมา ก็ทำให้พวกเรารู้สึกต่ำต้อย
หลินเชียนไม่ชายตามองเลยแม้แต่น้อย นางควบม้าเพลิงเข้าไปในตระกูลหลิน ด้วยท่าทางหยิ่งยโสราวกับว่าตัวเองเป็องค์หญิง สองคนที่อยู่ข้างกายนางต่างก็สวมชุดนิกายเฮ่าเยว่ตามหลินเชียนเข้าไปติดๆ
“คุณหนูใหญ่ไม่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็ลมปราณหรือความงามล้วนดีกว่าแต่ก่อน ข้าว่าคุณหนูใหญ่คู่ควรที่จะเป็อันดับหนึ่งของตระกูลหลิน” ยามเฝ้าประตูทางเข้าคนหนึ่งกล่าวขึ้นมา ขณะที่มองไล่หลังหลินเชียนไป
“แน่นอน ผู้ฝึกยุทธ์ในระดับขอบเขตแห่งจิติญญา จะไม่เก่งกาจได้เช่นไร คุณหนูใหญ่อายุแค่ 16 ปี แต่มีอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด ซึ่งห่างไกลจากนายน้อยขยะนั่นมาก แม้แต่สหายของคุณหนูใหญ่ก็ดูเก่งกาจ สมแล้วที่เป็ศิษย์ชั้นยอดของนิกายเฮ่าเยว่” ยามอีกคนหนึ่งกล่าว ในสายตาของพวกเขา หลินเฟิงและหลินเชียนมีคุณสมบัติที่ตรงกันข้าม คนหนึ่งเป็ดั่งดวงอาทิตย์ของเฮ่าเยว่ ส่วนอีกคนก็เป็หิ่งห้อยที่อยู่บนพื้นดิน ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะส่องแสง หลินเฟิงถูกลิขิตไว้แล้วว่าเป็ได้แค่คนชั้นต่ำที่ทำได้เพียงแหงนมองท้องฟ้าเท่านั้น
เมื่อหลินเชียนและศิษย์อีก 2 คนของนิกายเฮ่าเยว่มาถึงตระกูลหลิน หากเทียบกับตอนที่หลินเฟิงมา ไม่รู้ว่าพวกเขาตื่นเต้นแค่ไหน เหล่าผู้าุโและคนของตระกูลหลินบางส่วนต่างมุ่งหน้าไปยังลานที่พักของหลินป้าต้าวเพื่อไปทักทายบุคคลที่มีอนาคตไร้ซึ่งขีดจำกัดอย่างหลินเชียน ประหนึ่งดาวล้อมเดือน
ดังนั้นหลายคนในตระกูลหลินยินดีที่จะทำตามความรู้สึกของตัวเอง นั่นก็คือช่วยให้หลินป้าต้าวได้ตำแหน่งผู้นำของตระกูลหลิน ในอนาคตเมื่อหลินเชียนแข็งแกร่งขึ้นและ่ชิงเกียรติยศของตระกูลหลินมาได้ พวกเขาที่มีส่วนช่วยผลักดันหลินป้าต้าว จะต้องได้รับผลประโยชน์อย่างแน่นอน
เมื่อเทียบกับความคึกคักของด้านนั้น ที่พักของหลินเฟิงดูเหมือนจะเป็สถานที่รกร้างไม่มีผิด แต่อย่างไรก็ตามหลินเชียนก็ไม่ได้ลืมหลินเฟิง ั์ตาคู่นี้ราวกับจะสามารถมองทะลุกำแพงไปยังลานบ้านที่หลินเฟิงอาศัยอยู่ได้
“ครั้งนี้ ข้าจะจัดการเ้าให้ได้” หลินเชียนกล่าวอย่างเ็า
สองวันต่อมา หลินหงบุตรชายคนโตของหลินป้าต้าวก็กลับมา หลินหงไปฝึกฝนอยู่ที่หมู่บ้านเสวี่ยอิงซาน ถึงแม้ว่าหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานจะไม่ใช่นิกาย แต่ความแข็งแกร่งกลับไม่ได้ด้อยไปกว่านิกายหยุนไห่เลย อีกทั้งยังมีชื่อเสียงในอาณาจักรเสวี่ยเยว่ และหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานจะรับเฉพาะผู้ที่มีจิติญญาแห่งน้ำแข็งเท่านั้น
การกลับมาของหลินหงครั้งนี้ ดูเหมือนว่าการบ่มเพาะของเขาจะเติบโตขึ้นมาก ตอนนี้การบ่มเพาะของเขาถึงจุดสูงสุดของขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 9 เหลือเพียงแค่ก้าวเดียวก็จะสามารถเข้าสู่ขอบเขตแห่งจิติญญาได้ เื่นี้ทำให้ตระกูลหลินยิ่งตื่นเต้นกว่าเดิม ตระกูลหลินในตอนนี้ดูเหมือนจะเป็สรวง์ของหลินป้าต้าว
นอกจากหลินหงแล้ว ผู้าุโบางส่วนของตระกูลหลินและเด็กรุ่นหลังก็ได้เดินทางกลับมา ทำให้งานชุมนุมประจำปีที่ใกล้จะถึงของตระกูลหลินดูมีชีวิตชีวาและคึกคักขึ้นมา
โดยเฉพาะบ้านของหลินป้าต้าว ลานบ้านของเขามีผู้คนมาเดินขวักไขว่เหมือนตลาด ราวกับว่าหลินป้าต้าวเป็ผู้นำของตระกูลหลิน
ส่วนหลินไห่ที่เป็ผู้นำตระกูลที่แท้จริงกลับไม่มีใครสนใจ ทำให้ลานบ้านเงียบสงัดเป็อย่างมาก
ในที่สุดงานชุมนุมประจำปีก็มาถึง ทุกคนในตระกูลหลินค่อนข้างตื่นเต้น ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ไม่มีใครรู้ว่าเด็กรุ่นหลังของตระกูลหลินได้ฝึกฝนไปถึงไหนแล้ว และลูกชายลูกสาวของบ้านตัวเองอยู่ในระดับใดบ้าง นอกจากนี้ตระกูลหลินยังมีเด็กรุ่นหลังที่มีพร์ที่ยอดเยี่ยมและโดดเด่นอีกหรือไม่ ในวันนี้ทุกอย่างจะถูกเปิดเผย
แต่สำหรับเบื้องบนของตระกูลหลินแล้ว เหมือนว่าวันนี้จะไม่ใช่วันธรรมดาๆ สามเดือนก่อนมีบางคนอยากให้หลินไห่ลงจากตำแหน่งผู้นำตระกูล แต่ด้วยความแข็งแกร่งที่น่าสั่นะเืของหลินไห่ ทำให้สามารถควบคุมผู้คนได้ทั้งหมด แต่วันนี้พวกเขาได้เตรียมตัวมาเป็อย่างดีแล้ว นอกจากนี้คนของตระกูลหลินบางส่วนที่ออกไปฝึกฝนข้างนอก ต่างก็พากันเดินทางกลับมา
หลินเฟิงเดินออกมาจากห้องและแหงนหน้าขึ้นมองพระอาทิตย์ พร้อมกับบิดี้เีไปด้วย
สำหรับหลินเฟิงแล้ว เขาไม่คิดว่าวันนี้จะมีอะไรที่แตกต่างไปจากเดิม ตำแหน่งผู้นำตระกูลหลินเขาก็ไม่ได้สนใจมัน สิ่งที่เขา้าคือไล่ตามความแข็งแกร่งบนเส้นทางแห่งนักรบ ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์พูด ตำแหน่งผู้นำตระกูลเป็แค่หัวโขนที่ไร้ประโยชน์ หากเ้ามีความแข็งแกร่งมากพอ และไม่มีใครสามารถต่อกรได้ ต่อให้ไม่ใช่ผู้นำตระกูลก็ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของเ้า
หลินเฟิงยังรู้อีกว่า ท่านพ่อของเขาก็ไม่ค่อยสนใจในเื่พวกนี้ เดิมทีหลินไห่ก็ไม่ได้หลงใหลในอำนาจของผู้นำตระกูลอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ทำตัวเงียบเชียบแบบนี้หรอก หากตระกูลหลินไม่มีเื่ใหญ่อะไร เขาก็จะไม่ปรากฏตัวออกมา จุดนี้ทำให้คนอื่นมีโอกาสเพิ่มพูนอิทธิพลของตัวเอง และลดทอนอิทธิพลของเขา
“เสี่ยวเฟิง ฝึกเสร็จแล้วหรือ” หลินไห่เดินเข้ามาหา เขาตั้งใจจะไปปลุกหลินเฟิง
“อืม” หลินเฟิงกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“งั้นพวกเราไปกันเถอะ” ทั้งสองคนเดินออกจากลานบ้านพร้อมกัน และมุ่งหน้าไปยังลานฝึกที่เป็สถานที่จัดงานชุมนุม
ในลานฝึกมีผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ พวกเขาทั้งหมดต่างมาถึงั้แ่เช้าแล้ว เมื่อหลินเฟิงและหลินไห่มาถึง สายตาของทุกคนก็จ้องมองไปที่พวกเขาเป็ตาเดียว ในดวงตาของพวกเขาแฝงไปด้วยเลศนัยแปลกๆ
“หลินเฟิง” สายตาของหลายๆ คนมองไปที่หลินเฟิงอย่างเ็า ในสายตาของคนเ่าั้มีหลินเชียน หลินยู่ และยังมีหลินเหิงที่ถูกหลินเฟิงทำลายการบ่มเพาะกับหลินหยุน แน่นอนว่ายังมีหลินเฮ่าหลัน อาสามของหลินเฟิงรวมอยู่ด้วย ลูกชายทั้งสองคนของเขา ล้วนถูกหลินเฟิงสร้างความอัปยศให้ ยิ่งเขารู้ว่าหลินเหิงถูกหลินเฟิงทำลายการบ่มเพาะไปแล้ว ยิ่งทำให้เขาเกลียดอีกฝ่ายจนอยากจะฆ่าให้ตาย ถ้าจะถามว่าในตระกูลหลินมีใครที่เกลียดชังและเคียดแค้นสองพ่อลูกหลินเฟิงมากที่สุด คนคนนั้นก็น่าจะเป็หลินเฮ่าหลัน
หลินเฮ่าหลันไม่้าให้เื่ที่หลินเฟิงทำลายการบ่มเพาะพลังของหลินเหิงรั่วไหลออกไป เขาไม่อยากให้ใครรู้ ประการแรกเขากับหลินเหิงคงเสียหน้าเป็แน่ ประการที่สองเขาไม่อยากเห็นสองพ่อลูกหลินเฟิงอิ่มอกอิ่มใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้