อันที่จริงมีสิ่งหนึ่งที่กัวไฮว่กับหลิ่วเยียนหรือแม้แต่หลายคนในหัวซย่าต่างก็ไม่รู้ว่าตระกูลใหญ่พวกนี้ยังคงสืบทอดกฎเก่าๆ ไว้อยู่หลายอย่าง อย่างเช่นมีเมียหลายคนเป็ต้น แม้จะบอกว่านับั้แ่รุ่นของเซวียนหยวนซยงเฟิงกฎมีเมียหลายคนนี่ต้องให้หัวหน้าตระกูลตกลงก่อน ทว่าในตระกูลเซวียนหยวนก็มีเมียหลายคนกันเยอะ
“ฉันกับกัวไฮว่ไม่ได้ เป็อะไรกันจริงๆ ฉันแต่มาเพราะธุระกับเขาน่ะ” หลิ่วเยียนพูดเบาๆ ด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ
“เมียจ๋า คุยอะไรกันน่ะ ทำไมหน้าแดงเชียว” กัวไฮว่เดินเข้ามาคนใช้ที่อยู่ด้านหลังสามคนก็ยกจานใบใหญ่สามจานเดินตามเข้ามาอยู่ด้านหลัง “นายท่าน ผมไม่ได้เอาเนื้อแห้งมาเยอะ ผมเลยทำให้พวกคุณได้แค่สามจาน ชิมดูสิ”
“พ่อหนุ่ม เธออย่ามาหลอกฉันนะ เมื่อวานฉันกินมันไปแล้ว” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดยิ้มๆ จากนั้นก็คีบเนื้อชิ้นหนาๆ เข้าไปในปากทางเซวียนหยวนเวยกับเซวียนหยวนหู่ตื่นเต้นเป็ที่สุดทั้งสองคนไม่ได้เป็ผู้ดิบผู้ดีขนาดนั้น พวกเขาหยิบถ้วยใบเล็กขึ้นมาจากนั้นก็ตักเนื้อเกินครึ่งถ้วยเข้าไปในถ้วยของตน
“เด็กเวร เด็กเวรกันทั้งหมด นี่มันของฉันนะ” เซวียนหยวนซยงเฟิงเคี้ยวไปได้แค่คำเดียวก็ลุกพรวดขึ้นมาพร้อมกับพูดด้วยเสียงดัง “หยุดเดี๋ยวนี้นะ เ้าสาม ฉันเห็นแกยังจะกล้าคีบอีก”
“คุณปู่ ก็ไม่ใช่ของดีอะไรสักหน่อย ปู่กินเนื้อไป พวกเราก็กินอย่างอื่นกันไม่เห็นต้องไล่พวกเราไปนี่นา” หูเม่ยเอ๋อร์มองเซวียนหยวนซยงเฟิงพร้อมกับพูดขึ้น
“ใช่ พวกแกห้ามแตะสามจานนี้แล้ว ของฉันทั้งนั้น พวกแกค่อยๆ กินไปนะฉันจะกลับห้องใต้หลังคาแล้ว” ในขณะที่พูดเซวียนหยวนซยงเฟิงก็รวบรวมอาหารทั้งสามจานไว้ในจานเดียวจากนั้นก็ยกจานวิ่งกลับไปยังห้องใต้หลังคาด้วยตัวเอง
“เสี่ยวเหว่ย อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ ชิมหน่อยสิ” เซวียนหยวนเถิงเฟยพูดพลางคีบเนื้อจากในถ้วยของเซวียนหยวนเวยมาชิ้นหนึ่ง
“พวกแกกินไปเถอะ ฉันมีธุระ ไปก่อนล่ะ” เซวียนหยวนหู่เห็นว่าอาสามมองถ้วยของตนตาไม่กระพริบก็หยิบถ้วยของตนเตรียมจะเดินออกไปข้างนอก
“วางถ้วยไว้นี่” เซวียนหยวนเผิงพูดเสียงดังพร้อมกับจับเซวียนหยวนหู่เอาไว้พ่อรังแกลูก ลูกก็รังแกหลาน เป็ดั่งสัจธรรม เซวียนหยวนเผิงพูดพลางแย่งถ้วยกลับและเดินก้าวออกไปจากโถงรับแขกโดยไม่ได้สนใจเสียงร้องไห้ดังลั่นของเซวียนหยวนหู่
“เสี่ยวเหว่ย มองอะไรอีก ในนี้ฉันใหญ่สุด เอาถ้วยมาให้ฉัน” เซวียนหยวนเถิงเฟยแย่งถ้วยใบเล็กมาโดยไม่ได้สนใจว่าเซวียนหยวนเหว่ยตกลงหรือไม่ “เสี่ยวเหว่ย ฉันไม่กินหรอก ฉันจะเอาไปให้พี่สะใภ้แกพี่สะใภ้แกเพิ่งคลอดลูก ร่างกายยังอ่อนแอ ขอบคุณแกมากนะ” พูดเสร็จเซวียนหยวนเถิงเฟยก็วิ่งออกจากโถงรับแขกไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ้อ โทษฉันแล้วกัน กินข้าวกันอยู่ดีๆ ก็เป็แบบนี้” กัวไฮว่เห็นว่าแต่ละคนมีท่าทีที่แตกต่างกันไปแต่ก็ไม่ได้กระทบกับที่ตัวเองทานอาหารเลยสักนิดในขณะที่ทุกคนต่างก็แย่งเนื้อกันอยู่นั่นเอง ก็ไม่รู้ว่ามีเนื้ออยู่ในจานเล็กๆสี่จานั้แ่เมื่อไหร่ โดยภายในจานมีชิ้นเนื้อขนาดพอๆกันวางเรียงรายอยู่อย่างประณีต
“พี่ไฮว่ เมื่อกี้ผมช่วยพี่พาพี่สะใภ้มา พี่ว่าควรให้เนื้อผมกินหน่อยไหมตอนนี้ผมอยู่ใน่เติบโตนะ แบ่งให้ผมหน่อยสิ” เซวียนหยวนหู่มองจานใบเล็กที่อยู่ตรงหน้ากัวไฮว่ด้วยสายตาเป็ประกาย
“อยากกินพวกนายก็บอกมาสิ ไม่บอกแล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าพวกนายอยากกิน” ในขณะที่พูด กัวไฮว่ก็นำเนื้อไปให้ในจานรองที่อยู่ตรงหน้าทุกคนทำเอาทุกคนรีบกินกันราวกับได้รับสมบัติล้ำค่ามาอย่างไรอย่างนั้น
“คนบ้า แต่งกับนายแล้วจะได้กินของอร่อยๆ แบบนี้ทุกวันหรือเปล่าถ้าเป็แบบนั้น ฉันก็จะแต่งกับนาย จะเป็คนที่เท่าไหร่ก็ตามแต่” เซวียนหยวนเชี่ยนเชี่ยนพูดไปกินไป
“เด็กผู้หญิงเมืองหลวงนี่เปิดกว้างกันดีจริงๆ เลย” กัวไฮว่กับหลิ่วเยียนมองตาแล้วก็พูดขึ้นพร้อมกัน ทว่าหลิ่วเยียนเองก็มีความคิดอยากที่จะแต่งงานกับเด็กบ้านี่เหมือนกันของกินดีๆเพียบ นิสัยก็ไม่เลว นอกจากว่าจะเ้าชู้ไปนิด อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรอันที่จริงแต่งกับเขาก็ไม่เลวเลยทีเดียว
มื้อเช้าทานกันไปอย่างไม่เลวเลยกัวไฮว่คุยกับหลิ่วเยียนไปอย่างง่ายๆ บนโต๊ะอาหารหลิ่วเยียนได้ครองสิทธิ์ในการดำเนินงานประมูลหัวซย่าในเมืองหลวงเป็ที่เรียบร้อยแล้วงานประมูลหัวซย่าจะมีหลิ่วเยียนซึ่งเป็ผู้ดำเนินที่อู่เฉิงให้เธอมีสิทธิ์รับผิดชอบกิจกรรมประมูลในเมืองหลวงของกัวไฮว่
“ตาบ้า สามวันหลังจากนี้ห้างประมูลของพวกเราจะมีงานประมูลขนาดใหญ่ที่หอประชุมเฉินเฟิงในเมืองหลวงงานประมูลครั้งนี้เตรียมการมานานแล้วล่ะไม่เพียงแต่จะมีตระกูลใหญ่หลายตระกูลของเมืองหลวงมานะ คนจากที่อื่นๆในหัวซย่าก็มากันเยอะ ของที่นายจะเอามาประมูล น่าจะได้เงินเป็กอบเป็กำเลยล่ะ” หลิ่วเยียนพูดยิ้มๆ
“ยากันแก่สามเม็ด ยากระตุ้นปราณสามเม็ด ยาผิวหิมะสามเม็ดจะประมูลได้เท่าไหร่ก็ช่าง ฉัน้าเส้นสาย เมียจ๋าเื่นี้เธอช่วยฉันจัดการหน่อยเถอะ” กัวไฮว่พูดอย่างยิ้มแย้ม
“ยาผิวหิมะนี่ฉันรู้จัก ยากันแก่นายก็เคยพูดถึงแต่ยากระตุ้นปราณนี่ช่วยอะไรเหรอ” หลิ่วเยียนถามเบาๆ
“ทำให้คนที่อายุต่ำกว่าสิบแปดปีที่อยู่ขั้นสุดยอดของขั้นโฮ่วเทียน[1] ได้ สำหรับการบำเพ็ญเพียรแล้วผมว่าในงานประมูลของพวกคุณน่าจะมีคนรู้นะว่าเกิดอะไรขึ้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“อะแฮ่มๆๆ พี่ใหญ่ พี่รัก ยากระตุ้นปราณที่พี่พูดกับพี่สะใภ้นั่นจริงเหรอถ้ามีจริงๆ พี่บอกมาเลยว่าราคาเท่าไหร่ ผมซื้อ ผมซื้อเม็ดนึง” เซวียนหยวนหู่พูดด้วยเสียงดัง
“หู่จื่อ ไม่เลวเลยนะ ฉันรู้ว่าร่างกายนายไม่ค่อยดีแต่ไม่คิดเลยว่าจะอยู่ขั้นสุดยอดโฮ่วเทียนแล้ว ฮ่าๆ” กัวไฮว่มองเด็กหนุ่มท่าทางอ้อนแอ้นที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับพูดยิ้มๆ
“ไม่พูดกับพี่แล้ว ผมจะไปหาคุณปู่ไม่ว่าจะเป็เงินเท่าไหร่ก็ต้องประมูลมาให้ได้” เซวียนหยวนหู่พูดพลางวิ่งออกไป
“น้องไฮว่ นายพูดจริงเหรอ” เซวียนหยวนเถิงเฟยมีแรงกล้ายิ่งกว่าเซวียนหยวนหู่และรู้เกี่ยวกับการบำเพ็ญเพียรมาหน่อยนึง เพราะเขาเองก็เป็ผู้บำเพ็ญเพียรคนหนึ่งเหมือนกันอยู่ขั้นโฮ่วเทียนระยะกลาง เขาย่อมรู้ค่าของยากระตุ้นปราณนี้ดีถ้าเอายากระตุ้นปราณสามเม็ดนี่มาได้จริง และหากตระกูลเซวียนหยวนปะทะกับตระกูลกู่คงจะแกร่งกว่าในตอนนี้เยอะ
“ของเล่นเล็กน้อยน่ะครับ พวกผู้ใหญ่ในสำนักให้มา ผมไม่เคยลองหรอกแต่พวกเขาบอกว่าได้ผลไม่เลวเลย ไม่น่าจะเป็ของปลอมเมียผมก็รู้ว่ายาลูกกลอนที่ขายอยู่ในเมืองอู่เฉิงเป็ของผมทั้งนั้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“น้องไฮว่ พวกเธอกินช้าๆ กันก่อนนะ ฉันจะไปหาคุณปู่” พูดเสร็จ เซวียนหยวนเถิงเฟยก็วิ่งออกไป
“เมียจ๋า เื่นี้ฉันให้เธอไปจัดการนะ จริงสิ ในเมื่อครั้งนี้จะเล่นใหญ่ฉันจะให้ประมูลเหล้าสามสิบจินด้วย ประมูลในนามคลินิกไม่ผ่านไปอีกพักหนึ่งฉันอยากจะเปิดสาขาคลินิกที่เมืองหลวง ดูไม่เลวเลยนะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ หลิ่วเยียนผงกศีรษะเล็กน้อยสงสัยต้องโฆษณางานประมูลในครั้งนี้ใหม่เสียแล้ว พวกมีเงินในเมืองหลวงเตรียมเงินไว้ให้ดีเถอะ
เซวียนหยวนซยงเฟิงที่กำลังทานอาหารอยู่ที่ห้องใต้หลังคาเห็นว่าเซวียนหยวนหู่ผู้เป็หลานชายของตนเองวิ่งมาด้วยหน้าตาดีอกดีใจก็กินไปอีกสองสามคำจากนั้นก็ลงมาจากห้องใต้หลังตา
“ปู่ครับ ผมมีความหวังจะบรรลุเขตแดนโฮ่วเทียนเข้าสู่เซียนเทียนแล้วล่ะปู่รีบออกมาเร็ว” เซวียนหยวนหู่ะโเสียงดังลั่น
“เด็กนี่ ว่าไงนะ เซียนเทียนโฮ่วเทียนอะไรนะ” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดเสียงดังจนตัวเองก็พลอยตอบกลับไปอย่างดีอกดีใจด้วยเช่นกัน “เด็กบ้า แกว่าไงนะ มีความหวังจะบรรลุแล้ว”
เซวียนหยวนเล่าที่กัวไฮว่พูดเมื่อสักครู่ให้เซวียนหยวนซยงเฟิงฟังอย่างไม่อ้อมค้อมในขณะนี้เองเซวียนหยวนเถิงเฟยก็วิ่งเข้ามา
“ให้กัวไฮว่มาพบฉันที่นี่” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ไม่ ฉันไปเอง ฉันจะไปหาเขา แกไปบอกให้พ่อแกกับอาๆ ของแกมานี่บอกพวกเขาไปว่ามีเื่สำคัญต้องคุย” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดพลางเดินออกไปจากห้องใต้หลังคา
[1] เป็ชั้นก่อนที่จะบรรลุไปขั้นเขตแดนเซียนเทียน