ลานเล็กๆ แห่งหนึ่งในเมืองซ่งเฉิง
บัดนี้ ฮ่องเต้ซ่งและองค์รัชทายาทที่ได้รับการช่วยเหลือ มีท่าทีเสียใจอย่างสุดซึ้ง ทั้งสองคุกเข่าลงกับพื้นต่อหน้าหัวหน้าสำนักซ่งเจี่ย และชายหนุ่มหล่อเหลาผู้หนึ่ง
“หัวหน้าสำนัก ท่านปู่ทวด ข้าไร้ความสามารถ ทำให้แคว้นซ่งต้องล่มสลาย!” ฮ่องเต้ซ่งกล่าวด้วยสีหน้าเ็ป
"ทั้งหมดเป็ความผิดของกู่ไห่ คนผู้นั้นน่ากลัวยิ่ง เรา... เราไม่อาจต่อกรได้เลยขอรับ!" องค์รัชทายาทซ่งกล่าวเสริมอย่างรวดร้าว
หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยใบหน้าดำคล้ำ ไม่ได้กล่าวสิ่งใด แต่ชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ข้างๆ กลับเอ่ยเสียงเย็น "อย่าได้เรียกข้าว่าปู่ทวด ข้าหาได้มีบุตรหลานเช่นเ้าสองคน!"
"ท่านปู่ทวด โปรดยกโทษให้กับความผิดพลาดของเราด้วย!" ฮ่องเต้ซ่งขอร้อง พร้อมโขกศีรษะกับพื้นทันที
"ช่างเถอะ ฉิงซู เื่ราวทุกอย่างผ่านไปแล้ว แคว้นซ่งถูกทำลายสิ้น เรามาคิดถึงเื่ภายภาคหน้าจะดีกว่า!" หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยกล่าวอย่างใจเย็น
ชายหนุ่มมองฮ่องเต้ซ่งและองค์รัชทายาท ด้วยสีหน้าไม่พอใจ ก่อนที่จะหันไปหาหัวหน้าสำนักซ่งเจี่ย และกล่าวด้วยท่าทีนอบน้อมว่า "ขอรับอาจารย์! ครานี้เหลนของข้าทำให้สำนักอับอายแล้ว!"
หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยจิบชา มองดูฮ่องเต้ซ่งและองค์รัชทายาท พร้อมกล่าว "ช่างเถอะ แพ้ก็คือแพ้ ลูกหลานของเ้า ข้าจะให้ย้ายไปอยู่ที่อื่น แม้ไม่อาจเป็ฮ่องเต้ได้อีก แต่เป็เศรษฐีก็ไม่ถือว่าแย่นัก!"
"ขอรับ! ขอบคุณอาจารย์ที่ใส่ใจ" ซ่งฉิงซูกล่าวอย่างเคารพ
“กู่ไห่ผู้นั้น คงมีความสามารถพอตัวกระมัง หลังจากที่เข้าสู่หออี้ผิน จึงได้รับการแต่งตั้งเป็หัวหน้าสังกัดทันที?” หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยกล่าว พลางหรี่ตาลง
"ขั้นแรกของระดับก่อ์? น่าขันยิ่ง! ที่เขามี ก็แค่เล่ห์เหลี่ยมแผนการ และความเฉลียวฉลาดเล็กน้อย เมื่อต้องเผชิญกับผู้ที่มีพลังอย่างแท้จริงแล้ว นั่นไม่นับเป็เื่น่าขันหรอกหรือ!" ซ่งฉิงซูกล่าวเสียงเ็า
แม้เขาจะเพิ่งดุด่าลูกหลานของตน แต่ก็ยังแค้นเคืองกู่ไห่ ที่ทำให้อนุชนตระกูลเขาเสียแผ่นดินไป
"ทั้งสองคนออกไปก่อน!" หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยสั่งเสียงเคร่ง
"ขอรับ!" ฮ่องเต้ซ่งและองค์รัชทายาท ถอยออกไปทันที
“อาจารย์ ท่านมีเื่ใดจะกล่าวกับข้าหรือขอรับ?” ซ่งฉิงซูถามขึ้นด้วยความสงสัย
หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยพยักหน้า หรี่ตาลง พร้อมกล่าวว่า “เดิมที่หลงหว่านชิงมายังทะเลพันเกาะนี่ ก็เพื่อจะไปยังดินแดนแรกสาบสูญ ที่เปิดขึ้นทุกๆ สองร้อยปี เ้าติดตามพวกเขาเข้าไป เมื่อสบโอกาสก็สังหารกู่ไห่เสีย!"
“เอ๊ะ! เพราะเหตุใดหรือขอรับ?” ซ่งฉิงซูถามขึ้นด้วยความสงสัย
"เขาไม่ควรมีตัวตนอยู่ ตำแหน่งหัวหน้าสังกัดวารีนี้ ได้ถูกกำหนดไว้นานแล้ว ข้ามีข้อตกลงกับหัวหน้าสังกัดคนอื่นๆ ของหออี้ผิน ครานี้เ้านำของขวัญไปมอบให้พวกเขาด้วย!
ศิษย์ขั้นก่อ์ของสำนักซ่งเจี่ย จะรวมตัวกันนอกดินแดนแรกสาบสูญ เ้านำป้ายของข้าติดตัวไปด้วย พวกเขาจะฟังคำสั่งของเ้าทุกอย่าง อย่าลืม! ฝังเ้ากู่ไห่ไว้ที่นั่นเสีย” หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยสั่ง เสียงเคร่ง
รอยยิ้มร้ายกาจผุดขึ้นบนริมฝีปากของซ่งฉิงซู ขณะพูด "ข้าทราบแล้ว! ท่านอาจารย์โปรดวางใจ"
...
บ้านพักของกู่ฮั่นในเมืองหลวงซ่งเฉิง
"พ่อบุญธรรม เวลานี้ท่านดูหนุ่มกว่าข้าเสียอีก!" กู่ฮั่นเดินวนรอบตัวอีกฝ่าย ด้วยท่าทีตื่นเต้น
ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย แล้วค่อยๆ นั่งลง กู่ฮั่นรีบรินชาให้ทันที
กู่ไห่หยิบป้ายหัวหน้าสังกัดสีม่วงออกมา
วูบ!
หินิญญาระดับสูงหกก้อน และม้วนไม้ไผ่ปรากฏขึ้นบนโต๊ะ
“นี่ช่องว่างมิติหรือขอรับ?” ดวงตากู่ฮั่นทอประกาย
"จะว่าแบบนั้นก็ได้ ภายในช่องมิติของป้ายแผ่นนี้ มีสิ่งที่ถังจู่มอบให้ข้าอยู่ จงนำหินิญญาระดับสูงทั้งหกก้อนนี้ ไปแบ่งกับกู่ฉินคนละสามก้อน ในระหว่างที่ข้าไม่อยู่ ให้รีบเลื่อนขั้นพลังสู่ขั้นก่อ์เสีย!" กู่ไห่สั่ง
"ขอรับ! พ่อบุญธรรมโปรดวางใจ ลูกจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่" กู่ฮั่นกล่าว เสียงหนักแน่น
"เมื่อสักครู่ ข้าเพิ่งดูม้วนไม้ไผ่นี้ มันเป็วิชาระดับก่อ์ นามว่า ‘เคล็ดวิชาัแรก์’ คิดว่าวิชาของหออี้ผินย่อมไม่ใช่ของสามัญ
รีบคัดลอกไว้ ของเ้าหนึ่งฉบับ ของกู่ฉินอีกฉบับ แล้วเริ่มฝึกทันทีระหว่างข้าไม่อยู่ ด้วยเคล็ดวิชานี้พวกเ้าจะฝึกฝนสู่ระดับก่อ์ได้ในเวลาไม่นาน!" กู่ไห่กล่าวเสริม
"ขอรับ!" กู่ฮั่นตอบกลับ
"ไม่นานมานี้ หัวหน้าสำนักชิงเหอได้มอบพื้นที่ทางเหนือของแคว้นซ่ง ด่านหู่เหลาให้สกุลกู่เรา" กู่ไห่กล่าว พลางหรี่ตา
"เอ๊ะ! แต่นั่นเป็พื้นที่หนึ่งในสี่ของแคว้นเฉินเลย ไม่ใช่หรือขอรับ?" กู่ฮั่นถามด้วยความสงสัย
"หึ! เ้าคิดว่าหนึ่งในสี่นั้น มากเกินไปหรือ? ข้าช่วยแคว้นเฉินชิงดินแดนคืนมาได้ถึงสามในสี่ อีกทั้งยังมอบแคว้นซ่งให้ด้วย นี่เป็เพียงพื้นที่ส่วนเล็กๆ เท่านั้น สำหรับผู้ฝึกตนแล้ว แผ่นดินผืนนี้ นับเป็สิ่งใดได้?” กู่ไห่กล่าว น้ำเสียงจริงจัง
"ขอรับ! เป็ลูกเองที่สายตาคับแคบ" กู่ฮั่นค้อมศีรษะลงอย่างรวดเร็ว
“ที่สายตาคับแคบ เป็เพราะมองทุกสิ่งไม่กว้างพอ ขอเพียงมองให้กว้างขึ้น สายตาเ้าก็จะไม่คับแคบแล้ว
แม้ข้าจะไม่ได้ติดต่อกับพวกเขามากนัก แต่พบว่าสำนักเหล่านี้ ดูเหมือนจะสนใจปุถุชนยิ่ง ราวกับว่าเป็สิ่งสลักสำคัญ ส่วนจุดประสงค์นั้น ข้าก็ยังไม่กระจ่าง ไว้ค่อยพิจารณาดูอีกที
หลังข้าจากไป มีงานให้พวกเ้าพี่น้องทำ” กู่ไห่บอก
"พ่อบุญธรรม โปรดสั่งมาได้เลยขอรับ!" กู่ฮั่นตอบ
"ดูแลเมืองใหญ่ทั้งสิบแห่ง ภายใต้ด่านหู่เหลาให้ดี ขณะเดียวกันก็สร้างด่านหู่เหลาใหม่ ตามแบบที่ข้าร่างไว้ ไม่ต้องกังวลว่าจะสิ้นเปลืองเงินทอง ยิ่งจ่ายไปมากเท่าใด ก็จะได้รับกลับมามากขึ้นเท่านั้น
ด่านหู่เหลานี้ จะเป็บ้านของเราในอนาคต ต่อให้อีกห้าแคว้นจะโจมตีเราในเวลาเดียวกัน มันก็จะไม่มีวันแตกพ่าย!" กู่ไห่อธิบาย
"ขอรับ!"
"พร้อมกันนี้ ให้ค้นหาผู้มีศักยภาพจากทั้งห้าแคว้น ขอเพียงมีความสามารถ ก็รับมาเข้าร่วมกับเรา เพื่อใช้สอยในวันข้างหน้า!" กู่ไห่เอ่ยเสียงเคร่ง
"ผู้มีศักยภาพ? พ่อบุญธรรม ร้านค้าสกุลกู่เราก็มีคนเก่งจำนวนนับไม่ถ้วนแล้ว มิใช่หรือขอรับ?” กู่ฮั่นถามด้วยความสงสัย
“ไม่พอ ยัง้าอีกมากกว่าจะพอ เ้าไม่จำเป็ต้องตระหนี่ ในอนาคตภายภาคหน้า เราไม่เพียงต้องต่อสู้กับเหล่าปุถุชนเท่านั้น แต่ยังมีคู่ปรับอีกมากมาย
สอนงานให้ดี เ้าสามารถเริ่มฝึกพวกเขาั้แ่เด็กได้ อย่าตระหนี่กับผู้มีความสามารถเ่าั้ ตระกูลกู่เราไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง
ขอเพียงพวกเขาเป็ประโยชน์ต่อตระกูลเรา จงตกรางวัลด้วยสมุนไพรและเคล็ดวิชาชั้นดี ตามความภักดีของพวกเขา!" กู่ไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“เอ๊ะ? ขอรับ!” สีหน้าของกู่ฮั่นค่อยๆ เปลี่ยนเป็สุขุม
"ในอนาคต เราต้องเผชิญกับใต้หล้า มีคนมากเท่าใดก็ไม่เพียงพอ จำไว้ว่าความภักดีมาก่อน ความสามารถมาทีหลัง! นี่เป็งานที่ค่อนข้างลำบาก
พวกเ้าสามารถปรึกษาผู้ดูแลร้านทั้งหลายได้ บอกว่าเป็คำสั่งข้า ข้าจะส่งจดหมายไปหาทุกคน ดินแดนนี้จะเป็รากฐานของตระกูลกู่เรา ต้องวานเ้าและกู่ฉิน จัดการอย่างระมัดระวังด้วย!" กู่ไห่กล่าว
"พ่อบุญธรรมโปรดวางใจ!"
"เ้ายังขาดความยับยั้งชั่งใจ ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ในระหว่างที่ข้าไม่อยู่ หากเ้ากับกู่ฉินมีเื่ขัดแย้งกัน จงยอมลงให้แก่กู่ฉินเสีย!" กู่ไห่กล่าวเสริม
“เอ๊ะ? ขอรับ!” กู่ฮั่นยิ้มขื่น พลางตอบรับ แต่ในดวงตาปรากฏเศษเสี้ยวแห่งความไม่พอใจอยู่ลึกๆ
กู่ไห่ไม่ได้สนใจความรู้สึกของอีกฝ่าย ครานี้เขากำลังจะจากไป และไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้หวนกลับมา จึงต้องจัดการทุกอย่างโดยรอบคอบ!
...
สามวันต่อมา เมืองหลวงซ่งเฉิง
กู่ไห่กลับมาพบหลงหว่านชิงอีกครั้ง ที่ลานกว้างนั้น เฉิงเหลี่ยงอี้ได้นำกลุ่มขุนนางพร้อมผู้คนจากสำนักชิงเหอและสำนักซ่งเจี่ย มากล่าวคำอำลากับคนทั้งเก้า อันได้แก่ ไต้ซือหลิวเหนียน หลงหว่านชิง พร้อมคนรับใช้ทั้งสาม เฉินเทียนซาน ซ่งฉิงซู เกาเซียนจือ และกู่ไห่
"เอาล่ะ ออกเดินทางกันได้แล้ว!" หลงหว่านชิงบัญชา
"ขอรับ!" คนรับใช้ในชุดคลุมสีฟ้าตอบรับ และโบกมือครั้งหนึ่ง
วูบ!
ทันใดนั้น เรือสีขาวขนาดใหญ่ก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน
สองข้างของเรือั์ เขียนไว้ด้วยอักขระอาคมจำนวนมาก อักขระเ่าั้เปล่งแสงออกมา จากนั้น เรือลำใหญ่ก็ลอยขึ้นไปบนเวหา
กู่ไห่ใกับขนาดของเรือ ที่มหึมาพอๆ กับเรือสำราญในโลกก่อน
หลงหว่านชิงนำอยู่ด้านหน้า และคนอื่นๆ ก็เดินตามขึ้นเรือไป
เมื่อถึงดาดฟ้าเรือ กู่ไห่ก็พบว่า บนเรือมีพระราชวังหลังหนึ่งตั้งอยู่... ช่างเลิศล้ำยิ่ง
"นี่คือเรือเหาะของข้า นามว่าไป๋อวิ๋น ออกตัวได้!" หลงหว่านชิงกล่าว พร้อมยิ้ม
"ขอรับ!" คนรับใช้ผู้หนึ่งตอบ พลางรีบไปที่แท่นขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลนัก บนนั้นมีพังงาเรือ หรือพวงมาลัยบังคับเรือ และตัวควบคุมจำนวนมาก
กู่ไห่มองภาพเบื้องหน้าอย่างประหลาดใจ หลังคนรับใช้เข้าควบคุมกลไกการทำงานต่างๆ เพียงชั่วครู่ เรือเหาะก็ค่อยๆ ลอยขึ้นฟ้าทันที
"ขอให้ถังจู่เดินทางโดยสวัสดิภาพ!" ทุกคนได้ยินเสียงะโมาจากด้านล่าง
กู่ไห่ยังคงประหลาดใจกับฉากรอบตัว นี่คือเครื่องบิน... เช่นนั้นหรือ?
"ไม่ต้องแปลกใจ เรือเหาะลำนี้ประดิษฐ์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน โดยไต้ซือเลี่ยนชี่ มีการสลักอักขระอาคมไว้จำนวนมาก และใช้หินิญญาเป็แหล่งพลังงาน ทำให้มันกลายเป็ยานเหาะวิเศษเช่นนี้!" หลงหว่านชิงดูอารมณ์ดี ขณะอธิบายให้ทุกคนฟัง
"ขอรับ ผู้น้อยเบาปัญญา สายตาคับแคบนัก!" เกาเซียนจือยังคงตกตะลึงกับเรือเหาะ
กลับกัน กู่ไห่นั้นสงบลงอย่างรวดเร็ว
เขาจ้องมองด้านล่าง ขณะที่เรือเหาะค่อยๆ เพิ่มความเร็วขึ้น หลังจากที่ลอยขึ้นสูงได้ระดับแล้ว มันก็มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง
ฟิ้ว!
เรือเหาะบินค่อนข้างเร็ว และความเร็วก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กู่ไห่สังเกตภูมิทัศน์ต่างๆ ที่เคลื่อนผ่านไปอย่างถี่ถ้วน เหมือน้าจดจำภูมิประเทศด้านล่างให้ได้
"ไม่จำเป็ต้องมองเช่นนั้น หากอยากรู้เื่เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ เ้าก็ถามเฉินเทียนซานได้ เนื่องจากสังกัดวารีของเ้ายังขาดคนอยู่ ก็ให้ซ่งฉิงซูและเฉินเทียนซาน ไปอยู่ใต้สังกัดเ้าเสียสิ!" หลงหว่าชิงกล่าวพร้อมยิ้ม
"หา? ทราบแล้วขอรับ!" เฉินเทียนซานยิ้มขื่น
แม้จะไม่เต็มใจนัก แต่เพราะเป็คำสั่งของถังจู่ จึงจำต้องเชื่อฟัง
"ทราบแล้วขอรับ!" ซ่งฉิงซูขานรับ แล้วหันหน้าไปมองกู่ไห่ ั์ตาวาบประกายเย็นะเื
"คารวะหัวหน้า!" เฉินเทียนซานและซ่งฉิงชู แสดงความเคารพต่อกู่ไห่
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ
“เฉินเทียนซาน ก่อนหน้านี้ข้าไม่อาจออกจากดินแดนได้ เพราะถูกล้อมด้วยป่าเขา ซึ่งมีแมลงพิษและสัตว์อสูรจำนวนมาก เ้าช่วยเล่าเื่ดินแดนเบื้องล่างนั่น ให้ฟังได้หรือไม่?” กู่ไห่มองอีกฝ่าย
"ขอรับ ท่านหัวหน้า เราอยู่ที่ 'เกาะจิ๋วหวู่' ที่มีห้าสำนัก และมีหกแคว้นเช่นเดียวกัน แต่ละแคว้นมีไม่กี่เมืองไปจนถึงหลายสิบเมือง ซึ่งทั้งห้าสำนักแบ่งกันปกครอง เช่นเดียวกับที่แคว้นเฉินเป็แคว้นใต้ปกครองของสำนักชิงเหอขอรับ!" เฉินเทียนซานอธิบาย
"หกแคว้น? เช่นนั้นหกแคว้นของเราก่อนหน้านี้ ก็เป็เพียงหนึ่งในอาณาจักรมนุษย์?"
"ขอรับ"
“อาณาจักรทั้งหมดเป็เขตใต้ปกครองของห้าสำนัก? นั่นไม่ใช่หมายความว่าประชาชนที่นี่ ล้วนได้รับการฟูมฟักจากทั้งห้าสำนักหรอกหรือ?” กู่ไห่เลิกคิ้ว พลางถาม
"เอ๊ะ? ท่านหัวหน้าจะกล่าวเช่นนั้นก็ได้ขอรับ!" เฉินเทียนซานกล่าว
ในทางกลับกัน หัวใจของกู่ไห่กำลังเต้นระส่ำ เหมือนที่ตนคาดเดาไว้ สำนักเหล่านี้ คล้ายจะให้ความสำคัญกับโลกของปุถุชน ด้วยเหตุผลบางประการ
"เกาะจิ๋วหวู่? เป็เกาะเพียงเกาะเดียว?" กู่ไห่ถามด้วยความประหลาดใจ
วูบ!
เรือเหาะบินเร็วมาก ไม่นานนัก ก็ออกจากสถานที่ดังกล่าว และมุ่งสู่มหาสมุทรอันกว้างใหญ่
เมื่อทอดมองไปไกล กู่ไห่ก็พบว่าพวกเขาอยู่เหนือเกาะขนาดใหญ่
"เกาะหรือ? พื้นที่ใหญ่เช่นนี้เป็แค่เกาะ?" ดวงตาของกู่ไห่ปรากฏแววจริงจัง
เกาะนี้ใหญ่มาก ตามการคาดคะเนของกู่ไห่ มันน่าจะมีขนาดพอๆ กับโลกในชีวิตก่อนเลยทีเดียว พื้นที่กว้างขวางเช่นนี้ ถูกเรียกว่าเกาะจริงหรือ?
เวลานี้ฉากตรงหน้า ไม่ต่างจากการมองโลกจากนอกโลกเลย เพียงแต่ว่าพื้นที่นี้นั้นใหญ่กว่า กว้างกว่า และมีมหาสมุทรแผ่ไพศาลไร้จุดสิ้นสุด
"เกาะจิ๋วหวู่? เช่นนั้นแผ่นดินใหญ่อยู่ที่ใดหรือ?" กู่ไห่ถามอย่างสงสัย
"แผ่นดินนี้เรียกว่าทวีปศักดิ์สิทธิ์ เราอยู่ในทะเลพันเกาะ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปศักดิ์สิทธิ์ขอรับ" เฉินเทียนซานอธิบาย
“ทะเลพันเกาะหรือ? หมายถึง มีเกาะที่ใหญ่พอๆ กับเกาะจิ๋วหวู่ นับพันเกาะเชียวหรือ?” กู่ไห่มองฉินเทียนซานด้วยความประหลาดใจ
"ใช่ขอรับ! มีเกาะใหญ่เป็พันเกาะ แน่นอนว่ายังมีเกาะเล็กๆ ที่ไม่สลักสำคัญด้วยเช่นกัน เกาะจิ๋วหวู่ถือว่ามีขนาดปานกลางเท่านั้นขอรับ" เฉินเทียนซานบอก
กู่ไห่เงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้า
จากนั้นไม่นาน เขาก็เห็นเกาะขนาดใหญ่ที่อยู่ไกลๆ นั่นอีกครั้ง เรือเหาะยังคงบินตรงไปข้างหน้าด้วยความเร็วเช่นเดิม
“ท่านหัวหน้า ผู้น้อยมีแผนที่ทะเลพันเกาะ ติดตัวอยู่พอดีขอรับ!” ซ่งฉิงชูซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ขณะพูด ซ่งฉิงฉู่ก็หยิบแผ่นหนังชิ้นใหญ่ออกมา บนนั้นมีจุดจำนวนหนึ่งพันจุด ซึ่งแต่ละจุดมีชื่อเขียนกำกับไว้
กู่ไห่ดูแผนที่ แล้วนิ่วหน้าทันที "หืม?"
"มีสิ่งใดหรือขอรับ?"
"ที่ตั้งของแต่ละเกาะในทะเลพันเกาะ ถูกจัดเรียงเหมือนกระดานหมากล้อม! ในขณะที่ตัวเกาะต่างๆ นั้น คล้ายเป็ตัวหมาก" กู่ไห่เอ่ย ขมวดคิ้วจนหน้าผากย่น
"หมากล้อม? เป็ไปได้อย่างไร? กระดานหมากเช่นใดกัน ถึงมีพื้นที่วางหมากได้ถึงพันเม็ด กระดานหมากล้อมนั้น มีเส้นตารางแนวตั้งและแนวนอนอย่างละสิบเก้าเส้น วางหมากได้มากสุด ก็แค่สามร้อยหกสิบเอ็ดชิ้นเท่านั้น แต่นี่มันพันชิ้น!" ซ่งฉิงซูส่ายหน้า
แต่กู่ไห่กลับหรี่ตาลง และไม่ได้อธิบายสิ่งใด
อย่างไรก็ตาม คำพูดของกู่ไห่นั้น กลับเป็ไต้ซือหลิวเหนียนซึ่งอยู่ด้านข้าง ที่ได้ยินแล้วมีสีหน้าประหลาดใจ
"ท่านกู่ นี่ท่านเพิ่งกล่าวสิ่งใดออกมา? มันคล้ายกระดานหมากเช่นนั้นหรือ?" ไต้ซือหลิวเหนียนถาม พร้อมจ้องอีกฝ่าย
"เอ๊ะ? เป็ผู้น้อยพูดจาเหลวไหลขอรับ!" สีหน้ากู่ไห่เปลี่ยนเล็กน้อย ขณะตอบกลับทันทีด้วยรอยยิ้ม
"ไต้ซือ ท่านหัวหน้ากล่าวสิ่งใดผิดหรือขอรับ?" เกาเซียนจือเอ่ยถาม
"เหลวไหลหรือ? คำพูดเหลวไหลของท่านกู่ กลับเป็สิ่งที่ถูกต้อง!" ไต้ซือหลิวเหนียนไม่สนใจเกาเซียนจือ แต่กลับจ้องกู่ไห่แทน
"อะไรนะ? กระดานหมาก? กระดานหมากทั่วไปมีเส้นตารางสิบเก้าเส้น และสามารถวางหมากได้เพียงสามร้อยหกสิบเอ็ดเม็ดเท่านั้น ไม่ใช่หรือขอรับ?" ซ่งฉิงซูถามขึ้น คล้ายไม่เชื่อ
"ผู้ใดบอกกัน? ว่ากระดานหมากสามารถมีเส้นตารางได้เพียงสิบเก้าเส้นเท่านั้น" หลงหว่านชิงถามกลับ
"เอ๊ะ?"
"เมื่อมีจำนวนเส้นแนวนอนและแนวตั้ง อย่างละสามสิบสองเส้น ก็จะสามารถวางหมากได้นับพันชิ้น!" หลงหว่านชิงอธิบายอย่างใจเย็น
"ทะเลพันเกาะนี้ คือกระดานหมากล้อม? ส่วนเกาะคือเม็ดหมากหรือขอรับ?" กู่ไห่ถามด้วยความประหลาดใจ
ก่อนหน้านี้เขาอาศัยอยู่บนเม็ดหมาก? ใครกันที่กล้าใช้เกาะเป็เม็ดหมาก?
"ถูกต้อง ใช้ทะเลกว้างเป็กระดานหมาก ใช้เกาะเป็เม็ดหมาก นี่เป็กระดานที่ยังเดินไม่จบ มันคือกลหมากขนาดใหญ่ ที่ไม่มีผู้ใดสามารถแก้ได้ และไม่มีผู้ใดสามารถจบหมากกระดานนี้ ซึ่งมีตัวหมากนับพันลงได้!" หลงหว่านชิงอธิบาย
"มันเป็กระดานหมากจริงหรือ? แล้วใครเป็ผู้เล่นหรือขอรับ?" กู่ไห่ถามด้วยความประหลาดใจ
เกาะเหล่านี้ไม่ได้เป็เพียงเกาะทั่วไป แต่มีขนาดใหญ่เท่าโลกในชาติก่อนของเขา เกาะแห่งหนึ่งมีขนาดเทียบเท่ากับดาวเคราะห์ในโลกก่อนหน้านี้ทีเดียว กล่าวอีกนัยหนึ่ง ก็คือโลกหนึ่งพันดวง ถูกใช้ต่างเม็ดหมากนั่นเอง
"แปดร้อยปีก่อน ผู้าุโกวนฉีของอี้เทียนเก๋อ สร้างมันขึ้นมา!" หลงหว่านชิงอธิบาย
"ผู้าุโกวนฉี? แปดร้อยปีก่อน? หรือว่าหมากกระดานนี้ไม่มีผู้ใดแตะมานานถึงแปดร้อยปีแล้ว?" กู่ไห่ถามอย่างสงสัย
"เป็เพราะผู้าุโกวนฉีจากไปเมื่อแปดร้อยปีก่อน หมากกระดานนี้จึงได้จบลง ก่อนที่มันจะเสร็จสิ้น”
"เขาเล่นกับผู้ใดหรือขอรับ?" กู่ไห่ถามด้วยความงุนงง
"์!" หลงหว่านชิงมีสีหน้าเคร่งขรึมขณะพูด
"์?" ทุกคนต่างมีสีหน้าตะลึงงัน
"เมื่อผู้าุโกวนฉีรู้ว่าชีวิตใกล้ดับสูญ จึงสร้างกระดานหมากนี้ขึ้นมา เพื่อต่อกรกับ์ เขาเดินหมาก หวังเอาชนะ์ และกลายเป็เซียน ซึ่งมีชีวิตะชั่วนิรันดร์
แต่น่าเสียดาย ท้ายที่สุดเขาก็พลาดท่า พ่ายแพ้ย่อยยับ จึงได้รับการลงทัณฑ์จาก์ อี้เทียนเก๋อ สำนักอันยิ่งใหญ่ ต้องเผชิญความโกรธเกรี้ยวของ์ ศิษย์หลายร้อยหลายพันคน ตกตายสิ้น!"
“ทะเลพันเกาะนี้ เดิมเป็ที่ตั้งของอี้เทียนเก๋อ ที่ถูกทำลายไปเมื่อแปดร้อยปีก่อน สิ่งที่เหลืออยู่ ก็คือกลหมากแห่งเกาะนับพันที่ไม่มีผู้ใดสามารถไขได้จากเมื่อครานั้น!” หลงหว่านชิงอธิบาย
"พันเกาะ? ประลองหมากกับ์? ผู้าุโกวนฉี?” กู่ไห่เลิกคิ้ว
"กวน[1]หมายถึงเฝ้าดูทุกคนที่อยู่ใต้์ และปฏิบัติต่อสรรพชีวิตในฐานะหมากหรือฉี[2] นั่นก็คือกวนฉี!" หลงหว่านชิงอธิบาย
"สรรพชีวิตเป็หมาก ใต้หล้าเป็กระดาน? กล้าหาญนัก! น่าเสียใจยิ่ง ที่ไม่อาจเป็ประจักษ์พยาน ในฉากเมื่อแปดร้อยปีก่อน ที่ถังจู่พูดถึงได้!" กู่ไห่กล่าวอย่างเสียดาย
----------------------------------------
[1] กวน (观) หมายถึง เฝ้าดู
[2] ฉี (棋) หมายถึง หมากล้อม ซึ่งเป็หนึ่งในศิลปะ 4 แขนงแห่งปัญญาชน หรือ เหวินเหริน ซื่ออี้ (文人四艺) ของจีนในสมัยโบราณ ซึ่งประกอบด้วย กู่ฉิน หมากล้อม เขียนอักษร และวาดภาพ (琴棋书画 หรือ ฉิน ฉี ซู ฮว่า)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้