แม้ทุกคนจะกล่าวเช่นนั้น แต่ไม่มีใครรู้ตัวเลยว่าราคาผักใน่นี้สูงกว่าเมื่อก่อนแล้ว หัวไชเท้าหนึ่งหัวหนักสองถึงสามชั่ง ขายกันห้าถึงหกทองแดง หากนำหัวไชเท้าไปทอดก็สิ้นเปลืองน้ำมัน หากกินหัวไชเท้ามากไปก็ส่งผลต่อหัวใจ เช่นนั้นซื้อเต้าหู้ยังจะดีกว่า
“บ้านข้ามีคนมาก หนึ่งชั่งไม่พอกิน เ้าหั่นเต้าหู้ให้ข้าั้แ่นี่ถึงนี่”
“เต้าหู้ขึ้นราคาแล้ว เ้าต้องชั่งให้ดีเล่า ชั่งให้แม่นยำสักหน่อย ข้า้าเต้าหู้หนึ่งชั่ง”
เฟิงซื่อรีบชั่งเต้าหู้ให้ลูกค้าทั้งหลาย นางชั่งน้ำหนักได้แม่นยำ ไม่นานก็ขายไปได้สิบกว่าชั่ง ส่วนหวังเยี่ยนยังคงทำหน้าที่รับเงินเช่นเดิม
หลายคนถือเต้าหู้กลับเข้าไปในตัวอำเภอ เมื่อคนรู้จักเห็นเข้า เก้าในสิบคนก็เอ่ยถามว่า “เต้าหู้นั่นซื้อมาจากที่ใดหรือ”
“หน้าประตูเมืองน่ะ แม่ลูกจากหมู่บ้านหลี่คู่หนึ่งขายเต้าหู้อยู่ที่นั่น เป็เต้าหู้ตระกูลหลี่ ต่อไปครอบครัวหลี่ไม่มาขายเต้าหู้แล้ว ให้สองแม่ลูกคู่นี้ขายแทน”
หนึ่งบอกต่อสิบ สิบบอกต่อร้อย ไม่ถึงครึ่งชั่วยามข่าวเื่มีคนขายเต้าหู้หน้าประตูอำเภอก็แพร่ไปทั่วแล้ว ครอบครัวที่ชอบกินเต้าหู้ก็รีบถือเงินออกไปซื้อ
ถึงตอนเที่ยงสองแม่ลูกเฟิงซื่อก็ขายเต้าหู้หมดเกลี้ยง พวกนางรู้สึกราวกับฝันไป จนกระทั่งเดินกลับมาถึงหมู่บ้านหลี่ และมีคนในตระกูลมารออยู่ตรงปากทางหมู่บ้านทักทายด้วยน้ำเสียงรู้สึกอิจฉา พวกนางจึงค่อยรู้ว่านี่เป็ความจริง
“เมื่อก่อนกว่าหลี่ซานจะกลับก็เย็นแล้ว แต่พวกเ้ากลับมาเร็วกว่าเขาเสียอีก”
“เต้าหู้ขายได้ดีเหลือเกิน”
“ครอบครัวพวกเ้าขายเต้าหู้สามร้อยกว่าชั่ง มากกว่าพวกเราสิบเท่า ได้กำไรมากกว่าพวกเราสิบชั่ง พรุ่งนี้ให้บ้านหลี่ขายเต้าหู้ให้มากหน่อยได้หรือไม่ แบ่งให้พวกเรามากหน่อย ให้พวกเราหาเงินได้มากหน่อย”
สองแม่ลูกเฟิงซื่อรีบปิดประตู แล้วนำเหรียญทองแดงออกมานับครั้งแล้วครั้งเล่า ดียิ่งนัก เมื่อหักเงินทุนไปแล้วรอบนี้ได้กำไรเกือบห้าร้อยทองแดง
ในที่ดินหนึ่งหมู่ หากคิดกำไรใน่ที่ลมฝนเป็ใจเพิ่งจะทำเงินได้หลายร้อยทองแดง แต่สองแม่ลูกหาเงินวันเดียวก็ได้มากเพียงนี้แล้ว
หวังเยี่ยนหรี่ตามองเหรียญทองแดงที่วางกองอยู่บนโต๊ะแปดเซียนราวกับูเาขนาดย่อม ในดวงตาเต็มไปด้วยประกายแวววาว “ท่านแม่ ขายเต้าหู้ได้เงินมากกว่าก่อเตียงเตาเสียอีก”
เฟิงซื่อยิ้มไม่หุบ ผู้ใดกล่าวว่าสตรีสู้บุรุษไม่ได้ นางและบุตรสาวขายเต้าหู้วันหนึ่งก็ได้เงินมากเพียงนี้แล้ว มากกว่าที่หวังไห่ออกไปก่อเตียงเตาเสียอีก “รวยแล้ว ครอบครัวเราจะรวยแล้ว” วันหนึ่งหาเงินได้สี่เฉียนกว่า หนึ่งเดือนก็ได้สิบสองตำลึง
“มิน่าเล่าซื่อโก่วจื่อและอู่โก่วจื่อขายเต้าหู้เพียงไม่กี่วัน ก็มีเงินไปซื้อล่อแล้ว” หวังเยี่ยนจินตนาการไปว่า ครอบครัวตนจะต้องได้ซื้อวัวตัวใหญ่แน่
“บ้านหลี่จะทำกิจการขายเต้าหู้ด้วยตนเองก็ย่อมได้ แต่กลับให้พวกเรามาทำแทน บ้านหลี่มีบุญคุณใหญ่หลวงกับพวกเราจริงๆ” เฟิงซื่อรู้สึกตื้นตันใจยิ่งนัก นำไข่ไก่ออกมาห้าสิบฟอง ให้หวังเยี่ยนนำไปขอบคุณบ้านหลี่
หวังเยี่ยนเดินกลับมาอีกครั้ง พบว่ายังไม่ได้มอบไข่ไก่ให้ไป “คนบ้านหลี่นอนกลางวันอยู่เ้าค่ะ ปิดประตูแ่าเชียว ข้ากลัวจะรบกวนเลยไม่ได้เรียก”
เฟิงซื่อพูดว่า “บ้านหลี่ต้องตื่นมาทำเต้าหู้ทุกวัน ตื่นเช้ากว่าไก่เสียอีก ลำบากมากจริงๆ”
หวังเยี่ยนกลับกล่าวว่า “ลำบากแต่ก็หาเงินได้มากเช่นกัน”
“ถูกแล้ว ครอบครัวเราหาเงินได้มากเพียงนี้ ต่อให้ลำบากกว่านี้ก็ย่อมได้” เฟิงซื่อมองไปยังบุตรสาวที่ตัวสูงกว่าตน พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ขายเต้าหู้หาเงินได้มากเช่นนี้ ข้าจะจัดแจงเื่สินเดิมของเ้าให้ดี”
“ท่านแม่ เงินที่หาได้ต้องเก็บไว้ให้น้องชายเรียนหนังสือ” ทั่วทั้งเเคว้นต้าโจวล้วนมีความคิดให้บุรุษเป็ใหญ่ หวังเยี่ยนได้ยินเฟิงซื่อกล่าวเช่นนี้ย่อมรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก
เฟิงซื่อรู้ดีว่าบุตรสาวพูดจากใจ นางดึงแขนบุตรสาวไปนั่งลงเพื่อพูดคุยกัน “ปีหน้าเ้าก็อายุสิบห้าแล้ว นับว่าบรรลุนิติภาวะแล้ว แต่เื่แต่งงานยังไม่ได้กำหนด ข้ากับบิดาเ้าหารือกันแล้ว อยากให้เ้าแต่งกับหลี่เจี้ยนอันของบ้านหลี่”
หวังเยี่ยนมีความประทับใจที่ดีต่อหลี่เจี้ยนอันและตระกูลหลี่เป็ทุนอยู่แล้วง ในใจย่อมรู้สึกยินดี นางเขินอายจนหน้าแดง เพียงแต่มีบางเื่จะต้องพูดให้ชัดเจน จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงแ่เบาว่า “ท่านพ่ออยากให้น้องชายแต่งกับหรูอี้มิใช่หรือเ้าคะ เหตุใดจึงให้ข้าแต่งเข้าบ้านหลี่แทนหรือ”
เฟิงซื่อเอ่ยถาม “จื้อเกาบอกเ้าหรือ”
“มิใช่เ้าค่ะ ข้าได้ยินจากท่านพ่อ ท่านพ่อยังบอกด้วยว่า ให้ข้าไปมาหาสู่กับหรูอี้ให้มากหน่อย”
เฟิงซื่อไม่รู้ว่ามีเื่เช่นนี้ด้วย ตาแก่นี่มีความคิดในใจจริงๆ นางกล่าวอย่างเนิบช้าว่า “นั่นเป็เื่เมื่อก่อน ตอนนี้บางอย่างเปลี่ยนแปลงไปแล้วมิใช่หรือ อีกไม่นานเ้าจะบรรลุนิติภาวะแล้ว ข้ากับพ่อเ้าหารือกันแล้วว่า จะให้เ้าแต่งเข้าบ้านหลี่ ส่วนน้องชายเ้ายังเด็ก ความคิดย่อมอยู่กับการเรียนหนังสือเท่านั้น”
หวังเยี่ยนถามต่อไป “หากข้าแต่งเข้าบ้านหลี่แล้วหรูอี้จะแต่งเข้าบ้านพวกเราได้อีกหรือ” แม่ลูกไม่นับเป็คนนอก มีอะไรล้วนคุยกันได้
เฟิงซื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงจนใจ “บ้านหลี่ทั้งรักทั้งหวงหรูอี้ปานนั้น คงไม่ยอมให้นางแต่งเข้าบ้านเราหรอก”
หวังเยี่ยนสังเกตอารมณ์ของมารดาก่อนจะถามไปว่า “น้าจ้าวบอกท่านเป็นัยหรือ”
“ใช่แล้ว ข้าไม่คิดเื่หรูอี้แล้ว ทั้งยังบอกพ่อเ้าไปแล้วด้วย พ่อเ้าก็เพิ่งตัดใจได้ไม่กี่วันก่อน”
เื่ที่คนตระกูลหวังทำวิธีการก่อเตียงเตาของบ้านหลี่หลุดออกไป ทำให้หวังไห่รู้สึกผิดทุกครั้งที่ได้พบคนบ้านหลี่ เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ยังจะมีหน้าไปขอให้บ้านหลี่ยกหลี่หรูอี้ให้บุตรชายคนเล็กได้อย่างไร ดังนั้นหวังไห่จึงเห็นด้วยกับความคิดของเฟิงซื่อ ยอมให้หวังเยี่ยนแต่งเข้าบ้านหลี่แทน
แม้หวังเยี่ยนจะมีรูปโฉมธรรมดา แต่ก็มีข้อดีอื่นๆ มากมาย ทั้งฉลาดเฉลียว มากความสามารถ อ่อนโยน ใจดี ขยันขันแข็ง และปักผ้าได้ดี หลายปีมานี้ก็คอยช่วยเหลือผู้อื่นไปไม่น้อย หากมิใช่ว่าตอนนี้บ้านหลี่ร่ำรวยแล้ว หลี่เจี้ยนอันย่อมไม่มีคุณสมบัติจะแต่งกับหวังเยี่ยนด้วยซ้ำ
เมื่อเวลาเคลื่อนผ่านมาถึงตอนบ่าย ซื่อโก่วจื่อและอู่โก่วจื่อก็กลับมาจากอำเภอซั่งแล้ว พวกเขาขายเต้าหู้จนหมดเกลี้ยง และเพิ่งได้รู้จากปากชาวบ้านว่า เต้าหู้พันชั่งของคนตระกูลหวังขายหมดเร็วกว่าพวกเขาเสียอีก ดังนั้นความรู้สึกหนักอึ้งในใจจึงหายไป
คนตระกูลหวังรู้สึกขอบคุณบ้านหลี่ และอยากให้บ้านหลี่ขายเต้าหู้ให้พวกเขามากขึ้นสักหน่อย จึงพากันมาที่บ้านหลี่ทีละคนสองคนพร้อมต้นหอม ข้าวโพด ไข่ไก่ และอื่นๆ
กระทั่ง่ปีใหม่บ้านหลี่ก็ยังไม่เคยคึกคักถึงเพียงนี้เลย หลี่ซานเป็พวกหน้าบาง เมื่อรับของขวัญจากคนตระกูลหวังมาแล้ว จึงพูดกับหลี่หรูอี้ว่า “หรูอี้ ข้าอยู่บ้านก็ว่าง่บ่ายทั้งวัน เ้าก็ให้ข้าโม่ถั่วทำเต้าหู้ขายให้ตระกูลหวังเพิ่มอีกหลายร้อยชั่งเป็อย่างไร” หากขายเต้าหู้ได้มาก บ้านเราย่อมได้เงินมากขึ้น
“ลุงหวังและน้าเฟิงไม่ได้มาถามพวกเราเลยเ้าค่ะ” โบราณกล่าวว่า ใจคนเปรียบดั่งงูพิษ หากคนตระกูลหวังบรรลุจุดประสงค์ง่ายดายเช่นนั้น ต่อไปหากมีเื่ขอร้องบ้านหลี่แล้วถูกปฏิเสธ จะต้องถูกคนตระกูลหวังพูดจาว่าร้ายเป็แน่
ขณะที่หลี่ซานกำลังคิดว่าจะพูดอย่างไรจึงจะโน้มน้าวให้หลี่หรูอี้เพิ่มปริมาณการผลิตเต้าหู้ได้ เด็กชายทั้งสี่ของบ้านหลี่ก็นำข่าวบางอย่างกลับมาบ้าน ความว่า หม่าซง พี่ชายภรรยาของจางซิ่วไฉจะกลับจากทางเหนือแล้ว จะมาถึงตำบลจินจีในอีกสามวัน และได้ไหว้วานให้จางซิ่วไฉมาขอซื้อเต้าหู้จากบ้านหลี่เป็จำนวนสองพันชั่ง
หากเป็ผู้อื่นหลี่หรูอี้จะให้มาที่หมู่บ้านหลี่ด้วยตนเอง แต่จางซิ่วไฉเป็อาจารย์ของพี่ชายทั้งสี่ มีฐานะไม่ธรรมดา จึงพูดไปว่า “ท่านพ่อ พรุ่งนี้ตอนบ่ายท่านกับข้าก็ไปทำสัญญาซื้อขายกับจางซิ่วไฉที่ตำบลจินจีด้วยกันเถิด”
หลี่ซานย่อมเห็นด้วย
วันต่อมา หลังจากที่สองพ่อลูกนอนกลางวันแล้ว ก็ขับเกวียนไปยังบ้านจางซิ่วไฉ ทั้งยังไม่ได้ไปมือเปล่า แต่นำแยมสาลี่หนึ่งไหเล็ก ผักดองหนึ่งไห หูหมูหนึ่งคู่ และหมูตากแห้งสองชิ้นใหญ่ไปให้ด้วย
หม่าซื่อและจางเช่อบุตรชายคนเล็กที่อายุสี่ขวบอยู่บ้าน จางอวิ๋นบุตรสาวคนโตไปปักผ้ากับเด็กหญิงอายุไล่เลี่ยกันที่อยู่ข้างบ้าน ส่วนจางซิ่วไฉกำลังวางหมากอยู่กับจางฉีบุตรคนรองที่สำนักศึกษา
บ้านของจางซิ่วไฉอยู่ใกล้สำนักศึกษา หม่าซื่อให้บ่าวไปแจ้งเขาแล้ว ขณะรอเวลาก็ชวนสองพ่อลูกหลี่ซานพูดคุยเื่ทั่วไป จึงได้ทราบว่า ขนมไหว้พระจันทร์รสหวาน ผักดอง เต้าหู้ และอาหารต่างๆ ของตระกูลหลี่ ที่วางขายก่อนหน้านี้ล้วนมาจากความคิดของหลี่หรูอี้ นางจึงรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก ถึงกับต้องประเมินหลี่หรูอี้สูงขึ้นกว่าเดิม
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้