เยว่เฟิงเกอยืนขึ้นมองฉินหว่านด้วยสายตาเ็า แม้สตรีนางนี้จะหน้าตางดงามยากจะหาผู้ใดเสมอเหมือน ทว่าจิตใจกลับมืดมิดดำสนิท
“คนของข้า เ้ากลับกล้าแตะต้อง ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆ สินะ! ” เสียงของเยว่เฟิงเกอดังแว่วเข้าหูของคนทั้งกลุ่ม
เมื่อฉินหว่านได้ยินเสียงของอีกฝ่ายก็มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างว่องไว นางหันศีรษะไปมองเยว่เฟิงเกอที่ยามนี้มาหยุดยืนอยู่ข้างชิงจื่อแล้ว
“เยว่เฟิงเกอ เ้าเป็ผีหรือเป็คน? ” ฉินหว่านคล้ายเห็นผีก็ไม่ปาน ดวงหน้าซีดขาวหาใดเปรียบ
ยามนี้เยว่เฟิงเกอไม่แม้แต่จะมองฉินหว่าน นางทำเพียงก้มศีรษะลงไปมองใบหน้าของชิงจื่อที่บวมแดงเป็แถบ อีกทั้งมุมปากยังมีหยดเืไหลซึมออกมาอีกด้วย
เมื่อชิงจื่อได้ยินเสียงของเยว่เฟิงเกอ นางไม่แม้แต่จะหวาดกลัว ซ้ำยังรีบหันศีรษะไปทางผู้เป็นายด้วยใจตื่นเต้น
ยามที่ชิงจื่อสบเข้ากับดวงตากระจ่างใสกลมโตของเยว่เฟิงเกอ รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งกว้างขึ้น “พระชายา ท่านยังไม่ตาย ช่างดีเหลือเกินเ้าค่ะ”
เยว่เฟิงเกอไม่กล่าววาจา นางเพียงกวาดสายตาไปมองเหล่าคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้
ในเวลาเดียวกันนี้ ยามสาวใช้ที่ถูกหินกระแทกตาได้ยินเสียงของเยว่เฟิงเกอเข้าก็ใจนอดตัวสั่นไม่ได้
นางเงยหน้าขึ้นมองเยว่เฟิงเกอด้วยดวงตาที่เหลืออีกข้าง
ยามได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดๆ ก็ถึงกับใจนเกือบหวีดเสียงร้องออกมา
ใบหน้าของสตรีตรงหน้าเต็มไปด้วยสีสัน ใต้ขอบตาคู่นั้นยังมีเส้นทึบสีเข้มวาดไว้อยู่เลย
ยิ่งไปกว่านั้น ผมเผ้าที่ถูกปล่อยสยายกระเซอะกระเซิงของอีกฝ่ายยังชวนให้ตื่นใเสียยิ่งกว่าเจอผี
ส่วนชายที่ถูกเรียกว่าท่านอ๋อง ยามเห็นหน้าของเยว่เฟิงเกอก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
เขาไม่ชอบใจพระชายาที่มีรูปลักษณ์เช่นนี้เท่าไรนัก วันทั้งวันเอาแต่แต่งเติมสีสันละเลงลงไปบนใบหน้า อีกทั้ง บนร่างของนางก็ไม่รู้รมกำยานไว้กี่ชนิด กลิ่นที่เสียดจมูกนั้นแทบจะทำให้คนสำลักตาย
ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาองค์นี้ยังชอบมาปรากฏกายต่อหน้าเขา อยู่ดีไม่ว่าดี ไม่มีเื่อะไรก็ยังชอบมาโผล่ตรงหน้าเขา ท่าทางของนางเหมือนภมรหลงมวลบุปผาไม่มีผิด สายตาที่จดจ้องมองมาที่เขา ช่างทำให้คนที่ได้เห็นรู้สึกอยากจะอาเจียน
เยว่เฟิงเกอไม่รู้ว่าในใจของเขากำลังคิดสิ่งใด ยามนี้ความสนใจทั้งหมดของนางจดจ่ออยู่เพียงเื่ที่ชิงจื่อถูกตบเท่านั้น
ถึงแม้ระหว่างนางและชิงจื่อจะไม่มีความผูกพันใดต่อกัน แต่จะอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็ถึงสาวใช้ที่แต่งเข้าตามของเ้าของร่างเดิม แค่ในจุดนี้ เยว่เฟิงเกอก็เห็นสมควรให้ต้องลุกขึ้นมาปกป้องอีกฝ่ายให้ดีแล้ว
สำหรับเยว่เฟิงเกอคนนี้เป็คนที่ชอบให้ท้ายคนของตนเป็ที่สุด คนของนาง นางแตะได้เพียงคนเดียว หากคนอื่นบังอาจมาแตะต้องย่อมจะเท่ากับกำลังรนหาที่ตาย
เมื่อถูกสายตาเ็าของเยว่เฟิงเกอเบิกถลึงจ้องใส่ สาวใช้นามเฉี่ยวอวี้ก็ยิ่งใจนได้แต่ใช้มือกุมดวงตาแล้วก้มหน้างุด ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองอีก
ฉินหว่านมองสาวใช้ของตนที่ถูกหินทำร้ายจนาเ็ ชั่วขณะนั้นนางก็เข้าใจในทันที เยว่เฟิงเกอต้องเป็คนทำอย่างแน่นอน
ยามนี้นางโกรธจนอยากจะตวัดมือตบหน้าเยว่เฟิงเกอ แต่เพราะจั้นอ๋องยังทรงยืนอยู่ข้างกาย จึงไม่อาจทำอันใดให้มากความได้ สิ่งที่นางทำได้มีแค่การหันศีรษะไปมองจั้นอ๋อง ม่อหลิงหาน เพียงเท่านั้น
“ท่านอ๋อง ขอพระองค์ทรงคืนความยุติธรรมกับหม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันไม่เคยเตะพระชายาตกให้สระน้ำ เป็นางที่คิดไม่ตก จึงได้ะโลงไปในสระบัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น หม่อมฉันยังเป็คนสั่งให้บ่าวรับใช้ดำน้ำลงไปช่วยนางขึ้นมา เื่นี้ฟ้าดินเป็พยานให้ได้นะเพคะ”
ม่อหลิงหานมองเยว่เฟิงเกอด้วยสายตาเ็า ไม่กล่าววาจาแม้ประโยคเดียว
จนถึงตอนนี้เขาก็นับว่ารู้แล้วว่าก้อนหินเมื่อครู่เป็ผู้ใดที่เขวี้ยงมาเช่นกัน
เยว่เฟิงเกอไม่สนใจฉินหว่านเลยแม้แต่น้อย นางมองสาวใช้ชิงจื่อที่คุกเข่าอยู่บนพื้น “เ้า ลุกขึ้นเถิด คุกเข่าอยู่บนพื้นเช่นนั้น คงหนาวแย่”
ชิงจื่อเงยหน้ามองม่อหลิงหาน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่กล่าววาจาใด ถึงได้ลุกขึ้นยืน จากนั้นจึงใช้มือทั้งสองข้างกอบกุมพวงแก้มที่บวมแดงไว้แล้วก้มหน้าลงไปอย่างขลาดกลัว ไม่กล้าส่งเสียงใด
ริมฝีปากบางของบุรุษขยับเปิด สุรเสียงทุ้มต่ำที่เต็มไปด้วยความเ็าถูกเปล่งออกมา “เยว่เฟิงเกอ ก้อนหินเมื่อครู่ เ้าเป็คนเขวี้ยงมาหรือ? ”
ตอนนี้เองเยว่เฟิงเกอถึงได้หันไปมองบุรุษผู้นั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้