“แฮ่กๆ...บ๊อกๆ!”
เ้าตัวน้อยไม่ได้รู้สำนึกว่าตนทำให้เ้าของถอดใจเพียงใด กลับะโแล้วไต่ขึ้นไปบนไหล่เ่ิู เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนั์ตาพร่า จากนั้นก็รู้สึกถึงััเบาๆ ที่มือ พอก้มลงมองเท่านั้น ชามที่เคยมีแกงเนื้ออยู่เต็มก็หมดเกลี้ยง
“แฮ่กๆ!”
เ้าหมาหัวโตหุบลิ้นชื้นนั่นเลียน้ำแกงหยดสุดท้ายบนมุมปาก
บ้าเอ๊ย!
เ่ิูไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
ต่อให้เป็นักยุทธ์ขั้นอาณาน้ำพุิญญาน้ำพุหกตาก็เถอะ พอลงมือต่อหน้าเขาก็ไม่อาจโจมตีชนิดที่เขาโต้ตอบไม่ทันการได้ ขนาดจนกลืนกินแกงหมดทุกหยาดหยดขนาดนี้มาก่อน เ้าหมามึนหัวโตตัวนี้มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่ ถึงได้เร็วปานนี้?
ไม่ใช่ว่าตาข้าฝาดหรอกนะ?
เ่ิูไปหยิบชามกับข้าวชามโตมาอีกชาม ยกมาถึงหน้าเ้าหมาหัวโตแล้วเบิกตามอง
ก่อนหน้านี้ต้องเข้าใจผิด ต้องเข้าใจผิดไปแน่ๆ
เ่ิูเบิกตา
เ้าหมาบื้อหัวโตะโอย่างตื่นเต้น ขาหลังกระเด้งอย่างกับสปริงมาบนไหล่เด็กหนุ่ม ไซ้ใบหน้าเ่ิูอย่างสนิทสนม จากนั้นก็ะโกลับโต๊ะอาหารว่องไวจนได้ยินเสียงฟิ้ว
มันแลบลิ้นยาว
“ซู้ด!”
เสียงเบาบางนัก แกงจืดในชามโตหายวับไปกับตา
แววตาเ่ิูแข็งทื่อ
ตอนนี้เขากลับมองได้ชัดเจนขึ้นมาหน่อยแล้ว ว่าลิ้นเล็กนุ่มของเ้าหมานั่นสามารถยืดออกได้ ยาวได้จนถึงครึ่งเมตรในพริบตา ม้วนทีก็เหมือนหลอดดูด กระตือรือร้นและรวดเร็วเหมือนสายฟ้า เพียงแค่ดูดน้ำแกงเบาๆ ก็สามารถกลืนกินแกงเนื้อปริมาณเท่าชายฉกรรจ์สามคนห้าคนกินหมดเกลี้ยง
“แฮ่ก...แฮ่ก?”
เ้าหัวโตหน้าตาไม่ค่อยพึงพอใจนัก
มันส่ายหางประจบเ่ิู เมื่อยู่ปากน้ำลายก็เกือบไหล
ไม่พอหรือ?
เ่ิูแทบจะล้มคะมำไปกับพื้น
ของที่เ้าหมาบื้อนี่สวาปามเข้าไปมากพอให้เขากินได้สามวัน ยังจะไม่อิ่มอีกหรือ? แล้วร่างเล็กขนาดไม่เท่าชามแกงด้วยซ้ำ ท้องนั่นไม่มีทางจุได้อยู่แล้ว แต่กลับกินเสียหมด จนบัดนี้ท้องของมันก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะขยายขึ้นเลย กินแล้วไปไว้ที่ไหนเล่านั่น?
หรือท้องของมันจะเป็เหมือนย่ามสารพัดนึกจุได้ทุกสิ่ง?
“แฮ่กๆ?”
มันใช้หัวคลอเคลียเ่ิูอีกครั้ง จากนั้นก็อ้าปากแล้วะโงับหางตัวเอง พลางมองเ่ิูอย่างเอาใจ ทางหนึ่งก็แสดงออกว่ายังกินไม่อิ่ม อีกด้านหนึ่งก็สงสัยว่าทำไมเ่ิูไม่หาอะไรให้มันกินต่ออีก
เ่ิูกัดฟัน
“ก็ได้ ข้าจะลองดูว่าอย่างเ้าจะกินได้สักเท่าไร ข้าไม่ยอมแพ้หรอก เ้าท้องไม่อิ่ม!”
าามารเย่เครื่องร้อน เขาเดินไปยกหม้อแกงใหญ่เกือบหนึ่งเมตรเข้ามา วางบนโต๊ะหน้าเ้าหมามึนน่ารักดังตึง กลิ่นหอมฟุ้งตลบไปทั่ว
หมาหัวโตร้องยินดี
เมื่อใช้หน้าผากเล็กๆ ขาวปุกปุยเคลียเ่ิูเป็เชิงขอบคุณแล้ว พลังขาหลังก็ส่งมันขึ้นไปบนหม้อใหญ่ ลิ้นม้วนเป็หลอดยืดไปถึงในน้ำแกง ดูดดังซู้ด ไม่ถึงสองอึดใจดี น้ำแกงก็เกลี้ยงหม้อ
“แฮ่กๆ?”
เ้าเด็กน้อยมองเ่ิูอย่างกระหาย
“ยังอยากกินหรือ?” เ่ิูชักเริ่มสนใจ “ได้ ข้าจะดูให้ถึงที่สุดว่าเ้าจะกินได้เท่าไร กินจนท้องไม่แตกข้าไม่ยอมรับแน่...”
ตึง!
เขาแบกหม้อใหญ่อีกหม้อเข้ามา
“ซู้ดดด...แฮ่กๆ?”
เ้าหมาน้อยร้องด้วยอารมณ์ตื่นเต้น
“ยังเอาอีกหรือ? โอ้โห ข้าไม่เชื่อแล้วว่าเ้าจะกินได้อีก” เ่ิูพับแขนเสื้อขึ้น
ตึง!
หม้อที่สาม
“ซู้ดดด...แฮ่กๆ?”
มันพุ่งเข้าหาอย่างไม่คิดจะปฏิเสธ
“ยังกินอีก? ข้าก็ไม่ยอมล่ะ...”
ตึง!
หม้อที่สี่
“ซู้ดดด”
“บ้าจริง เห็นก้นหม้ออีกแล้ว...อย่างไรข้าก็ไม่ยอม!”
ตึง!
หม้อที่ห้า
“ซู้ดดด แฮ่กๆ?”
“ยังกินอีก? ข้า...อย่างไรข้าก็ไม่ยอม...”
ตึง!
หม้อที่หกประเคนเข้ามา
“ซู้ดดด...แฮ่กๆ?”
“บ้าเอ๊ย เ้ากินเยอะฉิบหายเลย แต่อย่างไรข้าก็ไม่ยอม...” เ่ิูใกล้บ้าเต็มที
ตึง!
หม้อที่เจ็ดประเคนเข้ามา
“ซู้ดดด แฮ่ก?”
เ่ิูตาลายเข้าแล้ว
รู้สึกว่ากระเพาะของเ้าหมาบื้อนี่จะไม่มีก้นเสียแล้ว กินเท่าไรก็ไม่อิ่มเสียที
“กินได้บรรลัยมาก แต่อย่างไรข้าก็ไม่ยอม...พอ ข้าควรยอมได้แล้ว เ้ามันตัวอะไรกันแน่นะ กินล้างกินผลาญขนาดนี้ ข้ายอมแพ้ หากเ้าเป็เช่นนี้ต่อไป ข้าคงเลี้ยงเ้าไม่ได้ เ้าต้องเล่นข้าจนกรอบไม่มีอะไรกินแน่!”
เ่ิูเหวี่ยงเ้าหมามึนหัวโตแล้วรีบรุดออกจากโรงอาหารท่ามกลางสายตาของคนหมู่หนึ่งที่มองเขาเหมือนเป็สัตว์ประหลาด
...
...
พอออกมาจากโรงอาหารแล้ว เ่ิูก็เดินไปหาหวังเยี่ยนในอาคารอาจารย์ของปีหนึ่ง
เขาอยากถามให้รู้ชัดไปเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กน้อยกันแน่
ทว่าเมื่อไปแล้วถึงรับรู้ว่าหวังเยี่ยนยังไม่ได้กลับมา พอถามอาจารย์คนอื่นก็ไม่มีใครรู้ว่าหัวหน้าหมวดผู้นี้ไปแห่งหนใด เ่ิูผู้สิ้นไร้หนทาง ทำได้เพียงกลับไปยังหอพักในเขตปีสองเท่านั้น
“กินล้างกินผลาญเสียจริง ข้าเก็บสัตว์ประหลาดอะไรมากันเนี่ย?”
พอกลับถึงที่หมาย เ่ิูก็สำรวจเ้าหมาหัวโตอย่างถี่ถ้วนอีกที
เขาก็ยังคงมองหาที่มาที่ไปของมันไม่เจออยู่ดี
เ่ิูไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเ้าหมาที่ตัวใหญ่แค่ฝ่ามือเล็กๆ นี้จะสามารถสวาปามของมากมายเพียงนั้นได้ เ่ิูถูกความแปลกใจอันร้อนแรงกระตุ้นให้เกือบจับเ้าหมานี่ผ่าตัดดูว่ากระเพาะมันทำมาจากอะไรไปแล้ว
“บ็อกๆ!”
หมาน้อยเลียมือเขาอย่างใกล้ชิด
มันะโขึ้นเตียงแล้วไต่ลงมาแลบลิ้นยาว หลับตาลง ท่าทีทั้งพอใจและเหมือนคุ้นเคยกันมานาน
พอคิดๆ ดูแล้วเ้าหมานี้ก็มีที่มาแปลกประหลาดเสียจริง นึกไปถึงเื่ที่เกิดขึ้นในบ่อเืพิศวงห้วงลึกของถ้ำั เ่ิูให้ความสำคัญกับเ้านี่อยู่มาก ตอนที่อยู่ในศาลาขึ้นฟ้า เขาพูดประโยคสุดท้ายนั่นไปมิใช่เพื่อจะสร้างขู่ให้หวาดกลัวอย่างเดียวหรอก ความจริงแล้วในส่วนลึกของใจเขาก็ยังแอบหวัง หวังว่าเ้าหมาน้อยตัวนี้จะเป็พวกสัตว์อสูรหรืออสูรเซียนอะไรอยู่บ้าง
วันนี้ที่ถูกเี๋เี่าชี้ที่มาของมันอย่างจงใจ เ่ิูก็ััได้ถึงความยุ่งยากไม่น้อย
“เ้ากินได้เยอะขนาดนี้ ข้าอาจเลี้ยงไม่ได้ ถ้าพวกชั้นสูงนั่นอยากจะขโมยเ้าจริง เช่นนั้นข้าก็จะให้พวกเขาพาเ้าไป ไปกินข้าวแดงแกงร้อนดีกว่า ดีไหม?” เ่ิูหยอกเล่น
หมาบื้อเบิกตากว้าง
เ่ิูหัวเราะร่า ถอดหมดทั้งตัวจนเหลือเพียงกางเกงชั้นใน เขาเดินเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกาย ผ่านการสังหารมามากมายในสมรภูมิหุบเขาปัดป้องนานถึงเพียงนี้ แล้วยังจมอยู่ในบ่อเืพิศวงไม่ทราบที่มานั่นอีก ทั้งเนื้อตัวเขาจึงมีแต่คาวเื ยังไม่ได้อาบน้ำให้ชื่นอุราเสียที
รอจนเขาอาบน้ำออกมาเสร็จ เ้าหมาหัวโตก็นอนขดอยู่บนเตียง สู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อย
เ่ิูหยิบอาภรณ์ชิ้นหนึ่งมาคลุมตัวมันไว้ มุมปากยกเป็รอยยิ้ม
ตัวน้อยที่กำลังฝันหวานไถขมับมันกับมือเ่ิู ใบหูป้อมๆ อุ่นร้อน พาความรู้สึกคันยิบๆ มาสู่เ่ิู
เมื่อพักผ่อนได้พักหนึ่ง เขาก็จุดประกายกระบวนอักขระในห้อง เริ่มการปิดผนึก
สิ่งที่ได้มาจากสมรภูมิหุบเขาปัดป้องคราวนี้นั้น ไม่เพียงแต่โลหิตอสูรเพลิงและเืพลังเท่านั้น เขายังได้รางวัลพลังมามากมาย เ่ิูหลับตานั่งขัดสมาธิ เริ่มโคจรวิชาลมหายใจไร้ชื่อ กำลังภายในพลันเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว แวดล้อมเขานั้นมีสนามพลังไร้รูปร่างพันรอบ เหมือนเมฆหมอกปกคลุมเขาไว้ตรงกลาง
ในโลกตันเถียนเองก็เกิดความเปลี่ยนแปลง
น้ำพุสองตาที่บุกเบิกเรียบร้อยแล้วส่งเสียงคำรามลั่น น้ำพุพลังบริสุทธิ์พ่นพรวดออกมาเสียดฟ้าหลายร้อยเมตร ทำให้พื้นที่โดยรอบกลายเป็ทะเลสาบเล็กใสจนเห็นก้นบึ้ง ให้ความชุ่มชื้นแก่ทะเลทรายแห่งความตายมิได้ขาด นำพาชีวิตเต็มตื้นมาบางส่วน
แน่นอนว่า สำหรับโลกทะเลทรายตันเถียนอันไร้ที่สิ้นสุดนี้ น้ำสองบ่อก็เป็เหมือนน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้
นอกจากนักยุทธ์อาณาน้ำพุิญญาแล้ว ยังมีทฤษฎีที่ว่า ศักยภาพของนักยุทธ์ยิ่งมากเท่าไร พื้นที่ของโลกตันเถียนก็จะยิ่งกว้างขึ้นเท่านั้น และยังสามารถขยายอาณาเขตตามการพัฒนาพลังของนักยุทธ์เ้าร่างอีกด้วย เมื่อยึดตามกระบวนการนี้แล้ว เหล่าคณาจารย์ของสำนักกวางขาวถึงได้เปรยว่า ‘วรยุทธ์นั้นไร้ขอบเขต’ อยู่เสมอ เพราะมันคือความจริงนั่นเอง
ั้แ่วันแรกที่เขาสามารถมีตาทิพย์มองทะลุภายในได้ เ่ิูก็ไม่อาจมองได้ชัดเจนว่าในโลกทะเลทรายตันเถียนของตนนั้นใหญ่เท่าไร
เขาไม่เคยสำรวจเื่นี้เลยสักครั้ง
บัดนี้ เมื่อผ่านการฆ่ามาอย่างโชกโชนในสมรภูมิ เมล็ดอัคคีเม็ดที่สามในโลกตันเถียนของเขาก็ส่องสกาวเต็มอิ่ม ฝังอยู่ส่วนลึกล้ำของทะเลทราย เ่ิูแข็งพลังมองภายในแล้วตัดสินใจบุกเบิกน้ำพุตาที่สาม
ยิ่งมากครั้งเท่าไร การจะบุกเบิกตาน้ำพุแต่ละตาก็ยิ่งยากเย็น
เ่ิูเองก็ไม่อาจชักช้าได้ เขาหยิบเืพลังออกมาหนึ่งหยด กลืนโลหิตที่เจียระไนจนใสสะอาดแล้วใต้ลิ้น จากนั้นถึงเริ่มฝึกวิชาลมหายใจไร้ชื่อ เริ่มสูบเอาพลังปราณใต้หล้าเข้าคู่กับกำลังภายในร่าง เริ่มทิ่มแทงเมล็ดอัคคีเม็ดที่สาม บุกเบิกน้ำพุิญญา
เพราะมีประสบการณ์สองครั้งก่อนหน้ามาแล้ว คราวนี้ถึงได้คุ้นชินนัก
มีห้องพักของเขาเป็ศูนย์กลาง พลังปราณใต้หล้าในรอบพันเมตรของสำนักแล่นมารวมตัวกันกลายเป็ม่านหมอกที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เหมือนกรวยเมฆโคจรอย่างรุนแรง กดดันในบัดดล สุดท้ายก็รวมตัวกันอยู่ในร่างเ่ิู ไหลเวียนไปทั่วสามสิบสองส่วน ท้ายสุดก็กลายเป็พายุั์ก่อตัวในโลกตันเถียน นำพาอัสนีบาตฟาดฟันเสมือนสร้างโลก
พายุมาหยุดอยู่ที่้าเมล็ดอัคคีดวงที่สาม นิ่งงันไม่ขยับเขยื้อน
เ่ิูค่อยๆ เข้าถึงภาวะปาฏิหาริย์นั้น รู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ในร่างกายอย่างรวดเร็ว
“ไม่ได้ ขาดไปหน่อยหนึ่ง...พลังปราณใต้หล้ามีไม่พอ!” เ่ิูค่อยๆ รู้สึกถึงความยากลำบากในการบุกเบิกเมล็ดอัคคีเม็ดที่สาม สำนักกวางขาวแม้จะเป็เขตที่ได้ชื่อว่าพลังปราณใต้หล้าเพียงพอ ทว่าตอนนี้พลังทั้งหมดกลับยังขาดไป
เ่ิูไร้หนทาง เขาจำใจต้องใช้น้ำพลังบริสุทธิ์จากน้ำพุทั้งสองตา
สุดท้ายก็ยังขาดไปอยู่ดี
“ทำได้แค่พึ่งเืพลังหยดนั้นล่ะนะ!”
เ่ิูคอแห้งผาก กลืนเม็ดเืสีน้ำเงินนั้นลงท้องไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้