เวินติ่งเทียนจำต้องกัดฟันประกาศให้เริ่มตัดสินผลการประลองยุทธภัณฑ์ในครั้งนี้ขอแค่ดาบสั้นของซ่างกวันเฟยสามารถทำลายกระทะเหล็กของหลินอี้ใบนี่ได้ ก็เท่ากับว่าหลินอี้แพ้การประลองครั้งนี้สิ่งที่ต้องชดใช้ให้กับการพ่ายแพ้การประลองครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ชีวิตของหลินอี้เท่านั้นแต่ชีวิตของคนในตระกูลเวินเองก็จะโดนลากลงเหวไปด้วยเช่นกัน
ซ่างกวันเฟยตอนนี้ไม่แม้แต่จะเหลียวมองไปที่หลินหยางแล้วเขาพูดด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “เวินติ่งเทียน การขัดขืนของพวกเ้ามันน่าเบื่อเหลือเกินคิดจะเอาขยะพรรค์นั้นมารับการโจมตีของดาบนิลกาฬชั้นดีแบบนี้อย่างนั้นหรือ...”
นั่นสิ...
แม้แต่เหล่าผู้ชมที่ยืนอยู่รอบๆเองก็อดที่จะรู้สึกเสียดายไม่ได้
เพราะยุทธภัณฑ์ทั้งสองนี้มันระดับแตกต่างกันั้แ่ขั้นตอนการผลิตไปจนถึงผลงานที่ปรากฏออกมาให้เห็นแล้วมันเทียบกันไม่ได้อย่างชัดเจน
แต่หลินหยางก็ยังคงแบกกระทะใบนั้นขึ้นมาถือไว้โดยไม่ได้ใส่ใจกับสายตาสงสัยของคนรอบข้างเลยแม้แต่น้อย“หยุดพูดมากไร้สาระได้แล้ว เข้ามา”
“ไปตายซะ!!” ซ่างกวันเฟยตาลุกวาวอย่างโกรธเกรี้ยว
แทงดาบหนึ่งครั้งะเืไปทั่วทั้งท้องฟ้า
เห็นแต่เพียงประกายแสงสีขาวส่องสว่างจ้าจนลืมตาแทบไม่ขึ้นถึงแม้ว่าซ่างกวันเฟยจะไม่ได้ลงมือเต็มที่ก็ตาม แต่แค่นี้มันก็รุนแรงจนน่าใแล้วปลายดาบสั่นไหวอย่างรุนแรงจนเกิดเป็เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นราวกับเสียงกระซิบของยมทูตที่กำลังจะตัดสินชะตาชีวิตสุดรันทดของหลินหยาง
จบสิ้นแล้ว...
หลินอี้นี่ไม่รอดแน่ๆ...
มีเสียงคร่ำครวญด้วยความเห็นใจของผู้คนระงมไปทั่ว
ด้านคนของตระกูลเวินหลายคนถึงกับปิดตาเพราะไม่อยากจะรับรู้ถึงผลลัพธ์อันเลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น
สวี่เหยาเองก็ยกมือขึ้นปิดปากพร้อมกับจ้องมองไปที่หลินหยางด้วยดวงตาคู่สวยของนางอย่างไม่ละสายตา
นางดูไม่รู้เื่หรอกว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้นนางรู้แค่ว่าสถานการณ์ของคุณชายหลินในตอนนี้กำลังเข้าขั้นวิกฤตแล้วแต่ไม่รู้ว่าทำไมนางกลับยังเชื่อในตัวของคุณชายหลินอยู่
คุณชายหลิน...เขาต้องไม่แพ้ง่ายๆ แบบนี้แน่!!
ตูมม!
เกิดเสียงะเิดังกึกก้องจนผู้ชมต้องยกมือขึ้นปิดหู
ภาพที่เกิดขึ้นต่อมาคือหลินหยางที่กำลังถือโล่อยู่ถูกซัดด้วยพลังอันมหาศาลจนกระเด็นถอยไปด้านหลัง
เกิดเสียงหวีดร้องดังระงมไปทั่วผู้ชมที่ดูอยู่รอบข้างต่างก็คิดว่าหลินหยางน่าจะถูกซัดจนกระทะแตกตายไปแล้ว แต่สักพักก็มีเสียงะโทักของใครสักคนดังขึ้น“ทุกคนดูนั่น! ดาบเล่มนั้นมัน!”
อะไรกัน!!
ไม่น่าเชื่อเลยว่า อาวุธนิลกาฬชั้นยอดที่ซ่างกวันเฟยตีขึ้นนั้นกลับไม่สามารถแทงทะลุกระทะกระจอกๆของหลินหยางได้เลย
ดาบสั้นเล่มนั้นถูกพลังอันมหาศาลสะท้อนกลับจนกระเด็นหลุดออกจากมือของซ่างกวันเฟยปลิวว่อนอยู่บนอากาศอย่างไร้การควบคุม สุดท้ายก็ตกลงไปบนพื้นดังตึง
ทั้งลานกว้างก็ถูกความเงียบเข้าปกคลุมโดยพลัน
ผู้คนต่างก็ตาเหลือกกันเป็แถบๆ
พวกเขายังไม่ค่อยอยากจะเชื่อในภาพที่เห็นกันสักเท่าไรแม้แต่ตัวซ่างกวันเฟยเองก็ยังมองไปที่ฝ่ามือของตัวเองและดาบสั้นที่ยังคงเปล่งประกายอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเหลอหลา
เป็ไปไม่ได้!
เื่แบบนี้มันเป็ไปไม่ได้!
ซ่างกวันเฟยกระทืบเท้าดังตึงก็สามารถดีดตัวไปเก็บดาบสั้นของตัวเองขึ้นมาจากพื้นได้ทันทีพร้อมกันนั้นเขาก็ใช้สายตาที่กำลังลุกโชนไปด้วยเพลิงพิโรธ จ้องมองไปที่หลินอี้ที่กำลังเดินเข้ามาทางเขาอย่างเชื่องช้า
แกรก แกรก
ระหว่างที่หลินหยางกำลังเดินอยู่กระทะที่อยู่ในมือของหลินหยางใบนั้นก็เริ่มปริแตก เปลือกสีดำที่เกาะอยู่บนนั้นกำลังแตกออกทีละส่วนจนเริ่มเห็นของที่ซ่อนอยู่ภายใต้กระทะใบนี้ ‘ขนมอบ’ ที่ผู้คนเคยล้อเลียนไว้ตอนก่อนหน้าได้ปรากฏสู่สายตาของผู้คนแล้ว
“โอ้์นั่นมันอะไรกัน... ช่างงดงามเหลือเกิน!”
พอเปลือกนอกที่เกาะอยู่หลุดร่วงออกหมดแล้วถึงได้รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในมือของหลินหยางตอนนี้ มันไม่ใช่ขนมอบอะไรนั่นเลยแต่มันคือโล่ขนาดใหญ่ที่ดูแข็งแกร่งทนทานราวกับว่ามันไม่สามารถถูกทำลายได้!
ตัวโล่มีสีขาวบริสุทธิ์คล้ายกับสีของงาช้างอีกทั้งยังเปล่งแสงสีขาวนวลออกมาด้วยและเนื้อในของโล่นี้ก็มีสัญลักษณ์ลายเมฆสีดำกระจัดกระจายอย่างไม่เป็ระเบียบอยู่ด้วยสภาพเหมือนกับเวลาเราหยดหมึกดำลงไปในน้ำสะอาดอย่างไรอย่างนั้นงดงามจนยากจะหาสิ่งใดเปรียบ
“นี่มัน...โล่ที่ทำขึ้นจากผงหินอ่อนนั่นหรือ?”
เวินติ่งเทียนถึงกับอึ้ง
อาจารย์อี้ทั้งสองก็เช่นกัน
รวมถึงทุกคนที่กำลังชมการประลองอยู่ด้วยทุกคนต่างก็ตกตะลึงกับสิ่งที่พวกเขากำลังเห็น
ถึงแม้ว่าในหมู่คนที่กำลังยืนชมการประลองอยู่จะมีนักการช่างชั้นยอดหลายคนแต่ก็ไม่มีใครคิดเลยว่า วิธีการสร้างยุทธภัณฑ์อันแปลกประหลาดไร้สาระแบบนี้จะสามารถสร้างของชั้นยอดระดับนี้ออกมาได้จริง
ส่วนคนที่อึ้งและประหลาดใจมากที่สุดจะเป็ใครไปไม่ได้นอกจากซ่างกวันเฟย
หลินหยางที่กำลังแบกโล่ที่งดงามราวกับงานศิลปะชิ้นนั้นมายืนอยู่ที่ด้านหน้าของซ่างกวันเฟยเพียงแต่รอบนี้ คนที่กำลังยิ้มเยาะอยู่นั้นถูกสลับมาเป็หลินหยางแทน
“มาสิข้ารู้ว่าเ้าคงไม่ยอมตัดใจแค่นี้หรอก จะลองฟันอีกครั้งก็ได้นะ”
คำพูดประโยคนี้ไม่ต่างอะไรกับการตบเข้าไปเต็มๆหน้าของซ่างกวันเฟย ปากของเขาตอนนี้สั่นกระตุกอย่างรุนแรงด้วยความโมโห
“เ้าบ้าเอ๊ยข้าไม่เชื่อ!!”
แต่คราวนี้หลินหยางได้บทเรียนแล้วจึงเอาโล่สีขาวลายเมฆสีดำชิ้นนี้ตั้งวางเอาไว้ที่พื้นส่วนตัวเองก็เดินออกมายืนอยู่ด้านข้างทำท่าเหมือนจะสื่อว่าเขายอมให้ซ่างกวันเฟยจะทำอะไรกับมันก็ได้
ฮ่า!
ซ่างกวันเฟยเบ่งพละกำลังทั้งหมดที่มีออกมาแม้แต่พลังฟ้าดินอันน่าเกรงขามก็แผ่กระจายออกมาด้วย แต่อี้สิงอวิ๋นที่ยืนอยู่ข้างๆก็รีบเอ่ยปากทักท้วงทันที “เฮ้ย เ้าหนู นี่เ้าบ้าไปแล้วใช่หรือไม่ยุทธภัณฑ์ระดับนิลกาฬสามารถทนรับพลังได้สูงสุดแค่สามพันชั่งเท่านั้น ถ้าเ้าพังโล่ชิ้นนี้ด้วยพละกำลังของเ้าละก็ตาเฒ่าคนนี้ไม่ปล่อยเ้าไว้แน่!”
เจ็บใจนัก!
ซ่างกวันเฟยในตอนนี้ไม่เหลือท่าทีหยิ่งยโสและเ็าอีกต่อไปเขากลับมีสภาพเหมือนหมาป่าที่กำลังาเ็อยู่กำลังใช้โอกาสสุดท้ายเพื่อดิ้นรนเอาชีวิตรอดอย่างสุดกำลัง
ฟันมัน!
ดาบสั้นฟันลงไปอีกครั้งแต่ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม
เกิดเสียงปะทะดังกึกก้องแต่ก็ไม่อาจแม้แต่จะทิ้งรอยถลอกลงบนโล่ชิ้นนี้ได้เลย
เป็ไปไม่ได้...เื่แบบนี้มันเป็ไปไม่ได้!!
เอาอีก! ฟันมันอีก! ฟันฟันฟัน!!
ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง!
ลานประลองตอนนี้ราวกับกลายเป็ที่ตีเหล็กไปแล้วส่วนซ่างกวันเฟยที่ก่อนหน้านี้ทำตัวยิ่งใหญ่คับฟ้าคนนั้นกลับมีสภาพเหมือนช่างเหล็กสุดทรหดที่กำลังใช้ดาบในมือทุบลงไปบนโล่ที่ตั้งอยู่บนพื้นอย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็ประกายไฟกระจายไปทั่วเหงื่อไหลจนเปียกชุ่มทั่วทั้งตัว แต่ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอยู่ดี
ผู้ชมทุกคนต่างจับจ้องไปยังซ่างกวันเฟยที่มีสภาพอเนจอนาถไม่มีใครกล้าส่งเสียงเลยสักคน
อวดเก่งไว้มากระวังจะเจอของจริง
หลังจากที่ลงมือฟันไปหลายสิบรอบแล้วในที่สุดก็มีเสียงเพล้งดังขึ้น
ดาบหัก
ซ่างกวันเฟยดูโง่ไปเลยคราวนี้
“เก็บแรงไว้บ้างเถอะ”
หลินหยางเดินเข้ามาหาแบบไม่รีบไม่ร้อนท่าทางเหมือนผู้ชนะที่กำลังเห็นใจในความอ่อนหัดของศัตรู “โล่นี้เป็โล่ที่แข็งแกร่งทนทานที่สุดในบรรดายุทธภัณฑ์ระดับนิลกาฬแล้วข้าว่าเ้าไปคิดหาวิธีตัดแขนตัวเองให้เจ็บน้อยที่สุดดีกว่านะ...”
โล่ระดับนิลกาฬที่แข็งแกร่งที่สุด!!
ถ้าหลินหยางพูดประโยคนี้เมื่อห้านาทีก่อนละก็เกรงว่าคนทั้งสนามแห่งนี้คงคิดว่าเขาบ้ากันทั้งหมดแน่ๆแต่ตอนนี้ไม่มีใครกล้าสงสัยในคำพูดเขาเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว
ฝีมือด้านการช่างของซ่างกวันเฟยนั้นน่าจะอยู่ในระดับที่สูงที่สุดในอาณาจักรชูอวิ๋นจวิ้นแล้วแต่เขากลับแพ้อย่างไม่เป็ท่าเสียอย่างนั้นโล่ทรงกลมสุดแข็งแกร่งที่สร้างขึ้นมาจากการอบในกระทะเหล็กชิ้นนี้มันทนทานได้แบบเหนือธรรมชาติมากจริงๆ
“ไม่เป็ไปไม่ได้...” ซ่างกวันเฟยยังคงไม่สามารถยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นนี้ได้เขาหันขวับไปหาหลินหยาง แล้วะโใส่เหมือนกับนักพนันที่แพ้จนหมดตัวว่า “เ้ามันไม่มีทักษะด้านการช่างชัดๆ นี่ต้องเป็ศาสตร์มืดอะไรสักอย่างแน่ๆ ถ้าวัดกันที่ทักษะด้านการช่างแล้วข้าไม่มีทางแพ้เ้าอยู่แล้ว!”
หลินหยางยืนมองท่าทางเกรี้ยวกราดของซ่างกวันเฟยอยู่เงียบๆไม่ได้ปฏิเสธอะไรกลับไป เขาแสยะยิ้มอย่างเ็าพร้อมกับกล่าวว่า “ถ้าใช่แล้วจะทำไม ?”
“ข้าไม่ยอม!”ซ่างกวันเฟยนั้นมั่นใจในความสามารถด้านการช่างของตัวเองมากมาั้แ่เด็กแล้วเขาไม่มีทางยอมรับความพ่ายแพ้แบบนี้แน่จึงดีดตัวพุ่งไปคว้าอกเสื้อของหลินหยางขึ้นพร้อมกับะโขู่เข็นอย่างเกรี้ยวกราด “ข้าไม่ยอม! แน่จริงก็มาแข่งกันอีกรอบคราวนี้แข่งด้วยยุทธภัณฑ์ระดับิญญาไปเลย! ขยะอย่างเ้าไม่มีทางสร้างของระดับนั้นได้แน่ข้าพนันด้วยชีวิตเลย เ้ากล้าไหม!!”
“พอได้แล้ว!”
อี้สิงอวิ๋นเดินเข้ามาผลักซ่างกวันเฟยออกด้วยสีหน้าอันเ็า“เ้าเด็กเวรนี่ แพ้ก็คือแพ้สิวะ ยังมาพูดพล่ามไร้สาระอะไรอยู่อีก! ผู้าุโหลินนี่นะไม่มีทักษะด้านการช่าง? หึดวงตาโง่ๆ ของเ้าคงจะบอดแล้ว เ้าฟังให้ดีนะผู้าุโหลินท่านนี้คือหัวหน้าที่ปรึกษาด้านการช่างของเลี่ยนเทียนเฮาเราความสามารถของเขาเหนือกว่าเ้าเป็สิบๆ เท่า ฉะนั้นเ้ารีบยอมแพ้แล้วตัดแขนของเ้าออกมาได้แล้ว!”
โอ้วว!!
เกิดเสียงฮือฮาขึ้นไปทั่ว
สิ่งที่หลินหยางทำลงไปทั้งหมดก็เพื่อฉากเด็ดฉากนี้
คำประกาศของอี้สิงอวิ๋นจุดประเด็นความสนใจขึ้นไปทั่วทั้งลานกว้างแห่งนี้ทุกผู้คนต่างก็จ้องมองไปที่หลินหยางด้วยสายตาเคารพนับถืออย่างสุดซึ้งเสียงอุทานด้วยความประหลาดใจค่อยๆ ดังขึ้นเป็ทอดๆ ราวกับธารน้ำที่ไหลเป็สายตามมาด้วยเสียงของคำสรรเสริญเยินยอ และเสียงปรบมือที่ดังกระหึ่มจนทั้งลานกว้างแห่งนี้มีสภาพคล้ายกับท้องทะเลที่เต็มไปด้วยคลื่นน้ำขนาดใหญ่
“ให้ตายเถอะเด็กหนุ่มอายุน้อยขนาดนี้กลับมีศักดิ์เป็ถึงหัวหน้าที่ปรึกษาของเลี่ยนเทียนเฮ่าเลยหรือนี่!! มันคงเริ่มฝึกวิชาการช่างั้แ่หลุดออกมาจากท้องแม่เลยกระมัง!”
“ข้านี่งี่เง่าจริงๆผู้าุโหลินท่านนี้ช่างเก่งกาจยิ่งนัก เสียดายจริงๆ ที่ไม่ได้ลงพนันกับเ้าไว้ฮ่าฮ่า!”
“แข็งแกร่งแข็งแกร่งมากจริงๆ วันนี่ถือว่าข้าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว นี่สิอัจฉริยะของจริง!”
“ตระกูลเวินคราวนี้ได้ยอดคนมาเข้าร่วมด้วยแล้วฮ่าฮ่า!”
แค่พริบตาเดียวชื่อของหลินหยางก็กลายเป็ที่จดจำของผู้คนในเลี่ยนเทียนเฮ่าแห่งนี้แล้ว
เขาเป็ผู้ที่ปรากฏตัวใน่เวลาที่วิกฤตที่สุดของเลี่ยนเทียนเฮ่าและยังสามารถใช้วิธีที่เรียบง่ายที่สุดในการกู้วิกฤต นั่นก็คือการโค่นศัตรูสุดแข็งแกร่งที่คิดจะมาท้าทายพวกเขาลงซึ่งนอกจากจะสามารถปกป้องชื่อเสียงและแขนข้างขวาของผู้าุโวู๋กังเอาไว้ได้แล้วยังสามารถปกป้องชื่อเสียงที่สั่งสมมานานนับร้อยปีของเลี่ยนเทียนเฮ่าได้อีกด้วย
ผู้าุโหลินจงเจริญ!
ไม่รู้เหมือนกันว่าใคระโสรรเสริญขึ้นเป็คนแรกแต่นั่นก็ทำให้เสียงะโโหวกเหวกโวยวายของเหล่าคนงานและนักการช่างของเลี่ยนเทียนเฮ่านั้นเปลี่ยนเป็คำสรรเสริญให้กับหลินหยางเหมือนกันหมด
เสียงนั้นดังสนั่นจนะเืไปทั่วท้องฟ้า
สวี่เหยาเองก็ดีใจจนน้ำตาซึม
นางน่าจะเป็คนที่ยินดีกับหลินหยางมากที่สุดแล้วนางอยากจะเข้าไปกอดหลินหยางแน่นๆสักครั้ง แต่นางก็รู้ตัวว่าตัวเองนั้นช่างเป็คนที่ธรรมดาสามัญและต่ำต้อยมากเพียงใดเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินหยาง
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นคืออะไรนั้นเกรงว่าแม้แต่ตัวนางเองก็ไม่ยังไม่แน่ใจเช่นกัน นางจึงทำได้เพียงกล้ำกลืนน้ำตาเอาไว้พร้อมกับตบมือและะโสรรเสริญไปพร้อมๆกับคนอื่นเท่านั้น
ส่วนประชาชนชาวเมืองอวิ๋นเฉิงเองก็จดจำชื่อของผู้าุโคนใหม่ของตระกูลเวินอย่างหลินอี้เอาไว้แล้วหลังจากนี้อีกไม่นาน เขาก็จะกลายเป็ผู้ทรงอิทธิพลของเมืองนี้
หลินหยางกำลังก้าวไปบนเส้นทางแห่งความรุ่งโรจน์ทีละก้าวด้วยตัวตนใหม่ของเขาสักวันเขาจะต้องลากศัตรูคู่แค้นอย่างเ้าพวกตระกูลเฉินจอมโฉดชั่วนั่นลงมาเหยียบอยู่แทบเท้าเขาให้ได้
และแน่นอนว่าคนที่ต้องจมอยู่แทบเท้าของเขาก่อนคนแรกก็คือซ่างกวันเฟย
“ได้ยินชัดแล้วใช่ไหม?”หลินหยางมองไปที่ซ่างกวันเฟยรอยยิ้มพลันมลายหายไปจากใบหน้าของเขาแล้ว สีหน้าดูเ็าและโเี้ยิ่งกว่าซ่างกวันเฟยเสียอีก
เขาหันไปบอกกับเวินติ่งเทียนว่า“ท่านประมุข ได้เวลาทวงสิ่งที่มันเดิมพันเอาไว้แล้ว”
หลินหยางมอบหน้าที่ตัดสินใจให้กับเวินติ่งเทียนอย่างรู้งานไม่ข้ามหน้าข้ามตามากเกินไป
“ดี!” เวินติ่งเทียนแต่เดิมก็ไม่ใช่คนใจดีอะไรอยู่แล้วตอนนี้ตัวเขายิ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการฆ่าฟัน “ตามกติกาที่กำหนดไว้มันเดิมพันด้วยแขนตัวเองไว้ก็ต้องทำตามกติกา พวกเ้า ไปเอาขวานมา!”
ขอรับ!
เหล่าคนที่สังกัดเลี่ยนเทียนเฮ่าต่างก็ะโกู่ก้องด้วยความตื่นเต้นสักพักก็มีคนถือขวานบั่นกระดูกออกมาให้
หลินหยางหยิบมันขึ้นมาแล้วจึงโยนส่งไปให้ซ่างกวันเฟยพร้อมกับเอาคำพูดที่อีกฝ่ายเคยพูดกวนประสาทเอาไว้มาพูดใส่หน้ามันอีกรอบ“ทีนี้จะเอาอย่างไรดี เ้าจะตัดทิ้งเอง หรือจะให้ข้าตัดออกให้ดีเล่า?”