อ๋าวหรานตื่นขึ้นมาั้แ่รุ่งสาง
เมื่อวานตอนที่กลับมาถึงฮวาเล่อทิง กำลังคิดจะกลับไปนอนที่ห้อง ก็กลับคิดขึ้นได้ว่าตนเองกับจิ่งฝานนอนชั้นเดียวกัน ระหว่างคนทั้งสองจู่ๆ ก็เกิดความกระอักกระอ่วนขึ้น
จิ่งจื่อกับจิ่งเซียงยังพยายามแสดงท่าทีจอมปลอม “พวกเ้าอย่าคิดมาก รีบไปพักผ่อนเถิด”
ทั้งสองคนพูดจบก็หายตัวไปเลย
เหลือแค่อ๋าวหรานกับจิ่งฝานที่ต่างคนต่างเงียบ
อ๋าวหรานทำได้แค่หัวเราะอย่างกระอักกระอ่วนออกมาสองเสียง “คืนนี้คงไม่มีใครเข้ามาหาเื่ ข้ากลับไปนอนห้องข้าแล้วกัน”
จิ่งฝานทำหน้าไร้อารมณ์พยักหน้า ส่งเสียง อืม ออกมาเสียงหนึ่ง
อ๋าวหรานนอนหลับไปคืนหนึ่งก็พอจะลืมๆ เื่นี้ไปได้แล้ว ในฐานะที่เป็คนจากยุคปัจจุบัน จะให้มาเชื่อเื่ไร้แก่นสารเช่นการใช้ไข่มุกตามหาเนื้อคู่อะไรพวกนี้ มันทำให้เขาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ไข่มุกพวกนั้นที่สามารถหลอมรวมเข้าด้วยกันได้ก็คงเป็เพราะวัสดุหรือขั้นตอนการหลอมมีปัญหาเป็แน่ ถึงรวมกันแล้วก็ถูกไฟเผาหายไป ส่วนพวกที่ไม่หลอมละลายคือวัสดุมีคุณภาพดี ทำให้ไฟไม่อาจเผาไหม้ได้ หลอมรวมเป็หนึ่งเดียวอะไรกัน พูดให้ชัดๆ ไปเลยก็คือของไม่สินค้าไม่มีคุณภาพนั่นแหละ
ยังไม่ต้องพูดถึงเื่ไข่มุก อ๋าวหรานคิดว่าตนเป็ชายแท้อยู่มาเกือบสามสิบปี เขาก็มีแฟนสาวมาแล้วสองถึงสามคน และก็จริงใจด้วยทุกคน เขาไม่เคยมีความคิดเกินเลยเพื่อนกับผู้ชาย ต่อให้เขาจะเป็คนที่ยอดเยี่ยมแค่ไหน แน่นอนว่ารวมถึงจิ่งฝานด้วย จิ่งฝานไม่ว่าจะเป็หน้าตา ลักษณะนิสัย ความสามารถล้วนยอดเยี่ยมแบบที่โลกนี้น้อยนักที่จะมี แต่เขารู้สึกต่อเขาอย่างมากสุดก็เป็น้องชายที่ต้องดูแลปกป้อง
คิดว่าจิ่งฝานเองก็เหมือนกัน อย่างไรเสียในอนาคตก็เป็ชายหลายภรรยา จะชอบบุรุษได้อย่างไร?
อ๋าวหรานอาบน้ำเสร็จก็ออกมาจากห้อง ห้องของเขาอยู่ติดกันกับห้องของจิ่งฝาน พอออกมาก็พบกับจิ่งฝานที่กำลังเปิดประตูออกมาพอดี จึงยิ้มพูดว่า “อรุณสวัสดิ์”
จิ่งฝานย่นคิ้วมองเขาอยู่พักหนึ่ง
อ๋าวหรานคาดว่าเขาคงยังสลัดเื่ไข่มุกเมื่อคืนออกไปไม่ได้ ยิ้มแล้วอธิบายว่า “เ้าอย่าจริงจังนักเลย ไข่มุกนั่นจะศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้อย่างไร ความรู้สึกของคนต้องขึ้นอยู่กับหัวใจ ไข่มุกนั่นก็แค่เมื่อเราเชื่อก็อาจจะส่งผลกับจิตใจเรา ทำให้เ้าคิดว่านางเป็คู่ชีวิตของเ้า พวกเ้าสามารถอยู่ด้วยกันไปชั่วชีวิตก็เท่านั้น หากเ้ารักคนคนหนึ่งจริงๆ ต่อให้ไม่มีผลจากไข่มุก เ้าก็ยังรักนางไปชั่วชีวิตอยู่ดี”
จิ่งฝานไม่ได้ตอบ
อ๋าวหรานพูดต่อว่า “อีกอย่างเราสองคนล้วนเป็บุรุษ หรือว่าจะต้องแต่งงานกันเพราะการชักนำจากเ้าไข่มุกนั่นจริงๆ?”
จิ่งฝานใบหน้าไร้ความรู้สึก สีหน้าเรียบเฉยพูดว่า “แน่นอน ตระกูลจิ่งของข้าก็ไม่มีทางไปสู่ขอแต่งผู้ชายเข้าตระกูล”
อ๋าวหรานเหยียดริมฝีปากยิ้มพยักหน้า ในใจค่อนแคะว่า ยังจะสู่ขออีก เ้าขอได้หรืออย่างไร?
จิ่งฝานพูดจบก็ไปเคาะประตูห้องจิ่งเซียง เรียกติดๆ กันสองเสียง จิ่งเซียงถึงจะตอบรับอย่างสะลึมสะลืออกมาเสียงหนึ่ง “ตื่นได้แล้ว”
จิ่งจื่อค่อนข้างรู้ตัวเร็ว จิ่งฝานเคาะแค่ทีเดียว ก็ตอบรับแล้ว
พวกเขาเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ลงไปกินอาหารที่ชั้นล่าง กินไปได้ครึ่งทางพวกจิ่งเคอก็มาแล้ว ที่มาพร้อมกันยังมีลูกหลานคนอื่นๆ ในตระกูลอีก ดูแล้วคาดว่าน่าจะมากันครบแล้ว
คนอื่นไม่สำคัญ แต่เมื่อพวกเขาปรากฏตัวออกมา พวกอ๋าวหรานก็หันไปมองหวางฮวายเหล่ยเป็ตาเดียว หวางฮวายเหล่ยเดินกระเผลกจริงเสียด้วย อ๋าวหรานในฐานะที่เป็ ‘สหาย’ ของเขา แน่นอนว่าต้องแสดงความเป็ห่วงเป็ใยอย่างเต็มที่ “คุณชายหวาง ขาท่านเป็อันใดไป?”
หวางฮวายเหล่ยเปลี่ยนสีหน้าทันที แล้วก็รีบกลับคืนสู่สภาพเดิม “ไม่เป็อะไรมาก เมื่อวานไม่ระวังขาพลิกน่ะ”
จิ่งจื่ออาออกมาหนึ่งเสียง “ขาพลิกหรือ งั้นรีบให้พี่จิ่งฝานดูให้ท่านหน่อยเถิด วิชาแพทย์เขาดีมาก”
หวางฮวายเหล่ยรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ไม่เป็ไรแล้ว เมื่อวานข้าก็ไปให้หมอดูแล้ว พักผ่อนหลายวันหน่อยก็หายแล้ว”
จิ่งเซียงตั้งใจจะพูดอะไรอีก อ๋าวหรานดึงเสื้อนางไว้ ส่งสายตาบอกว่าไม่ต้องพูดแล้ว
พวกเขากินอาหารเช้า และขอของกินเล่นจากหลงจู๊มาด้วย
เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะเดินกลับไปเหมือนเดิม แต่จะทำอย่างไรได้ ขาข้างหนึ่งของหวางฮวายเหล่ยกะเผลกไปแล้ว จิ่งเคอจึงขอให้นั่งรถม้ากลับไป อ๋าวหรานก็พยักหน้าไม่คัดค้านอะไร
รถม้าคันหนึ่งนั่งสี่คน พวกอ๋าวหรานแน่นอนว่าต้องนั่งด้วยกัน
ขึ้นมาบนรถม้า จิ่งเซียงก็ถามอย่างสงสัย “ทำไมไม่เปิดโปงเขา?”
อ๋าวหรานส่ายหน้า “ไม่จำเป็ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเขาจะอธิบายสารพัด หรือไม่ก็ทำทีสารภาพอย่างน่าสงสาร จิ่งเคอเองก็น่าจะช่วยเขา สุดท้ายก็ให้เื่นี้จบลงเท่านี้ แต่ถ้าพวกเรากระทำกลับกันคือแกล้งทำไม่รู้เื่ ให้เขาคลายความระแวดระวังเรา วันนี้ทำอะไรก็จะง่าย”
จิ่งเซียงพยักหน้า ตอบรับอย่างจำใจ
จิ่งเซียงกอดถุงขนมอยู่ถุงหนึ่ง ทางหนึ่งโยนใส่ปาก ทางหนึ่งถามอ๋าวหราน “อ๋าวหราน เ้าจะแต่งงานกับพี่ข้าเมื่อไร?”
จิ่งฝานกำลังถือถ้วยชาสีเขียวอยู่ในมือ จิ่งเซียงเพิ่งพูดจบ ถ้วยในมือจิ่งฝานก็ส่งเสียงดังกรอบแล้วแตกออก น้ำในถ้วยไหลตามมือขาวนวลหยดลงไปยังพื้นรถม้า
อ๋าวหรานขยี้ผมจิ่งเซียง “รอพี่เ้าเมื่อไรกลายเป็สตรี เมื่อนั้นข้าจะไปขอ”
คราวนี้ ถ้วยในมือของจิ่งฝานก็แลกสลายกลายเป็ผุยผงแล้ว
จิ่งฝานค่อยๆ แบมือ ให้ผงล่วงลงไปบนพื้น สะบัดเศษผงจากถ้วนในมือ ก่อนจะยืนมือไปจับคออ๋าวหราน “อยากให้ข้ากลายเป็สตรี? เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะให้เ้ากลายเป็สตรีก่อน?”
อ๋าวหราน “......” พี่ชาย ท่านเปลี่ยนเพศให้ได้ด้วย? แปลงเพศเป็หรือ?
จิ่งเซียงที่อยู่อีกฝั่งอดโน้มน้าวไม่ได้ว่า “ท่านพี่ อ๋าวหราน ความรักไม่แบ่งชายหญิงนะ”
จิ่งฝานโกรธ อ๋าวหราน “กินของเ้าไปเถอะ”
จิ่งเซียงหัวเราะพรืดออกมา “ท่านทั้งสองน่ะั้แ่ไข่มุกรวมกัน ก็สื่อใจถึงกันได้เลย”
อ๋าวหรานปัดมือจิ่งฝานออก หยิกแก้มจิ่งเซียง “การที่เราใจสื่อถึงกันได้ไม่ใช่เพราะไข่มุกบ้านั่น เป็เพราะเ้าทำให้โกรธต่างหาก”
จิ่งเซียงส่งเสียงเฮอะ
รถม้าโยกไปโยกมากว่าจะมาถึงตระกูลจิ่งก็บ่ายคล้อยแล้ว เดิมทีอ๋าวหรานคิดว่าจิ่งฝานจะจัดแจงที่อยู่ให้หวางฮวานเหล่ย แต่ไม่คิดว่าจิ่งเคอจะห้ามไว้ ลากหวางฮวายเหล่ยให้ไปอยู่กับเขา จิ่งฝานอย่างไรก็ได้ แล้วแต่พวกเขา
น่าเสียดายหวางฮวายเหล่ยนั้นอยากแค่จะสานความัักับผู้นำตระกูลจิ่งในอนาคตเท่านั้น จึงมาเข้าทางอ๋าวหราน ทำตัวสนิทสนมด้วย ตั้งใจและรอคอยอยากให้จิ่งฝานจัดแจงที่พักให้ตนเองอยู่กับเขา น่าเสียดายที่จิ่งฝานไม่สนเขาสักนิด และมองไม่เห็นสีหน้าเต็มเปี่ยมด้วยความคาดหวังของเขา
ตลอด่เช้ามานี้ ถึงแม้จะกินขนมมาในรถม้าแล้วนิดหน่อย แต่อย่างไรเสียก็ไม่มีกับข้าวมาให้อิ่มท้อง ดังนั้นพวกอ๋าวหรานจึงตัดสินใจไปกินกันที่ที่พักของจิ่งฝาน
เพิ่งมาถึงที่เรือนพ่อบ้านก็รีบวิ่งเข้ามาหาอย่างรีบร้อน พูดด้วยสีหน้าร้อนรนว่า “นายน้อย เมื่อวานมีคนมา อยากจะเจอคุณชายอ๋าวให้ได้ ตอนนี้รออยู่ที่ห้องของท่าน วรยุทธ์ดีมาก พวกข้าสู้ไม่ได้ ไล่ก็ไม่ไป”
อ๋าวหรานใ “พบข้าหรือ?”
คงไม่ใช่เหยียนเฟิงเกอหรอกนะ?!
จิ่งจื่อมองไปทางอ๋าวหราน “ใครอยากพบเ้า? คนที่บ้านเ้าหรือ?”
อ๋าวหรานพยักหน้า “มีความเป็ไปได้แปดส่วนว่าเป็ศิษย์พี่ของข้า”
จิ่งเซียงสงสัย “ศิษย์พี่?”
อ๋าวหรานพยักหน้า “อืม เหยียนเฟิงเกอ”
จิ่งฝานตาดำคล้ำราวกับหมึก เหมือนบ่อน้ำเย็นสีดำ “ไปเถด ไปดูกัน”
พวกอ๋าวหรานพยักหน้า
เหยียนเฟิงเกอ แขนซ้ายขวาของจิ่งฝาน ศิษย์พี่ของอ๋าวหราน เป็อัจฉริยะอย่างแท้จริง ดั่งหงส์ัในหมู่คน อ๋าวหรานค่อนข้างรอคอยที่จะได้พบ
พวกเขาเข้าไปในห้องของจิ่งฝานอย่างรีบร้อน ผลักประตูเข้าไปก็เจอเข้ากับเงาร่างตรงแน่ว นั่งอยู่หน้าโต๊ะ สวมชุดสีดำ มือสองข้างกอดอก ในมือถือกระบี่ไว้เล่มหนึ่ง พวกเขาเข้าไปมองเห็นแค่ใบหน้าด้านข้างของเขา โครงหน้าชัดเจน ผมดำเหมือนขนกานั้นมัดสูง รัดไว้ด้วยผ้ารัดผมสีดำธรรมดาๆ มีปรอยผมลงมาปรกหน้า ดูแล้วมีความสง่างามเ็าอยู่หลายส่วน
อ๋าวหรานตกตะลึง คนผู้นี้ไม่ใช่คนที่เจอในคืนก่อน จอมยุทธ์สูงส่งผู้ท่องยุทธภพผู้นั้นหรือ? ตกลงเขาก็คือเหยียนเฟิงเกอ?
เหยียนเฟิงเกอได้ยินเสียงเปิดประตู รีบหันหน้ามา แล้วก็ยืนขึ้น
เขายืนขึ้นทันทีตอนที่เห็นอ๋าวหราน ไม่สนใจคนที่เหลือ เดินตรงไปด้านหน้าอ๋าวหราน “ศิษย์น้อง เ้าสบายดีหรือไม่?”
ในน้ำเสียงเป็ความห่วงใย สีหน้าไม่เปลี่ยนสักเท่าไรนัก ดูแล้วเ็าอยู่เล็กน้อย หากไม่ใช่เพราะเคยอ่านนิยายต้นฉบับมา อ๋าวหรานก็ไม่รู้จริงๆ ว่าความเป็ห่วงนี้จริงหรือหลอก เหยียนเฟิงเกอเป็คนเ็า น้อยนักที่จะแสดงสีหน้าอะไร ความรู้สึกก็ยิ่งน้อยจนน่าสงสาร คนคนนี้เป็คนที่ว่านเฝิงจัดเอาไว้ให้เป็ผู้ช่วยของจิ่งฝาน ส่วนใหญ่ก็แค่ช่วยเหลือจิ่งฝาน ไม่มีความปรารถนาในเื่อื่นใดอีก
ในนิยายต้นฉบับอ๋าวหรานไม่ชอบเหยียนเฟิงเกอ ไม่ชอบท่าทางเ็าไร้น้ำใจเหมือนท่อนไม้เช่นนี้ของเขามาตลอด อีกทั้งเหยียนเฟิงเกอเป็เด็กกำพร้า เป็แค่เด็กน่าสงสารที่พ่อเขารับมาเลี้ยง ไม่เหมือนคนที่มีฐานะ อ๋าวหรานค่อนข้างดูถูกเขา
แน่นอนว่าเป็แค่เด็กกำพร้าน่าสงสารก็ช่างเถิด แต่วรยุทธ์ของคนคนนี้ดีกว่าเขา ความสามารถก็มากกว่า เป็คนที่โดดเด่นมากคนหนึ่ง ไม่แค่ได้รับความรักจากบิดาเขาเป็อย่างมาก ทั้งยังเป็คนน่าเคารพที่บรรดาลูกศิษย์ของหมู่บ้านสกุลอ๋าวอยากติดตาม อ๋าวหรานในฐานะนายน้อยของหมู่บ้านสกุลอ๋าว กลับไม่ได้รับความเคารพมากมายเช่นเขา อ๋าวหรานจึงเกลียดเขา
อ๋าวหรานไม่ใช่อ๋าวหรานในนิยายต้นฉบับ แน่นอนว่าไม่สนใจเื่ความสัมพันธ์แย่งชิงไร้สาระพวกนี้ และไม่มีสายตาอคติแบบอ๋าวหรานในนิยายต้นฉบับ ที่คิดว่าการปกป้องของเหยียนเฟิงเกอเหมือนเป็การควบคุมเขา เหตุใดเขาไม่คิดเสียบ้างว่า เหยียนเฟิงเกอเดินทางอย่างยากลำบากมาถึงหมู่บ้านสกุลอ๋าว พอได้ยินว่าเขาอยู่ที่ตระกูลจิ่ง จึงรีบรุดมาที่ตระกูลจิ่งต่อทันที ตอนหลังอ๋าวหรานรนหาที่ตายสารพัด เหยียนเฟิงเกอก็ปกป้องเขาสุดชีวิต
ดังนั้นอ๋าวหรานไม่มีทางมีอคติต่อเหยียนเฟิงเกอ กลับกัน เขาชื่นชมเหยียนเฟิงเกอมาก หากไม่มีจิ่งฝานล่ะก็ เกรงว่าเขาก็คงเป็พระเอก อัจฉริยะเช่นนี้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ล้วนไม่ธรรมดา
อ๋าวหรานยิ้มแล้วเดินเข้าไป ประสานมือคารวะเขา “คารวะศิษย์พี่เหยียน ไม่เจอกันนาน ข้าก็สบายดีอยู่ ท่านล่ะ?”
เหยียนเฟิงเกอเห็นเขายังมีรอยยิ้ม ก็รู้ว่าเขายังนับว่าสบายดีอยู่ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี อึกอักอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “ข้าจะล้างแค้นให้พ่อบุญธรรม และจะสืบหาตัวบงการมาให้ได้”
บิดาของอ๋าวหรานชอบเหยียนเฟิงเกอมาก และยังเห็นเขาเป็ลูกชาย ตอนหลังก็ทำตามใจ รับเขาเป็ลูกบุญธรรม แล้วยังจัดงานเลี้ยงด้วย ให้เขาเป็ลูกชายอย่างเป็ทางการ ถึงแม้ในนิยายจะไม่ได้เขียนไว้ แต่อ๋าวหรานคาดว่า ผู้นำหมู่บ้านสกุลอ๋าวมีความคิดที่จะให้เหยียนเฟิงเกอสืบทอดตำแหน่งเขา เพราะอ๋าวหรานในนิยายค่อนข้างยากที่จัดการเื่ใหญ่ๆ ได้ เขาเป็ได้แค่คุณชายร่ำรวยที่สุขสบาย ทำการอะไรไม่ได้
อ๋าวหรานตบไหล่ของเหยียนเฟิงเกอ “เื่ล้างแค้นเราต้องค่อยๆ วางแผนกัน ข้าก็มีเบาะแสนิดหน่อย ไว้เดี๋ยวจะบอกท่าน”
ใบหน้าที่ปกติไม่แสดงสีหน้าออกมาของเหยียนเฟิงเกอกลับปรากฏร่องรอยตกตะลึงออกมา ดวงตาที่ดูลึกล้ำนั้นเบิกกว้างขึ้นกว่าปกติมาก ในดวงตามีเส้นเืสีแดงก่ำเต็มไปหมด เดินขึ้นหน้ามาก้าวหนึ่ง มือทั้งสองจับที่ไหล่อ๋าวหราน “เ้ามีเบาะแส? เป็ผู้ใด?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้