โหยวเสี่ยวโม่ยังไม่ตื่น ก็เกิดดังปังก่อนประตูถูกเปิดเข้ามา
จนเขาสะดุ้งรีบลุกจากเตียง ก็เห็นเงาชายวัยกลางคนหนวดเคราดำยาวเฟื้อยเดินจ้ำอ้าวเข้ามาอย่างไม่เกรงใจ
“ไม่ทราบว่าท่านคือ…”
“เ้าคือโหยวเสี่ยวโม่งั้นรึ?”
โหยวเสี่ยวโม่ไม่ทันพูดจบ ชายกลางคนก็คว้าคอเสื้อหิ้วเขาขึ้นมา เสียงแหบหยาบราวกับเสียงฟ้าผ่า ไม่น่าฟัง
โหยวเสี่ยวโม่พึ่งตื่น สมองจึงมึนงงและปฏิกิริยาเชื่องช้า ผงกหัวช้าๆ
ผู้าุโเซียวเห็นท่าทีอ่อนปวกเปียก ก็รู้ได้ว่าคนนี้ไม่น่ากลัว พร้อมยิ้มอย่างเยือกเย็น “ข้าถามเ้า เมื่อวานราวหนึ่งทุ่มถึงสามทุ่ม เ้าทำอะไร อยู่ที่ไหนกับใคร?”
“ท่าน…ข้าหายใจไม่ออก” โหยวเสี่ยวโม่ถูกรัดจนหน้าแดง เขาช่างเรี่ยวแรงมหาศาล เล่นเอาตัวเขาหายใจไม่ออก
ผู้าุโเซียวทำเสียงฮึ่ม แล้วปล่อยเขาลง
ผู้าุโเซียว ชื่อจริงคือ เซียวซาน ในสำนักเทียนซินก็ยังพอออกเสียงได้บ้าง
นิสัยเซียวซานนั้นโมโหดุร้าย แถมยังไม่เห็นใครอยู่ในสายตายิ่งกว่าเหลยจวี้ พูดจาไม่ทันระวังก็หาเื่คนอื่นได้ง่ายๆ แต่ที่อยู่มาจนป่านนี้ได้ ก็เพราะว่ามีอาจารย์ดี เป็ศิษย์น้องของอาจารย์ของทังฝาน คนที่าุโกว่าก็คือทังฝาน ท่านเ้าสำนักที่เขาไม่กล้าเอาเื่
เหลยจวี้ก็เพราะว่ามีคนสนับสนุนระดับนี้ เขาถึงกล้าตั้งแง่กับหลิงเซียว
จากนี้หลิงเซียวต้องตกเป็หนึ่งในผู้ต้องสงสัย เซียวซานจึงปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไม่ได้
โหยวเสี่ยวโม่ไอแห้งสองสามที จากนั้นก็ได้ยินเสียงรำคาญจากชายวัยกลางคน ถึงนึกออกได้ว่าเขาถามอะไรบางอย่างเมื่อครู่ อันที่จริงก่อนที่หลิงเซียวจะออกไป เขาจำได้ว่า มันเกี่ยวกับเื่ผู้าุโเจียง แต่เื่เมื่อคืนพวกเขาจัดการได้อย่างแเีมิดชิด หากว่าหลิงเซียวไม่ได้เปิดเผยให้พวกเขา คนพวกนี้ไม่มีทางรู้ว่าพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเื่ผู้าุโเจียงแน่นอน
หลิงเซียวออกไปราวครึ่งชั่วยาม เขาคนนี้ก็โผล่มา ดังนั้นน่าจะเป็หลิงเซียวที่บอกเขาเอง
แม้ว่าเขากับหลิงเซียวจะไม่ได้ตกลงกันก่อน แต่โหยวเสี่ยวโม่ก็ไม่ได้ทึ่มจนบอกทุกอย่างให้เขารู้ นึกถึงเื่ที่ทำเป็ปกติ จึงตอบกลับไป “เมื่อวานข้าอยู่กับศิษย์พี่หลิง ข้านั้นหลอมยา ส่วนเขาเข้าฌาน” นี่คือเื่ที่พวกเขาทำคืนก่อนหน้านั้น เขาเดาว่าหลิงเซียวคงพูดเช่นนี้
เซียวซานสายตาจดจ้องเขานิ่ง สายตาประกาย ราวกับจะดูว่าเขาโกหกอยู่รึเปล่า แต่ก็ดูไม่ออก ท้ายสุดจึงได้แต่ถอนหายใจรดหน้า หันหลังแล้วเอ่ย “ตามข้ามา”
โหยวเสี่ยวโม่แอบถอนหายใจ รีบเอาเสื้อผ้าออกมาจากตู้ พลางเดินพลางสวม จนถึงโถงใหญ่ก็สวมเสร็จเรียบร้อย
เดินอย่างระมัดระวังตามหลังเซียวซานเข้าไป โหยวเสี่ยวโม่แอบชำเลืองมองรอบๆ ทันเห็นหลิงเซียว แอบสังเกตสีหน้าเขา รอยยิ้มจอมปลอมเหมือนเช่นเคย ดูท่ายังไม่ถูกจับได้
“ท่านเ้าสำนัก โหยวเสี่ยวโม่มาแล้ว” เซียวซานเอ่ยจบก็นั่งลงประจำที่
ในตอนนี้เองโหยวเสี่ยวโม่พึ่งสังเกตว่าเจียงหลิวก็ถูกเรียกตัวมาด้วย เพียงแต่มองไม่เห็นสีหน้าเขา เหมือนว่าพึ่งมาไม่นานเช่นกัน แต่ไม่รู้แน่ชัดว่าทำไมเขาถึงถูกเรียกมาด้วย
“โหยวเสี่ยวโม่ เ้ากับศิษย์พี่หลิงเมื่อคืนอยู่ด้วยกัน ใช่หรือไม่?”
บนแท่น ท่านเ้าสำนักเห็นคนครบแล้วจึงเริ่มเอ่ยถาม น้ำเสียงเ็าห่างเหิน แต่ก็แฝงด้วยความกดดัน ทั้งๆ ที่พูดอย่างค่อยเป็ค่อยไป แต่จากที่โหยวเสี่ยวโม่ฟัง กลับรู้สึกน้ำเสียงฉะฉานที่ขู่กร้าว
โหยวเสี่ยวโม่รีบคำนับแล้วเอ่ย “เรียนเ้าสำนัก เมื่อคืนข้าอยู่กับศิษย์พี่หลินตลอด”
“อ้อ เมื่อคืนพวกเ้าทำอะไรกันบ้าง?” น้ำเสียงทังฝานนิ่งเรียบ ฟังไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่
“เรียนเ้าสำนัก เมื่อคืนศิษย์นั้นหลอมยา ส่วนศิษย์พี่หลินเข้าฌาน” โหยวเสี่ยวโม่เอ่ยเหมือนกันกับที่บอกกับเซียวซาน ครั้งนี้เขาพูดมั่นใจกว่าเดิม เพราะถ้ามีปัญหาอะไร หลิงเซียวต้องหาทางบอกเขาแน่นอน
“มาถึงที่นี่แล้วยังขยันหมั่นเพียร ถึงว่าขงเหวินถึงรับเ้าเป็ศิษย์ ว่าแต่ เมื่อวานเ้าหลอมยาอะไรไปบ้าง ให้ข้าดูหน่อยสิ” ทังฝานหน้าตาสุขุมเผยรอยยิ้มจางๆ ราวกับผู้าุโกว่าที่ท่าทางใจดีเป็มิตร
“ขอรับ ท่านเ้าสำนัก!” โหยวเสี่ยวโม่รู้สึกชะงัก แต่ไม่กล้าแสดงออกมา จากนั้นหยิบขวดยาสีขาวในถุงเก็บของออกมาอย่างตื่นเต้น พร้อมยื่นให้เขาอย่างนอบน้อม
ทังฝานรับขวดยา เปิดฝาออกแล้วเทเม็ดยาออกมาเม็ดหนึ่ง กลิ่นยาไม่ได้หอมมากนัก เป็เพียงยาทดแทนความหิวขั้นหนึ่งทั่วไป ไม่ได้พิเศษอะไร ดูแวบเดียวแล้วก็เก็บกลับเข้าไป “ไม่เลว อีกหน่อยต้องหมั่นฝึกฝนเรื่อยๆ เพื่อเป็นักหลอมโอสถที่มีเกียรติให้ได้ ถึงจะช่วยทดแทนคุณสำนักเทียนซินได้ เ้าลงไปได้!”
โหยวเสี่ยวโม่เก็บขวดยากลับมา เอ่ยอย่างประหม่า “ข้าจะพยายาม ไม่ให้เ้าสำนักผิดหวังขอรับ” พูดจบก็ถอยออกไปอีกทาง คิดว่าต่อจากนี้คงไม่มีเื่ของตัวเองแล้ว
“เื่วันนี้ไว้เพียงเท่านี้ก่อน เื่ที่ผู้าุโเจียงถูกลอบทำร้าย ข้าจะส่งคนตามสืบอีกที ทุกคนแยกย้ายได้” ทังฝานโบกมือให้ทุกคน ไม่อยากเสียเวลากับเื่นี้มากกว่านี้ เพราะอีกประเดี๋ยวการประลองรอบที่สามก็จะเริ่มขึ้นแล้ว
เซียวซานกับเหลยจวี้สองคนจ้องหลิงเซียวอย่างคลางแคลงใจ จากนั้นเดินออกจากห้องโถงใหญ่
หลิงเซียวเดินไปลากโหยวเสี่ยวโม่ออกไปพร้อมกัน ศิษย์คนอื่นๆ ก็เดินตามกันออกมา เจียงหลิวตัวคนเดียวเดินตามหลังมา ทุกคนราวกับลืมเขาสิ้น
เมื่อกลับถึงที่พัก โหยวเสี่ยวโม่รีบพุ่งเข้าห้อง มือกุมหน้าอกที่เต้นรัว “เล่นเอาตกอกใหมด สายตาเ้าสำนักช่างน่ากลัว เมื่อครู่ข้านึกว่าเกือบโดนจับได้ซะแล้ว”
หลิงเซียวเดินไปข้างเขา หยิบกาน้ำชาพร้อมรินใส่แก้วยื่นให้เขา “ทังฝานจิ้งจอกเ้าเล่ห์นั่น ถึงตอนนี้ก็ยังสงสัยข้า เ้าซึ่งสนิทกับข้า เขาก็ย่อมต้องทดสอบเ้าเป็ธรรมดา”
“โชคดีที่ข้าหลอมยาทดแทนความหิวไว้หนึ่งขวดก่อนหน้านี้ ไม่งั้นถ้าไม่มียาเซียนตันให้เขาดูละก็ คงถูกจับได้แน่ว่าโกหก” โหยวเสี่ยวโม่แทบอยากปรบมือให้ตัวเอง คุยกับเ้าสำนักนั้นทดสอบหัวใจเขาได้ดีเชียว
“ก่อนนี้ที่เซียวซานมาเรียกเ้า เขาทำอะไรเ้ารึเปล่า?” หลิงเซียวนั่งหน้าเขา ดวงตาจับจ้องบนใบหน้าชมพูระเรื่อของโหยวเสี่ยวโม่ราวกับจะจ้องให้เห็นถึงกระดูก
โหยวเสี่ยวโม่ส่ายหน้า “ไม่มี แต่ท่าทีเขาหยาบคายไปหน่อย ประตูก็ไม่เคาะ ไม่มีความน่าเลื่อมใสเฉกผู้าุโเลย อีกอย่าง เขาไม่ทันรอข้าใส่เสื้อ ก็เข้ามาดึงคอเสื้อข้า ดีที่ข้าไม่มีนิสัยนอนตัวเปลือย บวกกับข้าตื่นขึ้นพอดี”
เมื่อได้ฟัง หลิงเซียวหลับตาลงช้าๆ สายตาแฝงเร้นด้วยความโเี้ เ้าแก่นั่นกล้าแตะต้องคนของเขา ในเมื่อพวกเ้าไม่ยอมรามือ ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน
เื่ผู้าุโเจียงถูกลอบทำร้ายนั้นไม่ได้ถูกเปิดเผย พิธีกรถูกเปลี่ยนเป็เซียวซาน ลื่นไหลสู้ผู้าุโเจียงไม่ได้ แต่ทุกคนก็หาได้ใส่ใจ หลังเอ่ยคำปราศรัย ก็เริ่มจับฉลาก
หลังจากสองรอบที่ผ่านเข้ามา ตอนนี้เหลือผู้เข้าประลองเพียงสิบสามคน หากไม่มีเื่เหนือความคาดหมาย วันนี้ก็สามารถตัดสินผู้ชนะเลิศการประลองได้
เซียวซานหยิบกระดาษออกมาสองใบ เปิดออกดู ดวงตาเบิกกว้าง ยากที่จะเชื่อสายตา แต่ต่อหน้าผู้ชมมากมายเขามิอาจทำอะไรได้ จึงเอ่ยขึ้นอย่างจำใจ “การแข่งขันคู่แรกผู้เข้าแข่งขันได้แก่ หลินเซียว และ เหลยจวี้ เชิญทั้งสองขึ้นบนเวที”
ฝั่งผู้ประลองและฝั่งผู้ชมเงียบกริบทันใด
สถานการณ์รอบนี้เหมือนกับรอบแรก เพียงแต่เปลี่ยนพิธีกรเป็เซียวซาน อีกทั้งคนที่จับฉลากชื่อหลิงเซียวกับเหลยจวี้ก็เป็เขาเสียเอง เป็ว่าใครคนใดพ่ายแพ้ ไม่สามารถเข้ารอบเจ็ดคนสุดท้าย
ฝั่งผู้ชมเปลี่ยนเป็คึกคักขึ้นทันใด ทีนี้ก็สนุกสนานแน่นอน
หลิงเซียวยิ้มมุมปาก คิดอะไรได้อย่างนั้นจริงๆ เมื่อครู่เขายังนึกอยากสั่งสอนเหลยจวี้ซักที ไม่คิดว่าโอกาสนั้นจะถูกหยิบยื่นมาเร็วเช่นนี้ ถ้าไม่คว้าโอกาสดีๆ แบบนี้ไว้ งั้นก็รู้สึกผิดที่เซียวซานอุตส่าห์ให้โอกาส
เมื่อคิดถึงจุดนี้ หลิงเซียวก็ลุกขึ้น กำลังจะเดินขึ้นเวที จู่ๆ ก็รู้สึกว่าถูกดึงเสื้อ ก้มลงมองเห็นโหยวเสี่ยวโม่กำลังเกี่ยวเสื้อเขาไว้
“ศิษย์พี่หลิง ท่านต้องระวังตัวนะ เหลยจวี้คนนั้นดูท่าทางแข็งแรงมาก” โหยวเสี่ยวโม่กำชับเสียงเบา
หลิงเซียวแววตาอ่อนโยน ทนไม่ไหวลูบหัวเขาเบามือ “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ต้องระวังตัวหรอก ก็แค่เหลยจวี้คนเดียวเอง” พูดจบก็รับดาบที่หลัวเซียยื่นมาให้
หลินเซียวตัวจริงนั้นใช้ดาบนั่นเอง!
เมื่อเขาหันหลังไป โหยวเสี่ยวโม่เบ้ปาก เ้าคนอวดดี แต่เขาก็มีความสามารถนั้นจริง แม้ว่าเหลยจวี้จะดูแข็งแกร่ง แต่คงเก่งกาจสู้ผู้าุโเจียงไม่ได้แน่ หลิงเซียวฆ่าได้แม้กระทั่งผู้าุโเจียง เหลยจวี้คนเดียวคงไม่คณามือ