“เมื่อก่อน ในสายตาเ้า ข้าเลวร้ายมากหรือไม่” อิงอิงมุ่ยหน้าเล็กน้อย
“ไม่ใช่แค่ในสายตาข้าเท่านั้น หากแต่เป็สายตาทุกคนที่มองท่าน ไม่มีผู้ใดจริงใจกับท่านสักคน เห็นมีก็แต่คุณชายเหยาคนเดียวเท่านั้นที่ดูเหมือนรักท่านจริง ๆ”
“เช่นนั้นข้าก็คิดถูกแล้ว ที่ตัดสินใจอยู่ห่างจากเขา ข้าจะได้ไม่ต้องทำร้ายเขาเหมือนในอดีต” ซิ่วหนิงเผลอพูดออกมา พร้อมยกชาขึ้นดื่มช้า ๆ พร้อมสายตาของอิงอิงที่เริ่มสังเกตเห็นความอ่อนโยนของนางมากขึ้น
“เ้ายิ้มอะไร” ซิ่วหนิงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“คุณหนูเปลี่ยนไปมาก รู้ไหมเ้าคะ”
“เปลี่ยนอย่างไร”
“คนอย่างคุณหนูใหญ่ ที่คอยรังแกคุณหนูรองมาั้แ่เด็ก เข้าช่วยเหลือนาง ไม่ให้โดนแม่นางเยว่เจวียกลั่นแกล้ง มาตอนนี้ก็ยอมช่วยเหลือแม่นางเซียนยู่อีก ไม่ใช่นิสัยเดิมของคุณหนูใหญ่สกุลหยางเลยสักนิดที่คิดช่วยเหลือคนอื่นเช่นนี้” อิงอิงพูดพลางยิ้มเล็กน้อย
“ข้าชอบคุณหนูในตอนนี้มากนะเ้าคะ ไม่เืเย็นเหมือนที่ผ่านมา” ซิ่วหนิงขบคิดในใจเงียบ ๆ
“เพราะข้าเห็นจุดจบของตัวเองมาแล้วต่างหาก นิสัยข้าเกินเยียวยา นอกจากความตายจึงจะหยุดข้าได้” ซิ่วหนิงค่อย ๆ ยกชาขึ้นดื่มช้า ๆ พร้อมความคิดต่าง ๆ ผุดขึ้นมา
“เวลานี้ข้าเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้แล้วบางส่วน ทั้งเื่ของคุณชายเหยา และแม่นางเซียนยู่ ข้าไม่ได้ทำร้ายพวกเขาเพื่อขึ้นสู่้าเหมือนครั้งก่อน หวังว่าท้ายที่สุดแล้ว ข้าจะไม่ถูกชินอ๋องจับแขวนคอประจานเหมือนเช่นในอดีต แต่กับน้องรองแล้วนางจะเป็เช่นไรต่อไป...อีกไม่นานก็จะถึงวันที่ข้าวางยาปลิดชีพนาง ครั้งนี้หากข้าไม่ลงมือ เหตุการณ์ทุกอย่างอาจถูกเปลี่ยนแปลง”
“คุณหนูคิดอะไรอยู่เหรอเ้าคะ” อิงอิงเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ ก่อนหยางซิ่วหนิงจะนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ภาพที่มารดาร้องไห้ปานขาดใจจากการสูญเสียน้องรองในวันนั้น นางยังจำฝังใจไม่ลืมเลือน
“เ้าคิดว่าท่านแม่เกลียดข้าหรือไม่?” คำถามของซิ่วหนิงทำให้อิงอิงชะงักนิ่งไม่ตอบ
“ขนาดเ้ายังเงียบ ข้าก็พอเดาออกว่าสายตาคนนอกจะมองข้าเช่นไร ตลอดเวลาที่ผ่านมาท่านแม่รักน้องรองมากกว่าข้าหลายเท่านัก ก็มีแต่ท่านพ่อที่ไม่ว่าข้าจะมีนิสัยร้ายกาจเช่นไร ก็ยังเมตตาข้าไม่เปลี่ยนแปลง”
“คุณหนูอย่าน้อยใจฮูหยินเลยนะเ้าคะ ไม่มีแม่คนใดในโลกไม่รักลูกหรอกนะเ้าคะ” ซิ่วหนิงยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ข้านี่แหละที่ทำให้ท่านแม่ไม่รัก ข้าทั้งดื้อรั้น ทั้งอวดดี มองข้ามหัวผู้คน มักใหญ่ใฝ่สูง จนเอาชีวิตไปทิ้ง!” สายตาหวาดหวั่นของซิ่วหนิงแสดงออกมาเมื่อเห็นภาพตัวเอง ถูกชินอ๋องแขวนคอห้อยต่องแต่งกลางอากาศ ท่ามกลางเสียงสาปแช่งของเหล่าผู้คน
ภายในจวนสกุลซุน ขณะที่คุณหนูเยว่เจวียเดินเล่นในสวนอยู่นั้น บิดาของนางก็เดินเข้ามาพร้อมของบางอย่างในมือ พลางทอดสายตามองลูกสาวตัวดีด้วยสีหน้าไม่พอใจเท่าใดนัก ด้วยเพราะวีรกรรมของนางก่อนหน้าทำให้เขาต้องคอยตามแก้
“ท่านพ่อมาหาข้า มีอะไรเหรอเ้าคะ” นางถามด้วยสายตาแน่นิ่ง ก่อนชายกลางคนจะยื่นของบางอย่างให้
“เอาไปที่ตำหนักเซียนซือ ขอโทษพระชายากับชินอ๋องถึงเื่ที่เกิดขึ้น อย่างน้อยก็เพื่อให้พวกเขาตายใจ ว่าเ้าไม่มีเจตนาคิดร้ายต่อพระชายา”
“ขนาดท่านพ่อยังดูออก ว่าข้าเจตนาทำลายของกำนัลพวกนั้น ท่านพ่อคิดว่าชินอ๋องกับพระชายาจะดูไม่ออกเหรอเ้าคะ”
“ก็เพราะงั้น เ้าจึงต้องเอาของนี้ไปขอโทษพวกเขา ก่อนที่พวกเขาจะระแวงสกุลซุนไปมากกว่านี้ อย่าโง่ให้มากนัก!” เยว่เจวียมองของมีค่าที่บิดาส่งมา ก่อนจะเอื้อมมือไปรับพร้อมความคิดบางอย่างผุดขึ้นในใจ
“ก็ได้เ้าค่ะ ข้าจะไปที่ตำหนักเซียนซือตามคำสั่งของท่านพ่อ” หญิงสาวเบี่ยงตัวเดินจากมาพร้อมรอยยิ้มมุมปาก เมื่อเดินจากมาได้สักระยะ นางจึงหันไปยังสาวใช้ที่ติดตามา
“อี้หยง เ้าเข้าครัวไปทำขนมประจำตระกูลเรามา” อีกฝ่ายเอียงศีรษะด้วยความแปลกใจ
“นั่นเป็ขนมสำคัญของสกุลซุน คุณหนูจะให้ข้า ทำไปทำไมเ้าคะ”
“ข้าจะนำไปมอบให้พระชายา ตามที่ท่านพ่อ้า” นางพูดพร้อมสายตามีบางอย่างแอบแฝงอยู่ ก่อนอี้หยงจะน้อมกายลงเล็กน้อย แล้วหันไปทำหน้าที่ทันที พร้อมสองเท้าของเยว่เจวียจะเดินออกจากจวน ไปทำบางอย่างที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้
ภายในตำหนักเซียนซือ กายของชินอ๋องนั่งดื่มชาและร่วมสนทนากับพระชายาอย่างเงียบ ๆ สายลมอ่อนพัดโชยมาปะทะกายทั้งสอง ก่อนซิ่วหนานจะเอ่ยบางอย่างออกมา
“พระองค์จะทำเช่นไรต่อไปเพคะ เวลานี้ใต้เท้าซุนเริ่มผูกมิตรกับเหล่าขุนนางได้มากแล้ว หม่อมฉันได้ข่าวมาว่าใต้เท้าเฉินเสนาบดีกรมพระคลัง ตอนนี้ก็สนิทสนมกับใต้เท้าซุนอย่างมาก”
“เื่นั้นข้าพอรู้มาบ้าง พวกเขาสนิทกันก่อนที่ใต้เท้าซุนจะขึ้นเป็อัครมหาเสนาบดี ข้าเชื่อว่าใต้เท้าเฉินมองเห็นโอกาสบางอย่างในตัวใต้เท้าซุน ต่างฝ่ายต่างหวังผลประโยชน์ต่อกัน ผลกรรมจึงตกแก่ประชาชน”
“เช่นนี้แล้วหากเขามีอำนาจขึ้นเป็ฮ่องเต้องค์ต่อไป ราชสำนักจะวุ่นวายเพียงใดเพคะ” สายตาสั่นไหวของพระชายามองชินอ๋องด้วยความหวาดหวั่น ก่อนชายหนุ่มจะยกชาขึ้นดื่ม
“คนอย่างใต้เท้าซุน ไม่มีสิ่งใดคู่ควรเป็ฮ่องเต้และข้าไม่มีวันยอมให้ประชาชนอยู่ภายใต้อำนาจของเขา” พระชายานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
“เช่นนี้แล้ว ฮ่องเต้จะปลอดภัยหรือไม่เพคะ” เขาส่ายศีรษะเล็กน้อย พลันยกชาขึ้นดื่มพร้อมความคิด
“ตราบใดที่ใต้เท้าซุนไม่แน่ใจในฐานะตัวเอง ฮ่องเต้จะยังปลอดภัย แม้จะมีฮองเฮาคอยช่วยเหลืออยู่เื้ั แต่ใช่ว่าราชสำนักจะสิ้นเชื้อสายการสืบทอดอำนาจเพราะยังมีข้าอยู่ พวกเขาไม่กล้าทำอะไรวู่วาม เว้นแต่กำจัดข้าได้แล้ว บัดนั้นชีวิตของฮ่องเต้จะอยู่ในอันตราย”
