ภายในห้องจัดเลี้ยงของจวนสกุลหงเนืองแน่นไปด้วยผู้คน
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามา หงฝูจูงมือลู่เต้าตรงไปยังห้องจัดเลี้ยงทันที วงโหมโรงก็เริ่มบรรเลงเพลงขับกล่อม บรรดานางรำในชุดผ้าโปร่งบางเบาสีสันสวยงาม เคลื่อนไหวร่ายรำไปตามจังหวะเพลง ซึ่งงดงามดุจเทวนารี
ลู่เต้าเพิ่งเคยเห็นสตรีงดงามมากมายพร้อมกันเช่นนี้ ดวงตาเบิกกว้างจ้องจนหงฝูต้องดึงสติเขากลับมา ก่อนจะพาไปนั่งประจำที่
จากนั้นหงฝูก็ตบมือเรียกเหล่าสาวใช้ถือถาดอาหารเลิศรสมากมายเข้ามาในห้องจัดเลี้ยง วางเรียงรายบนโต๊ะกลมจนเต็ม
ลู่เต้าละสายตาจากหญิงสาวหันมาสนใจอาหารตรงหน้า เมื่อได้กลิ่นหอมโชยก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าท้องร้องโครกครากไปด้วยความกระหาย
หงฝูหมุนจานอาหารบนโต๊ะพลางยิ้มแย้ม "อาหารว่างเรียกน้ำย่อย เชิญท่านผู้มีพระคุณลองชิม"
ลู่เต้าก้มมองอาหารในจาน จานหนึ่งคือแตงกวาแช่น้ำเกลือที่ถูกจัดเรียงรายอย่างสวยงาม ส่วนอีกจานหนึ่งคือเต้าหู้เย็นราดซอสไข่เยี่ยวม้า
ทั้งสองอย่างดูน่ารับประทานยิ่งนัก ลู่เต้ากลืนน้ำลายอึก แต่กลับไม่ยอมคีบอาหารเข้าปาก ั์ตาฉายแววลังเล
เมื่อต้องเผชิญกับความทุกข์ยากมานาน พอความสุขพลันมาเยือนอย่างกะทันหัน ก็ย่อมยากจะทำใจยอมรับ
ขณะที่ลู่เต้ากำลังลำบากใจว่าจะเริ่มจากจานไหนดี ประตูห้องจัดเลี้ยงก็แง้มออก หงฮวาที่ซ่อนตัวอยู่หลังประตูแอบมองปฏิกิริยาของลู่เต้าด้วยสีหน้ากังวล
“หรือว่าอาหารไม่อร่อย เหตุใดเขาจึงไม่ยอมคีบกินสักที” หงฮวาขบฟันแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
ท่าทางผิดปกติของหงฮวาไปเตะตาสาวใช้เข้า นางจึงเดินเข้าไปหาคุณหนูอย่างระมัดระวัง เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุณหนู...ท่านจัดเตรียมทุกอย่างในครัวเสร็จแล้ว ไฉนจึงไม่เข้าไปร่วมโต๊ะอาหารหรือเ้าคะ”
ใบหน้างามของหงฮวาพลันแดงเรื่อ รีบหันหน้าหนีแสร้งทำเป็จัดเสื้อผ้า และพยายามทำตัวนิ่งเข้าไว้ “ข้ากำลังจะเข้าไป”
สาวใช้คำนับ ก่อนจะเดินถือถาดอาหารไปหาแม่ครัวพลางบ่นพึมพำ “คุณหนูช่างแปลกนัก ก่อนหน้านี้ก็ไม่ยอมออกจากห้อง ตอนนี้ก็ยืนอยู่หน้าประตูไม่ยอมเข้าไป”
แม่ครัวยกมือขึ้นนวดไหล่ด้วยใบหน้าอิดโรย “ใช่ๆ คุณหนูเข้มงวดกับการทำอาหารมากกว่าทุกครั้ง พวกเราเหนื่อยแทบแย่”
ในที่สุดลู่เต้าก็ตัดสินใจได้ คีบแตงกวาเข้าปาก รสชาติกรอบอร่อยชุ่มฉ่ำ เค็มกำลังดี กลบรสชาติเฝื่อนของแตงกวาได้อย่างหมดจด เค็มหวานกลมกล่อม ชูรสชาติสดใหม่ชวนให้อยากลิ้มลองอีกหน
หงฝูเห็นลู่เต้าพอใจก็ยิ้มกว้างอย่างภูมิใจ “สดใหม่ใช่หรือไม่ นี่เป็แตงกวาที่ข้าปลูกเอง เพิ่งเด็ดสดๆ มาจากต้น”
ลู่เต้าเคี้ยวแตงกวาเสียงดังกรุบกรับ “ท่านปลูกเองหรือ รสชาติเยี่ยมมาก!”
“แน่นอน!” หงฝูตบอกยืดอก “ทุกเช้าข้าจะรดน้ำพรวนดินด้วยความรักของข้าเอง รสชาติจึงยอดเยี่ยม!”
รอยยิ้มของลู่เต้าพลันแข็งค้าง “‘ความรัก’ ของท่าน?”
“ใช่แล้ว! ‘ความรัก’ ของข้าอย่างไรเล่า” หงฝูทำท่าทางโอ้อวด
ดวงตาของลู่เต้าเลื่อนลอยไร้แววราวกับปลาตาย หาได้สนใจแตงกวาตรงหน้าอีก หงฮวาที่แอบมองอยู่หน้าประตูลุ้นจนแทบจะหยุดหายใจ
“เป็อะไรไป เขาชอบหรือไม่ชอบกันแน่”
เนื่องจากอยู่ไกลเกินไป จึงไม่ได้ยินว่าทั้งสองคนสนทนาอะไรกัน หงฮวาจึงร้อนใจดั่งมดบนกระทะร้อน
เหล่าคนรับใช้ที่ยืนอยู่ด้านหลังต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่รู้ว่าควรมีปฏิกิริยาอย่างไร
“เต้าหู้เย็นคงไม่เกี่ยวกับเขากระมัง” ลู่เต้าคิดในใจ ก่อนจะตักเต้าหู้เย็นอีกจานหนึ่ง
เมื่อเขาขยับ หงฝูก็ยิ้มกว้าง ลู่เต้ารีบหยุดชะงัก และถามอย่างระมัดระวัง “จานนี้ท่านก็มีส่วนร่วมด้วยหรือ”
“ยอดเยี่ยม ไม่อาจรอดพ้นสายตาท่านผู้มีพระคุณได้จริงๆ”หงฝูกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ลองทายดูสิ”
ลู่เต้าตักไข่เยี่ยวม้าขึ้นมาดูอย่างพิจารณา ก่อนจะเอ่ยว่า “ไข่เยี่ยวม้านี้ ท่านออกไข่มาเองหรือ”
“ท่านผู้มีพระคุณ เื่นี้ข้าทำไม่ได้หรอกขอรับ!”
หงฝูใเล็กน้อย ใคร่ครวญอยู่ในใจ ไยจึงมีความคิดแปลกประหลาดเช่นนี้ จากนั้นก็คิดได้ว่า ผู้มีวรยุทธ์สูงส่งมักผ่านโลกมาอย่างโชกโชน เขาไม่อาจรู้ได้ว่าใต้หล้านี้จะมีผู้วิเศษที่ออกไข่เป็เยี่ยวม้าได้จริงหรือไม่
“ท่านผู้มีพระคุณโปรดวางใจเถิด ไข่เยี่ยวม้านี้ข้าซื้อมาจากตลาดขอรับ เพียงแต่เต้าหู้ที่ใช้ทำน้ำเต้าหู้นั้น ข้าเป็คนบดเองกับมือ” หงฝูซาบซึ้งใจในความรู้อันน้อยนิดของตนที่เข้าใจท่านผู้มีพระคุณผิดไป
“เช่นนั้นข้าก็เบาใจแล้ว” ลู่เต้าตักเต้าหู้พร้อมไข่เยี่ยวม้าเข้าปากอย่างรวดเร็ว เต้าหู้นุ่มลิ้น รสชาติอ่อนๆ ตัดกับรสชาติเข้มข้นของไข่เยี่ยวม้าได้อย่างลงตัว บวกกับรสเผ็ดเล็กน้อยของพริกและความเค็มของซีอิ๊ว ทั้งหมดหลอมรวมกันเป็หนึ่งเดียว มอบความอร่อยที่หลากหลายให้ปลายลิ้น
ที่สำคัญที่สุดคือรสชาติเย็นชื่นใจ ในสภาพอากาศร้อนเช่นนี้มักทำให้ผู้คนรู้สึกเหนื่อยล้าและเบื่ออาหาร แต่เมื่อได้ลิ้มลองอาหารจานนี้แล้ว ความร้อนในกายก็มลายหายไป กระตุ้นความอยากอาหารอย่างมาก แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของผู้ปรุงเป็อย่างดี
หงฝูเห็นลู่เต้ามีความสุขก็ถอนหายใจโล่งอก ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ปลูกถั่วเหลืองและพริกเสียเปล่าแล้ว...
ส่วนหงฮวาก็วางใจลง รวบรวมความกล้าผลักประตูเข้ามา หงฝูเห็นเข้าก็เอ่ยอย่างยินดี “อาฮวา เ้าออกมาเสียที รีบมานั่งทานข้าวด้วยกันเถิด”
ทั้งสองสบตากัน ก่อนจะหลบสายตาอย่างเขินอาย หงฮวาแสร้งทำเป็สงบนิ่ง เดินไปนั่งข้างพี่ชาย และจงใจเว้นที่ว่างระหว่างเธอกับลู่เต้า
ลู่เต้าเห็นหงฮวาไม่พูดถึงเื่นี้ เขาที่รู้จักกาลเทศะก็ไม่พูดถึงเื่นั้นอีก แสร้งทำเป็ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เมื่อทุกคนมาพร้อมแล้ว ก็ยกอาหารขึ้นมาได้” หงฝูตบมือเรียก สาวใช้ทยอยนำอาหารนานาชนิดขึ้นโต๊ะ กุ้งผัดไข่ ไก่ผัดพริก ปลาต้มซีอิ๊ว ซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน เนื้อผัด และอื่นๆ อีกมากมาย
ดวงตาของลู่เต้าเป็ประกาย น้ำลายสอ ความหิวโหยทำให้เขาไม่สนใจมารยาท คีบอาหารเข้าปากไม่หยุดราวกับสุนัขป่าที่หิวโซ
“มารยาท! เ้าหนูเห็นแก่ข้าหน่อย!” ไป๋เสียที่อยู่ในร่างทนไม่ไหวจนต้องต่อว่าออกมา
ทว่าหงฝูกลับไม่รังเกียจ แถมรู้สึกชื่นชมท่าทางการกินที่ไม่เสแสร้งของลู่เต้า จนหัวเราะชอบใจปรบมือระรัว
ส่วนหงฮวาไม่ต้องพูดถึง เมื่อเห็นลู่เต้ากินอย่างเอร็ดอร่อยก็แอบยิ้มอย่างพึงใจ
ไป๋เสียอับอายจนไม่กล้าแม้แต่จะมอง และกำลังจะหลับตาลง ทันใดนั้นก็ััได้ถึงพลังิญญาขึ้น เขาจึงรีบเข้าไปยังทะเลปราณของลู่เต้าทันที
ลู่เต้าไม่ตั้งใจฝึกฝน ทะเลปราณจึงมีพลังิญญาไม่มากนัก “ทะเล” ที่ว่าก็เป็เพียงโขดหินแห้งแล้งเท่านั้น
ไป๋เสียตามหาที่มาของพลัง ในที่สุดก็มาถึงต้นไม้
ลำต้นของต้นไม้เปล่งประกายสีทองอ่อน กิ่งก้านไหวเคลื่อนเบาๆ ทั้งที่ไม่มีลม บนกิ่งก้านค่อยๆ ผลิบานเป็ดอกตูม
“นี่...หรือว่ากำลังจะเกิดผลแล้ว” ความอยากรู้อยากเห็นของไป๋เสียถูกกระตุ้นขึ้นมาทันใด เขาหยุดตำหนิลู่เต้า และส่งเสริมให้เขากินต่อไป กินให้มากที่สุดเท่าที่จะกินได้
ในขณะเดียวกัน ไป๋เสียลอบมองหงฮวาแวบหนึ่ง แล้วครุ่นคิดในใจว่า “อาหารที่เด็กสาวคนนี้ทำ...น่าสนใจไม่น้อย!”
หลังจากกวาดล้างอาหารบนโต๊ะจนเหลือเพียงจานเปล่า ยิ่งลู่เต้ากินมากเท่าไร ดอกตูมบนต้นไม้ก็ค่อยๆ ผลิบานกลายเป็ผล ไป๋เสียเห็นดังนั้นก็ดีใจยิ่ง ขณะที่ผลกำลังจะสุกงอม ทุกอย่างก็กลับสงบนิ่งลง
“ทำไมไม่กินต่อเล่า” ไป๋เสียะโใส่หูลู่เต้าด้วยอารามร้อนใจ
ลู่เต้าลูบท้องที่นูนออกมาเล็กน้อย เรอออกมาด้วยความอิ่มเอมใจ “หมดแล้ว ข้ากินหมดแล้ว”
ไป๋เสียเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจ อาหารเลิศรสมากมายถูกเขากินเข้าไปในท้องจนหมดสิ้น
ทว่าหลังจากที่สาวใช้นำจานเปล่าออกไป ก็มีขนมหวานถูกนำมาวางเรียงราย ทั้งเค้กดอกหวงฮวา ซุปถั่วแดง บัวลอยน้ำขิง เค้กถั่วเขียว และของทอดอีกจานหนึ่ง
หงฝูยิ้มแย้มหมุนจานของทอดมาไว้ตรงหน้า ลู่เต้าถึงได้เห็นว่าเป็ตั๊กแตนทอด! หงฝูหยิบตั๊กแตนทอดกรอบๆ เข้าปากเคี้ยวเสียงดังกรวบๆ
“ทำให้ท่านผู้มีพระคุณขบขันแล้ว” หงฝูกล่าว “บรรพบุรุษของข้าใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ก่อนที่จะสร้างเนื้อสร้างตัวได้ ปกติแล้วพวกเขามีเพียงตั๊กแตนต้มให้กินประทังชีวิต หลังจากที่ร้านค้าเจริญรุ่งเรือง พวกเขาก็ไม่ต้องกินตั๊กแตนอีกต่อไป แต่บรรพบุรุษของข้าชื่นชอบรสชาติแบบนี้ เพื่อให้ลูกหลานได้จดจำความยากลำบากในอดีต จึงปรับปรุงสูตรอาหารจานนี้แล้วสืบทอดต่อกันมา”
“ที่แท้อาหารจานนี้ก็มีเื่ราวเื้ัเช่นนั้นเอง” ลู่เต้าพยักหน้า
ลู่เต้าคีบตั๊กแตนทอดขึ้นมาดม กลิ่นหอมไร้กลิ่นแปลกปลอม เมื่อกัดเข้าไปก็พบว่ารสชาติดี คล้ายกับเนื้อไก่
ขณะที่ลู่เต้ากำลังจัดการขนมหวาน ผลบนต้นไม้ก็เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่ไป๋เสียก็ไม่อาจอธิบายได้
ลู่เต้าดื่มซุปถั่วแดงเย็นชื่นใจจนหมด วางถ้วยเปล่าลงบนโต๊ะ เปลือกนอกสีน้ำตาลของผลไม้ก็สุกงอมและแตกออก เผยให้เห็นแสงสีทองเจิดจ้า เช่นเดียวกับตอนที่มันปรากฏขึ้นครั้งแรก
“สำเร็จแล้ว!” ใบหน้าไป๋เสียถูกแสงสีทองสาดส่อง เขาดีใจจนเนื้อเต้น
ในเวลาเดียวกัน ประตูห้องจัดเลี้ยงก็ถูกผลักออกอย่างแรง หญิงวัยกลางคนในชุดหรูหรานำเหล่าบริวารบุกเข้ามา เสียงดนตรีพลันเงียบลง บรรดานางรำต่างหยุดร่ายรำ
นางเดินตรงไปหาหงฝู ไม่สนใจแเื่แม้แต่น้อย ก่อนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเ็า “ไม่ทราบว่าผู้ใดบังอาจนัก ถึงกับกล้าทำลายสระบัวของข้า”
