ส่งของจากอวี้หนานถึงปักกิ่งใช้เวลานานทว่าส่งของจากหน่วยงานโจวเฉิงกลับบ้านนั่นรวดเร็วแน่นอน เขาไม่ต้องไปที่ทำการไปรษณีย์ด้วยซ้ำแค่วานคนเข้าเมืองไปส่งของให้ จากนั้นก็วางที่หน้าประตูหน่วยงานของมารดาเขาย่อมได้รับมันอยู่แล้ว
โจวเฉิงโทรศัพท์หาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก บอกเพียงว่าเป็ของดีท้องถิ่นจากเพื่อนเขาอยากให้บิดามารดาลิ้มลองดูบ้าง
กวนฮุ่ยเอ๋อวางโทรศัพท์ กลั้นรอยยิ้มที่ปากไว้ไม่อยู่เลย
กวนฮุ่ยเอ๋อไม่ใช่คนที่มีความสามารถอะไรนัก แต่เธอเกิดมาโชคดี
เกิดมามีพื้นเพ และเลือกคู่ชีวิตได้ดี อีกทั้งยังให้กำเนิดลูกชายคนหนึ่งก็ดีเลิศประเสริฐเหลือเกินกล่าวถึงโจวเฉิงของเธอแล้ว คนอื่นที่อายุใกล้เคียงกับเขามัดรวมกันสิบคนก็สู้ใบหน้านี้ของเขาไม่ได้วัยเยาว์ซุกซนแก่นแก้ว อายุสิบกว่าปีก็เริ่มทำงาน ตามความ้าของกวนฮุ่ยเอ๋อนั้นคือเข้าทำงานในหน่วยงานที่สุขสบายปลอดภัยและเงินเดือนดีสักแห่งทว่าโจวเฉิงยืนกรานไม่ฟังคำแนะนำของครอบครัว เขาเข้าไปทำงานได้ไม่นานก็สร้างผลงานยอดเยี่ยมเป็พิเศษหลังเสร็จสิ้นการฝึกฝนบุคลากรใหม่จึงถูกผู้บังคับบัญชาจัดแจงให้อยู่ข้างกายจากคุณสมบัติรอบด้านของโจวเฉิง ทำงานตามลำดับไม่กี่ปีก็ได้เลื่อนขั้น...ต่อมามีภารกิจ โจวเฉิงก็กระตือรือร้นไปยังแนวหน้าที่อันตรายด้วยตนเอง
ได้รับการยกย่องยามคับขัน ความเร็วในการเลื่อนตำแหน่งราวกับนั่งจรวดคนนอกอิจฉา ทว่ากวนฮุ่ยเอ๋อกลับกังวลเสียนอนไม่หลับทั้งคืน
การเลื่อนขั้นทุกครั้งล้วนหมายความว่าโจวเฉิงสร้างผลงานความดีความชอบ
ผลงานนั้นสร้างอย่างไร? ไม่มีผลงานของใครที่ได้มาโดยไม่ยากเย็นการสร้างความดีความชอบต้องใช้ชีวิตเข้าแลก!
กวนฮุ่ยเอ๋อกังวลไปก็เท่านั้น เธอทำได้เพียงปลอบใจตนเองทุกวัน ปรับสภาวะจิตใจของตนพยายามบอกตัวเองว่าโจวเฉิงสามารถเปลี่ยนเื่ร้ายให้กลายเป็ดีได้คนตระกูลโจวคิดว่าโจวเฉิงยอดเยี่ยมกันหมด เกิดมาเพื่อทำวีรกรรมอันยิ่งใหญ่และตระกูลโจว้าโจวเฉิงไว้เป็ธงเกียรติยศผืนหนึ่งที่ทำให้ผู้อื่นเคารพนบนอบ...กวนฮุ่ยเอ๋อไร้อำนาจขัดขวางปณิธาณของคนทั้งครอบครัว เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรักใคร่ใส่ใจโจวเฉิงมากยิ่งขึ้น
สามีบอกว่าการที่เธอส่งของไปหน่วยงานทุกเมื่อเชื่อวันนั้นไม่เหมาะสมกวนฉุ่ยเอ๋อก็ทำเป็หูทวนลม
ขนาดส่งของให้โจวเฉิงกวนฮุ่ยเอ๋อยังรู้สึกเบิกบานยินดี นับประสาอะไรกับการได้รับสิ่งของที่โจวเฉิงส่งมาเล่า?
เมื่อถึงเวลากลางคืน นานๆ ทีบิดาของโจวเฉิงจะกลับมารับประทานอาหารที่บ้านกวนฮุ่ยเอ๋อนำใบชาสองกระป๋องวางลงบนโต๊ะ “ลูกชายคุณให้มาใบชาน่ะของคุณ ส่วนพุทราของฉัน พวกเราสองคนก็อย่าเอาเปรียบใครล่ะ”
นายโจวชื่นชอบการดื่มชา ความเคยชินนี้มีคนรู้ดีไม่น้อยและเขาไม่เคยปิดบังเช่นกัน
ทุกปีจะมีคนส่งชาให้นายโจว ซิ่นหยางเหมาเจียนที่เซี่ยเสี่ยวหลานซื้อมาให้จะดีเด่นสักเท่าไรกันแม้เป็ผลิตภัณฑ์อันดับหนึ่งทว่าก็เป็สินค้ามหาชนดาษดื่นสำหรับให้คนทั่วไปดื่มอยู่ดี นายโจวที่มีสิทธิได้ดื่มของพิเศษเป็ประจำเช่นนี้ดังนั้นเขาและกวนฮุ่ยเอ๋อจึงสนใจในประเด็นที่แตกต่างกัน
“โจวเฉิงอยู่ในหน่วยงานไม่ใช่หรือ ทำไมอยู่ๆ ถึงส่งของกลับบ้านได้เล่า?”
กวนฮุ่ยเอ๋ออึ้งไป โจวเฉิงก็ไม่ได้บอกชัดเจนตอนคุยโทรศัพท์บอกเพียงมีคนส่งให้
“อาจเป็เพื่อนร่วมงานมอบให้ก็ได้”
นายโจวส่งเสียงหึในลำคอเบาๆ “เพิ่งเลื่อนขั้นได้ไม่นานก็มีคนส่งของขวัญมาประจบสอพลอแล้ว? สงวนวาจาและการกระทำหน่อยฉันว่าเขายังห่างไกลโข!”
กวนฮุ่ยเอ๋ออารมณ์เสียแล้ว ย้ายซิ่นหยางเหมาเจียนสองกระป๋องไปจนพ้นสายตา
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าดื่ม!”
เอ้า?
ทำไมอารมณ์ร้อนขนาดนี้
เขาไม่ได้พูดว่าไม่ดื่มเสียหน่อย!
ใบหน้าของนายโจวเผยความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเล็กน้อย ศักดิ์ศรีของความน่าเกรงขามทำเขาหน้าบางที่จะขอให้กวนฮุ่ยเอ๋อนำใบชาออกมา
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้ว่าของที่ตัวเองมอบแก่โจวเฉิงได้ถูกเขาส่งให้บิดามารดาอีกทอดหนึ่งไปเสียแล้ว
แต่รู้แล้วก็ไม่ว่าอะไรอยู่ดี ของที่ให้โจวเฉิงเขาย่อมมีสิทธิจัดการด้วยตนเอง
---------------------------------------
แผงลอยของเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ใน่ค้าขายรุ่งโรจน์อุณหภูมิต่ำลงจัดทำให้คนซางตูเริ่มสนใจเสื้อกันลมและเสื้อขนเป็ดบนแผงของเธอ ทันทีที่ส่งมอบสินค้าซึ่งรับมัดจำไว้ก่อนหน้านี้เสื้อกันลมและเสื้อนอกของเธอที่นำมารอบนี้ก็พบกับอากาศเหมาะสมพอดิบพอดีขายได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับเสื้อนอกชายราคาส่ง 70 หยวนต่อหนึ่งตัวนั่นเซี่ยเสี่ยวหลานจะขาย 140 หยวนคนมากมายรับราคานี้ไม่ไหว
แพงเหลือเกิน!
บุรุษแต่งกายไม่พิถีพิถันขนาดนั้น แม้เสื้อกันลมและเสื้อขนเป็ดจะมีราคาไม่กี่สิบหยวนก็อาจเป็น้ำพักน้ำแรงทั้งเดือนของบางคน 140 หยวนคือเท่าไรในหน่วยงานที่ผลประกอบการสูงสุด เงินเดือนหนึ่งเดือนรวมเงินพิเศษก็จำนวนประมาณนี้อีกอย่างเสื้อนี่สุดแสนจะเลือกคนสวมใส่ ผอมอย่างเดียวไม่ได้ ต้องตัวสูงด้วย
สูง รวย ยินดีจ่ายเงิน
ลูกค้าเป้าหมายของเซี่ยเสี่ยวหลานคือสูงรวยหล่อแห่งปี 83... โอ๊ะ ตัดเกณฑ์ ‘หล่อ’ นี้ออกไปจะเป็ไปได้มากที่สุด สูงและรวยคือภาคบังคับหลิวหย่งเงินทองไม่ขาดมือเหมือนกัน แต่เขาผอมแห้งกะจิดริดสวมเสื้อนอกแบบนี้น่าขบขันมากทีเดียว
สูงรวยหล่อแน่นอนว่ามีโอกาสซื้อเสื้อผ้ากับแผงข้างทางน้อยมาก
ต่อให้เป็มารดาและภรรยาที่ควบคุมอำนาจสูงสุดด้านการเงินในครอบครัวสูงรวยหล่อการซื้อสินค้าจากแผงลอยราคา 140 หยวนต่อชิ้นให้เ้าตัวสูงรวยหล่อก็คงลังเลและเสียดายเช่นกัน
มีเงินจำนวนนี้พวกเธอสามารถพาลูกชายหรือสามีไปเลือกตามสบายที่ห้างสรรพสินค้าไม่ดีกว่าหรือ
คุณภาพสินค้าแผงลอยข้างทางของเซี่ยเสี่ยวหลานได้จำกัดระดับลูกค้าของเสื้อผ้าที่เธอขายนี่เป็เหตุผลว่าทำไมเธอ้าหน้าร้านสักแห่งอย่างเร่งด่วนหน้าร้านที่ตกแต่งใหม่และดูมีระดับยิ่งขึ้น
หลิวหย่งยังคงไปมาหาสู่บ้านบิดามารดาหยวนหงกังเท่าที่จะทำได้รองผู้อำนวยการหยวนจัดการธุระภายใต้ความกดดันของน้ำใจอย่างรวดเร็ว สองวันต่อมาจึงให้คำตอบแก่หลิวหย่ง
“ธุระที่คุณว่าสำเร็จแล้ว”
สีหน้าของหยวนหงกังพึลึกพิลั่นเล็กน้อย “เื่ของคุณนี่ก็เป็โชคชะตาเหมือนกันนะ”
หลิวหย่งซาบซึ้งจนไม่รู้ว่าควรกล่าวอะไรเขาถามหยวนหงกังว่า้าค่าเช่าเท่าไร
“หนึ่งปี 2000 หยวน ทางโรงงาน้าเพียง 1000 หยวน ที่เหลืออีก 1000 หยวนสำหรับให้เ้าของกรรมสิทธิ์อีกคนคุณทราบแล้วว่าอาคารหลังนี้เป็ทรัพย์สินร่วมระหว่างโรงงานฝ้ายกับคนอื่น”
หนึ่งปี 2000 หยวน?
“คือสามคูหา 2000 หยวน?”
หลิวหย่งไม่แน่ใจว่าราคานี้คือถูกหรือแพงปัจจุบันตลาดยังไม่มีมาตรฐานอะไรต่อร้านค้ากับการเช่าบ้านคนธรรมดาจะได้มาซึ่งหน้าร้านในเมืองหลวงล้วนต้องอาศัยกึ๋นของแต่ละคน ใครก็ไม่อาจล่วงรู้ว่าต้องจ่ายราคาค่างวดอะไรบ้างเป็การส่วนตัวระหว่างกันและกัน
2000 หยวนนั้นเยอะเกินไปแล้ว เงินเดือนหนึ่งปีของหยวนหงกังยังไม่มากมายขนาดนี้ ต้องคำนวณค่าตอบแทนเพิ่มเติมเข้าไปถึงจะไหว
เขารู้สึกลำบากใจทีเดียว “ใช่ครับมีแค่หน้าร้านสามคูหา ห้องข้างบนอาคารพวกคุณไม่สามารถใช้ได้ ทางโรงงานจะจัดให้คนงานเข้าไปอาศัยอยู่”
หลิวหย่งยังคิดเผื่อไว้ แม้ร่วมกันเช่าเพียงสองสามห้องเขากับหลานสาวสองครอบครัวก็ประหยัดเงินค่าเช่าบ้านได้ ้าสำหรับอาศัยด้านล่างสำหรับเปิดร้าน ถือว่าสะดวกสบายไม่น้อย
“ผู้อำนวยการหยวน ร้านนี้ผมกับหลานสาวแท้ๆ ร่วมหุ้นกันราคานี้ยังต้องหารือกับเธอเสียหน่อย พรุ่งนี้ค่อยให้คำตอบคุณได้หรือไม่ครับ?”
หยวนหงกังย่อมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว
หลิวหย่งรีบกลับบ้านไปแจ้งเซี่ยเสี่ยวหลาน เซี่ยเสี่ยวหลานกำลังกลุ้มใจกับหนทางการค้าขายเสื้อผ้าราคาสูงของเธอ
2000 หยวนต่อปี?
เงินจำนวนนี้แพงที่ไหนกัน กำไรที่ทำกลับคืนภายในอาทิตย์เดียวนำมาใช้เช่าหน้าร้านสามคูหาตรงจัตุรัสเอ้อร์ชีเซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าคุ้มค่ายิ่งนัก
“เช่า! ไม่ได้แค่จะเช่า อย่างน้อยจะทำสัญญาเช่า 5 ปีด้วย ดีที่สุดตกลง 8 ปี หรือ 10 ปีไปเลย!”
ผ่านไปอีกไม่กี่ปีก็จะมีการปฏิรูปเคหสถานครั้งที่หนึ่งเซี่ยเสี่ยวหลานพินิจว่าเช่าระยะยาวก่อน ถึงเวลานั้นก็ซื้ออาคารให้เป็เื่เป็ราวเสียนั่นคือข้างทำเลทองคำประจำศูนย์กลางย่านการค้าจัตุรัสเอ้อร์ชีของซางตูในภายภาคหน้าซื้ออสังหาริมทรัพย์สักแห่งแบบนี้ที่ซางตูให้แก่หลิวเฟินถึงเป็การรับประกันโดยแท้จริง ไม่ว่าในอนาคตหากเซี่ยเสี่ยวหลานทำธุรกิจด้วยตัวเองไม่ว่าจะขาดทุนหรือได้กำไรชีวิตของหลิวเฟินก็ไม่มีเื่ให้กังวลใจอย่างแน่นอน
เซี่ยเสี่ยวหลานเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีทันใด “อย่างไรเสียกรรมสิทธิ์อาคารนี้ยังคงยุ่งเหยิงอยู่ถ้าบอกว่าโรงงานฝ้ายที่สามและคนอื่นมีสิทธิร่วมกันตอนลงชื่อสัญญาเช่าก็ต้องมาพร้อมหน้ากันทั้งสามฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ว่าเมื่อธุรกิจของพวกเราเจริญแล้วจะมีคนปรากฏตัวออกมาโต้แย้ง”
ธุระรับผิดชอบโดยรองผู้อำนวยการโรงงานหยวน อุตส่าห์ถึงขั้นจะส่งมอบเงินค่าเช่าแล้วนั่นเป็การรับรองว่าทางฝ่ายโรงงานฝ้ายแห่งชาติที่สามไม่มีความเห็นคัดค้าน
ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่กลัวมารดาจูฟ่างก่อความวุ่นวายอีกระมัดระวังไว้ไร้กังวล ก้าวหน้าต่อไปได้มั่นคงสิทธิ์ในการของอาคารสามารถโต้แย้งกันอีกทีทว่าระหว่าง่เวลาที่เธอเช่าอาคารทำธุรกิจเธอต้องมีสิทธิ์ในการใช้งานหน้าร้านโดยสมบูรณ์ มิเช่นนั้นเกิดเธอลงทุนออกเงินตกแต่งร้านเรียบร้อยคนถือกรรมสิทธิ์อีกคนกลับคำไม่ปล่อยเช่าอาคารแล้วเซี่ยเสี่ยวหลานจะไปตามหาใครให้ช่วยตัดสิน?
ความ้านี้สมเหตุสมผลมาก
รองผู้อำนวยการหยวนได้นัดเวลาและสถานที่เสร็จสรรพ พบกัน ณ สำนักงานของเขา
เซี่ยเสี่ยวหลานและหลิวหย่งเดินทางมาถึงตรงเวลา หลิวหย่งแค่แนะนำว่าเซี่ยเสี่ยวหลานคือหลานสาวของตนเองหยวนหงกังก็ไม่ถือสา จนกระทั่งผู้ถือกรรมสิทธิ์อีกคนเยื้องย่างเข้าสำนักงานเซี่ยเสี่ยวหลานกับหลิวหย่งเบิกตาโพลง—เป็ย่าอวี๋โดยที่ไม่คิดไม่ฝัน!
