Chapter thirty-eight: Simon's protection
จากคืนนั้นที่เขาและไซม่อนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันในห้องอีกฝ่าย ก็ยังไม่มีวันไหนที่พวกเขาจะหยุดทำมันได้เลย แพทริเซียไม่อยากจะยอมรับสักนิดว่าเขาเองก็ติดััจากอีกฝ่ายเหมือนที่ไซม่อนกำลังติดนักหนา ไม่ว่าแพทจะก้าวเดินไปทางไหนก็ต้องมีอีกอัลฟ่าหนุ่มที่เดินตามกอดเขาเหมือนเงา บางวันแพทริเซียแทบจะไม่ได้ออกจากห้องของไซม่อนด้วยซ้ำ พวกเรายังคงทำมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งบนเตียง โซฟา ห้องน้ำ หรือแม้แต่ประตูกระจกที่ระเบียงที่ไม่ว่าแพทริเซียจะทุบเข้าที่อกกว้างนั้นแค่ไหนก็ไม่อาจหยุดการกระแทกกระทั้นตามแรงอารมณ์ของอัลฟ่าตัวโตได้เลย แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเขาชอบการที่ได้ทำกับไซม่อนเหลือเกิน
ในทุก ๆ คืนเรามักจะเริ่มต้นด้วยการที่กอดซบกันและค่อย ๆ ผลัดกันป้อนจูบอยู่อย่างนั้นก่อนจะมีใครสักคนที่เป็ฝ่ายเริ่มสอดมือเข้ามาในเสื้อก่อน สุดท้ายมันก็จะจบด้วยความเฉอะแฉะและเสียงหอบที่เป็เหมือนเสียงบรรเลงให้หลับสนิทในทุกคืน และใช่ ทุกครั้งที่มีการสอดใส่นั้นไม่เคยมีเครื่องป้องกันเลยสักนิด เขาได้รับตัวตนของไซม่อนเข้ามาและปล่อยให้เขาย้ำอยู่อย่างนั้นซ้ำ ๆ จนฉีดความอุ่นร้อนเข้ามา และก็เป็คืนแรกนั่นแหละที่ไซม่อนน็อตใส่เขาจนทำให้อีกฝ่ายไม่ยอมห่างจากเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียว
ความน่าบังเอิญก็คือวันนั้นเป็วันที่หิมะแรกของปีได้ตกลงมา
ััจากฝ่ามือหนารวมไปถึงริมฝีปากอุ่นที่จูบั้แ่หน้าผากจรดปลายเท้าอย่างคลั่งรักในทุก ๆ วันทำให้เขาอดยิ้มไม่ได้เลยเมื่อนึกถึงมัน และสิ่งที่ยังทำให้เขาเจ็บแปลบอยู่แต่กลับมีความสุขมากเหลือเกินที่ได้รับมันก็คงจะเป็รอยกัดที่หลังคอนั่นแหละ
ไซม่อนเป็ฝ่ายอ้อนวอนในการที่จะทำมัน
และเขาเองก็เต็มใจที่จะเป็ของอีกฝ่ายอย่างสมบูรณ์แบบ
ไปตลอดชั่วชีวิตของเขา
ไซม่อนเป็คนเอ่ยให้คำสัญญาว่าเขาจะบอกทุกอย่างกับคุณลอร่าทันทีที่ท่านกลับมาถึง และทุกอย่างจะต้องเสร็จเรียบร้อยก่อนที่จะถึงวันแต่งตั้งผู้สืบทอดทายาท เพราะเขากับไซม่อนรู้ดีมาตลอดถึงกฎที่ทายาทจะต้องเข้าพิธีสมรสหลังจากวันแต่งตั้งภายในหนึ่งอาทิตย์เท่านั้น แล้วไซม่อนเองก็หวังไว้ว่าคุณย่าของเขาคงจะไม่ใจร้ายให้เขาไปแต่งงานกับใครที่เขาไม่รู้จักมากกว่าจะให้เขาได้แต่งงานกับคนที่เขารักและกลายเป็คู่แห่งพันธะของเขาไปแล้ว
แพทริเซียพลิกตัวไปจ้องใบหน้าของคนที่จมเข้าสู่ห้วงนิทราทั้งที่อ้อมแขนยังคงกอดรัดเอวของเขาอยู่ทุกคืน มีหลายครั้งที่เขาแอบนอนมองอีกฝ่ายในตอนที่หลับใหลอยู่แบบนี้ บางครั้งเขาก็รู้สึกอิ่มหัวใจเพราะความสุขมันเอ่อล้นออกมาในตอนที่คิดถึง่เวลาดี ๆ แต่บางครั้งเขาก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาเพราะกลัวว่าถ้าหากสักวัน เขาต้องห่างจากไซม่อนนั้นมันจะเป็อย่างไร เอาเข้าจริงเขาเองก็ไม่เคยอยากจะนึกถึงภาพแบบนั้นด้วยซ้ำ ภาพที่เขาจะต้องกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมในตอนที่ยังไม่ได้เจอไซม่อน ภาพที่เขาจะไม่ได้นั่งลูบหัวเ้าแซมมี่ไปพร้อมกับผมสีดำสนิทที่เขาชอบมันซะเหลือเกิน เพียงแค่ย้อนกลับมาถามตัวเองว่าสักวันเขาจะไม่ได้มีไซม่อนแบบในตอนนี้แล้วจะเป็อย่างไร ถ้าหากสักวันเขาต้องปล่อยให้ไซม่อนไปเจอคนที่เหมาะสมมากกว่าเขา
ในวันนั้นเขาจะอยู่ยังไงกัน
เพียงแค่ได้คิด น้ำตาสีใสก็อาบลงที่ข้างแก้มอย่างห้ามไม่ได้ ฝ่ามือเล็กเอื้อมขึ้นไปลูบแก้มของอัลฟ่าหนุ่มที่เป็คู่พันธะของตัวเองอย่างเบามือ แพทริเซียไม่ได้หวังให้อีกฝ่ายตื่นและมากอดปลอบเขาอะไรแบบนั้นหรอก เขาขอเพียงได้ััและรับรู้ว่าอีกฝ่ายยังอยู่กับเขา ไม่เหมือนกับฝันร้ายที่เขาคอยฝันอยู่ซ้ำ ๆ ว่าจะต้องเสียคนตรงหน้าไปแบบไม่ได้เตรียมใจ ถ้าหากเป็อย่างนั้นจริง ๆ เขาก็คงไม่รู้ต้องทำยังไงนอกจากยอมรับสิ่งที่พระเ้ากำหนดมาและทนทุกข์ทรมานคิดถึงคนรักของตัวเองอยู่ทุกวันอะไรแบบนั้น
เขาหวังเพียงแค่
พระเ้าจะไม่ใจร้ายกับเขาขนาดนั้นก็พอ
และในขณะที่แพทริเซียกำลังเหม่อมองใบหน้าของคนที่กำลังหลับใหลอยู่นั้น จู่ ๆ ฝีเท้าจากหน้าประตูห้องก็ต้องทำให้เขาหลุดจากภวังค์ทันที ถ้าหากจะบอกว่าเป็พี่เลี้ยงหรือสาวรับใช้ก็คงจะไม่ใช่ เพราะนอกจากจะไม่ใช่เวลาที่คนอื่นจะมาเดินป้วนเปี้ยนหน้าห้องของไซม่อนแล้ว ทายาทควินท์เรลที่มีอำนาจที่สุดในบ้านตอนนี้ก็ยังได้ออกคำสั่งไม่ให้ใครมายุ่มย่ามที่ห้องของเขาหลังตะวันตกดินอีกด้วย
หากไม่ใช่พี่เลี้ยงของไซม่อน แล้วจะเป็ใครล่ะที่ทำให้เ้าแซมมี่ที่วันนี้ออกไปนอนที่หน้าห้องไม่เห่าเลยสักแอะ
และในตอนที่แพทริเซียค่อย ๆ แกะฝ่ามือที่โอบรัดเอวของเขาแน่นออกช้า ๆ ก็ต้องชะงักเพราะเสียงกลอนประตูที่ถูกบิดอยู่อย่างนั้นสองสามรอบ แต่โชคดีที่ไซม่อนนั้นเพิ่มตัวกลอนคล้องประตูเข้ามาเพราะกลัวว่าจะมีใครเปิดเข้ามาในตอนที่เขาอยู่ด้วยกัน ตอนแรกเขาก็คิดว่าไซม่อนทำเกินไปอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้แพทริเซียเริ่มเห็นประโยชน์ของมันแล้วละ
เสียงของกลอนประตูยังคงถูกบิดอยู่อย่างนั้นแม้มันจะถูกเปิดออกไม่ได้ และเสียงที่ทำให้แพทริเซียต้องกลั้นหายใจและเอื้อมมือไปกอดร่างสูงตรงหน้าแน่นก็เพราะเสียงนั้นเป็เสียงไขกุญแจที่ผู้บุกรุกเองก็พยายามไขมันอยู่อย่างนั้นซ้ำ ๆ แต่สุดท้ายก็เหมือนจะล้มเลิกไป
แพทริเซียไม่รู้หรอกว่าเขานั้นทนผวาเสียงกลอนประตูอยู่อย่างนั้นนานเท่าไหร่ เพราะกว่าเขาจะหลับลงก็ในตอนที่เสียงพวกนั้นเงียบหายไปจนสนิทนั่นแหละ และสิ่งเดียวที่แพทริเซียจะทำก็คือการที่ต้องต่อสายโทรรายงานคุณมาร์คัสและคุณลอร่าเื่นี้ให้เร็วที่สุด
ดูเหมือนควินท์เรลจะไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้วละ
และนั่นก็เลยเป็เหตุผลที่ทำให้คนที่แทบจะหลับไม่ลงเลยทั้งคืนต้องลุกขึ้นมาจากเตียงทันทีที่ฟ้าสว่าง ปล่อยให้อัลฟ่าหนุ่มที่กำลังหลับสนิทนั้นจมอยู่ในห้วงนิทราต่อไป เ้าของขาเรียวสวยกระชับเสื้อคลุมตัวยาวของตัวเองในขณะที่มุ่งหน้าเดินไปยังชั้นล่างของคฤหาสน์ ตอนนี้เป็เวลาแปดโมงเช้าแล้วและนั่นก็หมายความว่าคุณเจมส์จะต้องอยู่ในห้องทำงานอย่างแน่นอน โอเมก้าตัวขาวเร่งฝีเท้าด้วยความร้อนใจแต่แล้วเขาก็ต้องหยุดชะงักเพราะเกือบจะชนเข้ากับสาวใช้สองคนที่กำลังถือของเต็มสองไม้สองมือ
“อ๊ะ ขอโทษครับ”
“ไม่เป็ไรค่ะคุณมอร์แกน คุณมอร์แกนเจ็บตรงไหนไหมคะ?” หญิงสาวกล่าวพร้อมก้มเก็บผ้าที่ตกพื้นลงไปขึ้นมาก่อนจะก้มหัวให้เขาด้วยความนอบน้อม
“ไม่เลยครับ ผมเองที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ”
“พวกเราก็มัวแต่คุยกันเหมือนกันค่ะ ขอโทษนะคะคุณมอร์แกน”
“ไม่เป็ไรครับ ว่าแต่มาจากห้องคุณเจมส์ใช่ไหมครับ คุณเจมส์อยู่ในห้องใช่ไหมครับ?”
โอเมก้าตัวขาวเอ่ยถามพลางมองสลับไปทางห้องของคุณเจมส์อย่างร้อนรน ถ้าหากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้นไม่ใช่แค่การล้อเล่นหรือความเข้าใจผิดของใครสักคนในคฤหาสน์ ทุกอย่างมันก็อาจจะเลวร้ายเข้าไปอีกถ้าหากเขาไม่รีบมาบอกใครสักคนที่พอจะช่วยไซม่อนได้ และเขาก็ไม่อยากปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่ในห้องคนเดียวนาน ๆ แบบนั้นด้วยจึงทำให้เขาดูรีบร้อนมากขนาดนี้
“คุณเจมส์เหรอคะ?”
“ใช่ครับ”
“คุณเจมส์ออกเดินทางไปหาคุณท่านที่กรีนเลคแล้วค่ะคุณมอร์แกน”
“..”
แล้วคำตอบจากสาวใช้ก็ทำให้แพทริเซียต้องกำมือเข้าหากันแน่นทันที ริมฝีปากสวยเม้มเข้าหากันพร้อมกะพริบตาถี่ ๆ ด้วยความสับสน ทั้งที่ในตอนแรกนั้นคุณลอร่าเป็คนเอ่ยปากเองด้วยซ้ำว่าจะให้คุณเจมส์อยู่ดูแลทุกอย่างก่อนที่ท่านจะกลับมา และคุณเจมส์นั้นก็แทบจะเป็คนเดียวที่คุณท่านไว้ใจได้ ในตอนนี้แพทริเซียจึงไม่รู้เลยสักนิดว่าเขาจะต้องหันไปทางไหน แต่อย่างน้อยเขาก็ต้องคุยกับไซม่อนให้อีกฝ่ายได้เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเสียก่อน
สถานการณ์ที่กำลังจะเป็ภัยต่อเขา
“คุณมอร์แกนคะ” สาวใช้เอ่ยเรียกเมื่อเห็นว่าแพทริเซียนิ่งไปนาน คนที่ถูกทักท้วงก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มน้อย ๆ ตอบกลับไป
“ขอโทษทีครับ ถ้าอย่างนั้นผ-”
“แต่ถ้าคุณมอร์แกนมีธุระอะไรเร่งด่วน ลองเข้าไปหาคุณมาร์คัสไหมคะ?”
“คุณมาร์คัสกลับมาแล้วเหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ คุณมาร์คัสกลับมาเมื่อวาน คุณเจมส์ก็เลยต้องเดินทางไปอยู่กับคุณหญิงท่าน”
“ผมขอตัวนะครับ” โอเมก้าตัวขาวส่งยิ้มให้สาวใช้อีกครั้งก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าไปยังห้องทำงานของคุณมาร์คัสที่อยู่ปีกอีกฝั่งของคฤหาสน์ด้วยความรีบร้อน อย่างน้อยถ้าหากเขาได้บอกทุกอย่างกับคุณมาร์คัส เื่ก็จะไปถึงหูของคุณลอร่า และไม่มีทางที่คุณลอร่าจะปล่อยให้หลานชายคนเดียวได้ตกอยู่ในอันตรายหรอก แพทริเซียกึ่งวิ่งกึ่งเดินพร้อมกับยิ้มออกเมื่อเห็นว่าประตูห้องทำงานของคุณมาร์คัสถูกแง้มออกเล็กน้อย
ก่อนที่เขาจะได้ยกมือขึ้นเคาะประตูไม้บานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า
ประโยคที่ออกจากปากของคนที่อยู่ในห้องทำงานก็ทำให้เขาแทบจะล้มทั้งยืน
“มันเปลี่ยนกลอนประตู แต่วันนี้ฉันจะจัดการทุกอย่างให้เสร็จ”
“..”
“พวกแกต้องลงมือคืนนี้ ฉันจะเปิดทางให้แล้วพวกนายก็เข้ามาจัดการมันซะ อย่าปล่อยให้มันได้มีชีวิตอยู่ถึงวันแต่งตั้งผู้สืบทอดตระกูล ไม่งั้นพวกแกอย่าหวังจะได้เงินสักแดงเดียวจากฉัน”
“..”
“ฆ่าทั้งไซม่อน ทั้งคนที่อยู่กับมัน หรือจะฆ่าหมามันด้วยก็ไม่สำคัญหรอก”
ฝ่ามือขาวเลื่อนขึ้นไปค้ำกำแพงไว้หวังจะให้มันช่วยประคองเขาที่กำลังหมดเรี่ยวแรง มืออีกข้างถูกยกขึ้นมาปิดปากของตัวเองไว้ด้วยความหวาดกลัว แววตาที่เขาสั่นระริกเริ่มคลอไปด้วยน้ำตา สิ่งที่เขาได้ยินมันมากกว่าความใเสียอีก เขากำลังหวาดกลัวคนที่อยู่ในห้องจนแทบจะเดินหนีไม่ไหวแล้วด้วยซ้ำ แต่ถ้าหากเขายังยืนนิ่งอยู่แบบนี้ คงจะต้องเกิดอันตรายกับเขาและไซม่อนอย่างแน่นอน เ้าของใบหน้าหวานสะบัดไปมาเล็กน้อยเพื่อตั้งสติก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ก้าวสองฝ่าเท้าถอยออกมาให้ห่างจากหน้าประตูห้องด้วยความเงียบเชียบที่สุด ดวงตากลมโตยังคงจดจ้องอยู่ที่หน้าประตูห้องทำงานของคุณมาร์คัสอย่างระมัดระวัง และในทันทีที่เขาได้จับเข้าที่ราวบันได แพทริเซียก็รีบวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต
สิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนี้ก็คือ
ต้องขอให้เจซพาเขาและไซม่อนออกไปอยู่ในที่ ๆ ปลอดภัยที่สุดให้ได้
- Simon’s theory -
“ฉันรู้อยู่แล้วละว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางยอมเื่ตำแหน่ง”
“เื่คุณมาร์คัสน่ะเหรอ?”
“ใช่ แต่ฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะใช้วิธีสกปรกแบบนี้”
เจซเอ่ยขึ้นพร้อมหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าสู่ทางลัดหลังคฤหาสน์ควินท์เรลที่แพทริเซียไม่คุ้นเคยเลยสักนิด สองข้างทางถูกปกคลุมไปด้วยหิมะจนเจซต้องจำใจชะลอความเร็วของรถลงเพราะความลื่นของท้องถนน ในตอนแรกพวกเขาก็ถกเถียงกันอยู่พักใหญ่ว่าควรจะไปหลบซ่อนที่ไหนดี หากจะให้พวกเขาไปอยู่ที่คฤหาสน์แมคคอยด์ก็คงจะไม่ปลอดภัยเท่าไหร่นัก เพราะความสัมพันธ์ที่มีมาต่อเนื่องและยาวนานของแมคคอยด์และควินท์เรลนั้นทำให้เจซไม่ได้มั่นใจเลยสักนิดว่าคนของเขานั้นจะไม่มีใครที่เป็หนอนบ่อนไส้หรือเป็หูเป็ตาให้กับคนที่ค่อนข้างกว้างขวางอย่างคุณมาร์คัส สุดท้ายแล้วตัวเลือกที่ดีที่สุดก็กลายเป็บ้านของเขานั่นแหละ อย่างน้อยขอแค่พวกเขาได้มีที่ไว้พักพิงก่อนที่คุณลอร่าจะกลับมาเพียงแค่สองวันแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
ตอนนี้แพทริเซียไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มปลอบคนที่กำลังนั่งนิ่งอยู่เบาะหลังยังไงเพราะตลอดทางและก่อนที่พวกเขาจะหลบหนีออกมานั้นไซม่อนก็ได้ฟังเื่ราวอีกด้านของครอบครัวตัวเองที่ถูกปิดซ่อนไว้ทั้งหมด รวมถึงเื่ที่คุณอาแท้ ๆ ของเขาหวังจะปลิดชีพเขาเพียงเพื่อชิงตำแหน่งที่เขาไม่เคยคิดจะอยากได้มันมาสักวินาทีเดียวในชีวิต แต่เขากลับถูกปองร้ายจากคนที่คิดว่าเป็ครอบครัวของตัวเองมาตลอดทั้งที่เขาไม่ได้ไปทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่พอใจเลยสักนิด ไซม่อนได้แต่นั่งนึกทบทวนว่ามีวันไหนที่เขาเคยได้ทำผิดพลาดหรือทำอะไรให้คุณอาได้โกรธจนถึงขั้นที่อยากจะฆ่าเขาได้ถึงเพียงนี้เลยหรือเปล่า แต่ไม่ว่าเขาจะนึกยังไงก็นึกไม่ออก เพราะสิ่งที่เขาได้มอบให้กับคนในครอบครัวไปก็มีเพียงแต่ความรักและความหวังดีที่เขาพอจะให้ได้เท่านั้น
แต่แล้วทำไมถึงเป็เขาล่ะที่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
ทั้งห้องโดยสารกลับมาเงียบเชียบอีกครั้งเมื่อแพทริเซียเอนหลังพิงเข้ากับเบาะพร้อมกับหลับตาลงช้า ๆ ด้วยความอ่อนเพลีย หากจะให้พูดตามตรงเขาเองก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน แทบจะจับต้นชนปลายอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ สิ่งที่เขาทำได้ก็มีเพียงแค่การโทรหาเจซและเล่าสถานการณ์คร่าว ๆ ให้ไซม่อนได้ฟัง และในระหว่างที่เขารอเจซนั่นแหละที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนจะขาดใจให้ได้ เขาแทบไม่เคยเห็นไซม่อนร้องไห้เลยนอกจากครั้งแรกที่อีกฝ่ายหาสร้อยไม่เจอ พอได้มาเห็นอีกครั้งและได้กอดปลอบเขาในตอนที่สะอื้นอยู่ก็ยิ่งทำให้แพทริเซียรู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก
สิ่งที่เขาและเจซพยายามปิดอีกฝ่ายมาตลอดเื่ตระกูลอีแวนส์และเื่ที่เขาถูกเก็บซ่อนไว้เพราะทุกอย่างข้างนอกนั้นเป็อันตรายต่อเขาก็ได้ถูกบอกเล่าจากแพทริเซียเองนั่นแหละ อย่างน้อยถ้าหากไซม่อนจะได้รู้ในสิ่งที่อาของตัวเองคิดจะลงมือทำ ไซม่อนก็มีสิทธิ์ที่จะได้รู้เื่อื่น ๆ ด้วย ดีกว่าให้อีกฝ่ายต้องนั่งจมกับเื่แย่ ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อจากนี้ หากจะเป็วันที่อีกฝ่ายจะต้องได้รู้ทุกอย่าง เขาก็ควรจะได้รู้ทุกอย่างอย่างไม่มีปิดบังอีกต่อไป
และกว่าเจซจะมาถึง เขากับไซม่อนก็เกือบจะได้พบกับคุณมาร์คัสเข้าแล้ว แต่โชคดีที่เขาได้ขอให้สาวใช้คนสนิทอย่างเบลล์ช่วยดึงความสนใจเอาไว้ แล้วเส้นทางลับที่ไม่ค่อยมีใครได้สัญจรอย่างเส้นทางหลังคฤหาสน์ก็ถูกเฉลยโดยเบลล์ที่เร่งรีบเขียนแผนที่ให้ด้วยความเป็ห่วงนั่นแหละ หิมะที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ที่ขาวโพลนไปทั้งทางนั้นไม่อาจดึงความสนใจของคนที่กำลังจมอยู่ในห้วงความรู้สึกได้เลยสักนิด ดวงตาที่บอบช้ำของไซม่อนทำให้เขาและเจซคอยชำเลืองมองอีกฝ่ายอยู่ไม่หยุด
เพราะอย่างนั้นนั่นแหละจึงทำให้บทสนทนาของเขาและเจซหยุดลง
พวกเขารู้ดีว่าไซม่อนคงรับอะไรไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
กว่าพวกเขาจะเดินทางมาถึงบ้านมอร์แกนก็ใช้เวลาอยู่พักใหญ่เพราะเส้นทางที่ค่อนข้างสับสน คนขับรถจำเป็อย่างเจซจึงเอาแต่วนเวียนอยู่กับหุบเขาที่ไม่คุ้นเคยจนพวกเขาแทบจะหมดแรงในตอนที่มาถึง รถคันใหม่เอี่ยมของอัลฟ่าตาสองสีถูกจอดที่หน้าบ้านและเจซก็ย้ำนักย้ำหนาว่าจะไม่มีใครรู้ว่ารถคันนี้เป็ของแมคคอยด์แน่นอน ให้พวกเขาสบายใจได้ ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะแต่มีที่ไหนล่ะที่รถคันหรูจะมาจอดเทียบหน้าบ้านเล็ก ๆ ในย่านคอตตอนเทลแบบนี้ เขาจึงต้องบอกให้อีกฝ่ายกลับไปก่อนที่จะมีคนตามมาแล้วแผนการหลบหนีของพวกเขาจะพังเสียก่อน แม้จะเอาแต่ย้ำว่าให้พวกเขาโทรไปทันทีที่มีปัญหาอยู่นับสิบรอบก็เถอะแต่เจซก็ยอมฟังเขาแต่โดยดี
ยังไม่ทันที่รถยนต์คันหรูของเจซจะเคลื่อนออกจากหน้าบ้าน อัลฟ่าหนุ่มที่ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับบ้านของเขาเป็อย่างดีก็แทรกตัวเข้าไปในบ้านทันทีที่เขาเปิดประตูให้ เสียงฝ่าเท้าที่กระทบกับพื้นไม้ดังขึ้นไปยังห้องนอนนั้นทำให้เขาได้รู้ว่าไซม่อนคงจะหนีเข้าห้องนอนของเขาไปแล้ว และเ้าของบ้านอย่างแพทริเซียเองก็ไม่ได้คิดจะว่าอะไรอีกฝ่ายหรอก สำหรับเขาแล้วมันดีแล้วซะอีกที่ไซม่อนได้ทำตัวสบาย ๆ อย่างที่้าโดยไม่ต้องมีใครไปบังคับอะไร อย่างน้อยให้เขาและบ้านของเขาได้เป็พื้นที่ปลอดภัยให้อีกฝ่ายแค่นั้นก็ทำให้เขาดีใจมากแล้ว ฝ่ามือขาวเอื้อมมือไปดึงประตูหน้าบ้านของตัวเองให้ปิดสนิทพร้อมลงกลอนล็อกมันไว้อย่างแ่า ดวงตากลมโตกวาดสำรวจไปรอบบ้านให้แน่ใจว่าทุกอย่างถูกปิดสนิท ก่อนคนตัวเล็กจะทิ้งตัวลงโซฟาด้วยความเหน็ดเหนื่อยที่สะสมมาทั้งวัน
อย่างน้อยขอแค่ผ่านวันนี้ไป
ทุกอย่างก็อาจจะดีขึ้นแบบที่เขาคิดก็ได้
มื้อเย็นง่าย ๆ ถูกจัดเตรียมโดยเ้าของบ้าน แต่เพราะเสบียงที่เหลือทำเพียงแค่มื้อสุดท้ายนี่แหละที่ทำให้แพทริเซียคิดหนัก แต่หากจะให้เจซเป็คนซื้อมาให้ก็ดูจะรบกวนอีกฝ่ายมากเกินไปเพราะการที่ของหมดจากตู้มันดูเหมือนจะไม่ใช่เื่ด่วนซะทีเดียว ไหนจะคฤหาสน์แมคคอยด์ที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากคอตตอนเทลอีก สู้ให้เขาปั่นจักรยานออกไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ ด้วยตัวเองยังจะดีกว่า
เ้าของดวงตากลมโตจดจ้องคนที่กำลังกินซุปและขนมปังฝีมือเขาด้วยอาการเศร้าซึม ดวงตาของเขาอิดโรยจนน่าสงสาร ก่อนหน้านี้แพทริเซียไม่ได้เป็ฝ่ายที่ขึ้นไปดูอาการหรือปลอบอะไรไซม่อนหรอก เพราะเขาเองก็หมดแรงจนผล็อยหลับไปบนโซฟาที่ห้องรับแขกเหมือนกัน รู้ตัวอีกทีก็ในตอนที่รู้สึกถึงแรงสะกิดที่ไหล่พร้อมกับเ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่นั่งอยู่กับพื้นเอามาเกยมองเขาจนปลายจมูกแทบชิดกัน หากเป็คนอื่นก็คงจะโดนแพทริเซียฟาดเข้าให้แล้วละ แต่เพราะคนตรงหน้าเป็ไซม่อน เขาจึงทำเพียงแค่ยื่นหน้าไปประทับจูบแ่เบาที่ริมฝีปากอุ่นเพียงแค่นั้น
มื้อเย็นของเรายังคงผ่านไปด้วยดีเหมือนเคยแม้จะไม่ได้มีบทสนทนาอะไรมากมายนัก แต่ฝ่ามืออุ่นที่เอื้อมมือจับมือเขาอยู่ตลอดก็ทำให้แพทริเซียได้อุ่นใจว่าอย่างน้อยอีกฝ่ายก็ไม่ได้คิดจะหนีไปไหนและยังอยากให้เขาอยู่ด้วยเหมือนอย่างเคย พวกเขาใช้เวลาไม่นานในการอยู่ชั้นล่างของบ้าน ไฟทุกห้องถูกดับสนิทราวกับไม่มีใครที่อยู่ในบ้านหลังนี้
และวันที่โหดร้ายของพวกเขาก็กำลังจะผ่านพ้นไปด้วยการกอดตระกองกันอยู่บนเตียงขนาดเล็กของแพทริเซีย ฝ่ามืออุ่นร้อนเอื้อมสอดเข้าไปลูบที่เอวบางของโอเมก้าตัวขาวในอ้อมกอด เ้าของใบหน้าหวานนั้นก็ซุกลงที่อกกว้างหวังจะคลายความอ่อนล้าที่สะสมมาทั้งวัน
“แพท”
“หืม?” เสียงหวานครางตอบหลับในลำคอทั้งที่ใกล้ผล็อยหลับเต็มที
“เราไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
“..”
“แต่เราอยากให้คุณรู้ว่าเรารัก เรารักคุณที่สุดเท่าที่คนอย่างเราจะรักได้เลย”
“เราก็รักคุณ”
ความอุ่นจากริมฝีปากของอัลฟ่าหนุ่มประทับลงที่หน้าผากมนแทนคำบอกฝันดีที่เขามักจะมอบให้คนในอ้อมกอดอยู่เป็ประจำทุกคืน ไซม่อนไม่รู้จริง ๆ ว่าหลังจากนี้เขาและแพทริเซียนั้นจะเป็อย่างไร แต่เขาจะไม่ยอมให้เ้าของใบหน้าหวานที่กำลังหลับใหลอยู่ในอ้อมกอดของเขานั้นเป็อันตรายอย่างเด็ดขาด แม้แต่ปลายเล็บเขาไม่อาจจะให้ใครได้แตะต้องของรักที่เขาหวงแหนที่สุดในชีวิต
ถึงแม้จะต้องแลกกับอะไรก็ตาม
เสียงนกร้องในตอนเช้าปลุกให้อัลฟ่าหนุ่มที่หลับสนิทต้องตื่นขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ แต่สิ่งที่ทำให้เขาใที่สุดก็เป็เพราะคนในอ้อมกอดที่หายไปทั้งที่เขาไม่รู้ตัวนั่นแหละ คนตัวสูงเด้งตัวขึ้นมานั่งพร้อมกวาดสายตามองรอบห้องและไม่พบวี่แววของเ้าของบ้านอย่างแพทริเซีย แต่แผ่นกระดาษที่ถูกวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงก็ทำให้เขาต้องขมวดคิ้วและยกมันขึ้นมาอ่านเพื่อคลายความสงสัย
‘ไปซื้อของ อยากได้อะไรก็โทรมานะ ห้ามออกมาจากบ้านเด็ดขาด, แพทริเซีย’
แต่หลังจากที่เขาได้อ่านข้อความบนกระดาษและอาบน้ำจัดการตัวเองเสร็จ ไซม่อนก็นั่งเฝ้ารอคนที่ย้ำเตือนเขาผ่านตัวอักษรบนกระดาษนั้นด้วยความร้อนใจ ไม่ว่าจะผ่านไปหนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง จนสุดท้ายก็เข้าชั่วโมงที่สามแล้วที่แพทริเซียไม่ได้กลับมา เพราะอย่างนั้นจึงทำให้ไซม่อนรีบต่อสายตรงหาคนที่หายไปทันที
ตื๊ด.. ตื๊ด..
แต่เสียงรอสายดังขึ้นไม่นานนักก็ถูกแทนที่ด้วยความเงียบจากปลายสาย
“ฮัลโหล คุณอยู่ไหนแพท?”
“อยากรู้เหรอ?”
ไม่ใช่เสียงแพทริเซีย
“นั่นใคร”
“อะไรกันหลานรัก จำเสียงอาคนนี้ไม่ได้หรือไง?”
และเสียงที่เขาไม่อยากได้ยินที่สุดก็ดังออกมาจากปลายสาย ฝ่ามือใหญ่ที่ถือโทรศัพท์มือถือไว้กำเข้าหากันแน่นจนเริ่มสั่น
“เอาแพทริเซียคืนมา”
“อยากได้เหรอ?”
“..”
“ก็ตามมาสิ แต่ต้องแลกด้วยชีวิตของหลานนะ”
- Simon’s theory -