“ คุณหนูน่าจะลืมจริงๆนั่นแหละ เราใช้มุกิญญาในการใช้จ่ายสิบมุกเล็กแลกมุกหนึ่งใหญ่ และมุกิญญาหายากมาก พวกเราทั้งสองไม่มีปัญญาไปหาได้ถึงต้องยอมทนลำบาก พืชผักก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ปลูกในพื้นที่ พวกเราเคยปลูกแล้วจวนใหญ่ก็เก็บไปกินหมดเป็คุณหนูเองที่ให้เราเลิกปลูก”
“ ใช้เป็มุกิญญาหรือไม่เคยได้ยิน ไม่ใช่ว่ายุคโบราณใช้เป็ตำลึงหลอกหรือ ทำไมถึงกลายเป็มุกิญญาไปได้ล่ะ”
“ มุกิญญาไม่เพียงแต่ใช้จ่ายซื้อของแลกเปลี่ยน ยังสามารถเอามาเพิ่มพลังได้ด้วย ิญญาที่อยู่ในมุกสามารถให้คนที่มีพลังธาตุก้าวหน้าได้ไว เพราะเอามาสูบพลังิญญาเลยหายาก ขึ้นเรื่อยๆ”
“ อ้าว? แล้วแบบนี้เราจะไม่เจอมุกิญญา ที่มันไม่มีิญญาอยู่ข้างในแล้วหรือ ถ้ามันสามารถดูดพลัง ิญญาได้”
“ ถ้ามุกิญญาหมดสิ้นพลังแล้วมันจะกลายเป็แค่ก้อนหินสีขาว ก้อนหนึ่งเท่านั้นจะไม่ใช่มุกิญญาอีกต่อไปจึงไม่มีใครสามารถเอามาหลอกกันได้เ้าค่ะ”
เนตรดาวมองสำรวจ ข้าวของเด็กน้อยเผื่อจะมีของมีค่าพอจะเอาไปแลกเป็อาหารได้บ้าง แต่สิ่งที่พบมีแต่เสื้อผ้าเข่าขาดนอกนั้นไม่เจออะไรเลยจานชามก็มีแต่ของเก่าทั้งนั้น
“ เออ?พี่ซูลี ที่นี่อยู่ไกลจากตลาดไหม แล้วเรามีอะไรที่ไปแลกเปลี่ยนเป็มุกิญญาได้บ้างล่ะ”
“ ของที่พอจะเอาไปแลกมุกิญญาได้ ก็มีแต่สมุนไพรหรือจินตานของสัตว์อสูร ที่ได้ราคาตามระดับของมันที่พอจะเอาไปแลกได้เ้าค่ะ”
“ จินตานของสัตว์อสูร มันคืออะไรกัน แล้วเราจะหาสมุนไพรได้จากป่าที่ไหน หรือเป็ป่าที่พี่สาวทั้งสองไปเจอ เออ!ข้าล่ะ”
“ ป่าที่พวกเราไปเจอคุณหนู ไม่มีสัตว์อสูรและสมุนไพรที่สามารถขายได้เ้าค่ะ มันเป็ป่าธรรมดาที่ไม่มีพลัง ป่าที่มีพลัง ห่างจากที่นี่ไปประมาณสิบลี้ แต่มันอันตรายมากคนไม่มีพลังระดับสูงเข้าไปไม่ได้ ถ้าไม่อยากถูกสัตว์อสูรฆ่าตาย”ซูลี่ พูดพร้อมกับยกมือมาลูบแขนตัวเอง เพราะรู้สึกกลัวจนขนลุก
เนตรดาวหรือหม่าอี้เฉินจำเป็ ขอนอนพักก่อน นางรู้สึกเหนื่อยหลังจากเดินพูดคุยกับสาวใช้ทั้งสอง เลยเผลอหลับไปยาวนานถึงสองชั่วยาม(สี่ชั่วโมง)ตื่นมาก็เป็่บ่ายแล้ว และได้เวลาอาหาร
“ ทำไมอาหารถึงเป็แบบนี้ล่ะมีแต่น้ำต้มผัก เนื้อสักชิ้นก็ไม่มี แล้วข้าจะโตได้ยังไงกัน มีแต่น้ำผักอาหารไม่ครบห้าหมู่ ไม่มีเนื้อนมไข่ แถมให้กินวันละมื้อ ข้าไม่ต้องกลายเป็เด็กเล็กเตี้ยสมองไม่พัฒนาหรือแบบนี้”
สาวใช้ทั้งสองนั่งมองหน้าเด็กน้อยเพราะความสงสาร ถึงบางคำจะไม่เข้าใจที่พูด แต่ก็รู้ถึงความหมายที่เด็กน้อย้าจะสื่อ
เนตรดาวนั่งกินก้อนแป้งสีขาว ออกเหลืองที่แข็งฟันแทบหัก ยังไงเวลานี้ก็ต้องประทังความหิวไปก่อน“ ก้อนแป้งนี้น่าจะเก็บมาแล้วหลายวันถึงแข็งแบบนี้ แถมไม่มีรสชาติอะไรเลยจืดชืด เฮ้ยจะมีชีวิตรอดไปได้กี่วันกัน” เนตรดาวพูดพร้อมกับเอามือจับตรงหน้าอกตัวเองเบาๆ
“ เอ๊ะ! สร้อยคอยังอยู่ หรือจะนำไปขายดีเพื่อแลกกับมุกิญญา เผื่อจะได้ซื้ออาหารมากินได้ พอแข็งแรงแล้วค่อยไปออกหาสมุนไพรมาขาย”
“ พี่สาวทั้งสองข้ามีสร้อยคอทองคำอยู่สามารถเอาไปขายแลกเปลี่ยนเป็มุกิญญาได้ไหม” เนตรดาวถอดสร้อยคอทองคำที่มีจี้รูปดาวเอามาให้ทั้งสองคนดู
“ มันดูสวยงามมากเ้าค่ะ ต้องขายได้เป็แน่ มีร้านประจำที่พวกเราเคยเอาไปขายน่าจะรับซื้ออยู่”
“ หมายความว่าก่อนหน้านี้พวกเราก็เคยนำสมบัติมีค่าไปขายอย่างนั้นหรือ”
“ มีไม่กี่ชิ้นที่ติดตัวคุณหนูมา และของพวกข้าที่ได้รับรางวัลจากท่านยายผู้เฒ่ามาเ้าค่ะ พวกเราก็สงสารคุณหนูอดอยากจึงได้เอาไปขายและซื้อเป็เนื้อมาให้คุณหนูได้กินบ้าง”
“ ถ้าอย่างนั้นมีเสื้อผ้าชุดใหม่หรือไม่ เราเออ!ข้าอยากจะเดินออกไปดูร้านค้า และขายสร้อยคอทองคำเส้นนี้”
เสื้อผ้าที่ดีที่สุดก็คือชุดเก่าของพี่สาวที่ถูกโยนมาให้ สองสาวใช้พาหม่าอี้เฉิน หรือเนตรดาวออกประตูข้างหลัง ที่เป็ประตูทาสใช้ขนของเข้าออกจวน
“ ตลาดร้านค้าดูคึกคัก แล้วมุกิญญามีค่าขนาดนั้น ซื้อของทีหนึ่งแสดงว่าต้องซื้อเป็จำนวนเยอะใช่ไหม เพราะมุกมีมูลค่ามากแล้วแบบนี้ ถ้า้าซื้อเล็กน้อยจะซื้อได้ไหม”
“ ต้องซื้อทีเดียวเ้าค่ะถ้าเป็มุกใหญ่ยังพอมีมุกเล็กทอน แต่ถ้าเป็มุกเล็กไม่สามารถมีอะไรมาถอนได้”
ทั้งสามเข้ามาร้านขายเครื่องประดับ สาวใช้ทั้งสองที่มาขายบ่อยคุ้นเคยกับพนักงานต้อนรับเป็อย่างดี
“ โอ้! เป็สร้อยคอที่สวยมากแถมลวดลายยังไม่เคยเห็นมาก่อน ทองคำก็มีสีเหลืองสวย เดี๋ยวข้าเรียกเถ้าแก่เนี้ย มาประเมินราคาให้”
“ สร้อยคอเส้นนี้หนักถึงสองบาท ไหนจะจี้อีกดีนะที่ก่อนสวดมนต์ได้ถอดออกจากคอ ไว้วันข้างหน้าค่อยหาซื้อมาใหม่ ตอนนี้สิ่งที่มีค่าที่สุดคือชีวิตไม่ใช่เครื่องประดับ” เนตรดาวคิดให้ตัวเองสบายใจไว้จะได้ไม่เสียดาย
“ เป็สร้อยคอที่ไม่เคยเห็นมาก่อนแถมยังมีจี้ที่เป็รูปดาวที่สวยงาม น้ำหนักก็เยอะพอสมควร ข้าจะให้ราคาเ้า อย่างดีแถมลวดลายจะเอาไว้เป็แบบทำสร้อยคอเส้นอื่นด้วย” เถ้าแก่เนี้ยพูดแล้วชั่งน้ำหนักทอง
“ ขอให้เ้าสิบมุกิญญาใหญ่และห้ามุกิญญาเล็กก็แล้วกัน นี่ข้าให้ราคาสูงสุดแล้ว ไม่ใช่แค่ราคาทองคำและจี้แต่ข้าได้ให้เพิ่มสำหรับลวดลายด้วย”
อี้เฉินหันไปมองสาวใช้ทั้งสองว่าราคาเหมาะสมหรือไม่ ทั้งสองสาวพยักหน้าพร้อมกันนางจึงได้ตกลงขาย
ทั้งสามพากันออกมาจากร้านขายเครื่องประดับ เพราะต้องรีบออกไปหาซื้ออาหารกินกัน อี้เฉินรู้สึกหิวจนแสบไส้
“ คุณหนูได้มุกิญญามาเยอะขนาดนี้ ข้าว่าคุณหนูซื้อโอสถไปกินเพิ่มพลังสักหน่อยเถอะ ถึงจะไม่มีพลังธาตุเหมือนคนอื่นแต่มันก็ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น”
“ สิบมุกิญญาขนาดใหญ่นี่ถือว่าเยอะแล้วหรือ ถ้าซื้อโอสถกินแล้วมีแรง ข้าก็จะสามารถไปหาสมุนไพรในป่าได้ใช่หรือไม่” สาวใช้ทั้งสองพยักหน้าพร้อมกัน ยังไงก็้าคุณหนูกินแล้วนอนพักให้แข็งแรง ขึ้นมาเท่านั้นส่วนอย่างอื่นเอาไว้พูดทีหลัง
ทั้งสามเดินซื้อของกินตามร้านค้าในตลาด จึงทำให้อี้เฉินรู้ว่ามูลค่าของมุกิญญาอยู่ในระดับที่สูงมาก ขนาดหนึ่งมุกเล็กยังหิ้วกันแทบไม่ไหว
“ คุณหนูแวะซื้อชุดใหม่ใส่แทนชุดเก่าเถอะเ้าค่ะ ที่คุณใส่ตอนนี้ใหญ่จนดูรุ่มร่าม ไม่พอยังเก่าจนปะชุนหลายที่แล้ว”อี้เฉินเดินตามเข้าร้านขายเสื้อผ้าอย่างว่าง่าย
“ พี่สาวทั้งสองไม่ซื้อด้วยเหรอ ชุดที่ใส่อยู่ก็ดูเก่าเหมือนกัน ถึงแม้จะดูไม่สกปรกมากก็เถอะรอยปะชุนก็อยู่เต็ม ซื้อไปเถอะ”
สาวใช้ทั้งสองซื้อเป็ผ้าพับที่มีเนื้อผ้าปานกลางไปเท่านั้น เพื่อตัดเย็บเองเอาไว้ใส่ข้างใน ถ้าใส่เสื้อผ้าดีแบบนี้เดินอยู่ในจวนใหญ่เป็เื่แน่
“ ขอเป็ชุดสีเข้มที่เปื้อนยากอย่างสีเทาดำ หรือสีเขียวใบไม้ก็ได้” อี้เฉินได้เสื้อผ้ามาสามชุด และผ้าอีกหลายพับก็หมดหนึ่งมุกิญญาเล็ก
และแวะซื้อโอสถ บำรุงร่างกายอีกหนึ่งมุกิญญาใหญ่ได้มาหนึ่งขวดกระเบื้อง ก่อนจะพากันเดินหิ้วของพะรุงพะรังแอบเข้าทางประตูหลัง ซึ่งก็เป็เวลาเย็นมากแล้ว
“ ซื้อของตั้งเยอะแยะมากมายขนาดนี้ หมดแค่หนึ่งมุกใหญ่และสามมุกเล็กเท่านั้น มูลค่าของมันเยอะจริง ของกินและเสื้อผ้า หมดแค่สามมุกเล็กเป็โอสถที่แพงถึงหนึ่งมุกใหญ่ ถ้าใครเจ็บป่วยแล้วไม่มีมุกิญญาไปแลกนี่คงแย่แน่”
“ คุณหนูอาหารเรียบร้อยแล้วเ้าค่ะมากินเถอะ” ทั้งสามนั่งกินพร้อมกัน แต่ก็ไม่ได้นั่งใกล้กันมาก แม้จะเรียกให้มานั่งใกล้แต่ทั้งสองก็ปฏิเสธ
“ รสชาติก็ดูอร่อยดีหรือเป็เพราะว่าข้าหิวจนไส้กิ่วกันแน่ แล้วอาหารพวกนี้ที่ซื้อมาจะเอาเก็บไว้ที่ไหน มันจะไม่เสียหรือตู้เย็นก็ไม่มี อากาศก็ไม่ได้หนาวมาก”
“ เื่นั้นคุณหนูไม่ต้องเป็ห่วงเ้าค่ะ พวกเรามีวิธีเก็บรักษาไม่ให้มันเสีย คุณหนูทานอาหารแล้วอย่าลืมกินโอสถนะเ้าคะ”
อี้เฉินเทโอสถในขวดกระเบื้องสีขาวออกมาดู“ เหมือนกับยาลูกกลอนแต่เม็ดเล็กผิวเกลี้ยงเกลา กลิ่นก็หอมเย็นแค่ดมก็รู้สึกสดชื่นแล้ว ไม่ได้บอกว่าต้องกินกี่เม็ด เราก็ลืมนึกว่าจะมีเขียนไว้ข้างขวด รู้สึกเหนื่อยกินสักสองเม็ดก็แล้วกัน”
“ ใส่นี้ชุดนอนไม่ถนัดหรือว่าจะเปลี่ยนไปใส่ชุดนอนดี แต่ถ้าพรุ่งนี้เช้าสองคนนั้นมาเจอก็ต้องจับเราเปลี่ยนอีก”
“ เอ๊ะ! บนชุดนอนที่พับวางไว้ทำไมถึงมีหนังสือสวดมนต์วางอยู่ล่ะ หรือว่าหนังสือทะลุมิติตามมาทีหลัง เพราะตอนนั้นมือเราก็ยังจับหนังสืออยู่ น่าจะเป็ไปได้ดีเหมือนกัน จะได้เอาไว้สวดมนต์ก่อนนอน”
“ ข้างในมีบทสวดตั้งมากมาย และมีแต่ชื่อแปลกทั้งนั้นเราเองก็ท่องแต่บทแรก มีบทปราบิญญาร้าย ส่งิญญาไปเกิด ทำให้ิญญาสงบและทำให้ิญญาแข็งแรงขึ้น มีบทสวดมนต์แบบนี้ด้วยหรือ”
“ ยังมีติดหน้าปกสุดท้าย ฟังภาษาิญญาและสัตว์ิญญาได้ ต้องอ่านบทสุดท้ายก่อนแล้วค่อยไปอ่านข้างหน้า เผื่อจะฟังภาษานก หรือสัตว์คุยกันเวลาเข้าป่าไปหาสมุนไพร”
ฉี้เฉินตื่นขึ้นตอนเช้าเมื่อได้ยินเสียงฝนตก และหลังคาบ้านบางที่ก็รั่วสาวใช้ทั้งสองคนวิ่ง หาหม้อชามมาวางรับน้ำฝนที่หยดลงมา
“ พี่สาวทั้งสองคนลำบากไปก่อน ขอเวลาอีกไม่นานให้ร่างกายนี้แข็งแรงก่อน จะพาทั้งสองคนออกไปจากบ้านหลังนี้ หาที่อยู่ที่ปลอดภัยและสงบสุข”นางพูดกับตัวเองพร้อมเอาขึ้นตำรามาอ่าน
ฝนตกทุกวัน อี้เฉินนอกจากอ่านหนังสือสวดมนต์แล้วก็ไม่มีอะไรทำ แต่นางก็สังเกตว่าั้แ่กินโอสถ ทำให้สามารถจำบทสวดได้ไวขึ้นหลายเท่าตั วถ้าเทียบกับก่อนหน้านี้
สาวใช้ทั้งสองคน ได้ขนผ้าพับที่ซื้อมาออกมาตัดเย็บชุดและ กระเป๋าสะพายหรือถุงย่ามที่อี้เฉินอยากได้สองใบ
เช้าของวันที่สิบห้าที่ฝนหยุดตกแล้วและมีแสงอาทิตย์ ที่ส่องสว่างสดใสั้แ่เช้า อี้เฉินออกมาเดินอยู่หน้าบ้าน ตอนนี้สาวใช้ทั้งสองคนได้ขนเอาถังน้ำและขัน ที่ใช้รองน้ำฝนจากหลังคาออกมาเก็บ
“ วันนี้อากาศสดชื่นพวกเราพากันบินไปป่าใหญ่กันเถอะ สมุนไพรใกล้ถ้ำใหญ่น่าจะโตแล้ว พวกเราจะได้เอามากินเสริมพลังิญญากัน” นกสองตัวบินออกไปจากต้นไม้ใหญ่ ที่มันอาศัยหลบฝนกันตอนมาเที่ยวในเมืองกลับป่าใหญ่ไม่ทัน
เสียงเล็กแหลมที่คุยกันดังขึ้น ทำให้อี้เฉินมองหาเ้าของเสียง ไม่เจอแต่มีสองตัวที่บินออกจากต้นไม้ไป
“ หูเราไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม นกสองตัวคุยกันแล้วบินออกไป หรือว่ามันเป็นกที่มีพลังิญญา หลังจากเราได้ท่อง มนต์คาถาบทสุดท้ายได้จนขึ้นใจแล้ว จึงสามารถฟังพวกมันได้”
“ วันนี้ฝนหยุดตกแล้วหรือว่าเราจะลองไปที่ป่ามีพลัง ห่างจากนี่ไปสิบลี้ น่าจะเดินไปกลับไหวอยู่นะ ไปถามทั้งสองสองคนดูดีกว่า”
“ ไปไม่ได้นะเ้าคะมันอันตราย ทางก็ไกลเดินไปถึงสิบลี้ ถึงคุณหนูจะดูแข็งแรงขึ้นแต่ยังเทียบไม่ได้กับคนที่มี พลังแข็งแกร่งนะเ้าค่ะ”